หลายวันต่อมา…
มายาวียังคงกลายเป็นคนเร่ร่อน เดินวนเวียนอยู่แถวป้ายรถเมล์ที่เปรียบเสมือนที่พักอาศัยของเธออีกแห่ง เข้าวันที่สามแล้วกับการใช้ชีวิตรอความตายอยู่แบบนี้ ด้วยสภาพที่มอมแมมเธอคิดว่าไปหางานทำก็คงไม่มีใครรับบางวันจึงหาเก็บขวดแถวนั้นไปขายพอได้ค่าน้ำค่ามาม่ากินดำรงชีวิตไปวันๆ
“ป่านนี้ยัยเปรมเป็นห่วงแล้วมั้งเนี่ย” เสียงหวานมีความแหบพร่านิดๆ เอ่ยกับตัวเอง เนื่องจากโทรศัพท์พังจึงทำให้ไม่ได้ติดต่อกับเปมิศาอีกเลยตั้งแต่วันนั้น
และเพราะเธอมาไกลจากที่พักของเปมิศาจะให้เดินไปหาก็คงมีเรี่ยวแรงไม่เพียงพอและตอนนี้ก็มืดแล้ว เธอไม่รู้ว่ากี่โมงหากให้เดาเอาคงจะสามสี่ทุ่มแล้วแหละ
โครกคราก~ เสียงอันน่าเกียจดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด มือเล็กยกขึ้นมาลูบท้องตัวเองเป็นการปลอบใจมันเบาๆ แล้วทิ้งตัวนอนลงบนพื้นที่เธอใช้ผ้าขนหนูผืนเก่าปูเพื่อนอนอยู่ด้านหลังป้ายรถเมล์
ครืดๆ~ เปรี้ยงๆ!! ช่วงหน้าฝนแบบนี้มันก็ตกแทบทุกวัน หากเป็นคนอื่นคงนอนหลับสบายอยู่บนที่นอนนุ่มๆ แต่กับมายาวีมันเป็นสิ่งที่ให้ความทรมานมากที่สุด นอกจากความหนาวเย็นก็ยุงที่มาชุมนุมบนตัวเธอนี่แหละ
“หิวก็หิว ยุงก็ยังจะเยอะอีกนะ” บ่นพลางหยัดกายลุกขึ้นนั่งตบยุงตามตัว “เฮือกกก!!” และเมื่อหันไปทางเก้าอี้ด้านข้างก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีคนยืนกอดอกมองเธออยู่ด้วยสายตาเย็นชา
“ทำไมยังอยู่ที่นี่” เสียงทุ้มเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้หันหลังให้มายาวีที่ตอนนี้ลุกขึ้นแล้วเดินไปหยุดที่มุมหนึ่งเว้นระยะห่างจากเขาไว้มากกว่าครั้งที่แล้ว
“หนูไม่รู้จะไปที่ไหน”
“…”
“คุณไม่ได้ซื้ออะไรมากินอีกเหรอคะ?”
“ฉันแค่มาหลบฝน”
“อ่อ”
“เงินที่ฉันให้ไปล่ะ?” หรี่ตามองสำรวจเด็กสาวตัวเล็กที่ยิ่งนับวันสภาพเธอจะยิ่งแย่ไปเรื่อยๆ กลิ่นตัวที่เหม็นเหมือนขยะเน่า ใบหน้าและผิวที่เขามองว่ามันขาวก่อนหน้านี้เปรอะเปื้อนไปหมด
“คะ คือหนู…”
“…” เปลวเพลิงชายตาขึ้นไปมองเธอด้วยแววตาเย็นเหยียบเมื่อเห็นท่าทางที่อึกอักของสาวน้อย ท่าทางแบบนี้เขาไม่ชอบมันที่สุด
“มีคนมาแย่งหนูไป แย่งไปหมดเลย…” มายาวีพูดพร้อมหลุบตาต่ำมองพื้น
หลังจากเขากลับไปวันนั้นตอนเช้าเธอก็ตั้งใจจะไปซื้อของกินแต่ยังไม่ทันได้เดินไปถึงไหนก็มีกลุ่มอันธพาลมาแย่งเงินของเธอไปหมด ทำให้เธอได้ดื่มเพียงน้ำเปล่าในวันนั้น
“แล้วทำไมถึงปล่อยให้มันแย่ง?”
