/ รักโบราณ / เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว / ๑๗ ชายงามที่ใจใช่ใบหน้า

공유

๑๗ ชายงามที่ใจใช่ใบหน้า

last update 최신 업데이트: 2025-05-26 15:38:29

๑๗

ชายงามที่ใจใช่ใบหน้า

         

ลี่จู…

มื้อค่ำวันนี้พรรคมารกุยหานใช้ห้องโถงใหญ่รับรองแขก โต๊ะอาหารทรงเตี้ยแยกเดี่ยว

โต๊ะตรงกลางซึ่งมีความสูงต่างกันสองระดับเป็นโต๊ะของหัวหน้าพรรคมารกุยหานที่ตอนนี้เว้นว่างเอาไว้เนื่องจากมีภารกิจต่างเมือง

ฝั่งซ้ายของโต๊ะประธานเป็นองค์ชายหย่งเหิง หลางยีและเฟิ่งหงซี ส่วนข้านั่งอยู่ฝั่งขวาของโต๊ะประธาน โดยโต๊ะแรกเป็นของกุยฮั่น ข้าและม่านหนิง

อาหารบนโต๊ะมีหลากหลายผลไม้คาวหวาน ด้วยความที่แยกโต๊ะนั่ง อาหารจึงแตกต่างกันตามความชอบของแขก อย่างโต๊ะข้าจะเน้นหนักไปที่เมนูของหวานและน้ำชา ส่วนโต๊ะของหนุ่ม ๆ ก็จะเน้นสุราและของแกล้ม

บุรุษทั้งหลายพูดคุยกันเรื่องราวความเป็นไปของยุทธภพ อย่างเช่นพรรคใดยุบพรรคใดเข้าด้วยกันบ้าง หรือพรรคใดร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์บ้าง

ข้าฟังพวกเขาอย่างเงียบ ๆ แต่เก็บทุกเม็ด ไม่สบสายตากับใครนอกจากหลุบมองไปที่ของหวาน

ขนมหวานรูปลักษณ์ดอกไม้รสชาติหอมหวานละมุนลิ้น เพราะสีสันรูปร่างต่างชนิดกันจึงรู้สึกสนุกในการเลือกชิม บางชิ้นก็งดงามเสียจนข้าไม่กล้าทาน

“อาชิ่งเอาชิ้นใด”

ข้ายกกล่องขนมที่แกะสลักด้วยลวดลายงดงามขึ้นแล้วเอี้ยวตัวหันไปถามสาวใช้คนสนิทที่นั่งอยู่ด้านหลัง

คนสนิทของเจ้านายมักจะได้รับการดูแลที่ดีเมื่อยามไปเยือนต่างถิ่น ฉะนั้นอาชิ่งรวมถึงคนสนิทของทุกคนจึงนั่งอยู่ด้านหลังเจ้านาย เว้นม่านหนิงผู้เดียวที่นั่งถัดจากข้า

“เหลียนฮวาเจ้าค่ะ”

อาชิ่งมองขนมด้วยสายตาแวววาว นางแลบลิ้นเลียริมฝีปากซึ่งมีเศษขนมชิ้นก่อนหน้าติดอยู่

ข้ายิ้มให้นางด้วยความเอ็นดู โดยปกติข้าไม่ใช่สตรียิ้มเก่ง แต่ด้วยดวงตาที่กลมโต ใบหน้าจึงไม่ได้ดุเท่าที่ควร

 “ลี่กูเหนียงดูแลสาวใช้ดียิ่งนัก นี่เป็นการแสดงออกถึงความเป็นแม่พระหรือไม่”

ม่านหนิงวางจอกสุราลงก่อนจะเอ่ยถามข้าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ข้าตวัดสายตาไปมองนาง ใบหน้าเรียบเฉยไม่มีรอยยิ้มเช่นก่อนหน้านี้

“ทำเท่านี้ก็เป็นแม่พระแล้วหรือ”

