“โอ๊ย! อีโง่เอ๊ย! เขาจะมอมเหล้าหวังฟันแล้วทิ้ง ยังไม่รู้ตัวอีก”
เสียงเอะอะอย่างขัดใจนั่นทำเอาคนเพิ่งเดินออกมาจากห้องสะดุ้งโหยง ปวดใจจี๊ด หันขวับไปมองแฟนละครจักร์ๆ วงศ์ๆ รุ่นเดอะที่กำลังหัวเสียกับบทนางเอกในจอทีวี ก็ถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก
“เอะอะอะไรแต่เช้าแม่”
“ก็ยัยเมรีนี่น่ะสิ จะโดนพระรถเสนมอมเหล้าแล้วฟันทิ้งยังไม่รู้ตัวอีก” นางสีดาค้อนกระทั่งหน้าจอโทรทัศน์ ทำเอาเมรีนอกจอถึงกับสะดุ้งโหยงอีกรอบ หน้าชาวูบๆ
แม่ด่านางเมรีในละครพื้นบ้าน แต่ไหงเธอรู้สึกสะเทือนใจไปด้วยวะ
“ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไรแม่สักหน่อยนี่จ๊ะ” หญิงสาวรีบกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มประจบ ไม่อยากทำให้มารดาต้องรู้สึกผิดกับสิ่งที่เธอเคยพลาดไปในอดีต
“ฉันมันก็โง่จริงๆ นี่นา แต่ตอนนี้เลิกกินหญ้าแล้ว แม่ไม่ต้องห่วงนะ หากมีใครคิดจะมาหลอกหวังฟันลูกสาวแม่คนนี้ มันต้องเจอดีแน่ ไม่หัวแตกก็โดนกระทืบม้ามหลุด” คนพูดชูกำปั้นทีเล่นทีจริง
“ปากดีไปเหอะย่ะ แม่จะคอยดู แล้วนั่นวันหยุดแต่งตัวสวยจะไปไหนแต่เช้าล่ะนั่น” คนเป็นแม่มองเรือนร่างปราดเปรียวอรชรที่วันนี้สวมเสื้อสีชมพูเกือบเอวลอยนิดๆ ผ้าพลิ้วๆ กับกางเกงยีนส์ขาสั้นเข้ารูปอวดเรียวขาสวยสมส่วน ไม่ถึงกับโป๊น่าเกลียดอะไรแต่กลับทำให้ลูกสาวของเธอดูเป็นสาวสวยน่ามองคนหนึ่ง
“อ๋อ...ฉันว่าจะไปรับเจ้าแสบของแม่ที่บ้านพี่รจน่ะสิจ๊ะ เห็นว่าวันนี้พ่อแม่พี่สาธุเขามาจากกรุงเทพ กลัวจะไปโยเยกวนพวกเขาให้รำคาญ”
นางสีดาถอนหายใจเมื่อคิดถึง ‘เจ้าตัวแสบ’ ที่ว่า ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับลูกสาวคนเล็ก
“อ้าว! พวกคุณๆ เขามาจากกรุงเทพกันตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ”
“เห็นว่าเพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี่เอง พี่รจให้คนที่ไร่ไปรับมาจากสนามบินน่าจะเพิ่งถึงไร่ล่ะมั้งแม่ ก็คงมาเยี่ยมเจ้าแฝดของพี่รจเหมือนทุกทีน่ะแหละ ปู่ย่าเขาหลงหลานอย่างกับอะไรดี”
พอพูดถึงตรงนี้คนพูดก็สะอึกไปนิดๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะข่มสีหน้าให้ปกติโดยที่ผู้เป็นแม่ไม่ทันสังเกต
“ถ้าแกจะไปบ้านพี่รจเขาก็เอาปิ่นโตนี้ไปด้วยสิ วันนี้แม่ทำแกงขนุน กับผัดฟักแม้ว แล้วก็มีตำน้ำพริกหนุ่มกินกับไส้อั่ว แคปหมู ของโปรดพี่เขาทั้งนั้น ไม่ได้การ เดี๋ยวแม่ตักเพิ่มให้อีกปิ่นโตดีกว่า คนมากเดี๋ยวกินไม่พอ”
