ณ.ร้านพรีเวดดิ้ง วันนี้ศศิณีให้ศิวัฒน์ไปรับฉัตรนลินทร์เพื่อไปลองชุดแต่งงานที่เธอเคยแวะไปวัดตัวทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ แต่ฉัตรนลินทร์กลับปฏิเสธโดยอ้างว่าเธอมีธุระต่อหลังจากลองชุด เธอจึงขอเอารถไปเอง
สาเหตุจริง ๆ ที่ฉัตรนลินทร์ปฏิเสธเพราะเธอโดนเขาทิ้งไว้กลางทางสองครั้งแล้ว แต่เธอไม่เคยบอกให้ศศิณีรู้ ซึ่งครั้งล่าสุดคือวันที่เธอมาวัดตัวนี่แหละ เธอจึงเข็ดหลาบไม่กล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงกับผู้ชายคนนี้อีก
“เชิญค่ะ” พนักงานสาวเดินเข้ามาต้อนรับเธอทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปในร้าน “มาลองชุดใช่มั้ยคะ”
“ใช่ค่ะ”
“นั่งรอสักครู่นะคะ แล้วเอ่อ...” พนักงานชะเง้อคอมองออกไปนอกร้าน “เจ้าบ่าวล่ะคะ”
“อ๋อ กำลังตามมาค่ะ พอดีมากันคนละคัน”
“โห...พี่ไตร”
หญิงสาวคนหนึ่งอุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจ แต่ชื่อที่เธอเรียกทำให้ฉัตรนลินทร์เงยหน้าขึ้นจากนิตยสารในมือ บุคคลที่เห็นทำเธอต้องขมวดคิ้ว ผู้ชายคนนี้ไม่คิดที่จะไว้หน้าของเธอเลยจริง ๆ แต่เธอก็เข้าใจอะไรได้ไม่ยากเพราะแน่นอนว่าเขาคงจะเกลียดเธอ คิดได้ดังนั้นฉัตรนลินทร์ก็ก้มลงไปดูนิตยสารในมือต่อ
“ขอเกลลองได้มั้ยคะ”
“ได้สิ”
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าสนใจเป็นเซ็ตไหนคะ” พนักงานสาวอีกคนเข้าไปต้อนรับพวกเขาทั้งสอง
“ขอฉันดูก่อนนะ”
“ชุดเจ้าสาวเชิญทางนี้ค่ะ”
“ค่ะ” เกวลินเดินตามพนักงานสาวไป ทิ้งให้ศิวัฒน์ยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว
เขาเห็นฉัตรนลินทร์ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในร้านแล้ว แต่ก็รู้สึกเจ็บใจที่เธอไม่ได้มีท่าทีอะไร ตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาคิดว่าเธอจะลุกขึ้นมาโวยวายใส่เขาซะอีก แต่ผิดคาดเธอไม่สนใจพวกเขาด้วยซ้ำ
‘ก็ดี ต่อไปก็อย่ามาสนใจให้มันตลอดละกัน เพราะฉันจะทำกับเธอยิ่งกว่านี้ นี่มันแค่เริ่มต้น’
เมื่อเห็นว่าตอนนี้ไม่ว่าเขาจะพูดหรือหว่านล้อมอะไร ฉัตรนลิทร์ก็ไม่ให้ความร่วมมือกับเขาสักอย่าง
“มองไม่เห็นฉันหรือไง”
“...” ฉัตรนลินทร์เงยมองหน้าชายหนุ่มที่กำลังยืนเรียกร้องให้เธอสนใจ เพียงเท่านั้นเธอก็ก้มลงไปต่อ
“เธออย่ามากวนประสาทฉันนะ”
“ยังไงคะ” ฉัตรนลินทร์เงยหน้ามองเขาอีกครั้ง
“ฉันพาแฟนมาขนาดนี้ เธอยังนั่งหน้าทนอยู่ได้ ไม่รู้สึกอายบ้างเหรอ”
“อาย? ทำไมคะ”
“นั่นตัวจริง” เขาชี้ไปทางเกวลิน
“แล้วไงคะ ฉันก็ไม่ได้เป็นตัวสำรองของใครสักหน่อย”
