Share

บทที่51

last update Last Updated: 2025-06-09 02:05:11

เมิ่งฮวารู้สึกตัวอีกครั้งในช่วงกลางดึก นางค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นเพดานห้องที่ไม่คุ้นตา แต่เมื่อรับรู้กลิ่นหอมอ่อนของสมุนไพรและบรรยากาศสงบรอบกาย นางก็พอจะเดาได้ว่าตนอยู่ในจวนของโจวจางเหว่ย

ความเจ็บปวดบริเวณสีข้างยังคงแล่นริ้วอยู่ ทำให้นางขมวดคิ้วเล็กน้อย เมิ่งฮวาเหลือบมองไปด้านข้าง เห็นร่างสูงในชุดคลุมสีเข้มนั่งฟุบหลับคาเก้าอี้อยู่ข้างเตียง ใบหน้าคมนั้นฉายแววเคร่งเครียดแม้ยามหลับ

“เขาคงเฝ้าข้าไม่ยอมไปไหนเลยสินะ…” นางพึมพำเสียงเบา ความอบอุ่นปะปนความกังวลลึกๆเอ่อท้นขึ้นในใจ

[ฟื้นแล้วหรือ?] เสียงของเสี่ยวเป่าดังขึ้นในหัวของนาง

เมิ่งฮวาสูดหายใจลึก ยกมือแตะบาดแผลเบาๆ “ไม่เจ็บเท่าไรแล้ว ข้าทนได้”

[เจ้าไม่ดูตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย ทั้งที่ถูกเล่นงานถึงขนาดนี้]

นางยิ้มเยาะในใจ บรรยากาศที่เงียบสงบในห้องทำให้นางมีเวลาทบทวนเรื่องราวต่างๆ

“เจ้าน่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ เสี่ยวเปา… ว่าข้าน่ะ ไม่ได้เป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดา” ประกายตาของนางฉายความเยือกเย็นที่แตกต่างจากท่าทางอ่อนโยนในยามปกติ

[เพราะเจ้า ‘เคย’ เป็นนักฆ่ามาก่อน…] เสี่ยวเปาว่าต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ใช่…” เมิ่งฮวาตอบรับเสียงเบา “ในชีวิตก่อนข้าเป็นนักฆ่ายอดฝีมือ อยู่ในโลกอนาคตที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย มีเพียงไม่กี่คนที่เก่งกาจพอจะต่อกรกับข้าได้…”

ดวงตาของนางหม่นลงเล็กน้อยยามนึกถึงอดีต ก่อนจะถอนหายใจ

“แต่แล้วข้าก็ถูกลอบสังหารจนสิ้นชีพ สุดท้ายวิญญาณของข้าดันมาปรากฏในร่างของเด็กสาวในยุคจีนโบราณนี้… โลกที่ข้าไม่เคยรู้จัก แม้ในตอนแรกข้าจะสับสน แต่ด้วยท่านลุงลี่คุนกับท่านป้าลี่จูที่เมตตาข้า ดูแลข้าเหมือนลูกหลานแท้ๆข้าจึงเลือกจะอยู่เงียบๆใช้ชีวิตใหม่ที่สงบสุข”

[นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าพยายามเก็บซ่อนตัวตน ไม่อยากโดดเด่นจนเป็นอันตรายแก่ตนเองหรือคนรอบข้างใช่หรือไม่?]

เมิ่งฮวาพยักหน้าเบาๆ ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้เห็น “ใช่ ข้าไม่ต้องการให้ใครสงสัยและตามมาคุกคาม… แต่ดูเหมือนมันจะหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”

ภาพการโจมตีของกลุ่มนักฆ่าเมื่อสองวันก่อนย้ำให้เห็นชัดเจน ว่าศัตรูต้องการชีวิตนาง ขณะที่ในใจลึกๆกลับไม่หวั่นเกรงเท่าไร นางเคยผ่านศึกฆ่าฟันในโลกเดิมมามากกว่านี้เสียอีก

[แล้วเรื่องพวกนั้น เจ้าจะบอกโจวจางเหว่ยหรือไม่?]

