แชร์

บทที่50

ผู้เขียน: ต้นไม้แห้ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-09 02:05:00

เมิ่งฮวากลับมาถึงเรือนแล้ว แต่จิตใจของนางยังคงสับสนอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้น

'ข้ากำลังพัวพันกับอะไรอยู่กันแน่…?' นางคิดในใจ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียง

[เจ้าดูไม่สบายใจนะ] เสียงของเสี่ยวเป่าดังขึ้นในหัวของนาง 

“จะไม่ให้ข้ากังวลได้อย่างไร?” นางพึมพำตอบเสียงเบา “จางเหว่ยไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีของแคว้น และตอนนี้ข้ากำลังถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของเขา”

[แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป?]

“ข้าก็ยังไม่รู้…” เมิ่งฮวาขมวดคิ้ว “ข้าไม่อยากตกอยู่ในอันตราย แต่ข้าก็ไม่อาจปล่อยเขาให้เผชิญเรื่องนี้เพียงลำพัง”

[เจ้าเริ่มรู้สึกกับเขาแล้วใช่หรือไม่?]

นางสะดุ้งก่อนจะรีบส่ายหัว “บะ…บ้า! ข้าแค่เป็นห่วงเขาในฐานะคนรู้จักเท่านั้น”

[หึหึ… ข้าว่าเจ้าโกหกตัวเองมากกว่า] เสี่ยวเปาแค่นเสียงหัวเราะอย่างรู้ทัน

เมิ่งฮวาทำหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เอาเถอะ… ข้าว่าคืนนี้ข้าควรจะพักผ่อนเสียก่อน พรุ่งนี้ค่อยคิดหาทางออก”

[เห็นด้วย เจ้ารีบนอนได้แล้ว]

นางทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้วค่อยๆปิดเปลือกตาลง ทว่าหัวใจของนางกลับยังเต้นระรัวเมื่อนึกถึงดวงตาคู่นั้นของโจวจางเหว่ยดวงตาที่เต็มไปด้วยความจริงจัง… และความรู้สึกบางอย่างที่นางยังไม่กล้ายอมรับ

เมิ่งฮวาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงของนกที่ร้องเจื้อยแจ้ว นางอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะออกไปที่ห้องโถง ท่านลุงลี่คุนกับท่านป้าลี่จูกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร

“อาเมิ่ง เจ้าตื่นพอดีเลย มากินข้าวเถอะ” ท่านป้าลี่จูกล่าวอย่างอบอุ่น

“เจ้าค่ะ ท่านป้า” นางพยักหน้าก่อนจะนั่งลง

แต่ไม่ทันที่นางจะได้เริ่มกินข้าว ก็มีเสียงเคาะประตูรั้วหน้าบ้านดังขึ้น

“ใครกันมาแต่เช้า?” ลี่คุนขมวดคิ้ว ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตู

เมื่อประตูถูกเปิดออก ก็ปรากฏร่างของบุรุษร่างสูงในชุดขุนนางสีดำสนิท ใบหน้าคมคายนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง

“เจ้ามาแต่เช้า มีเรื่องอะไรหรือไม่?” เมิ่งฮวาถามอย่างสงสัย

โจวจางเหว่ยก้าวเข้ามาพร้อมกับองครักษ์สองคนที่ตามมาด้วย “ข้าต้องการคุยกับเจ้า”

เมิ่งฮวามองเขาอย่างลังเล ก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้…”

เมื่อทั้งสองนั่งลงในศาลาเล็กๆในสวน จางเหว่ยก็เอ่ยขึ้น

“เมื่อคืนข้าส่งคนไปสืบเกี่ยวกับกลุ่มที่ลอบทำร้ายพวกเรา” เขากล่าวเสียงเครียด “ผลลัพธ์ที่ได้… ไม่ค่อยดีนัก”

เมิ่งฮวาขมวดคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร?”

