คฤหาสน์อรรถสุนทรตั้งอยู่ในอาณาบริเวณกว้างขวาง ร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด ด้านหน้าอาคารอยู่ติดถนน ส่วนด้านหลังมีเนื้อที่กว้างขวางทอดยาวไปจดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่เรือนราชพฤกษ์ตั้งเยื้องไปทางซ้ายมือของอาคารสามชั้นหันหน้าออกสู่ถนน เหมาะกับการเปิดเป็นร้านอาหาร และที่สำคัญ รัตติกาลมีฝีมือดีเยี่ยมในการปรุงอาหาร ประกอบกับทับทิมค้นเจอตำราอาหารสูตรชาววัง ซึ่งสารภี อดีตนางข้าหลวงในวังเก่าผู้เป็นยายของรัตติกาลจดบันทึกไว้และนำมามอบให้รัตติกาล แล้วยังได้แม่ครัวฝีมือดีอย่างเจิม ลูกสาวแม่เอิบ แม่ครัวเก่าแก่ของคฤหาสน์อรรถสุนทรมาช่วยงาน จึงทำให้มีลูกค้ามากหน้าหลายตาเข้ามาลิ้มรสอาหารตำรับชาววัง
รัตติกาลเดินอุ้ยอ้ายออกมาจากเรือนครัวในจังหวะที่ประตูร้านถูกผลักเข้ามาพอดี “คุณแม่มาพอดีเลยค่ะ หนูกำลังจะให้เด็กยกข้าวต้มกุ้งไปตั้งสำรับที่ตึกอยู่เชียว” เสียงสดใสของรัตติกาลกับรอยยิ้มประจบเรียกรอยยิ้มจากสองสาวที่เพิ่งก้าวเข้ามาได้เป็นอย่างมาก
“พอดียายหนูภพพลอยเขาแวะไปทักทายแม่ที่ตึก แม่ก็เลยชวนเขามากินข้าวเป็นเพื่อนเสียเลย เพราะคุณพ่อของลูกออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ทีเดียววันนี้” ทับทิมเอ่ยกับหญิงสาวที่เธอเลี้ยงดูมาไม่ต่างจากลูกพลางทอดสายตาปรานีมองไปที่หน้าท้องนูนของรัตติกาลด้วยความอ่อนโยน
“ท่าทางเหมือนจะมีเคสเร่งด่วนนะคะ ที่โรงพยาบาลคงโทร. มาตาม หนูเห็นคุณพ่อเหมือนจะรีบมาก” รัตติกาลเดินเข้ามาเกาะแขนทับทิมพาเดินไปที่โต๊ะอาหาร
“คงจะเป็นแบบนั้นแหละจ้ะ ว่าแต่วันนี้ที่ร้านเรามีเมนูแนะนำอะไรบ้างล่ะ แม่ตั้งใจว่าจะเชิญคุณหญิงสีวิกามารับประทานอาหารกลางวันด้วยกันเสียหน่อย” ทับทิมเอ่ยถามพลางทิ้งกายลงบนเก้าอี้ที่รัตติกาลเลื่อนให้
“คุณหญิงสีวิกา ราชโยธิน น่ะเหรอคะคุณแม่” รัตติกาลเอียงคอเล็กน้อยขณะทอดสายตามองทับทิมด้วยความประหลาดใจก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ทับทิม
คุณหญิงสีวิกา ราชโยธิน นั้นเดิมนามสกุลเนติธร ก่อนจะสมรสกับพลตำรวจเอกเทิดศักดิ์ ราชโยธิน คุณหญิงสีวิกาจึงขึ้นชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับภูริช เนติธร บิดาของคุณหญิงสีวิกาเป็นญาติผู้พี่ของพันตรีหลวงสีหราชเดโช หรือเรืองศักดิ์ เนติธร บิดาของภูริช และเป็นทายาทผู้ครอบครองสมบัติทั้งหมดของเนติธร หลังจากที่เรืองศักดิ์เสียชีวิตและครอบครัวเนติธรตัดขาดจากครอบครัวอรรถสุนทร ขณะที่ภูริชได้รับการเลี้ยงดูโดยคุณหญิงยี่สุ่น จึงขาดการติดต่อกับญาติทางฝ่ายบิดานับจากนั้นมา