เมรีอยากจะท้วงว่าบ้านนั้นเขาคงเตรียมอาหารไว้มากแล้วเพราะที่ไร่ของสาธุคุณมีร้านอาหารกึ่งคาเฟ่อยู่ แถมพ่อครัวที่นั่นก็เป็นเชฟเก่าโรงแรมระดับห้าดาวชื่อดังที่กรุงเทพเสียด้วย ที่รู้เพราะเธอเป็นผู้จัดการร้านอาหารที่ว่านั่น ช่วยพี่สาวดูแลตั้งแต่ร้านยังไม่เป็นรูปเป็นร่างด้วยซ้ำ แต่เห็นความตั้งใจของผู้เป็นมารดาเลยไม่ได้ขัด
รอเพียงไม่นาน ปิ่นโตสองเถาก็มาอยู่ในมือของหญิงสาวเสียแล้ว
“แล้วแกจะไปยังไงล่ะ”
“ก็เอาอีแก่ของแม่ไปไง ขืนให้ปั่นจักรยานไป ปิ่นโตแม่คงได้ไปชมป่าหญ้าข้างทางเสียก่อนน่ะสิ” หญิงสาวเย้ามารดา เรียกค้อนคมๆ ไปอีกสองสามดอก ก่อนเดินไปจูงรถมอเตอร์ไซด์สีซีดคันเก่าอายุพอๆ กันกับเธอออกมา
“เดี๋ยวโบนัสออกเมื่อไหร่ ฉันว่าจะถอยมอเตอร์ไซด์คันใหม่ให้แม่กับพ่อสักคัน ไม่ไหว อีแก่ของแม่ขับๆ ไป เดี๋ยวๆ ก็ดับกลางทางให้ฉันต้องเข็นหลายรอบแล้วเนี่ย วันก่อนแม่ล่อดับมันกลางตลาด หนูล่ะอ๊ายอายเขาจะแย่ ดีนะมีคนมาช่วยเอาใส่ท้ายรถกลับมาให้ ไม่งั้นล่ะต้องเข็นกันตาเหลือกแน่”
อันที่จริงรจนาว่าจะซื้อให้มารดาหลายครั้งแล้ว แต่คนเป็นน้องห้ามไว้ เพราะไม่อยากรบกวนครอบครัวพี่สาวพี่เขยมากไปกว่านี้ ลำพังตอนนี้รจนาก็ช่วยเหลือเธอกับที่บ้านมามากพอแล้ว
“มีเงินมีทองก็เก็บๆ ไว้บ้างเถอะลูก รถเสียมันก็ยังพอซ่อมใช้ต่อได้ อย่าลืมสิว่าตอนนี้แกไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนา จะทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีด้วย”
หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงหาเรื่องเถียงยั่วโมโหแม่ แต่มาวันนี้เธอรับรู้ถึงความรักและห่วงใยที่แม่มีให้ทุกลมหายใจ
“ซ้าธุ!” คนเป็นลูกสาวแกล้งยกมือไหว้ท่วมหัวล้อ แต่คำสอนของแม่ถูกจารึกไว้ในใจแล้ว “งั้นหนูไปก่อนนะแม่”
“เออ ไปดีมาดีลูก” นางสีดามองตามหลังบุตรสาว พลางทอดถอนใจด้วยความเสียดายลึกๆ
ลูกสาวเธอควรได้ดีกว่านี้...
“แหม...คุณนายสีดาก็ เขาแค่แสดงไปตามบทบาท จะอินอะไรเบอร์นั้นล่ะแม่จ๋า”
“ไม่รู้ล่ะ แม่ไม่ชอบนางเอกโง่ๆ แบบนี้นี่หว่า แกก็เหมือนกันยัยเมรี อย่าไปหลงคารมไอ้หนุ่มคนไหนให้มันหลอกฟันแล้วทิ้งอีกละกัน เอ้อ...” คนพูดอ้าปากหวอ เพราะฉุกคิดได้แต่ไม่ทันแล้ว
พอหันไปมองใบหน้าสวยใสที่เจื่อนหมองไปนิดๆ ของลูกสาวคนเล็กก็ชักรู้สึกผิด
“เมรีเอ๊ย...แม่ไม่ได้ตั้งใจจะว่าแกนะ”
นางสีดามองลูกสาววัยยี่สิบสามย่างยี่สิบสี่ เจ้าของใบหน้าที่แสนจิ้มลิ้มน่ารัก มีเสน่ห์ ไหนจะผิวสีน้ำผึ้งเนียนสวยนั่นเล่าใครมาเห็นเป็นต้องอิจฉา หรือว่ารูปร่างที่ดูอรชรอ้อนแอ้นแต่มีส่วนโค้งเว้าตามประสาวัยสาวสะพรั่ง ที่หากใครถามตอนเด็กว่าอยากเป็นอะไร แม่ลูกสาวคนเล็กของเธอก็จะเชิดหน้าตอบไปอย่างมั่นอกมั่นใจว่า...
หนูอยากเป็นนางงามค่ะ!