เพราะเธอก็ผ่านผู้คนมาหลากหลายรูปแบบ เธอไม่ใช่คนที่ยอมคนซะทีเดียว แต่เรื่องไหนที่พูดไปแล้วไม่มีประโยชน์เธอก็เลือกที่จะเงียบ แต่สำหรับบางเรื่องเธอก็เลือกที่จะโต้ตอบเพื่อให้คนที่เอาแต่สาดคำพูดบ้า ๆ ใส่เธอได้รู้สึกตัวบ้าง
“นี่เธอ”
เขาเดินเข้าไปกระชากแขนฉัตรนลินทร์จนนิตยสารในมือร่วงหล่นลงไป ทำให้พนักงานที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็พากันหันมองคนทั้งสอง
“ช่วยปล่อยฉันด้วยค่ะ”
“ฉันก็ไม่อยากจับนักหรอก” เขากัดฟันพูด
“เกิดอะไรขึ้นคะ” เสียงของหญิงสาวที่เอาแต่ตื่นเต้นกับชุดแต่งงานเมื่อเธอออกมาเห็นศิวัฒน์กำลังจับแขนหญิงสาวคนหนึ่ง
“ไม่มีอะไรหรอก” ศิวัฒน์รีบปล่อยมือทันที
“เธอเองหรอกเหรอ” เมื่อเห็นหน้าของฉัตรนลินทร์ชัด ๆ เธอรู้ได้ในทันที ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่กำลังจะแต่งงานกับแฟนของเธอ เพราะตอนที่เพิ่งรู้ว่าศิวัฒน์โดนจับแต่งงาน เกวลินก็แอบไปสืบข้อมูลของฉัตรนลินทร์ตามสื่อโซเชียลต่าง ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกัน
“...” ฉัตรนลินทร์เสมองไปทางอื่นเธอไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนพวกนี้
“หึ...คิดจะอ่อยพี่ไตรเหรอ”
“...”
“พูดสิ! คิดจะแย่งพี่ไตรไปจากฉันอย่างนั้นเหรอ” เธอแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“เกลเบา ๆ” ศิวัฒน์สะกิด เพราะคนในร้านกำลังหันมองพวกเขาเป็นตาเดียว
“ไม่ค่ะ เกลจะประกาศไปให้ทั่วเลย ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังแย่งสามีชาวบ้าน หน้าที่การงานก็ดี แต่ไม่มียางอาย” ไม่ใช่แค่ไม่หยุด แต่เธอยังเร่งเสียงของตัวเองให้ดังขึ้นอีก
“ขอโทษนะคะ” ฉัตรนลินทร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้เกลลินจะใส่ส้นสูง แต่ความสูง 170 เซนติเมตรของเธอก็สามารถข่มเกวลินได้อยู่บ้าง เธอเผชิญหน้ากับเกวลินก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่สามคน “คุณไม่อาย ก็ช่วยรักษาหน้าแฟนคุณหน่อยนะคะ นามสกุลของเขาไม่ได้ธรรมดาเหมือนนามสกุลบ้าน ๆ ของพวกเรา”
ความหมายของฉัตรนลินทร์คือตระกูลของศิวัฒน์เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง การที่เกวลินมาโหวกเหวกโวยวานแบบนี้อาจจะมีข่าวซุบซิบนินทาออกไปได้
“...” ศิวัฒน์หันมองฉัตรนลินทร์ไม่รู้ทำไมเขาถึงแอบเห็นด้วยกับเธอ เพราะเหตุการณ์ประมาณนี้เขาก็เจอมาหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งเกวลินมักโวยวายแบบนี้ใส่ผู้หญิงที่เข้าหาเขาอยู่เสมอ