โจวจางเหว่ยจ้องหน้านาง “กลุ่มนักฆ่าพวกนั้นเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการลับที่ต้องการล้มล้างราชวงศ์ พวกเขาไม่ใช่แค่นักฆ่ารับจ้างทั่วไป”

นางเบิกตากว้าง “เป็นไปได้หรือ!?”

“และที่สำคัญ…” เขาหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าพบว่าพวกเขา… อาจมีเป้าหมายเป็นเจ้า”

“ข้า!?” เมิ่งฮวาอุทานเสียงดัง

[เรื่องใหญ่แล้ว!] เสี่ยวเปากระซิบเตือนในหัวของนาง

เมิ่งฮวารู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่างนางไม่ใช่ขุนนาง ไม่ใช่คนในราชสำนัก แล้วเหตุใดพวกกบฏถึงต้องการชีวิตของนาง?

“ทำไมพวกมันต้องการตัวข้าด้วย?” นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นไหว

โจวจางเหว่ยมองนางนิ่งๆ “ข้ากำลังสืบเรื่องนี้อยู่ แต่ข้าคิดว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับอดีตของเจ้า”

“…อดีตของข้า?”

นางรู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้น นางเกิดและเติบโตในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับราชสำนัก แล้วพวกมันต้องการตัวนางไปทำไม?

[ข้าว่าเจ้าอาจมีอะไรที่เจ้าลืมไป หรือไม่รู้เกี่ยวกับตัวเอง] เสี่ยวเปาให้ความเห็น

“เมิ่งฮวา…” โจวจางเหว่ยเอื้อมมือมาจับมือนางแน่น “ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกมันแตะต้องเจ้าเด็ดขาด”

หัวใจของนางกระตุกวูบ ความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด

นางมองเข้าไปในดวงตาของเขา และนางก็รู้แล้ว…

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของโจวจางเหว่ยอีกต่อไป แต่มันเกี่ยวพันกับตัวนางโดยตรง

และนางจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่า… เหตุใดพวกมันถึงต้องการตัวนาง!?

เมิ่งฮวากำมือแน่น นางรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นแรงผิดปกติ นางมองโจวจางเหว่ยที่ยังจับมือนางไว้อย่างแน่นหนา

"ข้า… ไม่เข้าใจ" นางพึมพำออกมา "ข้าเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เหตุใดพวกกบฏถึงต้องการตัวข้าด้วย?"

[เจ้ามั่นใจหรือว่าเจ้าเป็นแค่หญิงชาวบ้านธรรมดา?] เสี่ยวเปา เอ่ยขึ้นในหัวของนางด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เมิ่งฮวาชะงัก นางรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องมาตลอด

"ข้ากำลังหมายความว่าอะไรหรือ เสี่ยวเปา?" นางถามในใจ

[ตั้งแต่ที่ข้าถูกผูกติดกับเจ้ามา ข้าสามารถเข้าถึงข้อมูลของเจ้าได้บางส่วน แต่มีข้อมูลบางอย่างที่ถูกปิดกั้น ข้าเองก็ไม่อาจเข้าถึงมันได้]

"หมายความว่าอย่างไร?"

[มีความลับบางอย่างเกี่ยวกับตัวเจ้าที่ข้ายังไม่สามารถเปิดเผยได้ อาจเป็นไปได้ว่ามีใครบางคนจงใจปกปิดมัน]

เมิ่งฮวารู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว หากสิ่งที่เสี่ยวเปาพูดเป็นความจริง นั่นหมายความว่า…

นางอาจไม่ใช่แค่หญิงชาวบ้านธรรมดาอย่างที่คิด

โจวจางเหว่ยเห็นสีหน้าครุ่นคิดของนางก็เอ่ยขึ้น "ข้ารู้ว่าเรื่องนี้มันมากเกินไปสำหรับเจ้า แต่ข้าสัญญาว่าจะหาคำตอบไปพร้อมกับเจ้า"

นางเงยหน้ามองเขา ก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ

"ขอบใจเจ้ามาก… แต่ข้าเองก็ต้องหาความจริงด้วยตัวข้าเองเช่นกัน"