“พวกเขาเป็นผู้ชายมีสามสี่คน”
“ผู้ชายกลุ่มนั้น?”
“…” พยักหน้างึกงักให้เขาที่มองเธออยู่
“คุณเป็นคนรวยใช่ไหม คุณมีงานให้หนูทำรึเปล่าคะหนูอยากทำงาน ทำงานอะไรก็ได้ค่ะหนูทำได้หม…” ร่างเล็กพูดไม่จบประโยคร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปขึ้นรถขับออกไปอย่างไม่รอฟังคำขอร้องของเธอเลยสักนิด
“ฮรึก ทำไมไม่ฟังกันบ้าง” ทั้งที่ฮึบมาได้หลายวันแต่พอมันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มทนไม่ไหว มายาวีเงยหน้าขึ้นมองหลังคาเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลก่อนจะนั่งลงบนพื้นกอดเข่าตัวเองมองฝนที่ยังคงตกอยู่
….
บรืนนน~ เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง รถสปอร์ตคันหรูที่เพิ่งขับออกไปกลับมาจอดที่เดิม มายาวีที่นั่งกอดเข่าตัวเองหลับอยู่ถูกปลุกด้วยความเย็นที่แตะลงบนแก้มทำให้เธอสะดุ้งตื่น
“คุณ!” เรียกชายหนุ่มร่างสูงด้วยความดีใจที่เห็นเขากลับมา พรึ่บ! เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่โยนขวดน้ำเปล่า น้ำอัดลม และถุงของกินอีกหลายอย่างลงบนพื้นตรงหน้ามายาวีพร้อมเงินสดอีกปึกหนึ่ง
“ฉันหวังว่าพรุ่งนี้จะไม่เจอเธอที่นี่นะ” ทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นี้แล้วก็เดินออกไป
“ขอบคุณนะคะ” มายาวีลุกขึ้นยืนพร้อมตะโกนขอบคุณเขาที่ไม่ได้เหลียวหลังมามองเธอ ได้ขึ้นรถแล้วก็ขับออกไปทันที
มือเล็กรีบเก็บซ่อนเงินไว้ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นที่อยู่ด้านใน มีกางเกงขายาวสวมทับอีกตัว เธอหิ้วของกินไปนั่งกินที่นอนของเธอ กินไปด้วยความเอร็ดอร่อยและหิวโหยมาหลายวันจนเมื่อกินอิ่มจึงได้นอนหลับสบายกว่าหลายๆ ที่ผ่านมา
ตอนเช้า…
“วันนี้จะไปไหน” เสียงของปรัชญาเอ่ยถามน้องชายที่เดินลงมาจากชั้นสองในชุดทำงาน เปลวเพลิงไม่ได้ตอบเพียงแต่เดินไปรับแก้วกาแฟจากแม่บ้านนำมานั่งจิบตรงข้ามพี่ชาย
“กูถามครับ”
“มึงก็รู้ว่ากูทำงานทุกวันจะถามหาเหี้ยไร”
“เอ้า! กูถามแค่นี้ต้องใช้คำหยาบเลยเหรอ!?”
