ค่ำคืนหนึ่งหลังพิธีศพ
เสียงสายลมในคืนนี้แตกต่างไปจากทุกคืนที่ผ่านมา
เขาหยิบจดหมายฉบับหนึ่งจากในแขนเสื้อ
“ข้าฆ่าคนมาเกินกว่าจำนวนวันในชีวิตข้า”
“แต่มีเพียงเจ้าคนเดียวที่ข้ายอมให้เห็นข้าร้องไห้”
ลายมือของคาเงะ
ดาบของฮากุโร่เริ่มสั่น...ไม่ใช่เพราะลม
“เจ้ายังอยู่ใช่ไหม…”
เขาเอ่ยกับเงาที่ทอดขนานกับตนเอง
และในเงานั้น
ภายใต้เงาของต้นซากุระที่เพิ่งปลูก
คาเงะ
ซาโยะปรากฏตัวในฉากทันทีที่เงาทั้งสองเผชิญหน้า
“เจ้าควรตายไปแล้ว…”
คาเงะเพียงยิ้มจาง ๆ
“ความตายคือกลยุทธ์สุดท้าย สำหรับคนที่ต้องการให้คนอื่นมีชีวิตต่อ”
ฮากุโร่ไม่ขยับ
“แล้วตอนนี้เจ้ากลับมาทำไม?”
คาเงะตอบเพียงสั้น ๆ
“เพื่อบอกว่า...เกมยังไม่จบ”
“และข้าคือคนเดียวที่รู้ว่า ใครกำลังเล่นอยู่จริง ๆ”
เงาบนพื้นสั่นไหวอีกครั้ง
ชายอีกคนหนึ่ง
“ท่านจำพี่ข้าไม่ได้หรือ?” คาเงะกล่าว
“เขาตายไปในเอกสารทุกฉบับ แต่ไม่เคยหายไปจากสนามรบเลย”
ความจริงที่ถูกปิดผนึกมาเกินทศวรรษเริ่มเผยออก
บทที่ 42 — บทเรียนสุดท้ายของดาบที่ไม่เคยฟันณ ลานไม้กลางวิหารร้างบนยอดเขาอันห่างไกลฮากุโร่ยืนอยู่หน้าพี่ชาย—อาคุริวไม่มีผู้ชม ไม่มีกลองรบ ไม่มีเสียงพร่ำสอนของคาเงะมีเพียงกลิ่นฝนก่อนพายุและคำถามในใจที่ไม่อาจฟันด้วยดาบเล่มใดในโลก“เจ้าฝึกดาบมากับข้า...แต่เจ้าคือคนเดียวที่ไม่เคยฟันใครจริง ๆ”อาคุริวยิ้มอย่างเจ็บลึกเขาชักดาบช้า ๆ ปล่อยให้แสงจันทร์สะท้อนใบมีด“วันนี้ข้าจะให้บทเรียนสุดท้าย...ว่าดาบที่ไม่ฟั
เบื้องหลังพี่ชาย: “อาคุริว” — เงาที่เงาก็ไม่ไว้ใจในอดีต เขาถูกเรียกขานในหมู่สายลับว่า “ดาบเบื้องหลังธง”ชื่อจริงคือ “อาคุริว” (悪竜) พี่ชายแท้ ๆ ของฮากุโร่บุตรคนโตแห่งบ้านคามิโนะ ตระกูลนักรบที่เสื่อมชื่อเสียงเพราะอยู่ผิดข้างในศึกใหญ่เมื่อ 17 ปีก่อนต่างจากฮากุโร่ที่เงียบขรึมและยึดอุดมการณ์อาคุริว เติบโตมาท่ามกลางความเคียดแค้น และถูกฝึกให้เป็น "เครื่องมือ" มากกว่าคนจุดเปลี่ยนเมื่ออายุ 20 ปี เขาถูกส่งเข้าหน่วยลับ “อุรายามิ” (裏闇)หน่วยที่ไม่ได้ขึ้
บทที่ 41 — เงาที่ล้มเงาค่ำคืนบนลานหินสูงเหนือหุบเขาไม่มีผู้ชมไม่มีเสียงกลองมีเพียงแสงจันทร์ และเงาของชายสองคนที่ยืนเผชิญหน้ากันราวเงาสะท้อนในบ่อสระฮากุโร่ กับ คาเงะศิษย์ กับอาจารย์ทายาทแห่งเงา กับผู้ที่สร้างนิยามของมัน“เจ้าสร้างเงา เพื่อทำลายระบบ” ฮากุโร่กล่าว“แต่เจ้ารู้ไหม...เงาที่เจ้าทิ้งไว้ มันกลายเป็นอีกระบบที่ผู้คนเกรงกลัว”คาเงะมองเขานิ่ง ๆ ก่อนพยักหน้า