โจวจางเหว่ยยิ้มบางๆ "เช่นนั้นก็ให้ข้าได้เป็นคนคุ้มครองเจ้าตลอดทาง"

เมิ่งฮวาไม่ได้ตอบอะไร แต่นางรู้ดีว่าความรู้สึกของนางที่มีต่อเขานั้น… เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว

สองวันต่อมา

เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยเดินทางเข้าเมืองเสียนหยางอีกครั้ง พวกเขามุ่งหน้าไปยังหอจดหมายเหตุของแคว้นเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอดีตของนาง

แต่ระหว่างทาง…

"ระวัง!" โจวจางเหว่ยกระชากตัวเมิ่งฮวาเข้ามากอดแนบอกทันที พร้อมกับเสียงลูกธนูที่พุ่งแหวกอากาศมาเฉียดใบหน้าของนางไปอย่างฉิวเฉียด!

"มีคนซุ่มโจมตี!" องครักษ์ของโจวจางเหว่ยรีบเข้าประจำตำแหน่งเพื่อปกป้องเจ้านายของตน

"พวกมันมาอีกแล้ว" เมิ่งฮวากัดริมฝีปาก นางเริ่มจะมั่นใจแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พวกนักฆ่ากำลังตามล่านางจริงๆ!

[เมิ่งฮวา! เจ้าต้องระวังตัวให้มากกว่านี้!] เสี่ยวเปาเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

"ข้าไม่คิดจะยอมตายง่ายๆหรอก!" นางกัดฟันแน่น ก่อนจะคว้ากริชที่พกติดตัวออกมาป้องกันตัวเอง

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด นักฆ่าหลายคนโผล่ออกมาจากมุมมืดก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีพวกเขา

โจวจางเหว่ยต่อสู้อย่างแข็งแกร่ง มือข้างหนึ่งกุมกระบี่เหล็กสีดำที่เฉียบคม ส่วนอีกมือคอยดึงร่างของเมิ่งฮวาให้ปลอดภัยจากอันตราย

แต่แล้ว…

"อึก!" เมิ่งฮวารู้สึกถึงแรงปะทะที่ท้องน้อย นางเบิกตากว้างก่อนจะก้มลงมองเห็นว่ามีมีดสั้นปักอยู่ที่สีข้างของนาง!

"เมิ่งฮวา!" โจวจางเหว่ยรีบพุ่งเข้ามาประคองนางทันที

นางรู้สึกถึงความเย็นเฉียบของโลหิตที่ไหลออกมาจากบาดแผล นางพยายามกัดฟันอดทนไม่ให้ตัวเองหมดสติ

[อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป! เจ้าต้องทนไว้!] เสี่ยวเปาร้องเตือน

"ข้า… ไม่เป็นไร…" เมิ่งฮวาพยายามพูด แต่เสียงของนางสั่นเครือ

โจวจางเหว่ยรีบช้อนร่างของนางขึ้นแล้วกระโดดขึ้นม้าทันที "พวกเรารีบกลับไปที่จวน!"

องครักษ์รีบคุ้มกันเจ้านายของตน ขณะที่พวกนักฆ่าที่เหลือก็ถูกสังหารหมดสิ้น

...

ณ จวนของโจวจางเหว่ย

"แผลของนางลึกพอสมควรแต่ไม่โดนอวัยวะสำคัญ โชคดีที่รักษาทันเวลา" หมอประจำจวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

โจวจางเหว่ยนั่งอยู่ข้างเตียงของเมิ่งฮวา มองดูนางที่กำลังนอนหลับสนิท สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

'ข้าจะไม่ให้นางต้องเผชิญอันตรายอีก' เขายื่นมือไปกุมมือเล็กของนางไว้เบาๆแล้วกระซิบเสียงแผ่ว

"ข้าสัญญา ว่าจะปกป้องเจ้า… ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม"