“…” ยกกาแฟร้อนๆ มาจิบ ไม่อยากสนใจสายตาที่เกรี้ยวกราดของพี่ชาย พี่ชายที่มีนิสัยเหมือนแม่ไม่มีผิดเพี้ยนจู้จี้จุกจิกยิ่งกว่าใครในบ้าน
“ป๊ากับม๊าจะมาเที่ยวเย็นนี้”
“ไม่ได้อยากรู้”
“อ่า กูบอกแล้วนะ”
“กูก็ได้ยินแล้ว”
“มึงก็รู้ไอ้เพลิงว่าม๊ามาเพราะเรื่องอะไร” หากไม่ใช่เรื่องลูกสะใภ้พวกท่านไม่มีทางมาหาลูกชายจอมเกเรทั้งสองถึงคฤหาสน์สุดหรูนี่อย่างแน่นอน
“วันนี้กูไม่กลับบ้าน”
“ไม่กลับได้ไงกูก็บอกอยู่ว่าป๊ากับม๊าจะมา”
“ก็เพราะพวกเขาจะมาแล้วก็มาบ่นกูแข่งกับมึง ประสาทจะแดก” พูดจบก็กระดกกาแฟดื่มจนหมดแก้ว ตามด้วยน้ำเปล่าที่แม่บ้านนำมาเสิร์ฟแล้วจึงเดินผ่านหน้าพี่ชายไป
“กูมากกว่ามั้งที่ต้องประสาทแดกเพราะมีน้องชายเป็นมนุษย์น้ำแข็งแบบมึงน่ะ!!” ปรัชญาตะโกนตามหลังน้องชายไปด้วยความเอือมระอากับพฤติกรรมชั่วช้าของหมอนี่
….
“ไปที่ไหนครับ” เมื่อเปลวเพลิงเข้ามานั่งในรถแล้วคนขับอย่างรัญช์ก็เอ่ยถามถึงสถานที่ที่นายจะไป
“บริษัท”
“ครับ” จากนั้นรถก็ขับเคลื่อนออกจากตัวคฤหาสน์มุ่งหน้าไปยังบริษัทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ KR.PUS เป็นเครื่องดื่มที่กำลังมาแรงในตอนนี้ นอกจากเพื่อสุขภาพแล้วยังมีรสชาติที่ถูกปากคนไทยทำให้ขายดีตั้งแต่วันแรกที่วางจำหน่ายจนถึงตอนนี้
เปลวเพลิงนั่งมองวิวระหว่างนั่งรถไปเพลินๆ การทำงานที่หนักแทบทุกวันนั้นทำให้เขาเริ่มเหนื่อยล้าแต่เพราะทุกอย่างยังไม่ได้ดั่งเป้าหมายที่วางไว้เขาจึงต้องขยันทำมุ่งมั่นที่จะทำมันต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ
“ให้ตาย!” ชายหนุ่มสบถขึ้นกับตัวเอง เขายกข้อมือขึ้นมาดูเวลาจากนาฬิกาเรือนแพงที่บ่งบอกเวลาอีกสิบนาทีจะแปดโมงเช้า รัญช์ที่ได้ยินเสียงผู้เป็นนายสบถอะไรสักอย่างออกมาก็ไม่ลืมที่จะลอบมองผ่านกระจก
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ถอยกลับไปเข้าซอยเมื่อกี้”
“ครับ อ้อ..” พยักหน้ารับแล้วเลี้ยวรถกลับไปยังซอยที่ผ่านมาเมื่อครู่ รัญช์มองผู้เป็นนายผ่านกระจกหลังเพื่อรอฟังคำสั่งจนมาถึงจุดที่มีกลุ่มผู้ชายสองสามคนยืนล้อมหญิงสาวตัวเล็กอยู่เปลวเพลิงจึงสั่งให้เขาจอดแล้วเดินลงไป
“กล้าดีนะที่วิ่งตามมาถึงถิ่นพวกกู!” หนึ่งในผู้ชายสี่คนที่มีผมส้มสีส้มแจ่มจี๊ดที่สุดดังขึ้น เปลวเพลิงหรี่ตามองเด็กสาวที่เขาคิดว่าไม่น่าจะจำผิดและเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นเด็กที่ชื่อมายาวีอะไรนั่นจริงๆ
“นะ หนูขอเงินคืนด้วยนะคะ เงินนั่นเป็นของหนู” มือเล็กยื่นไปยังตรงหน้าผู้ชายผมส้ม
“ของมึงก็ต้องอยู่ที่มึงดิวะจะมาอยู่ที่พวกกูได้ไงอีขอทาน!!”