“หึ...อย่ามาทำตัวเป็นผู้ดี ทั้ง ๆ ที่เป็นพวกชอบขโมย”
“...” ฉัตรนลินทร์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะเธอมั่นใจว่าเธอพูดไปชัดเจนแล้วว่าเธอไม่ได้อยากมีเรื่อง เว้นเสียแต่หญิงสาวตรงหน้าไม่เข้าใจ
“คุณฉัตร คุณฉัตรคะ”
“คะ” เธอหันไปมองพลางขานรับพนักงานสาว
“เชิญทางนี้ค่ะ”
“ค่ะ” เธอเดินแทรกระหว่างคนทั้งสองไปราวกับว่าพวกเขาเป็นอากาศ
เกวลินได้แต่กำหมัดแน่น เธอรู้สึกหมั่นไส้ท่าทางหยิ่ง ๆ ของฉัตรนลินทร์เหลือเกิน
“พี่ไตรว่าชุดนี้สวยหรือเปล่า” เกวลินทำเสียงออดอ้อนพลางเอาชุดมาทาบไปบนตัวแล้วหมุนอีกหนึ่งรอบ ตอนนี้เธออยากหักหน้าและเอาชนะฉัตรนลินทร์
“สวยครับ เกลใส่อะไรก็สวยทั้งนั้น” ศิวัฒน์เอ่ยชม
“งื้อ...ปากหวานจัง กลับไปเกลมีรางวัลให้นะ” เธอทำเป็นพูดเสียงดังให้ฉัตรนลินทร์ได้ยิน
“ครับ”
ถามว่าฉัตรนลินทร์สนใจมั้ย ไม่เลยเธอไม่ชายตามองคนทั้งคู่ด้วยซ้ำ
“ห้องเปลี่ยนชุดอยู่ทางนั้นค่ะ”
“ค่ะ” ฉัตรนลินทร์รับชุดแล้วเดินไปทางห้องที่พนักงานแนะนำ
“หลีกไปดิ” อยู่ ๆ หญิงสาวก็เดินมากระแทกไหล่ของฉัตรนลินทร์ แล้วเธอก็แย่งเข้าห้องนั้นไป ฉัตรนลินทร์ได้แต่ถอนหายไป เธอเลยเปลี่ยนไปเข้าอีกห้องหนึ่ง
เพียงไม่นานเกวลินก็ออกมาจากห้องแต่งตัว เธอหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่หน้าห้อง
“พี่ไตรพี่ว่าสวยมั้ยคะ...พี่ไตร” เกลเริ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทางเหม่อลอยของศิวัฒน์ “พี่ไตร!”
“คะ...ครับ”
“สวยมั้ยคะ”
“สวยครับ” ขณะพูดสายตากลับมองไปยังคนที่เพิ่งเดินออกมา
“สวยมากเลยค่ะคุณฉัตร” พนักงานสาวรีบเดินไปหาฉัตรนลินทร์
“จะสวยแค่ไหนกัน พวกชอบแย่งสามีชาวบ้านเนี่ย” เธอพูดเหน็บแนมฉัตรนลินทร์ และพยายามเก็บซ่อนความอิจฉาไว้ภายในใจ เพราะชุดที่ฉัตรนลินทร์ใส่นั้นสวยมากจริง ๆ
ด้านพนักงานที่เห็นความผิดปกติตั้งแต่แรก พวกเธอเริ่มซุบซิบกันถึงลูกค้าทั้งสามคน
“คนไหนเจ้าสาวตัวจริงวะ”
“เออ นั่นสิกูก็งง”
“ฉันว่าคนนั้น” พนักงานคนหนึ่งทำปากจู๋ไปทางเกวลิน
“แล้วคนนั้นล่ะ” อีกคนทำหน้าสงสัย
“ตกลงคนไหนวะ” ทั้งหมดหันมาหน้ากัน
“พี่ฟาร่าคะ” พนักงานตัวอวบกวักมือฟาร่าคนที่จัดชุดให้ฉัตรนลินทร์เข้ามาหา
“มีอะไร แล้วจับกลุ่มทำอะไรกันเนี่ย ทำไมไม่ไปช่วยดูลูกค้า” เธอดุพนักงานรุ่นน้องกราย ๆ
“พวกเรามีเรื่องสงสัย”
“เรื่องอะไร”
“สรุปคนไหนเจ้าสาว” พนักงานตัวอวบถามออกไปตรง ๆ
“คุณฉัตร”
“อ้าวแล้วคนนั้นล่ะ” พนักงานอีกคนแอบชี้ไปทางเกวลิน
“นั่นแฟนคุณไตร”
“หา!!”