เมิ่งฮวาหลับตาลง แต่ริมฝีปากของนางกลับเผยรอยยิ้มจางๆ เพราะแม้ในความมืดมิด นางก็รู้ว่า…เขาจะอยู่เคียงข้างนางเสมอ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่63

    หลังผ่านเหตุการณ์สั่นคลอนชะตาทั้งหลายที่ปราสาทอู่หวัง และผ่านช่วงเวลาพักรักษาตัวอยู่ในจวนใหญ่ของโจวจางเหว่ย ในที่สุดนางก็สามารถฟื้นตัวคืนกำลังได้เกือบเต็มร้อย พลังลี้ลับจากเลือดมังกรในกายไม่ปรากฏอาการร้อนผ่าวอีกแล้ว เธอสัมผัสได้ว่าบัดนี้ตนไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งเช่นเดิมอีกต่อไปในเช้าวันแดดจัดที่มีเมฆลอยเรียงกันประปราย โจวจางเหว่ยได้จัดเตรียมรถม้าอย่างเรียบง่าย พาเมิ่งฮวาออกเดินทางกลับหมู่บ้านซานซี อันเป็นดินแดนเล็กๆที่เธอเคยใช้ชีวิตเรียบง่ายร่วมกับ ท่านลุงลี่คุน และท่านป้าลี่จูเสมอมาเมิ่งฮวามองเห็นทิวเขาคุ้นตาแต่ไกล ยิ่งใกล้ซานซีเท่าไรเธอยิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นึกถึงวันที่ยังใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่ต้องพัวพันกับเลือดมังกรหรือการเมืองใดๆ เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านเธอเห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของโจวจางเหว่ย และสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดมาเหมือนยินดีต้อนรับการกลับมาของเธอเมื่อรถม้าวิ่งเข้าเขตบ้านลุงลี่คุน ท่านป้าลี่จูก็ปราดออกมาต้อนรับทันทีด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความห่วงใย“อาเมิ่ง! เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” ท่านป้าลี่จูรีบเข้ามาจับมือเมิ่งฮวา ตรวจดูกันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับหล

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่62

    เสียงก้องสะท้อนในห้องมังกรใหญ่ยังคงโหมกระพือ เสาหินรอบข้างสั่นไหวราวกับจะถล่มลงทุกเมื่อ อานุภาพมหาศาลจากแกนมังกรแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้อากาศสั่นระริกจนทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกหายใจลำบากเมิ่งฮวายืนอยู่ตรงกลางวงแสงสีทองที่ปะทุจากจุดศูนย์กลางของแท่นบูชา เหงื่อและเลือดไหลอาบบนใบหน้าที่เธอไม่อาจรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อีก ในจิตใจเธอมีเสียงสองกระแสคอยก้องสลับไปมา‘หลอมรวม… เพื่อเป็นผู้ครองพลัง! หรือทำลาย… เพื่อยุติความวุ่นวาย!’เบื้องหน้าเธอคือรูปสลักมังกรที่ดูเหมือนมีชีวิต แผ่นโลหะหนาทึบบนอกรูปสลักเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นแกนมังกรคล้ายลูกแก้วสีทองสะท้อนแสงในมือเมิ่งฮวา อำนาจโบราณจากยุคสมัยราชวงศ์เก่ากำลังตื่นขึ้นพร้อมแรงกดดันอันเกรี้ยวกราดขณะที่คลื่นพลังปกคลุมห้องมังกรอย่างหนักหน่วง เหล่ามือสังหารที่ยังมีสติอยู่ก็ต้องคุกเข่าหรือหมอบกับพื้น องครักษ์ของโจวจางเหว่ยที่ยังยืนก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ บางคนถูกแรงอัดดีดกระเด็นไปยังซอกกำแพงโจวจางเหว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้น มือกำกระบี่ที่สั่นระริก พยายามฝ่าคลื่นพลังเข้ามาหาเมิ่งฮวา“ฮวาเออร์!” เขาเรียกสุดเสียง แต่ถูกแรงอัดบีบจนขยับได้ยากเต็มที