“แต่ว่ามันเงินของหนูและพวกพี่เอามันไปนะคะ”
“ขอทานอย่างมึงจะไปมีปัญญาหาเงินมาจากไหน นอกจากไปขโมยมาน่ะสิ รึอยากให้กูไปแจ้งตำรวจมึงจะได้ติดคุก ฮ่าๆ!”
“ให้เงินพวกกูมาแล้วก็ถือว่าจบ จะได้ไม่โดนลากไปข่มขืนแล้วฆ่าหมกป่า”
“ถ้างั้นหนูขอ ขอสักพันหนึ่งนะจ๊ะ”
“กูไม่ให้!!”
“มันเงินของหนูพวกพี่ไม่ควรจะทำแบบนี้นะ”
“หุบปากแล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ก่อนที่พวกกูจะจับมึงรุมโทรม!”
“หุบปากแล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ก่อนที่กูจะหมดความอดทน” สุ้มเสียงทุ้มกังวานของเปลวเพลิงดึงความสนใจจากกลุ่มอันธพาลรวมไปถึงมายาวีให้หันมามอง ร่างเล็กรีบวิ่งไปยืนด้านหลังเขาอย่างไม่สนใจว่าเขาจะรังเกียจหรือไม่เพียงแต่อยากให้เขาช่วยนำเงินจากคนพวกนั้นคือให้
“คะ คุณเพลิง!!” ผู้ชายกลุ่มนั้นเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจ
“ชอบเหรอกับการรังแกคนที่อ่อนแอกว่า กูก็ชอบเหมือนกันนะ” เปลวเพลิงถามผู้ชายวัยประมาณยี่สิบกลางๆ พร้อมกวักมือเรียกคนสนิทที่ยืนอยู่หน้ารถ รัญช์จึงวิ่งเข้ามารอฟังคำสั่งจากผู้เป็นนาย
“พวกผมไม่ได้รังแกเธอนะครับ จู่ๆ มันก็วิ่งมาจะขอเงินจากพวกผมทั้งที่มันเป็นเงินของพวกผม”
“ไม่ใช่นะคะ เงินนั่นไม่ใช่ของพวกพี่มันเป็นเงินของหนู”
“อีขอทานมึงอย่ามาพูดมั่วๆ นะ!!”
“แต่เท่าที่จำได้ กูเป็นให้เงินขอทานคนนี้เองนะ” สิ้นประโยคที่เรียบเย็นจากเปลวเพลิง ผู้ชายสามสี่คนนั้นก็ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อมองหน้ากันประมาณว่าเอาไงต่อดี
กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ตอนที่ลูกๆ ของมายาวีเติบโตเป็นสาวเป็นหนุ่มแล้ว ณลิลในวัยสิบเจ็ดปีและเป็นหนึ่งในวัยสิบสามปี ส่วนคุณแม่ก็ปาไปสามสิบปลายๆ และคุณพ่อที่จะห้าสิบอยู่ไม่กี่ปีทว่าความรักของพวกเขากลับไม่เคยลดน้อยถอยลงเลยแม้แต่น้อย“คุณพ่อขา คุณแม่ไปไหนเหรอคะ” เสียงหวานใสของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีอย่างณลิลวิ่งเข้ามานั่งบนพื้นพับเพียงข้างผู้เป็นพ่อที่นั่งอ่านข่าวกีฬาจากไอแพดอยู่ เปลวเพลิงวางไอแพดลงยกมือขึ้นมาลูบผมบุตรสาวอย่างอ่อนโยน“คุณแม่ไปตลาดกับน้องครับ”“วันนี้วันเกิดเพื่อนหนูขอไปได้ไหมคะ?”