ปัญหาระหว่างครอบครัวเนติธรกับอรรถสุนทรนั้นเป็นอดีตที่ทุกคนไม่ต้องการจะรื้อฟื้น กระทั่งคนรุ่นก่อนทยอยจากไป ทั้งคุณหญิงรัตนาวดี พระยาเนติธร และคุณหญิงยี่สุ่น ทำให้คนรุ่นหลังต่างพร้อมใจกันฝังและลบลืมเรื่องราวต่างๆ และความบาดหมางในอดีตไปจนหมดสิ้น
“ใช่จ้ะ แม่อยากจะเลี้ยงตอบแทนที่คุณหญิงท่านซื้อขนมจากอังกฤษมาฝากเรายังไงล่ะจ๊ะ” ทับทิมเอ่ย
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวลูกโทร. ไปเรียนเชิญท่านให้เองค่ะ ส่วนเรื่องอาหาร คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ลูกทราบว่าคุณหญิงท่านโปรดเมนูอะไรบ้าง เดี๋ยวลูกจัดการให้ค่ะ” รัตติกาลขันอาสาอย่างแข็งขัน
“ขอบใจมากจ้ะ...” ทับทิมยิ้มอ่อนโยนกับรัตติกาลก่อนจะหันมาทางหลานสาวที่ทิ้งตัวนั่งลงในฝั่งตรงข้าม
“วันนี้ไม่มีธุระที่ไหนใช่ไหมจ๊ะภพพลอย อยู่ช่วยแม่รัตติกาลเตรียมอาหารไว้ต้อนรับเพื่อนของน้าก่อนได้ใช่ไหม”
“ได้ค่ะคุณน้า ก่อนจะมาหนูบอกตากับยายไว้แล้วค่ะว่าจะอยู่ช่วยคุณรัตติกาลเธอต่อเลย” ภพพลอยตอบอย่างไม่ลังเล
“ใกล้กำหนดสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ ภพพลอยมาอยู่ช่วยฉันจะไม่เสียเวลาอ่านหนังสือหรอกหรือ” รัตติกาลเอียงคอเล็กน้อยขณะทอดสายตามองสาวรุ่นน้อง
“ภพอ่านก่อนมาแล้วค่ะคุณรัตติกาล ภพต้องตื่นมาอ่านหนังสือตั้งแต่เช้ามืดทุกวันอยู่แล้วค่ะ” เธอตอบเสียงอ่อนพลางเอื้อมมือคว้าช้อนมาวางลงในชามข้าวต้มกุ้งควันฉุยส่งกลิ่นหอมเตะจมูกที่เจิมยกออกมาเสิร์ฟ
“แน่ใจแล้วนะว่าจะเลือกเรียนสื่อสารมวลชนจริงๆ ไม่ใช่เลือกตามอารมณ์เพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ของเราหรอกนะเพราะเรื่องเรียนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันหมายถึงอนาคตของชีวิตเราทั้งชีวิต เธอควรเลือกเรียนให้ตรงตามความถนัด เลือกตามที่ใจรัก ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น” รัตติกาลเตือนสติสาวรุ่นน้องตามประสาคนรักใคร่ชอบพอและมีความหวังดีให้กันและกัน
“ที่ภพเลือกเรียนทางด้านนี้เพราะภพรักการถ่ายภาพ ภพเคยฝันว่าสักวันภาพที่ภพถ่ายจะมีประโยชน์แก่งานที่ภพทำ และภพเลือกงานข่าวค่ะคุณรัตติกาล” ภพพลอยตอบอย่างมั่นใจ
“ไม่ใช่เพราะลูกชายคุณหญิงสีวิกาเป็นแรงบันดาลใจหรอกนะ” รัตติกาลกระเซ้าสาวรุ่นน้องที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปาก ทำให้ฝ่ายนั้นเกือบสำลักเพราะคำถามของเธอ