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่61

    แสงสีทองแห่งแกนมังกรที่ซ่อนอยู่ภายในร่างโลหะของมังกรส่องสว่างออกมาจากกลางแท่นบูชาอย่างน่าพิศวง บรรยากาศในห้องใต้ดินอันกว้างใหญ่ชวนให้รู้สึกถึงความเก่าแก่และพลังลี้ลับที่สั่งสมมานับศตวรรษเมิ่งฮวายืนนิ่งหัวใจเต้นระรัวเมื่อตระหนักว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ‘หัวใจ’ของอู่หวังที่แท้จริง ต้นกำเนิดแห่งอำนาจซึ่งเหล่ากบฏกำลังตามหามาโดยตลอดขณะที่เมิ่งฮวากำลังไล่สายตาสำรวจรูปสลักมังกรขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนโลหะพิเศษครอบอยู่เป็นเกล็ด การเต้นของเลือดในร่างกายเธอก็เร่งจังหวะไม่หยุดราวกับสายเลือดตอบสนองต่อบางสิ่งที่เปล่งพลังงานอยู่เบื้องหน้า“ฮวาเออร์…” โจวจางเหว่ยเรียกเธอเสียงเบา มือกำกระบี่ข้างกายแน่น เขามองสถานการณ์ด้วยความระแวดระวังเพราะอาจมีศัตรูโผล่มาได้ทุกเมื่อ “เจ้ารู้สึกไหมว่าพลังนี้กำลังเรียกหาเจ้า?”เมิ่งฮวาพยักหน้าเล็กน้อยสีหน้าสับสนแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ก้าวเข้าใกล้แท่นบูชามากขึ้นทีละนิดโดยมีโจวจางเหว่ยตามมาคุ้มกันไม่ห่างบริเวณโดยรอบแท่นบูชามีร่องรอยภาพสลักเก่าแก่บนกำแพงหินและพื้น บ้างเป็นรูปมนุษย์แต่งกายหรูหรายืนล้อมมังกร บ้างเป็นรูปผู้คนคุกเข่าบูชา

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่60

    การต่อสู้ในโถงมังกรยังคงดุเดือด ดาบกระทบกันเสียงดังสนั่น เสียงเหล็กเสียดสีกันดังไปทั่วทุกมุมโถง บางครั้งสายตาของเมิ่งฮวาก็เหลือบไปเห็นบันไดลับที่เปิดลงไปยังส่วนลึกของปราสาท อาการบาดเจ็บจากการต่อสู้รุนแรงทำให้ความคิดของเธอพร่าเบลอ แต่เธอรู้ดีว่าถ้าไม่รีบตัดสินใจตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้พวกเขาพลาดโอกาสสำคัญไปท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรงนักฆ่าหลายคนเริ่มแยกตัวออกไป โดยมีท่าทางเหมือนจะเริ่มมีกลยุทธ์บางอย่าง การโจมตีของพวกมันแม่นยำและรวดเร็ว หลายครั้งที่เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยต้องใช้กลยุทธ์หลบหลีกและโจมตีสวนกลับ หากพวกเขายังไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ กลุ่มของพวกเขาจะต้องถูกต้อนให้มุมในไม่ช้า“พวกมันกำลังพยายามล่อเราไปที่มุม!” เมิ่งฮวาตะโกนเตือน โจวจางเหว่ยหันไปมองเธอด้วยความเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่มีเวลาพูดอะไร เพราะมือสังหารอีกคนพุ่งมาที่เขา โจวจางเหว่ยต้องหลบการโจมตีและสวนกลับด้วยกระบี่ในมือ“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าหลบหนีไปได้แน่!” เขาตะโกนสั่งองครักษ์ที่ยืนข้างๆ พลางฟันกระบี่ของตนอย่างแม่นยำเสียงของดาบกระทบกันดังตึงตังจนหลายคนสะดุ้ง แต่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงนั้น เมิ่งฮวามองเห็นช่องว่างระห