“รอขอแม่ก่อนไหมครับ”“อือ คุณแม่ไม่ให้ไปอยู่แล้ว”“แล้วคิดว่าพ่อจะให้ไปเหรอ”“ก็คุณพ่อใจดีกว่าคุณแม่นี่คะ ณินก็ไปด้วยนะคะหนูไม่ได้ไปคนเดียว”“หนูเพิ่งอายุสิบเจ็ดเองนะ จะหัดเที่ยวกลางคืนแล้วเหรอ” ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่แข็งหรือว่าอ่อนนุ่มจนเกินไป ณลิลขยับขึ้นไปนั่งบนโซฟายกแขนขึ้นมากอดอกแสดงท่าทาเอาแต่ใจออกมา“ไม่รักหนูแล้วล่ะสิถึงพูดแบบนี้”“ถ้าหนูดื้อพ่อก็ไม่รัก”“คุณพ่ออ่า” ขยับเข้าไปโอบกอดผู้เป็นพ่อที่มีอายุจะห้าสิบแล้วทว่าความหล่อของเขากลับไม่แผ่วลงเลยสักนิด ยิ่งอายุเยอะก็ยิ่งหล่อดึงดูดสาว
ผ่านไปไม่กี่เดือนคุณแม่มือใหม่อย่างมายาวีก็ได้ให้กำเนินลูกสาว ทุกคนต่างเห่อมาก มาดูและชื่นชมกันไม่หยุดหย่อนแต่เปลวเพลิงคุณพ่อมือใหม่กับเห็นแววดื้อรั้นของลูกสาวตั้งแต่เกิดมาไม่กี่ชั่วโมง ดูจากตอนนี้ที่ร้องไม่หยุดแม้จะมีนมจากเต้าของแม่อุดปากอยู่ก็ตาม…“โอ๋ๆ หนูจะร้องทำไมลูก คุณหมอคะเขาเจ็บหรือเปล่าทำไมร้องไม่หยุดเลย” มายาวีหันไปถามคุณหมอที่กำลังยืนคุยอยู่กับเปลวเพลิงเมื่อลูกสาวตัวน้อยนั้นร้องไม่ยอมหยุด แม้จะอ้าปากคาบนมแต่ก็ยังส่งเสียงร้องออกมาด้วย“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เด็กร้องน่ะดีแล้ว”“อ่อ เงียบแล้ว” ก้มมองเด็กน้อยในอ้อมอกที่ปิดเปลือกตาลงแล้ว ปากยังคงดูดนมเธออย่างเอร็ดอร่อย มายาวีถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อลูกสาวหลับไปแล้วใช้เวลาพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลไม่กี่วันก็กลับมาเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านจนตอนนี้ครบสามเดือนแล้ว คุณแม่มือใหม่กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแทบทุกวันจนบางคืนคุณพลับพลึงต้องมานอนที่นี่เพื่อช่วยลูกสะใภ้เลี้ยงหลานสาวตัวน้อยที่อ้อนเก่งเสียเหลือเกิน“ณลิลน้อย ดูดนมเก่งแล้วนะเรา” เสียงหวานใสของคุณแม่ที่นั่งอุ้มเด็กน้อยอยู่ในอกดังขึ้น ดวงตากลมใสจ้องมองลูกสาวตัวน้อยที่ดูดนมจ๊วบจ๊วบหล
บ้านปรัชญา…ภายในบ้านที่กำลังครึกครื้นเมื่อทุกคนยกเว้นเรมิกับรัญช์ต่างพากันมารวมตัวกันเมื่อพูดคุยสังสรรค์กันเป็นประจำแทบทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ ตอนนี้ปัณณพรกับเปมิศาย้ายมาอยู่ที่บ้านของปรัชาแล้วเพราะทั้งคู่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อเดือนที่แล้วปัณณพรแยกทางกับสามีโดยมีปรัชญาสั่งห้ามไม่ให้พ่อของเปมิศาเข้ามาวุ่นวายที่นี่แต่จะส่งเงินให้รายเดือนเอาซึ่งสองแม่ลูกตกลงเพราะสามีเอาแต่เมาไม่ทำมาหากินตัวปัณณพรจึงไม่ได้ต้องการมาสร้างปัญหาให้ตัวเองสักเท่าไหร่“แล้วทำไมหนูเรมิไม่มาล่ะ” ปัณณพรเอ่ยขณะกำลังล้างผักเพื่อเตรียมอาหารให้เด็กๆ อยู่ในครัวกับลูกสาวคนสวยที่คอยเป็นลูกมือ“ตีกันกับพี่รัญช์มั้งคะ”“ตีกีนจริงไหม?”