“คุณรัตติกาลพูดอะไรคะ ทำไมเขาต้องเป็นแรงบันดาลใจของภพด้วยล่ะ” ภพพลอยซ่อนหน้าแดงก่ำหลบสายตาทับทิม
“เพราะฉันเห็นเธอแอบมองเขาตาละห้อยอยู่นะสิ แล้วคุณรอยสยามเธอก็เป็นช่างภาพ เธอเลยอาจจะเอาความรู้สึกผิวเผินนี้ไปตัดสินใจเลือกเรียนสื่อสารมวลชนยังไงล่ะ” รัตติกาลเอ่ยตามตรงอย่างที่ใจคิด
“แม่คิดว่าหนูภพพลอยไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบหรอกนะจ๊ะรัตติกาล ถ้าภพพลอยตัดสินใจที่จะเรียนสื่อสารมวลชนก็ย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่าน้องเลือกอย่างมีสติที่สุดแล้ว”
“หนูก็แค่ไม่อยากให้ภพพลอยตัดสินใจพลาดเหมือนหนูเท่านั้นเองค่ะ” ความเจ็บช้ำลึกๆ ทำให้รัตติกาลเอ่ยตามที่รู้สึก
ทับทิมถอนหายใจยาวอย่างเห็นใจและเข้าใจรัตติกาล
ภพพลอยถึงกลับพูดไม่ออกไปเช่นกัน เธอพอจะทราบถึงความทุกข์ของรัตติกาล แต่ก็ทำได้แค่เป็นกำลังใจให้เท่านั้น เด็กอย่างเธอคงไม่อาจหาญไปปลอบโยนสาวรุ่นพี่ จึงรีบซ่อนสายตาก้มหน้าก้มตารับประทานข้าวต้มในชามต่อโดยไม่พูดไม่จา
คฤหาสน์อรรถสุนทรตั้งอยู่ในอาณาบริเวณกว้างขวาง ร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด ด้านหน้าอาคารอยู่ติดถนน ส่วนด้านหลังมีเนื้อที่กว้างขวางทอดยาวไปจดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่เรือนราชพฤกษ์ตั้งเยื้องไปทางซ้ายมือของอาคารสามชั้นหันหน้าออกสู่ถนน เหมาะกับการเปิดเป็นร้านอาหาร และที่สำคัญ รัตติกาลมีฝีมือดีเยี่ยมในการปรุงอาหาร ประกอบกับทับทิมค้นเจอตำราอาหารสูตรชาววัง ซึ่งสารภี อดีตนางข้าหลวงในวังเก่าผู้เป็นยายของรัตติกาลจดบันทึกไว้และนำมามอบให้รัตติกาล แล้วยังได้แม่ครัวฝีมือดีอย่างเจิม ลูกสาวแม่เอิบ แม่ครัวเก่าแก่ของคฤหาสน์อรรถสุนทรมาช่วยงาน จึงทำให้มีลูกค้ามากหน้าหลายตาเข้ามาลิ้มรสอาหารตำรับชาววังรัตติกาลเดินอุ้ยอ้ายออกมาจากเรือนครัวในจังหวะที่ประตูร้านถูกผลักเข้ามาพอดี “คุณแม่มาพอดีเลยค่ะ หนูกำลังจะให้เด็กยกข้าวต้มกุ้งไปตั้งสำรับที่ตึกอยู่เชียว” เสียงสดใสของรัตติกาลกับรอยยิ้มประจบเรียกรอยยิ้มจากสองสาวที่เพิ่งก้าวเข้ามาได้เป็นอย่างมาก “พอดียายหนูภพพลอยเขาแวะไปทักทายแม่ที่ตึก แม่ก็เลยชวนเขามากินข้าวเป็นเพื่อนเสียเลย เพราะคุณพ่อของลูกออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ทีเดียววันนี้” ทับทิมเอ่ยกับหญิง