“พี่ช่วยขยายความหน่อย”
ทั้ง ๆ ที่ฟาร่าพูดชัดเจนแล้ว แต่พวกเธอถามซ้ำเพราะไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง มีเรื่องแบบนี้จริง ๆ เหรอ
“นั่นคือคนที่คุณศิเลือกให้ ส่วนคนนั้นคุณไตรเลือกเอง” ฟาร่าอธิบาย
“คนหนึ่งเป็นคนรักแต่ไม่ใช่เจ้าสาว ส่วนอีกคนได้เป็นเจ้าสาวแต่ไม่ใช่คนรัก”
“โอ้ย! ซับซ้อนจัง แล้วเค้าจะอยู่กันสามคนเหรอ”
“ไปอยากรู้เรื่องอะไรของเขา” ฟาร่าเอ่ยปราม
พูดจบฟาร่าก็ปลีกตัวออกมา เธอเดินกลับไปหาฉัตรนลินทร์ที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จ และนั่งยืนรออยู่หน้าห้องเปลี่ยนชุด
“คุณฉัตรคะ”
“นี่ค่ะ” ฉัตรนลินทร์ยื่นชุดคืนให้ฟาร่า
“ชุดพอดีตัวหรือเปล่า ต้องแก้ตรงไหนมั้ยคะ”
“พอดีค่ะ”
“โอเคเลยค่ะ เดี๋ยววันถ่ายพรีเวดดิ้งทางร้านได้จัดหาช่างแต่งหน้าให้เรียบร้อยแล้วนะคะ”
“ค่ะ” ฉัตรนลินทร์ยิ้มอ่อน ๆ ให้พนักงานสาว “ถ้าเสร็จแล้วฉัตรของตัวก่อนนะคะ พอดีมีธุระต่อค่ะ”
“อ๋อ ได้ค่ะ”
ฉัตรนลินทร์เดินไปหยิบกระเป๋าตรงโซฟาข้าง ๆ กับที่ศิวัฒน์นั่งอยู่ เขาเงยหน้ามองเธอ ยิ่งเห็นใบหน้านิ่ง ๆ ที่ดูเย่อหยิ่งนั้นเขาก็นึกอยากจะปราบพยศเธอเหลือเกิน
“วันถ่ายพรีเวดดิ้ง ฉันขอขับรถไปเองนะคะ”
“ไม่ได้!”
“ฉันขอคุณป้าแล้วค่ะ”
“หึ...อะไร ๆ ก็บอกแม่ฟ้องแม่ เธอระวังตัวไว้ให้ดี”
“ค่ะ” พูดจบฉัตรนลินทร์ก็หมุนตัวกลับแล้วก็ต้องเผชิญหน้ากับเกวลินพอดี แต่เธอเลือกที่จะเบี่ยงตัวหลบ คนแบบเกวลินเธอเจอครั้งแรกก็พอจะเดานิสัยของเธอได้ ฉัตรนลินทร์เลยไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ
วันต่อมาฉัตรนลินทร์ก็ปรากฏตัวที่มหาวิทยาลัย ทำให้หลาย ๆ คนที่รู้ว่าเธอแต่งงานเมื่อคืนต่างพากันตกใจว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ทั้ง ๆ ที่เวลานี้เธอควรจะพักผ่อน หรือไม่ก็กำลังเก็บเสื้อผ้าไปฮันนีมูนเมื่อคืนหลังออกจากโรงแรมเธอก็ขับรถกลับกรุงเทพโดยไม่ได้บอกใคร ในเมื่อศิวัฒน์มองว่าการแต่งงานมันไม่ได้สำคัญและเขาพร้อมที่จะหักหน้าเธอ ฉะนั้นเธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไว้หน้าเขา และเธอก็รู้ดีว่าหลังจากนี้ เขาก็จะตามมาต่อว่าเธอและเป็นอย่างที่เธอคิด เพราะหลังจากงานแต่งผ่านไปสองวันเขาก็ตามมาหาเธอถึงมหาวิทยาลัย“ออกจากโรงแรมทำไมถึงไม่รอฉัน” เขาบีบต้นแขนของเธอด้วยความโกรธ “ฉันโดนแม่ด่ามาสารพัดเพราะเธอคนเดียว”“คุณเองยังไม่อยากอยู่ห้องนั้นเลย แล้วคนอื่นเขาจะไม่อยากอยู่เหมือนคุณไม่ได้หรือไง”“เธอมัน...”