อนิจจา ไม่ทันถึงฝั่งฝัน มงไม่ทันได้ลงหัว ก็มีอันสะดุดหัวทิ่มเพราะโทต๊อง จนต้องผันตัวมาเป็นแม่คนเสียก่อน เห็นแล้วก็อดนึกเสียดายอยู่ลึกๆ ในใจตามประสาคนเป็นแม่ไม่ได้ ลูกสาวคนเล็กของเธอควรมีอนาคตไกลกว่านี้ อย่างน้อยก็ควรได้ดีสักครึ่งของพี่สาวคนโตที่ได้สามีแสนดีมีฐานะมีครอบครัวที่อบอุ่น
ไม่ใช่ต้องทนให้ใครตราหน้าได้ว่า...ท้องไม่มีพ่อ!
****GoodNovel*******
“ไม่รักงั้นเหรอ!”“ครับ เราไม่ได้รักกัน ผมมีผู้หญิงที่รักและอยากแต่งงานด้วยอยู่แล้ว”“อ้าว แล้วทำไมลูกไม่บอกพ่อกับแม่ล่ะ ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนล่ะ” คุณมาลินีซักด้วยน้ำเสียงพิศวง “หรือเราจะไปขอให้แม่หนูคนนั้นมาเข้าพิธีกับลูกดีไหม”“ผมก็อยากให้เป็นแบบนั้นครับแม่ แต่ว่าตอนนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกับลูกหนีผมไปอยู่ที่ไหน และถึงตามตัวเจอ เธอก็คงไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายอย่างผมอยู่ดี”“อ้าว! นี่แกไปหลงรักแม่หม้ายหรือเมียใครกัน มีลูกติดด้วยเนี่ยนะ โอย...ฉันจะเป็นลม” คนพูดรีบควักยาดมในกระเป๋ามาโบก ร้อนถึงสามีต้องหาพัดมาวีให้“ไม่ใช่ครับแม่ ไม่ใช่ลูกติดของใคร แต่เป็นลูกสาวของผมเองครับ หลานแท้ๆ ของคุณพ่อกับคุณแม่” ยิ่งฟังก็ยิ่งงุนงง“ว่าไงนะ แล้วนี่แกไปทำลูกสาวใครเขาท้องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะตาชิษ ทำไมเพิ่งมาบอกพวกเราเอาตอนนี้”“สี่ปีที่แล้วครับ ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีลูกเมื่อไม่นานมานี้”“โอ๊ย ลูกหนอลูก ทำสาวท้องตั้งสี่ปีเพิ่งมารู้ ก็สมควรแล้วให้เขาพาลูกเต้าหนี แล้วนี่จะยังไง เจ้าสาวก็หนี เมียก็ยังมาหอบลูกหนีอีก งามหน้าไหมลูกชายฉัน”“ใจเย็นๆ ก่อนครับคุณแม่”
บรรยากาศในไร่สาธุคุณวันนี้คึกคักกว่าปกติ เพราะกำลังจะมีงานมงคลเกิดขึ้น คนงานในไร่ช่วยกันตกแต่งสถานที่กันอย่างขมีขมันเป็นพิเศษ เพราะเจ้าภาพของงานเป็นถึงน้องชายคนเดียวของเจ้าของไร่ แถมมีแม่เลี้ยงรจนาและสามีลงมาคุมงานด้วยตัวเองทุกขั้นตอนในขณะที่ใครต่อใครกำลังวุ่นวายทำหน้าที่ มีเพียงคนเดียวที่ไม่อยากให้งานนี้เกิดขึ้น ว่าที่เจ้าบ่าวของงานยืนทอดสายตามองที่ระเบียงห้องนอนปล่อยใจล่องลอยไปถึงใครบางคนป่านนี้เธอคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง อยู่ที่ไหน อยู่กับใครกัน สบายดีหรือเปล่า และจะรู้บ้างไหมว่ามีคนคิดถึงเธอมากแค่ไหน“อ้าว มาอยู่นี่เองเหรอเจ้าบ่าว”เสียงนั้นทำให้คนใจลอยได้สติ หันไปมองต้นเสียงด้วยสายตาที่ทำให้คนเป็นพี่ชายใจหาย เพราะมันคือสายตาของความสิ้นหวัง หม่นหมอง ผิดวิสัยของคนกำลังจะเข้าประตูวิวาห์ที่ควรมีความสุข ดวงตาเป็นประกายแวววาว ไม่ใช่ไร้วิญญาณเช่นนี้“อย่าบอกนะว่านายคิดจะโดดลงจากระเบียงฆ่าตัวตายหนีงานแต่งวันนี้” สาธุคุณแกล้งหยอกแรงๆ“หึ! ผมดูเหมือนคนคิดสั้นขนาดนั้นเลยหรือครับพี่”“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง นายลองไปส่องกระจกดูสิ หน้าตาไม่เหมือนคนจะเข้าหอ แต่เหมือนคนจะโดนประหารยังไงยังงั้น ทำไมวะ ไ