“ก็ทะเลาะกันปกติแหละค่ะ เถียงกันนิดๆ หน่อย”“เรมิเอาแต่ใจครับ พอถูกรัญช์ตามใจก็เคยตัวแต่ช่วงนี้รัญช์มันเริ่มเอาจริงเรมิก็เลยงอแงน้อยใจ” ปรัชญาที่นั่งหั่นเนื้อสัตว์อยู่บนโต๊ะกลางครัวเอ่ยขึ้นบ้าง เขารู้มาจากเปลวเพลิงว่าช่วงนี้รัญช์ดุขึ้นซึ่งนั่นคือนิสัยที่แท้จริงของหมอนั่นและที่ดุก็คงเพราะภรรยาสาวของตัวเองคงจะดื้อมากจนเกินไป เขาไม่ได้ห้ามหรือเข้าไปยุ่งเพียงแต่แค่กำชับรัญช์ไว้แค่สองอย่างคือเรื่องนอ
หลายเดือนต่อมา…“พี่เพลิงคะ” เสียงหวานของหญิงสาวร่างเล็กเอ่ยเรียกแฟนหนุ่มที่กำลังปลูกดอกไม้อยู่หน้าบ้าน เขาละมือจากงานตรงหน้าเพื่อหันไปมองแฟนสาวที่กำลังเดินตรงมาทางเขา“ว่าไงครับ?”“พี่เรมิโทรมาชวนไปนั่งเล่นที่คาเฟ่ ขอไปนะคะ”“อืม รอพี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”“หนูไปคนเดียวไม่ได้เหรอคะ?”“นัดผู้ชายไว้?” ถามเสียงเข้มๆ จ้องหน้าแฟนสาวอย่างจับผิด ร่างเล็กส่ายหัวให้ก่อนจะจูงมือหนาพาเดินเข้าไปในบ้าน“มีผู้ชายให้นัดก็ดีสิคะ”“แล้วทำไมถึงอยากไปคนเดียว”“พี่เรมิอยากมาระบายเรื่องความรักกับพี่รัญช์ พี่เขาบอกว่าไม่อยากให้พี่ไปกลัวพี่จะไปหาเรื่องพี่รัญช์”“มันทำอะไรเรมิ?”“ก็แบบนั้นแหละ”“มีอะไรกันแล้ว?”“อือ”“แล้วทำไมจะต้องมาระบาย แต่งงานแล้วจะมีเซ็กส์กันก็ไม่แปลกอะไรนี่นา เรมินี่ยิ่งนับวันปัญหายิ่งเยอะนะ”“ก็เพราะแบบนี้ไงคะพี่เรมิถึงไม่อยากให้พี่ไปกับหนู”“และพี่ก็ไม่ให้หนูไปด้วยครับ ท้องอยู่เดินทางบ่อยไม่ดีอยู่บ้านนี่แหละ” บอกอย่างเป็นคำสั่งจ้องหน้าแฟนสาวด้วยสายตาแข็งๆ มายาวีจึงซบหน้าลงบนต้นแขนถูใบหน้าไปมาเบาๆ เหมือนแมวตัวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้าของ“งื้ออ! แต่หนูอยากไป”“ไม่ครับ ขึ้นไปนอนพักบนห้อง”“พ