เมิ่งฮวาเหลือบมองชายหนุ่มที่กำลังหลับอยู่ข้างเตียง หลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหน็ดเหนื่อย “ตอนนี้ข้ายังบอกไม่ได้… อย่างน้อยก็จนกว่าข้าจะรู้ว่าเขาจะรับความจริงได้แค่ไหน”

[ก็ดี เจ้าอาจต้องค่อยๆเปิดเผย… หรือไม่ก็คอยระวังตัวไว้ก่อน ถึงอย่างไรเขาก็ดูจริงใจกับเจ้าอยู่มากทีเดียว]

เมิ่งฮวารับฟังแล้วก็ต้องยิ้มจางๆออกมาไม่รู้ตัว “ใช่… เขาจริงใจกับข้า มากเสียจนบางครั้งทำให้ข้าลำบากใจเหมือนกัน”

[หืม? ไม่ใช่ว่าเจ้าก็… มีใจให้เขาอยู่แล้วหรอกหรือ?]

“เจ้านี่ชักจะกวนแล้วนะ” นางทำท่าเหมือนจะค้อนใส่เสี่ยวเปา ทั้งที่เป็นเพียงเสียงในหัว ก่อนจะตัดบทโดยการเปลี่ยนเรื่อง “เสี่ยวเปา ยังมีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับคนพวกนั้นที่เจ้าค้นหาได้ไหม?”

[เท่าที่ข้าสแกนระบบฐานข้อมูลของเจ้า(ซึ่งเป็นข้อมูลที่ติดมากับข้าในโลกเดิม)ยังไม่มีข้อมูลโดยตรงเกี่ยวกับกลุ่มกบฏหรือขบวนการลับของยุคนี้ แต่ข้าพบว่ามี ‘บางอย่าง’ กีดกันไม่ให้ข้าเข้าถึงความทรงจำช่วงแรกที่วิญญาณของเจ้าเพิ่งข้ามมิติมา ข้าสันนิษฐานว่าอาจเป็นกุญแจสำคัญที่เกี่ยวกับ ‘ชาติกำเนิด’ ของร่างนี้]

“ชาติกำเนิดของข้าในโลกนี้…” เมิ่งฮวาทวนคำ เสียงของนางแผ่วลง “บางที… ข้าอาจไม่ใช่แค่เด็กกำพร้าธรรมดา”

[ถูกต้อง บางทีอาจเป็นเหตุผลที่คนพวกนั้นตามล่าเจ้า และเกี่ยวพันกับราชสำนักอย่างลึกซึ้ง]

ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนาผ่านจิต โจวจางเหว่ยพลันขยับตัวเล็กน้อยทำท่าจะตื่น เมิ่งฮวารีบหลับตาลง แกล้งทำเป็นยังไม่ได้สติ

นางรับรู้ถึงสัมผัสอ่อนโยนของฝ่ามืออุ่นที่แตะหน้าผากนางเบาๆ

“ตัวไม่ร้อนแล้ว… โชคดีจริงๆ” น้ำเสียงเขาเจือความโล่งใจอย่างยิ่ง

เมิ่งฮวารู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างประหลาด นางไม่คิดเลยว่าชีวิตฆ่าฟันในอดีตจะทำให้ตนเมินเฉยต่อความอาทรของใครๆ แต่กับโจวจางเหว่ย… เขาเป็นคนเดียวที่ทำให้ใจของนางเต้นแรงขึ้นมาจริงๆ

“เจ้าอย่าเป็นอะไรไปเลย…” เขากระซิบเสียงแผ่ว ลูบหลังมือนางช้าๆเหมือนจะปลอบโยน

นางเกือบเผลอเผยรอยยิ้มออกมา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นอยู่ลึกๆ