“พี่รจจะมาวันนี้ทำไมเห็นโทรมาบอกเลยล่ะจ๊ะ”“พอดีพี่รีบมากะทันหันน่ะ มีคนบอกว่าอยากเจอเธอ”เมรีชะงักกึก ชะเง้อมองไปข้างหลังที่มีใครอีกคนเพิ่งเปิดประตูลงมาจากรถก่อนอุทานลั่น“พี่แนน!”นันทิกามองสบตาหญิงสาวตรงหน้านิ่ง ก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมา“ไม่เจอกันนานเลยนะคะน้องเมรี”“เอ่อ...” เมรีมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างอึดอัดปนอยากรู้ในเจตนาของอีกฝ่าย เธอสู้อุตส่าห์หนีมาหลบกะว่าให้ผ่านพ้นงานแต่งของอีกฝ่ายเพราะเกรงจะเกิดปัญหาตามมา แต่ไม่คิดว่านันทิกาจะอยากพบหน้าเธออีกทำไมไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะตามมาตบเธอหน้าแหกใช่ไหม“เชิญเข้าบ้านก่อนสิคะ เดี๋ยวเมรีไปเอาน้ำมาให้”“อย่าลำบากเลยค่ะ พี่มีเรื่องอยากจะถามน้องเมรีนิดหน่อย ได้คำตอบแล้วพี่ก็จะไป”คำว่าไปของอีกฝ่ายทำให้เมรีแอบฉงน แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร“ไปเจ้าลูกหมู ไปดูการ์ตูนกับป้ารจดีกว่า” รจนาพาหลานเลี่ยงไปที่ห้องรับแขก ปล่อยให้สองสาวได้คุยกัน แต่ก็ไม่วายแอบดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆเมื่อได้อยู่ตามลำพังนันทิกาก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงตรงเข้าประเด็นทันที“พี่ขอถามน้องเมรีตรงๆ ได้ไหมว่าน้องเมรีรู้สึกยังไงกับพี่ชิษคะ”มาคำถามแรกก็ทำคนถูกถามอึ้งเสียแล้ว เมรีมองสบตาอี
ตึง!ขาเม้าท์ทั้งฝูงสะดุ้งโหยง หันมองต้นเสียงกันเลิ่กลั่ก พอเห็นว่าเป็นใครต่างก็หน้าเสียไปตามๆ กัน“รับอะไรดีจ๊ะพ่อหนุ่ม” เจ้าของร้านเปลี่ยนสีหน้ายิ้มแย้มรับลูกค้าทันใด“น้ำเย็นขวดหนึ่งครับป้า”“ได้จ้ะ รอเดี๋ยวนะ”“นั่นไงๆ ผัวเก่ายัยเมรี หูย...หน้าอย่างกับมหาโจร หนวดเครางี้ครึ้มเชียว”คนถูกนินทายังคงวางหน้านิ่ง“หน้าโหดแบบนี้ไงเล่าถึงโดนเมียทิ้งหอบลูกหอบเต้าหนีไปกับผัวใหม่”กร๊อบบบบเสียงขวดน้ำดื่มในมือถูกบีบจนแตกยับเยินคามือ ก่อนที่ดวงตาดุเข้มปรายมองฝูงไฮยีนากระหายเลือดอย่างเย็นชาและเหี้ยมเกรียม“ขอโทษนะครับป้า ผมขอแก้ข่าวหน่อย”“จ๊ะ...กะ แก้ข่าวอะไรหรือพ่อหนุ่ม”“ผมชื่อชิษณุกร ไม่ใช่ผัวเก่าของเมรีลูกแม่สีดา แต่เป็นผัวคนปัจจุบัน และผัวคนเดียวของเธอต่างหาก อ้อ! แล้วน้องเวียงพิงค์นั่นก็ลูกผมเอง ไม่ใช่เด็กไม่มีพ่อที่ไหน แล้วถ้าใครอยากเสือก เอ๊ย! สงสัยอยากรู้อะไรก็ไปถามผมได้ทุกเมื่อที่ไร่พี่สาธุ แต่ถ้าผมได้ยินว่ามีคนปากหมามาว่าลูกเมียผมในทางไม่ดีหรือไม่จริงอีกล่ะก็ รอรับหมายศาลถึงบ้านเลยก็แล้วกัน งานนี้ผมรับคำขอโทษเป็นเงินสดหกหลักขึ้นเท่านั้น หวังว่าป้าๆ ทุกคนคงเข้าใจนะครับ”พอพูดจบ ความ