“ไปกินที่เรือนนู้นดีกว่าจ้ะ หนูภพอยู่กินข้าวต้มเป็นเพื่อนน้าก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ” ทับทิมเอ่ยชวนเสียงอ่อน เธอมีเรื่องที่ยังอยากคุยกับภพพลอยอีกมาก จึงไม่ยอมให้เด็กสาวหลบเหลี่ยงด้วยการหนีกลับบ้านก่อน “ค่ะคุณน้า” ภพพลอยรับคำง่ายๆ ก่อนจะเดินตามหญิงรูปร่างงดงามสมวัยผ่านประตูไม้สักออกไป กาลเวลาในบ้านอรรถสุนทรหยุดนิ่งเมื่อสองสาวต่างวัยพากันเดินผ่านบานไม้สลักลายวิจิตรไปจนลับสายตาเสียงเพลงแผ่วหวานจากเทปแคสเซตต์ตลับเดิมพลันบรรเลงขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ม้วนเทปเดินเบาๆ ถ่ายทอดบทเพลงที่ขับร้องโดยนักร้องดังของยุคขับกล่อมสตรีสูงวัยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยกซึ่งขยับเบาๆ อยู่ข้างหน้าต่าง ไม่ไกลจากตู้ไม้สักที่วางเครื่องเสียง ใบหน้าของสตรีสูงวัยคนดังกล่าวไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากในรูปถ่ายที่ติดอยู่บนผนังตรงโถงบันไดเลยแม้แต่น้อย นางนุ่งห่มด้วยชุดไทยงดงาม เสื้อแพรไหมสีเขียวโศกแขนยาวพองฟู จับจีบเข้ารูปที่เอว ทับด้วยโจงกระเบนลายดอกพิกุลสีเม็ดมะปรางสุก รัดด้วยเข็มขัดทองงามอร่าม สร้อยคอทองคำเส้นใหญ่แขวนพระเลี่ยมทองคล้องอยู่ในลำคอ ข้อมือข้างหนึ่งสวมกำไลทองวงเล็ก นิ้วนางข้างซ้ายสวมแหวนนพเก
ประนอม คนงานหญิงของบ้านอรรถสุนทรเดินออกมาต้อนรับ ภพพลอยจึงยื่นกล่องเก็บความเย็นที่บรรจุกุ้งแม่น้ำส่งตรงจากอยุธยาให้นำไปที่เรือนราชพฤกษ์ ส่วนเธอเดินสำรวจรอบบ้านด้วยความสบายใจ ปล่อยความรู้สึกเพริดไปกับเสียงขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษ ดังเคล้าเสียงดนตรีจากเครื่องเล่นเทปแคสเซตต์ที่วางอยู่บนตู้ไม้สักแกะสลักชิดผนังข้างบันได สร้างความอ่อนหวานให้คฤหาสน์อรรถสุนทรมากจนหญิงสาวอดเคลิ้มไปกับบทเพลงแผ่วหวานที่ได้ยินไม่ได้ ภพพลอยหยุดยืนมองบันไดไม้สักที่มีขอบราวจับเป็นไม้ลูกระนาดทอดตัวยาวโค้งพาดผ่านจากชั้นที่สามลงมาชั้นที่สอง แล้วแยกออกซ้ายขวาไปบรรจบที่พื้นชั้นล่างสุด บนผนังเหนือโถงบันไดมีภาพถ่ายขนาดใหญ่ในกรอบไม้ลงสีทองแกะสลักด้วยลวดลายแปลกตาตรึงติดอยู่ หญิงสาวยกมือพนมก้มศีรษะจดปลายนิ้วมือทั้งสิบไหว้ท่านผู้เป็นเจ้าของบ้านในภาพอย่างให้ความเคารพเหมือนเช่นทุกครั้งที่ได้มาเยือนคฤหาสน์อรรถสุนทรแห่งนี้ ‘ไหว้พระเถอะลูก...แม่พุดซ้อน’ เสียงอ่อนโยนแผ่วเบาดังมาจากที่ไกลๆ คล้ายเจ้าของเสียงอยู่ห่างจากเธอมาก ทว่าเสียงนั้นกลับชัดเจนจนกลบเสียงไพเราะของผู้ที่กำลังขับขานบทเพลงพระราชน