“ทำไมคะ คุณอยากทำอะไรก็ทำไปสิ ฉันไม่ห้ามหรอก” เธอเผชิญหน้ากับเขา “แล้วคุณก็ห้ามยุ่งกับชีวิตของฉันด้วย”“เธอแน่ใจเหรอว่าเธอจะไม่ห้าม”“ค่ะ”เธอไม่ได้สนใจคนข้าง ๆ มากนัก เพราะตอนนี้โทรศัพท์ของเธอกำลังมีสายเข้า“ฮัลโหลค่ะ พี่กันต์เหรอ อยู่ที่ห้องแล็บใช่มั้ยคะ โอเคฉัตรกำลังไปค่ะ” เธอรับสายจากใครคนหนึ่งแล้
วันแต่งงานเป็นอีกวันที่ฉัตรนลินทร์รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่าวันสำคัญที่ผ่าน ๆ มาของเธอ แม้จะไม่ใช่การแต่งงานที่เต็มใจกันทั้งสองฝ่ายก็ตามช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้นและรดน้ำสังฆ์ หญิงสาวที่อยู่ในชุดไทยช่างสวยสง่าจนแขกที่มาร่วมงานต่างก็พากันชื่นชมไม่ขาดปาก ซึ่งพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมากเมื่อถึงเวลาที่ทั้งคู่ต้องจดทะเบียนสมรสกันต่อหน้าแขกที่มาร่วมงาน ทุกคนต่างพากันชื่นชมและยินดีให้กับคู่บ่าวสาว แต่ไม่รวมไปถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่เธอนั่งมองพลางกำหมัดแน่น น้ำตาที่มันคลอหน่วยทำให้เธอต้องกักเก็บมันไว้ เธอจะปล่อยให้มันไหลออกมาตอนนี้ไม่ได้“ตาไตร” ศศิณีก้มลงไปเรียกชื่อลูกชายเบา ๆ “รีบ ๆ เซ็นเข้า”“ทำไมต้องจดทะเบียนด้วยครับ” ศิวัฒน์หันไปกระซิบ “เดี๋ยวก็ต้องหย่า”“นี่ปากแกเหรอ” ศศิณีกัดฟันพูด “เซ็นซะ อย่าให้ฉันต้องใช้ไม้ตาย”ศิวัฒน์จำใจจรดปลายปากกาลงไปเพื่อเซ็นชื่อในใบสำคัญสมรสนั้น ขณะที่เขาวางปากกาลงสายตาของเขาก็มองไปยังคนรักที่นั่งปาดน้ำตาอยู่ เขาห้ามเธอแล้วว่าอย่ามาแต่เธอก็ไม่เชื่อฟัง ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็เขารู้สึกสงสารเธอจับใจ แต่เพราะเงื่อนไขบ้า ๆ นี้ เขาเลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ หวังว
ก่อนงานแต่งหนึ่งสัปดาห์ ศศิณีบังคับให้ลูกชายไปรับฉัตรนลินทร์มาทานข้าวที่บ้าน เพราะเธอรู้มาว่าทุกครั้งที่ให้ลูกชายตัวดีพาว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ศิวัฒน์ไม่เคยพาฉัตรนลินทร์ไปถึงร้านอาหารเลยสักครั้ง“มาแล้วเหรอลูก” ทันทีที่เห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้เธอก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันตา จนคนที่เดินตามหลังมาต้องขมวดคิ้วแม่ของเขานับวันหายใจเข้าหายใจออกก็เป็นฉัตรนลินทร์เข้าไปทุกที“สวัสดีค่ะคุณป้า”“ป้าอะไรกันล่ะอีกอาทิตย์เดียวก็แต่งเข้าบ้านนี้แล้ว เรียกแม่สิ”“เอ่อ”“อย่ามาทำเป็นอาย ทั้ง ๆ ที่เธอไม่มียางอาย”เพี๊ยะ!!