[ชายคนนี้รักเจ้าใช่หรือไม่?] เสี่ยวเปาแซวขึ้นมาอีกครั้ง

“เจ้านี่ยุ่งจริง!” นางส่งเสียงดุในใจกึ่งเขินอาย

แต่ก่อนที่นางจะได้คิดอะไรมากกว่านี้ โจวจางเหว่ยก็ถอนหายใจยาว แล้วลุกขึ้นยืน

“ข้าควรจะไปคุยกับหมออีกสักครั้ง เผื่อจะมียาเพิ่มหรือสมุนไพรที่ช่วยให้หายเร็วขึ้น” เสียงเขาพึมพำ คล้ายพูดกับตนเอง ทว่าดูท่าทางกำลังเป็นห่วงนางอย่างเต็มที่

ร่างสูงเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ ปิดประตูเบาๆเพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของนาง

เมื่อเสียงฝีเท้าห่างออกไป เมิ่งฮวาจึงค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้ง

นางกำหมัดเบาๆไว้ข้างลำตัว เพิ่งตระหนักว่าความอ่อนโยนของเขากำลังทำให้หัวใจของนางสั่นไหว

“ข้าเคยเป็นนักฆ่าเลือดเย็น…” นางพึมพำแผ่วเบา “แต่ในตอนนี้… ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งเปลี่ยนไป”

[หึหึ… คนเราเปลี่ยนได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อมีความรัก]

“เงียบไปเลย!” นางเบือนหน้าหนีนิดๆ แก้มร้อนขึ้นอย่างน่าประหลาด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในใจของนางกำลังเปี่ยมด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

“เอาเถอะ… เรื่องนั้นไว้ทีหลัง ตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องทำคือหาความจริงให้ได้ว่าทำไมข้าถึงตกเป็นเป้าหมาย ทั้งเรื่องชาติกำเนิดของร่างนี้… และเรื่องขบวนการกบฏที่อาจสั่นคลอนราชบัลลังก์”

นางค่อยๆประคองร่างลุกขึ้นจากเตียง แม้ยังเจ็บแผลอยู่บ้าง แต่นางก็เคยฝึกทนความเจ็บในฐานะนักฆ่ามาก่อน จึงไม่ได้บ่นสักคำ

[เจ้าเพิ่งฟื้นนะ อย่าหักโหมเกินไปล่ะ]

“ได้ ข้าจะระวัง” เมิ่งฮวาว่าพร้อมสืบเท้าช้าๆไปรอบห้อง เพื่อทดสอบว่าตนเองยังไหวแค่ไหน

เมื่อมั่นใจว่าพอเดินได้เอง ก็กลับมานั่งพักที่ขอบเตียง สายตาจับจ้องไปยังบานหน้าต่างที่มองเห็นสวนดอกไม้กลางจวน

“โลกใบใหม่นี้… ชักจะไม่สงบอย่างที่คิดแล้วจริงๆ” นางเอ่ยเบาๆ แต่สีหน้าไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มีแววตาเยือกเย็นเฉียบคมราวกับนักล่าเจืออยู่

“เจ้าจะเล่นงานข้าหรือ? ก็ลองดูสิ… เมิ่งฮวาคนนี้เคยผ่านความเป็นความตายมานักต่อนักแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายชีวิตใหม่ที่ข้าต่อสู้ดิ้นรนมาได้อีกเด็ดขาด”

วาจาเหล่านี้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นดุดัน แตกต่างจากภาพหญิงสาวอ่อนโยนที่ใครๆเคยเห็น

[ฮึ่ม… ใจคอนักฆ่าสาวได้ตื่นขึ้นแล้วสินะ] เสี่ยวเปาแอบกล่าวหยอก “แล้วจะทำอย่างไรต่อไป เมิ่งฮวา?”

ดวงตาของนางเป็นประกาย “ก่อนอื่น ข้าจะต้องฟื้นตัวให้เร็วที่สุด แล้วจะไปค้นข้อมูลในหอจดหมายเหตุเพื่อหาความจริงต่อ นอกจากนี้ข้าจะไม่ยอมให้โจวจางเหว่ยต้องสู้คนเดียวกับพวกศัตรูขบวนการลับอีกแล้ว… ถึงคราวที่ข้าจะปกป้องเขากลับบ้าง”