บทที่ 40 — คนตายที่เดินอยู่ในเงาค่ำคืนหนึ่งหลังพิธีศพขณะสายหมอกไหลจากภูเขาสู่พื้นราบฮากุโร่ยืนอยู่ริมหน้าผา ที่เดิมที่เขาเคยฝึกดาบกับอาจารย์ในวัยเยาว์เสียงสายลมในคืนนี้แตกต่างไปจากทุกคืนที่ผ่านมาเหมือนเสียงหายใจของใครบางคนที่เคยถูกลืมแต่ยังไม่เคยจากไปเขาหยิบจดหมายฉบับหนึ่งจากในแขนเสื้อม้วนกระดาษนั้นบางเฉียบ เขียนด้วยลายมือสั่นเทา... แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่ของเขา“ข้าฆ่าคนมาเกินกว่าจำนวนวันในชีวิตข้า”“แต่มีเพียงเจ้าคนเดียวที่ข้
บทที่ 39 — ดอกไม้ที่เบ่งบานในวันศพสายหมอกยังไม่จางจากสนามรบแห่งทาคิซึเมะแต่ในเช้าวันถัดมา บนเชิงเขานอกเมืองมีพิธีศพเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นอย่างเงียบงันไม่มีเสียงสวดไม่มีธงตระกูลใดมีเพียงหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งพับเพียบในชุดดำและร่างไร้วิญญาณที่ปกคลุมด้วยผ้าขาว — คาเงะซาโยะไม่ร้องไห้แต่สายตาเธอเหมือนทะเลที่แห้งไปแล้วเธอวางดอกซากุระสีซีดหนึ่งดอกลงข้างร่างเขา“เจ้าฆ่าผู้คนมากมาย...”
บทที่ 38 — สนามรบที่ไม่มีผู้ชนะเสียงลมที่พัดผ่านภูเขาในยามบ่ายวันนั้น ไม่ได้นำกลิ่นของดอกไม้ ไม่ได้นำกลิ่นของเหล็กดาบ แต่นำเพียงกลิ่นดินที่เปื้อนเลือด กลิ่นที่แม้แต่ผีในป่าก็เงียบงันสนามรบแห่งทาคิซึเมะเคยเป็นทุ่งข้าว บัดนี้เต็มไปด้วยธงฉีกขาด ร่างไร้วิญญาณที่ไม่มีใครจำแนกได้ว่าเป็นของตระกูลใด และเสียงร้องไห้ของผู้ที่รอด แต่ไม่เหลือใครให้กลับไปหาฮากุโร่ยืนอยู่กลางเถ้าถ่าน เขาถือดาบที่ไม่ได้ชักจากฝักมาตลอดสามบทที่ผ่านมา ดาบนั้นยังสะอาด... แต่หัวใจเขากลับเปื้อนเกินกว่าดินบนพื้นข้างกายเขา ซาโยะคุกเข่าข้างร่างของเด็กชายวัยสิบสองปี ผู้สวมปลอกแขนตระกูลอิซึมิ แต่ถือดาบที่สลักตราอาโอบะ เขาตายด้วยสายตาที่เบิกกว้าง เพราะไม่รู้ว่า...ตนควรฟันใคร“นี่คือจุดจบของกลยุทธ์ไร้สีงั้นหรือ?” ซาโยะถามเสียงแห้ง “ฆ่ากันเองจนไม่มีใครเหลือ?”ฮากุโร่เงียบอยู่ครู่ แล้วกล่าวช้า ๆ“...ไม่ใช่จุดจบ แต่นี่คือ คำตอบที่แท้จริงของสงคราม”“สงครามที่ไม่มีฝ่ายไหนผิด เพราะไม่มีฝ่ายไหนเข้าใจเลยว่า... พวกเขาสู้เพื่ออะไร”ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าเดียวดังขึ้นจากปลายแนวป่า ชายในผ้าคลุมเทาเดินผ่านกองศพ ไม่