เอ่ยเพียงเท่านั้นข้าก็หันมาให้ความสนใจอาหาร ไม่ได้แสดงความคับข้องหมองใจต่อคำถามของนางแต่อย่างใด

“ลี่กูเหนียงคงทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติเลยกระมัง น่าดีใจแทน…”

“อาชิ่ง”

“อ้อ น่าดีใจแทนอาชิ่งยิ่งนัก”

เมื่อข้าเอ่ยนามสาวใช้คนสนิท ม่านหนิงจึงต่อประโยคให้จบ พร้อมทั้งยกจอกสุราขึ้นสูง คล้ายเป็นการขอชนแก้วด้วย ข้าจึงยกจอกชาขึ้นพร้อมทำท่าทางชนแก้วกับนางอย่างให้เกียรติ

“ข้าคารวะลี่กูเหนียงหนึ่งจอก”

เสียงทางด้านซ้ายมือดังขึ้น ข้าจึงได้รินชาใส่จอกตนเองพร้อมยกจอกชาขึ้นแล้วทำท่าชนกับกุยฮั่นเป็นการให้เกียรติเขา

“เช่นกันเจ้าค่ะ”

ยังดีที่กานี้ไม่ใช่สุรา มิเช่นนั้นข้าคงได้เมามายไปแล้ว

เพราะหลังจากที่ข้าคารวะกุยฮั่นหนึ่งจอก หลางยี เฟิ่งหงซีก็ขอคารวะข้าอีกจอกเช่นกัน

จนเมื่อผ่านไปได้สักพักแล้ว กุยฮั่นก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเอ่ย

“งานเลี้ยงในวันนี้แม้จะขาดประธานไป แต่อย่างไรก็ต้องให้ครบองค์ เด็ก ๆ…”

เขาปรบมือสองครั้ง นางรำรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นกว่าสิบคนก็เข้ามาทำการแสดงสร้างความครื้นเครงให้กับผู้คนในห้องโถง อาหารพร้อม เครื่องดื่มพร้อม

ย่อมไม่อาจขาดความบรรเทิง!

“นางรำคณะนี้มีชื่อเสียงมากที่สุดในหมู่บ้านกุยฮั่น หวังว่าจะสร้างความสำราญให้ทุกท่านได้”

กุยฮั่นทำหน้าที่เจ้าบ้านได้ดีทีเดียว เพราะประมุขพรรคไม่อยู่ ห้องโถงในวันนี้จึงเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาว

“ดี!”

องค์ชายหย่งเหิงปรบมือดีใจอย่างออกนอกหน้า

ช่างไม่รู้สึกผิดเอาเสียเลย

เสียงดนตรีบรรเลงจังหวะสนุกสนาน กระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัว ข้าจับจ้องนางรำทุกคนที่ระบำตามจังหวะเพลงไปพลางส่งสายตาเชื้อเชิญหนุ่มหล่อทั้งหลายไป

คนที่ดูเพลิดเพลินกับนางรำเหล่านี้มากที่สุดไม่พ้นเป็นองค์ชายหย่งเหิง

ก็ไม่รู้ว่าเขาโบกปูนไว้ที่หน้ากี่ชั้น สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าบ้านแล้วยังรับน้ำใจจากเจ้าบ้านด้วยความเต็มใจ

“พวกนางดูสำราญกว่าแขกเสียอีก”

ข้ามองไปยังต้นเสียงก็เห็นว่าม่านหนิงกอดอกแน่น สีหน้าฉายชัดถึงความไม่ชอบใจ

ข้าหลุดหัวเราะเบา ๆ เมื่อหันไปมองอาชิ่งก็เห็นว่านางแสดงสีหน้าไม่ต่างกันเลย

“จะต้องเป็นชายงามหรืออย่างไร ม่านหนิงกูเหนียงถึงจะพอใจ”

ข้าเย้าหยอกม่านหนิงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยกจอกชาขึ้นจิบ อารมณ์ของข้าในตอนนี้ไม่เลว แววตาจึงแวววาวตามความรู้สึก

“อะ!”