น้ำเสียงของนางเด็ดเดี่ยวและมั่นคง บัดนี้นางไม่ใช่แค่เหยื่อที่ถูกตามล่า แต่พร้อมจะกลายเป็นฝ่ายไล่ล่าเพื่อค้นหาความจริงและปกป้องคนสำคัญในชีวิตใหม่นี้

เมิ่งฮวามองสายนกที่บินผ่านหน้าต่างพร้อมกับสายลมเบาๆ ใบหน้าของนางยังคงอ่อนโยน ทว่าหัวใจของนางในเวลานี้… กำลังลุกโชนด้วยไฟแห่งการต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้ให้โชคชะตาอีกต่อไป!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่63

    หลังผ่านเหตุการณ์สั่นคลอนชะตาทั้งหลายที่ปราสาทอู่หวัง และผ่านช่วงเวลาพักรักษาตัวอยู่ในจวนใหญ่ของโจวจางเหว่ย ในที่สุดนางก็สามารถฟื้นตัวคืนกำลังได้เกือบเต็มร้อย พลังลี้ลับจากเลือดมังกรในกายไม่ปรากฏอาการร้อนผ่าวอีกแล้ว เธอสัมผัสได้ว่าบัดนี้ตนไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งเช่นเดิมอีกต่อไปในเช้าวันแดดจัดที่มีเมฆลอยเรียงกันประปราย โจวจางเหว่ยได้จัดเตรียมรถม้าอย่างเรียบง่าย พาเมิ่งฮวาออกเดินทางกลับหมู่บ้านซานซี อันเป็นดินแดนเล็กๆที่เธอเคยใช้ชีวิตเรียบง่ายร่วมกับ ท่านลุงลี่คุน และท่านป้าลี่จูเสมอมาเมิ่งฮวามองเห็นทิวเขาคุ้นตาแต่ไกล ยิ่งใกล้ซานซีเท่าไรเธอยิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นึกถึงวันที่ยังใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่ต้องพัวพันกับเลือดมังกรหรือการเมืองใดๆ เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านเธอเห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของโจวจางเหว่ย และสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดมาเหมือนยินดีต้อนรับการกลับมาของเธอเมื่อรถม้าวิ่งเข้าเขตบ้านลุงลี่คุน ท่านป้าลี่จูก็ปราดออกมาต้อนรับทันทีด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความห่วงใย“อาเมิ่ง! เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” ท่านป้าลี่จูรีบเข้ามาจับมือเมิ่งฮวา ตรวจดูกันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับหล

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่62

    เสียงก้องสะท้อนในห้องมังกรใหญ่ยังคงโหมกระพือ เสาหินรอบข้างสั่นไหวราวกับจะถล่มลงทุกเมื่อ อานุภาพมหาศาลจากแกนมังกรแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้อากาศสั่นระริกจนทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกหายใจลำบากเมิ่งฮวายืนอยู่ตรงกลางวงแสงสีทองที่ปะทุจากจุดศูนย์กลางของแท่นบูชา เหงื่อและเลือดไหลอาบบนใบหน้าที่เธอไม่อาจรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อีก ในจิตใจเธอมีเสียงสองกระแสคอยก้องสลับไปมา‘หลอมรวม… เพื่อเป็นผู้ครองพลัง! หรือทำลาย… เพื่อยุติความวุ่นวาย!’เบื้องหน้าเธอคือรูปสลักมังกรที่ดูเหมือนมีชีวิต แผ่นโลหะหนาทึบบนอกรูปสลักเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นแกนมังกรคล้ายลูกแก้วสีทองสะท้อนแสงในมือเมิ่งฮวา อำนาจโบราณจากยุคสมัยราชวงศ์เก่ากำลังตื่นขึ้นพร้อมแรงกดดันอันเกรี้ยวกราดขณะที่คลื่นพลังปกคลุมห้องมังกรอย่างหนักหน่วง เหล่ามือสังหารที่ยังมีสติอยู่ก็ต้องคุกเข่าหรือหมอบกับพื้น องครักษ์ของโจวจางเหว่ยที่ยังยืนก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ บางคนถูกแรงอัดดีดกระเด็นไปยังซอกกำแพงโจวจางเหว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้น มือกำกระบี่ที่สั่นระริก พยายามฝ่าคลื่นพลังเข้ามาหาเมิ่งฮวา“ฮวาเออร์!” เขาเรียกสุดเสียง แต่ถูกแรงอัดบีบจนขยับได้ยากเต็มที