หาดทรายสีขาวสะอาดกับระลอกคลื่นที่ซัดสาดเข้าหาชายฝั่ง ทำให้หนุ่มน้อยซึ่งเป็นแชมป์ว่ายน้ำของโรงเรียนไม่ลังเลที่จะลงไปโต้เกลียวคลื่นในทะเลกับบรรดาลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นด้วยความสนุกสนาน สามหนุ่มเล่นน้ำตามประสาอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะท้าแข่งกันว่ายน้ำกลับเข้าฝั่ง รอยสยามซึ่งมีดีกรีแชมป์ว่ายน้ำจึงต่อให้สองหนุ่มเจ้าถิ่นเล็กน้อยด้วยการนับถึงสิบแล้วจึงว่ายตามไป แต่ในจังหวะที่รอยสยามเกือบจะเป็นผู้นำ เขากลับเห็นเด็กหญิงร่างเล็กพลัดหลุดจากห่วงยาง เด็กหนุ่มจึงพุ่งตัวว่ายเข้าไปช่วยดึงเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมาได้ทันท่วงที “กรี๊ด!! ภพพลอย” พิมพ์กรีดร้องลั่นเมื่อเห็นบุตรสาวพลัดหลุดจากห่วงยางแล้วจมน้ำต่อหน้าต่อตา ก่อนที่เด็กชายซึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่ไม่ห่างจากบุตรสาวของเธอจะคว้าภพพลอยขึ้นมาได้ทัน พิมพ์รีบย่ำลงไปในทะเล คว้าตัวลูกสาวที่กำลังสำลักน้ำจนหน้าตาแดงมาจากอ้อมแขนของเด็กชาย พร้อมกับปลอบลูกสาวที่ร้องสะอื้นเพราะความตกใจ ก่อนจะหันมาละล่ำละลักขอบคุณเด็กชายเสียงรัว “ขอบใจนะจ๊ะหนูที่ช่วยน้องไว้” “ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ใกล้น้องพอดี แต่น้องยังเด็กแล้วก็ว่ายน้ำไม่
หัวใจของคนเป็นแม่แทบสลายไปพร้อมกับเสียงคร่ำครวญระโหยไห้ปิ่มจะขาดใจของบุตรสาว กับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของชายผู้เป็นสามี ร่างกายที่ควรอวบอิ่มตามสภาวะตั้งครรภ์กลับดูผ่ายผอม ซูบซีด ใบหน้าที่เคยหวานซึ้งตอบลงจนเห็นได้ชัด ดวงตาซึ่งเคยกระจ่างใสก็หม่นหมอง เหลือเพียงร่องรอยแห่งความเศร้าระทมใจ ผู้เป็นแม่เอื้อมมือเหี่ยวย่นไปวางลงบนบ่าที่กำลังสั่นสะท้านตามแรงสะอื้นของบุตรสาว “ตัดใจเสียบ้างเถอะแม่พุดซ้อน ลูกไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว จะอย่างไรก็คิดถึงหลานของแม่ที่อยู่ในท้องของลูกบ้างเถอะนะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอาทร เต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านคือต้นเหตุแห่งความทุกข์ที่เกิดกับบุตรสาว ทิฐิและความอคติของลูกถูกบ่มเพาะถ่ายทอดมาจากนิสัยของท่านทั้งสิ้น หรือเป็นเพราะบาปเวรที่ท่านเคยกระทำไว้กับหลายชีวิต สวัสดิ์ บุตรชายของท่านก็จากไปแล้วคนหนึ่งแล้วเวรกรรมยามตามตกมาที่บุตรสาวผู้เป็นดังดวงใจที่เหลือเพียงดวงเดียวของท่านอีก คุณหญิงยี่สุ่น อรรถสุนทร ผู้เป็นมารดาของพุดซ้อนเป็นสตรีร่างเล็ก วงหน้ารูปไข่ งดงามสมวัย ดวงตาคมลึกเคยฉายแววความเข้ม