หลายวันต่อมา… สุดท้ายวันที่ได้กลับมาบ้านก็ถึงสักที ร่างเล็กลงจากรถวิ่งตรงเข้าไปในตัวบ้านที่จากลาไปเสียหลายเดือนกว่าจะมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ดวงตากลมโตมองไปรอบตัวบ้านที่ยังคงใหม่สะอาดน่าอยู่เหมือนกับเมื่อก่อน “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ ขาเรียวก้าวตรงไปยังรูปภาพพ่อกับแม่ที่ติดอยู่ข้างผนังบ้าน มือเล็กยื่นไปแตะใบหน้าของพวกเขาพร้อมฉีกยิ้มหวานให้ “หนูมาร์กลับมาแล้วนะแม่จ๋าพ่อจ๋า” “กลับมาแล้วก็อย่ามาส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น” จิตรดาที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาเอ่ยขึ้น หล่อนเบะปากใส่ลูกเลี้ยงที่หันมามองก่อนจะหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่านแทนการสบตากับหญิงสาวที่เป็นเจ้าของบ้าน “พี่จันตรีล่ะคะ ไหนว่ากลับมาอยู่ที่นี่แล้ว” มายาวีเดินไปจูงมือแฟนหนุ่มแล้วพากันไปนั่งบนโซฟาตรงข้ามแม่เลี้ยงจิตรดา “อยู่ในครัว” “พี่ให้ทำขนมหวานให้เธอน่ะ” เปลวเพลิงบอกพลางโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มแฟนสาว มายาวีพยักหน้ารับแล้วมองแม่เลี้ยง “ไม่ได้ไปทำงานเหรอคะ?” “วันนี้หยุด” “อ่อ พี่จันก็หยุดเหรอคะ” “จะถามอะไรมากมา…” เมื่อหันไปสบกับสายตาคมกริบของเปลวเพลิงจากที่จะใส่อารมณ์กับลูกเลี้ยงจิตรดาก็ต้อง
สิบห้านาทีต่อมา…“เมียครับ กลับบ้านกันเถอะ” เปลวเพลิงเดินผิวปากเข้ามาในร้านพร้อมเอ่ยเรียกแฟนสาว ด้านหลังเขามีปรัชญาเดินตามมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่“คุณปรัช…” เปมิศาเดินไปสำรวจใบหน้าร่างกายของปรัชญาก็พบว่าทุกอย่างปกติเหมือนตอนเดินออกไป มีเพียงแค่สีหน้าเขาเท่านั้นที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “เป็นอะไรเหรอคะ”“ไม่ได้เป็นไร”“แต่สีหน้าคุณดูหงุดหงิดนะคะ”“ก็ไอ้เวรนี่มันให้ฉันจัดการคนพวกนั้นคนเดียวไง!” ตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ไม่สบอารมณ์“คุณปรัชจัดการคนเดียวเหรอคะ แล้วพวกนั้นมีกี่คน” มายาวีถามต่อ มองหน้าแฟนหนุ่มที่เอื้อมมือมายีผมเธอพร้อมรอยยิ้ม“ใช่ครับ มันจัดการคนเดียวพวกนั้นก็แค่ห้าคนเอง”“มันน่าภูมิใจมากไหมคะ?”“ก็ประมาณหนึ่งครับ มีพี่ชายเก่ง” ยกหน้ายกตาพูดอย่างกับภูมิใจจริงๆ มายาวีได้แต่ส่ายหน้าให้เขาเบาๆ ก่อนจะยกมือโบกลาเปมิศาแล้วเดินตามเปลวเพลิงออกไป“จันตรีล่ะคะ?”“วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนไปแล้ว”“แล้วผู้ชายพวกนั้น…”“โดนไอ้ปรัชกับไอ้รัญช์จัดการแล้ว เธออยากไปไหนไหมเดี๋ยวพี่พาไป” เปลวเพลิงหยุดเดินเมื่อมาถึงรถ เขายื่นมือไปแตะแก้มนุ่มของแฟนสาวเบาๆ ระหว่างรอคำตอบจากเธอ“อยากกลับบ้านค่ะ แต่ว