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่61

    แสงสีทองแห่งแกนมังกรที่ซ่อนอยู่ภายในร่างโลหะของมังกรส่องสว่างออกมาจากกลางแท่นบูชาอย่างน่าพิศวง บรรยากาศในห้องใต้ดินอันกว้างใหญ่ชวนให้รู้สึกถึงความเก่าแก่และพลังลี้ลับที่สั่งสมมานับศตวรรษเมิ่งฮวายืนนิ่งหัวใจเต้นระรัวเมื่อตระหนักว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ‘หัวใจ’ของอู่หวังที่แท้จริง ต้นกำเนิดแห่งอำนาจซึ่งเหล่ากบฏกำลังตามหามาโดยตลอดขณะที่เมิ่งฮวากำลังไล่สายตาสำรวจรูปสลักมังกรขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนโลหะพิเศษครอบอยู่เป็นเกล็ด การเต้นของเลือดในร่างกายเธอก็เร่งจังหวะไม่หยุดราวกับสายเลือดตอบสนองต่อบางสิ่งที่เปล่งพลังงานอยู่เบื้องหน้า“ฮวาเออร์…” โจวจางเหว่ยเรียกเธอเสียงเบา มือกำกระบี่ข้างกายแน่น เขามองสถานการณ์ด้วยความระแวดระวังเพราะอาจมีศัตรูโผล่มาได้ทุกเมื่อ “เจ้ารู้สึกไหมว่าพลังนี้กำลังเรียกหาเจ้า?”เมิ่งฮวาพยักหน้าเล็กน้อยสีหน้าสับสนแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ก้าวเข้าใกล้แท่นบูชามากขึ้นทีละนิดโดยมีโจวจางเหว่ยตามมาคุ้มกันไม่ห่างบริเวณโดยรอบแท่นบูชามีร่องรอยภาพสลักเก่าแก่บนกำแพงหินและพื้น บ้างเป็นรูปมนุษย์แต่งกายหรูหรายืนล้อมมังกร บ้างเป็นรูปผู้คนคุกเข่าบูชา

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่60

    การต่อสู้ในโถงมังกรยังคงดุเดือด ดาบกระทบกันเสียงดังสนั่น เสียงเหล็กเสียดสีกันดังไปทั่วทุกมุมโถง บางครั้งสายตาของเมิ่งฮวาก็เหลือบไปเห็นบันไดลับที่เปิดลงไปยังส่วนลึกของปราสาท อาการบาดเจ็บจากการต่อสู้รุนแรงทำให้ความคิดของเธอพร่าเบลอ แต่เธอรู้ดีว่าถ้าไม่รีบตัดสินใจตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้พวกเขาพลาดโอกาสสำคัญไปท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรงนักฆ่าหลายคนเริ่มแยกตัวออกไป โดยมีท่าทางเหมือนจะเริ่มมีกลยุทธ์บางอย่าง การโจมตีของพวกมันแม่นยำและรวดเร็ว หลายครั้งที่เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยต้องใช้กลยุทธ์หลบหลีกและโจมตีสวนกลับ หากพวกเขายังไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ กลุ่มของพวกเขาจะต้องถูกต้อนให้มุมในไม่ช้า“พวกมันกำลังพยายามล่อเราไปที่มุม!” เมิ่งฮวาตะโกนเตือน โจวจางเหว่ยหันไปมองเธอด้วยความเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่มีเวลาพูดอะไร เพราะมือสังหารอีกคนพุ่งมาที่เขา โจวจางเหว่ยต้องหลบการโจมตีและสวนกลับด้วยกระบี่ในมือ“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าหลบหนีไปได้แน่!” เขาตะโกนสั่งองครักษ์ที่ยืนข้างๆ พลางฟันกระบี่ของตนอย่างแม่นยำเสียงของดาบกระทบกันดังตึงตังจนหลายคนสะดุ้ง แต่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงนั้น เมิ่งฮวามองเห็นช่องว่างระห