ทว่าในเวลาต่อมาก็รู้สึกได้ว่าตรงหัวไหล่โดนบางอย่างกระทบ

เมื่อจับทิศทางต้นทางได้แล้วข้าก็เลิกคิ้วมองหลางยีมือบีบเม็ดถั่วที่เขาขว้างมาโดนเมื่อครู่เละคามือ

เพราะเสียงดนตรีดัง ข้าจึงไม่ได้ยินเสียงของเขา ทว่ายังสามารถอ่านปากของเขาออกว่าคือคำว่า…

‘อยู่นี่’

ข้ามุ่นคิ้วใส่เขาเพราะไม่เข้าใจว่าอันใดคืออยู่นี่ แต่เขาก็พูดประโยคเดิมอีกครั้ง ข้าขบคิดเพียงครู่ก่อนจะส่ายหน้าเพราะไม่เข้าใจว่าเขาอยากสื่ออันใดกันแน่

“อะไรของท่าน!”

ทว่าตอนที่ข้าเอ่ยประโยคนี้ออกมาเป็นจังหวะที่เสียงดนตรีหยุดลงพอดี ทั้งนางรำและแขกจึงมองมาที่ข้าเป็นตาเดียว

หลางยียกยิ้มแล้วเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

“ก็เจ้าบอกว่าต้องเป็นชายงามถึงจะถูกใจมิใช่หรือ ก็อยู่นี่อย่างไรเล่า!” นิ้วชี้ยาวชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเป็นการย้ำ

ข้ากลอกตาใส่เขาอย่างหลุดการควบคุม หน้าตาดุดันอย่างกับพี่ว้ากเช่นนี้ยังกล้าเรียกตนเองว่า

‘ชายงาม’

(จบลี่จู)

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว   ตอนพิเศษที่ 10 (จบบริบูรณ์)

    ๑๐เจ้าไม่ได้สิ้นรักข้า “ฮูหยิน เจ้าไม่ได้สิ้นรักข้า!”นี่คือประโยคแรกที่ข้ากล่าวหลังจากที่ถลันกายเข้าไปในห้องนอนรอยยิ้มบนใบหน้าข้าหายไปทันทีเมื่อเห็นสภาพนางที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียง พอเห็นหน้าข้านางก็รีบหันหน้าไปทางอื่น ยกมือขึ้นปาดน้ำตาความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อครู่หายไปแทนที่ด้วยความเจ็บปวด เหตุใดนางจึงร้องไห้น้ำตาอาบหน้าเช่นนี้“ฮูหยิน…”อาชิ่งรู้งานรีบเดินออกไปจากเรือนนอนปล่อยให้เราสองคนอยู่ในห้องด้วยกันเพียงลำพัง“ฟูจวินอยู่ตรงนั้นเจ้าค่ะ ไม่ต้องเข้ามา”ข้าชะงักเท้าตามที่นางสั่ง แม้จะทราบว่านางเป็นเช่นนี้เพราะกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่ข้าก็ไม่อาจห้ามความเศร้าที่กอบกุมจิตใจได้“ฮูหยินร้องไห้ด้วยเหตุใด บอกฟูจวินได้หรือไม่”“ไม่บอกเจ้าค่ะ อยากร้องไห้ต้องมีสาเหตุด้วยหรือ” ปลายเสียงนางสะบัดแต่สะอื้นฮัก ๆ เพราะร้องไห้เห็นร่างบางที่หันหลังใส่ตัวสั่นเช่นนี้ข้าก็ไม่สนใจสิ่งใดแล้ว เดินไปนั่งด้านหลังนางแล้วสวมกอดร่างบางเอาไว้จากด้านหลัง“ฮูหยิน อยากร้องก็ร้อง แต่อย่าห้ามฟูจวินให้กอดเจ้าเลย ในเวลานี้เจ้าไม่ควรให้ตัวเองอยู่คนเดียว”นางเห็นหน้าข้าแล้วอาจหงุดหงิด แต่ทำแบบนี้ย่อมดีเสียกว่าทิ้ง

  • เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว   ตอนพิเศษที่ 9

    ๙เบื่อหน้าเขานัก บุตรสาวข้าเลี้ยงง่ายยิ่งนัก! ท่านพ่อของข้ากล่าวว่าตอนเด็กนางเหมือนข้าไม่มีผิด เวลาใครอุ้มก็จะมองหน้าคนนั้น มองนิ่ง ๆ ด้วยสายตาสำรวจ นอกจากครั้งแรกที่ร้องไฮ้ตอนเป็นทารกแล้ว ข้าก็ไม่ได้ร้องไห้อีก หลางลู่หลินก็เช่นกัน! สิ่งนี้ทำให้ข้าเริ่มสงสัยว่านางเป็นแบบข้าหรือไม่ มีความทรงจำของชาติภพปัจจุบันติดมาด้วยหรือเปล่า มีวันหนึ่งข้าลองทดสอบดู พูดเป็นภาษาอังกฤษภาษาสากล แต่นางเพียงมองหน้าข้าด้วยสายตาว่างเปล่า ชัดเจนว่าไม่เข้าใจ คิดได้สองแง่ หนึ่งนางแค่ไม่ชอบร้องไฮ้ มีความเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่เกิด สองนางอาจมากันคนละยุคกับข้า การทดสอบของข้าดำเนินการมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งนางอายุเข้าสามหนาวข้าก็หยุดทดสอบ คิดได้ว่า… ไม่ว่าใครจะมาเกิดนางก็ตาม อย่างไรนางก็คือบุตรสาวของข้า ใช้ชีวิตเป็นมารดาของหลางลู่หลินโดยไม่ตั้งคำถามกับตนเองในใจอีก เข้าปีที่สามของการใช้ชีวิตเป็นมารดา ปีนี้ลู่หลินพูดได้เยอะขึ้น วิ่งเล่นได้เร็วขึ้น ดูสดใสตามวัยโดยเฉพาะยามที่ได้เล่นกับบิดาและน้าชาย กอปรกับข้าตั้งครรภ์อ่อน ๆ หน

  • เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว   ตอนพิเศษที่ 8

    ๘ผู้ซึ่งสมหวังที่สุดข้าเรียนรู้วิธีการกรี๊ดแล้ว!“กรี๊ด~เจ็บ!”ที่ผ่านมาข้าคิดว่าตนเองกรี๊ดไม่เป็นจนกระทั่งวันนี้ เจ้าตัวน้อยของแม่มอบบทเรียนให้กันตั้งแต่วันแรกที่กำลังลืมตาดูโลกเลย “ฮูหยิน เบ่งเจ้าค่ะ…อื้อ~” “อื้อ~”ข้าออกแรงเบ่งพร้อมเปล่งเสียงตามท่านหมอหญิง แต่เจ้าตัวน้อยของข้าก็ไม่ยอมออกเสียที“เบ่งอีกเจ้าค่ะฮูหยินน้อย เอาให้สุดแรงครั้งนี้ออกแน่เจ้าค่ะ”อีกครั้งเดียวแน่หรือ!“ฮูหยินน้อย อาชิ่งช่วยเบ่งเจ้าค่ะ”สาวใช้คนสนิทใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้ข้า น้ำเสียงสั่นเครือบ่งบอกสภาพจิตใจในตอนนี้“เอาล่ะเจ้าค่ะ เบ่งเจ้าค่ะ”“อีกทีใช่หรือไม่…อื้อ~” ข้าพยายามเบ่งอีกครั้ง แต่ผลก็เหมือนเดิมคือยังไม่ออกมีหลายเสียงบอกว่าข้าจะได้บุตรชาย แต่ก็มีหลายเสียงบอกว่าข้าจะได้บุตรสาวสุดท้ายข้าเลือกเชื่อว่าเป็นบุตรสาวเพราะสามีกระซิบกับท้องข้าเบา ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาสเช่น…‘พ่อไปเรียนทำผมมาแล้ว จะถักเปียให้เจ้าทุกวันดีหรือไม่ลูกสาว’ไม่ก็กล่าวกับอาไท่ว่า…‘ทำชิงช้าน้อยใต้ต้นไม้ให้บุตรสาวข้าหน่อย’เป็นเช่นนี้ตลอด! นานวันเข้าข้าก็คาดหวังว่าตัวเองจะได้บุตรสาวเช่นเดียวกับฟูจวิน“ท่านหมอ ไม่ออก…ฮึก”เมื่อค

  • เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว   ตอนพิเศษที่ 7

    ๗นางอาจจะมาแล้ว“เกิดอันใดขึ้นกับนาง!”“ฮูหยินเป็นลมขอรับ”ข้าบีบมือตนเองแน่น ต่อให้นางจะเป็นลมข้าก็ไม่วางใจ ถามเขาถึงสถานที่ที่นางอยู่่ในตอนนี้“ฮูหยินอยู่ที่ใด”“เรือนนอนขอรับ”เมื่อทราบสถานที่ที่นางอยู่แล้วข้าก็ไม่รีรอ ใช้พลังภายในที่มีทั้งหมดเร่งความเร็วมาที่เรือนหอ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้องนอนที่ได้ยินเสียงสนทนาของหลางผิงและท่านหมอประจำจวนข้าถลันกายเข้าในด้านในโดยไม่สนหน้าใครทั้งสิ้น“ฮูหยิน!”ใบหน้านางซีดมากจนข้าหายใจไม่ออก มารู้ว่าตนมือสั่นก็ตอนที่เอื้อมมือไปจับมือบาง“ฟูจวิน ใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ ทำใจดี ๆ”ทำใจดี ๆ เช่นนั้นหรือ กล่าวเช่นนี้แล้วข้าจะยังใจเย็นได้ไหวหรือ นางเป็นอันใดถึงต้องกล่าวให้ข้าทำใจดี ๆ“ฮะ ฮูหยิน พูดแบบนี้ข้าใจไม่ดีเลย”ข้าเริ่มกล่าวเสียงตะกุกตะกักแล้ว ในตอนนั้นเองที่หมอประจำจวนเรียกความสนใจจากข้า“ท่านประมุขน้อย ฮูหยินไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายขอรับ แต่เป็นข่าวดี”ข่าวดี!“บอกเขาเถิดเจ้าค่ะท่านหมอ”เสี่ยวกูกู่เอ่ยขึ้น แววตาของนางฉายความขบขันจนข้าวางใจว่าภรรยาไม่ได้ป่วยเป็นอันใดจริง ๆ“ยินดีกับท่านประมุขน้อยด้วยขอรับ ฮูหยินตั้งครรภ์แล้วขอรับ”ตะ ตั้งครรภ์หรือ!“ฮูห

  • เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว   ตอนพิเศษที่ 7

    ๖ฮูหยินเป็นอันใดลี่จู…กลับไปเยี่ยมบ้านเจ้าสาวครั้งนี้ข้ารู้สึกเบาใจขึ้นกว่าเดิมโดยไม่แน่ใจถึงสาเหตุหรือเป็นเพราะเห็นทุกคนต่างพยายามปรับตัวเข้าหากันรวมถึงปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ข้าจึงเบาใจว่าจะไม่มีปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัวหลังกลับจากพรรคมารป๋ายหลงเมื่อวาน ข้าคิดจะนอนหลับพักผ่อน แต่ไม่วายโดนฟูจวินลากไปห้องหนังสือให้ช่วยฝนหมึกให้ในตอนนั้นเองที่ข้าทราบว่าเขาไม่ได้ต้องการคนฝนหมึก เขาแค่อยากให้ข้านั่งอยู่ใกล้ ๆช่วงค่ำพวกเราทานอาหารกับประมุขเฮยหลางที่ข้าเปลี่ยนมาเรียกท่านพ่อแล้วท่านพ่อกล่าวว่าพอได้ทานอาหารร่วมกันสามคน ความรู้สึกของการเป็นครอบครัวกลับมาอีกครั้ง สีหน้าแช่มชื่นของท่านเป็นตัวแสดงความสุขได้อย่างชัดเจนเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน…ข้าปรับตัวกับที่นี่ได้แล้ว!ฟูจวินทราบว่าข้าชอบดอกไม้จึงลงมือปลูกดอกไม้ให้ข้าด้วยตนเองดอกไม้ที่ลงมือปลูกโดยเขาแม้จะไม่งามเท่าคนสวนปลูก แต่ข้าเห็นถึงความตั้งใจนั้นและรักเขาเพิ่มอีกนิดหนึ่งวันหนึ่งข้ากำลังนั่งเย็บรองเท้าคู่ใหม่ให้ฟูจวินกับอาชิ่ง สาวใช้ประจำพรรคก็เดินเข้ามาในศาลา“ฮูหยินน้อยเจ้าคะ”ข้าพยักหน้าให้นางรายงานได้“หลางผิงกูเหนียงมา ใ

  • เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว   ตอนพิเศษที่ 5

    ๕ต่างคนต่างตามใจกันข้าจำคำพูดที่ฟูจวินกล่าวไว้วันแต่งงานได้ เขาบอกว่าสาบานเป็นพี่น้องกับลี่หลานแล้วตอนนั้นข้ารู้สึกทะแม่ง คิดอยู่นานว่าลี่หลานหรือจะยอมญาติดีกับเขาโดยง่ายแล้ววันนี้ข้อสงสัยของข้าก็ได้รับการพิสูจน์!ลี่หลานยังคงมองฟูจวินเป็นศัตรูที่แย่งความรักกับพี่สาวเขาไม่เสื่อมคลาย เพียงแต่ไม่มีสิทธิ์ห้ามฟูจวินเข้าใกล้ข้าอย่างกาลก่อน“...เจี่ยเจีย อาเตียนั่งรอที่โต๊ะอาหารแล้วขอรับ”ลี่หลานผายมือเชิญข้าไปยังห้องรับประทานอาหารในเรือนรับแขก เขาชายตามองฟูจวินเพียงครู่เท่านั้นก็ตวัดสายตามามองข้าไม่มองฟูจวินอีกเลย!“เชิญเจี่ยเจียอย่างเดียวหรือ ไม่เชิญเจี่ยฟุหรือ”ฟูจวินถามลี่หลานยิ้ม ๆ ก่อนที่จะยื่นมือมาสอดเอวข้าแล้วดึงเข้าใกล้กว่าเดิมลี่หลานแสดงท่าทางหวงผ่านแววตา ไม่ได้แสดงท่าทางต่อต้านเป็นเด็ก ๆ เช่นเคยเห็นเขาควบคุมตัวเองได้ดีแบบนี้ข้าก็ดีใจ!“เชิญเจี่ยฟุทางนี้”ข้าส่งยิ้มให้ลี่หลานทันทีเมื่อเขาเรียกฟูจวินเช่นนี้คำกล่าวเมื่อครู่ลี่หลานย่อมฝืนใจ แต่เมื่อเห็นข้าส่งยิ้มดีใจให้ ที่กล่าวไปเมื่อครู่ก็ไม่ดูฝืนอีกต่อไป“ไปทานข้าวกันขอรับเจี่ยเจี่ย เจี่ยฟุ”“ไป”ถือเป็นก้าวที่ดี ลี่หลานรั

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status