“ตาไตร ทำไมว่าน้องแบบนั้น” เพราะอยู่ใกล้ ๆ มือ เธอเลยฟาดไปที่ต้นแขนของลูกชายหนึ่งที“ก็จริงนิแม่ แม่ไม่รู้เหรอขนาดผมบอกว่ามีแฟนแล้ว เธอยังยืนยันจะแต่งกับผม”“ทำดีมากลูก” เธอหันมาชมว่าที่ลูกสะใภ้“แม่ ผมเป็นลูกแม่นะ”“หึ อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกพูดไม่ให้เกียรติหนูฉัตรต่อหน้าคนอื่น ฉันก็จะไม่ไว้หน้าแกเหมือนกัน” เธอยื่นคำขาดกับลูกชาย “ไปเถอะลูกวันนี้แม่เข้าครัวเองเลยนะ”“นี่ขนาดยังไม่ทันแต่งนะ เธอมันร้ายกาจกว่าที่ฉันคิดมากเลยฉัตรนลินทร์” เขาบ่นคนเดียวเบา ๆ ก่อนจะเดินตามทั้ง
ถึงวันที่ทั้งคู่ต้องไปถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะงานแต่งใกล้เข้ามาทุกทีงานทุกอย่างเลยดูเร่งรีบไปหมดจนฉัตรนลินทร์เองมีเวลาพักผ่อนน้อยมาก เพราะเธอต้องขับรถไปกลับกรุงเทพกับบ้านเกิดสัปดห์ละหลาย ๆ รอบ ร่างกายเลยอ่อนเพลีย เช้านี้เธอเลยรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว“ฉัตรไหวมั้ยลูก” ผู้เป็นแม่ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเขามาเห็นลูกสาวกำลังนอนซม“ไหวค่ะแม่”“เลื่อนไปก่อนดีมั้ย”“ไม่เป็นไรค่ะ ถ่ายให้มันเสร็จ ๆ ไป หนูจะได้กลับไปทำงานอีก”“ให้พี่ขับรถไปส่งนะ”“ไม่เป็นไรค่ะ วันหยุดทั้งทีให้พี่พักเถอะ หนูขับไหว”ฉัตรนลินทร์เธอมีพี่ชายหนึ่งคน ทั้งคู่ห่างกันสามปี ซึ่งตอนนี้พี่ชายของเธอก็แต่งงานมีครอบครัวแล้ว แถมยังมีเจ้าตัวน้อยวัยสามขวบหนึ่งคนปี๊น!เสียงแตรรถที่ดังอยู่หลายครั้งทำให้คนในบ้านแปลกใจว่าใครกันนะทำไมถึงไม่มีมารยาทแบบนี้ แต่กลับมีคนหนึ่งที่รู้ดีว่าคนที่ทำพฤติกรรมแย่ ๆ นี้เป็นใคร“หนูออกไปดูเองค่ะ”พูดจบฉัตรนลินทร์ก็ลุกแล้วเดินออกไป และก็ไม่ผิดหวังกับความคิดของตัวเอง เพราะเขาใช่คนที่เธอคิดจริง ๆ“คุณมีธุระอะไรคะ”“วันนี้มีถ่ายพรีเวดดิ้งเธอลืมไปแล้วหรือยังไง”“ไม่ลืมค่ะ”“เห็นเธอยังไม่แต่งตัว”“ฉันไม่รีบนี่คะ”