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่59

    ความเงียบงันที่ปกคลุมอุโมงค์หินถูกแทนที่ด้วยเสียง ครืด… ครืด… ที่ดังสะท้อนก้องจนเสียดหู เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ย ยืนประจันหน้ากับเงาดำขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ตรงส่วนปลายทางเดิน โดยมีองครักษ์อีกสองนายจับอาวุธเตรียมพร้อมในท่าทีตื่นตัวพอแสงคบไฟสาดส่องไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ปรากฏให้เห็นเงาร่างเหมือน “รูปสลักมังกร” ขนาดใหญ่หินแกะสลักที่ลำตัวยาวเลื้อยไปตามผนัง มีส่วนหัวโผล่พ้นขึ้นจากพื้นหินชนิดที่เห็นฟันแหลมคมรางๆ ดวงตาของมันเป็นอัญมณีสีเขียวเข้มสะท้อนแสงไฟพราวระยับ จนดูราวกับมันกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จริงๆเมิ่งฮวารู้สึกถึงเลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่าสิ่งนี้มิใช่เพียงรูปสลักธรรมดา เหมือนมีพลังลี้ลับแผ่ออกมาจากตัวมัน“นายท่าน… นี่มัน… เคลื่อนไหวได้หรือขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งถามเสียงเบาหวิว มือกำกระบี่ไว้จนข้อขาวโจวจางเหว่ยไม่ตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยที่ยังไม่ลดกระบี่ เสียงหินเสียดสีกันดังครืดอีกครั้ง ขณะเดียวกันรูปสลักมังกรก็ขยับคอไปด้านข้างช้าๆก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกพิลึก“รูปสลักนี้มีกลไกด้านใน… หรืออาจเป็นกับดักที่ใช้แรงคนหมุน?” เขาพึมพำ แต่ความสงสัยกลับเร้าใจขึ

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่58

    ท่ามกลางกลิ่นอับชื้นและความเยียบเย็นของห้องหิน ขบวนของเมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยตัดสินใจหยุดพักชั่วคราวเพื่อฟื้นแรงและประเมินสถานการณ์ โดยมีองครักษ์สองนายผลัดกันออกไปยืนเฝ้าที่ปากอุโมงค์เพื่อป้องกันมือสังหารศัตรูที่อาจกลับมาได้ทุกเมื่อเมิ่งฮวานั่งพิงกำแพงที่ขรุขระ หายใจผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านการต่อสู้อันบีบคั้น เหลือบมองสมาชิกในขบวนที่ได้รับบาดเจ็บก็กำลังนั่งพักผ่อนเช่นกัน บางคนก็หลับตาปลดปล่อยความตรึงเครียดโดยมีอาวุธวางข้างตัวไม่ห่าง“ทุกคนเหนื่อยกันมาก…” โจวจางเหว่ยเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเข้มทอแววห่วงใย “แต่เรายังต้องก้าวต่อไป หากพ้นคืนนี้แล้วเดินไปอีกไม่ไกลก็อาจถึงใจกลางอู่หวัง”เมิ่งฮวาพยักหน้ารับ เธอเองก็รับรู้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ลึกลงไปในภูเขานี้ คล้ายกับว่ามันรอให้เธอมาค้นพบมานานแสนนาน“นายท่าน!” องครักษ์คนหนึ่งที่เดินตรวจลึกเข้าไปในอุโมงค์ร้องเรียกเบาๆ สะท้อนเสียงมาไกล ราวกับค้นพบอะไรบางอย่างโจวจางเหว่ยและเมิ่งฮวาลุกขึ้นทันที นำองครักษ์บางส่วนถือคบไฟตามเข้าไปยังโพรงแคบภายในห้องต่อไปในโพรงนั้น… พื้นหินเรียบแต่ผนังสองข้างกลับคดเคี้ยวด้วยลวดลายสลักเป็นรูปคนและสัตว์ในท่าทางแป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status