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่59

    ความเงียบงันที่ปกคลุมอุโมงค์หินถูกแทนที่ด้วยเสียง ครืด… ครืด… ที่ดังสะท้อนก้องจนเสียดหู เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ย ยืนประจันหน้ากับเงาดำขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ตรงส่วนปลายทางเดิน โดยมีองครักษ์อีกสองนายจับอาวุธเตรียมพร้อมในท่าทีตื่นตัวพอแสงคบไฟสาดส่องไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ปรากฏให้เห็นเงาร่างเหมือน “รูปสลักมังกร” ขนาดใหญ่หินแกะสลักที่ลำตัวยาวเลื้อยไปตามผนัง มีส่วนหัวโผล่พ้นขึ้นจากพื้นหินชนิดที่เห็นฟันแหลมคมรางๆ ดวงตาของมันเป็นอัญมณีสีเขียวเข้มสะท้อนแสงไฟพราวระยับ จนดูราวกับมันกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จริงๆเมิ่งฮวารู้สึกถึงเลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่าสิ่งนี้มิใช่เพียงรูปสลักธรรมดา เหมือนมีพลังลี้ลับแผ่ออกมาจากตัวมัน“นายท่าน… นี่มัน… เคลื่อนไหวได้หรือขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งถามเสียงเบาหวิว มือกำกระบี่ไว้จนข้อขาวโจวจางเหว่ยไม่ตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยที่ยังไม่ลดกระบี่ เสียงหินเสียดสีกันดังครืดอีกครั้ง ขณะเดียวกันรูปสลักมังกรก็ขยับคอไปด้านข้างช้าๆก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกพิลึก“รูปสลักนี้มีกลไกด้านใน… หรืออาจเป็นกับดักที่ใช้แรงคนหมุน?” เขาพึมพำ แต่ความสงสัยกลับเร้าใจขึ

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่58

    ท่ามกลางกลิ่นอับชื้นและความเยียบเย็นของห้องหิน ขบวนของเมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยตัดสินใจหยุดพักชั่วคราวเพื่อฟื้นแรงและประเมินสถานการณ์ โดยมีองครักษ์สองนายผลัดกันออกไปยืนเฝ้าที่ปากอุโมงค์เพื่อป้องกันมือสังหารศัตรูที่อาจกลับมาได้ทุกเมื่อเมิ่งฮวานั่งพิงกำแพงที่ขรุขระ หายใจผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านการต่อสู้อันบีบคั้น เหลือบมองสมาชิกในขบวนที่ได้รับบาดเจ็บก็กำลังนั่งพักผ่อนเช่นกัน บางคนก็หลับตาปลดปล่อยความตรึงเครียดโดยมีอาวุธวางข้างตัวไม่ห่าง“ทุกคนเหนื่อยกันมาก…” โจวจางเหว่ยเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเข้มทอแววห่วงใย “แต่เรายังต้องก้าวต่อไป หากพ้นคืนนี้แล้วเดินไปอีกไม่ไกลก็อาจถึงใจกลางอู่หวัง”เมิ่งฮวาพยักหน้ารับ เธอเองก็รับรู้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ลึกลงไปในภูเขานี้ คล้ายกับว่ามันรอให้เธอมาค้นพบมานานแสนนาน“นายท่าน!” องครักษ์คนหนึ่งที่เดินตรวจลึกเข้าไปในอุโมงค์ร้องเรียกเบาๆ สะท้อนเสียงมาไกล ราวกับค้นพบอะไรบางอย่างโจวจางเหว่ยและเมิ่งฮวาลุกขึ้นทันที นำองครักษ์บางส่วนถือคบไฟตามเข้าไปยังโพรงแคบภายในห้องต่อไปในโพรงนั้น… พื้นหินเรียบแต่ผนังสองข้างกลับคดเคี้ยวด้วยลวดลายสลักเป็นรูปคนและสัตว์ในท่าทางแป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status