เขาคิดถึงและเป็นห่วงเธอจะแย่แล้ว ไหนจะคิดถึงลูกสาวตัวน้อยที่ไม่ได้เจอหน้าตั้งหลายวัน หลังจากวันนั้นที่เขาบอกกับแม่ของเธอว่าจะมาหาในวันรุ่งขึ้น แต่พอมาถึงนางสีดาก็บอกว่าเธอไปทำงานแล้ว และหลังจากนั้นมาเขาก็ไม่ได้พบหน้าเธอและลูกสาวอีกเลยคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากอีกฝ่ายต้องการหลบหน้ากัน แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ยังแอบมาส่องหน้าบ้านเธอทุกคืน ไม่ได้เห็นหน้าขอเห็นหลังคาก็ยังดีแต่วันนี้เขาต้องพบเธอให้ได้ ก่อนที่อกจะแตกตายเพราะความอัดอั้นที่มีจนมากล้น แต่พอชายหนุ่มไปถึงบ้านของเมรีก็พบว่ามันปิดเงียบเชียบเหมือนไม่มีคนอยู่“มีใครอยู่ไหมครับ” ชิษณุกรตะโกนเรียก แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา และไม่ว่าจะเรียกอย่างไรก็ไม่มีใครขานตอบจากในบ้าน ไหนว่าลาป่วย หรือว่าอาการหนักจนต้องไปโรงพยาบาลยิ่งคิดก็ยิ่งห่วง รออยู่นานจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แน่ๆ ชายหนุ่มจึงยอมถอยไปตั้งหลักที่บ้านพี่ชาย แต่ทว่าตอนที่เขากำลังจะเข้าบ้านนั้นเอง ก็มีใครบางคนเดินสวนออกมาเสียก่อน“น้าสีดา น้าแผน”ชิษณุกรเผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจ โดยไม่ทันสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายที่ดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร“ที่แท้ก็มาอยู่นี่เอง เมื่อกี้ผมไปหาที่บ้าน แต่เห็นปิดป
“สะดุดตกคันนามาน่ะแม่ ฉันมันโง่เองน่ะแม่ เดินไม่ระวัง ไม่สิจริงๆก็ระวังแล้วล่ะ แต่ก็ยังอุตส่าห์พลาดอีกจนได้” เมรียิ้มเยาะตัวเอง ทั้งที่ตอนนี้ขอบตาร้อนผ่าวแต่เธอพยายามสะกดกลั้นไม่ปล่อยให้ความรู้สึกที่กำลังเอ่อท้นล้นออกมาฟ้องความอ่อนแอให้ใครเห็นเธอไม่ต้องการให้พ่อแม่หรือใครต้องเป็นห่วงหรือสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น“พูดอะไรของแกน่ะ แม่งงไปหมดแล้ว”“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่ อย่าสนใจเลย แล้วนี่เจ้าเวียงพิงค์ล่ะ ขึ้นนอนแล้วเหรอ”“อืม งอแงตั้งแต่หัวค่ำ บอกจะให้พาไปหาแกกับพ่อจ๋าที่ไร่โน้น แม่กับพ่อแกทั้งกล่อมทั้งปลอบอยู่ตั้งนานกว่าจะยอมนอนหลับได้”คำว่า ‘พ่อจ๋า’ ทำให้คนฟังสะอึก คงเป็นสายใยผูกพันทางสายเลือดที่ทำให้ลูกเธอติดเขา แม้ว่าจะพบกันไม่กี่หนลูกติดเขายังพออ้างได้ แต่เธอนี่สิหลงเชื่อเขาซ้ำๆ มากี่ครั้งกี่หนแล้วจะอ้างอะไรดี“งั้นฉันขึ้นไปดูลูกก่อนนะแม่”“อ้าว ไม่กินข้าวกินปลาก่อนเหรอ” คนเป็นแม่มองตามหลังแม่ลูกสาวที่เดินคอตกขึ้นบ้านไปเงียบๆ อย่างแปลกใจ“เป็นอะไรของมันไปอีกล่ะนั่น หรือว่า...”“เมรี! เมรี...” ยังไม่ทันได้คำตอบ ก็มีเสียงเรียกขึ้นที่หน้าบ้านอีกครั้ง“ใครกันมาตะโกนเรียกค่ำๆ มืดๆ” นางสีดา