ณ.ร้านพรีเวดดิ้ง วันนี้ศศิณีให้ศิวัฒน์ไปรับฉัตรนลินทร์เพื่อไปลองชุดแต่งงานที่เธอเคยแวะไปวัดตัวทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ แต่ฉัตรนลินทร์กลับปฏิเสธโดยอ้างว่าเธอมีธุระต่อหลังจากลองชุด เธอจึงขอเอารถไปเองสาเหตุจริง ๆ ที่ฉัตรนลินทร์ปฏิเสธเพราะเธอโดนเขาทิ้งไว้กลางทางสองครั้งแล้ว แต่เธอไม่เคยบอกให้ศศิณีรู้ ซึ่งครั้งล่าสุดคือวันที่เธอมาวัดตัวนี่แหละ เธอจึงเข็ดหลาบไม่กล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงกับผู้ชายคนนี้อีก“เชิญค่ะ” พนักงานสาวเดินเข้ามาต้อนรับเธอทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปในร้าน “มาลองชุดใช่มั้ยคะ”“ใช่ค่ะ”“นั่งรอสักครู่นะคะ แล้วเอ่อ...” พนักงานชะเง้อคอมองออกไปนอกร้าน “เจ้าบ่าวล่ะคะ”“อ๋อ กำลังตามมาค่ะ พอดีมากันคนละคัน”“โห...พี่ไตร”หญิงสาวคนหนึ่งอุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจ แต่ชื่อที่เธอเรียกทำให้ฉัตรนลินทร์เงยหน้าขึ้นจากนิตยสารในมือ บุคคลที่เห็นทำเธอต้องขมวดคิ้ว ผู้ชายคนนี้ไม่คิดที่จะไว้หน้าของเธอเลยจริง ๆ แต่เธอก็เข้าใจอะไรได้ไม่ยากเพราะแน่นอนว่าเขาคงจะเกลียดเธอ คิดได้ดังนั้นฉัตรนลินทร์ก็ก้มลงไปดูนิตยสารในมือต่อ“ขอเกลลองได้มั้ยคะ”“ได้สิ”“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าสนใจเป็นเซ็ตไหนคะ” พนักงานสาวอีกคนเข้าไปต้อนรั
เช้าวันเสาร์เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว แปลกที่ปกติหญิงสาวมักจะรอวันหยุด เพราะเธอจะได้พักผ่อน แต่นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอไม่อยากให้วันหยุดมาถึงรถคันงามมาจอดหน้าบ้านของฉัตรนลินทร์ เขาบีบแตรเรียกอยู่หลายครั้ง ส่วนคนด้านในก็รีบวิ่งออกมา เธอใส่รองเท้าที่เตรียมเอาไว้แล้วเดินมาหยุดยืนตรงฝั่งคนขับ เพียงไม่นานกระจกรถก็ถูกลดลง พร้อมกับหน้าตาของคนขับ หากไม่นับที่เขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เธอ เธอคงจะได้ชื่นชมความหล่อของเขา แต่จะว่าไปถึงแม้เขาจะทำหน้าแบบนั้นก็ไม่ได้บดบังความหล่อของเขาไปได้เลยสักนิด‘คนนี้เหรอคุณไตรลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณศศิณี’ไตร หรือศิวัฒน์ หนุ่มหล่อใบหน้าคมคาย คิ้วหนาเข้มนัยน์ตาสีนิล เจ้าของความสูง 185 เซนติเมตร วัย 33 ปี เขาเป็นลูกคนเดียวของศศิณี ด้วยความเสเพลย์ที่มีติดตัวมาตั้งแต่เป็นหนุ่ม ซึ่งศศิณีมองว่าคงจะถ่ายทอดกันทางสายเลือด แม้ว่าพ่อของเขาจะเสียไปแล้วแต่กลับทิ้งความเสเพลย์ไว้ให้ลูกชายตัวดี ทำให้ศศิณีเริ่มเอือมระอากับพฤติกรรมของลูกชาย จึงอยากให้มีครอบครัวจะได้มีความรับผิดชอบมากขึ้น แต่บังเอิญคนที่ศิวัฒน์เลือกกลับไม่ถูกใจศศิณี...“ยืนทำบื้ออะไรอยู่”ประโยคแรกที่เขาพูดออกมา