Share

บทที่52

last update Last Updated: 2025-06-09 02:05:21

เมิ่งฮวาฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็วหลังจากได้รับการดูแลจากหมอประจำจวน ความเจ็บปวดที่ท้องน้อยลดลงจนแทบไม่รู้สึก ทั้งที่ตัวเองก็ยังมีแผลอยู่ แต่ท่าทีของนางกลับแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะหาคำตอบให้ได้

“เสี่ยวเปา… ข้าอยากรู้ความจริงมากขึ้นแล้ว” นางพูดกับตัวเองในใจ ขณะที่กำลังทบทวนแผนการที่จะทำให้รู้ถึงเบื้องหลังของขบวนการลับที่ตามล่าเธอและเชื่อมโยงไปถึงอดีตของเธอในโลกนี้

[เจ้าควรไปที่หอจดหมายเหตุ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับครอบครัวหรือการติดต่อกับราชสำนักที่อาจจะเป็นกุญแจสำคัญ] เสี่ยวเปาให้คำแนะนำ

“ข้าคิดเหมือนกัน… ถ้าหากว่าข้ามีข้อมูลเกี่ยวกับอดีตบางอย่าง อาจทำให้ข้ารู้ว่าเหตุใดถึงตกเป็นเป้าหมายได้” เมิ่งฮวาตอบ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เมิ่งฮวาจึงตัดสินใจออกเดินทางไปยังหอจดหมายเหตุในเมืองเสียนหยางอีกครั้ง ครั้งนี้นางจะไม่ไปคนเดียว เพราะโจวจางเหว่ยยังคงคอยเฝ้าระวังและดูแลอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ครั้งก่อนเขาเกือบจะสูญเสียเธอไป

“ข้าจะไปกับเจ้า” โจวจางเหว่ยที่มาหาเธอที่ห้องพักของนางตอนเช้ากล่าวอย่างมั่นใจ เมิ่งฮวามองไปที่เขา ท่าทางที่แสดงออกถึงความห่วงใยที่ไม่ได้พรากไปจากดวงตาของเขา

“ไม่ต้องห่วง ข้าสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว” นางบอกเขา พร้อมยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน

แต่โจวจางเหว่ยไม่ยอมง่ายๆ เขามองเธออย่างจริงจัง “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะอยู่ข้างๆเจ้าตลอดไป”

เมิ่งฮวารู้สึกถึงความจริงใจของเขา แต่กลับกลัวที่จะปล่อยให้ความรู้สึกอ่อนแอลงไปเสียทีเดียว การที่เขาพยายามจะอยู่ข้างเธอทำให้หัวใจของนางสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก

“ข้าไปกับเจ้าก็ดี” เมิ่งฮวาตัดสินใจตอบ รู้สึกว่าในช่วงเวลานี้คงจะไม่เป็นไรถ้ามีเขาคอยอยู่เคียงข้าง

การเดินทางไปหอจดหมายเหตุในครั้งนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด ตั้งแต่การเดินทางไปยังสถานที่ที่ห่างไกลและมีความเสี่ยงจนถึงการพบกับนักฆ่าที่อาจจะคอยดักซุ่มทุกย่างก้าว แต่นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ยังคอยปกป้องเธออย่างไม่ยอมให้ใครมาทำร้าย

เมื่อมาถึงหอจดหมายเหตุ เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยก็เริ่มค้นหาข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องกับนาง ขณะเดียวกันในใจของนางก็ยังคงสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่เสี่ยวเปาได้บอกไว้เกี่ยวกับ “ความลับบางอย่าง” ที่เกี่ยวกับอดีตของเธอ

การค้นหาข้อมูลในหอจดหมายเหตุทำให้พวกเขาพบเอกสารลับบางฉบับที่เก็บไว้เป็นความลับจากยุคก่อน แต่เมื่อพวกเขาพยายามอ่านและทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลเหล่านั้น พวกเขาก็พบว่ามันถูกซ่อนเอาไว้โดยการใช้รหัสบางประเภท

“นี่มันอะไรกัน?” เมิ่งฮวาถามเสียงแปลกใจ ขณะที่ค่อยๆเปิดเอกสารนั้น

[ข้าคิดว่าเอกสารนี้เกี่ยวกับการค้นหาของเจ้าในอดีต… และคาดว่ามันเป็นเบาะแสสำคัญที่พวกกบฏต้องการปิดบัง]

เมิ่งฮวาขมวดคิ้วอย่างหนักใจ “ข้าเคยได้ยินคำว่ารหัสนี้มาก่อน… ในช่วงที่ข้ายังเป็นนักฆ่า”

[รหัสนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับคนในองค์กรเดียวกับเจ้าที่อาจจะมีบทบาทสำคัญในแผนการนี้]

เมิ่งฮวารู้สึกตัวอีกครั้งถึงความลึกลับของเรื่องราวทั้งหมดนี้ เธอเริ่มเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าไม่ใช่แค่เธอที่เป็นเป้าหมายของการโจมตี แต่ยังมีเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวข้องกับอดีตของเธอในโลกนี้ที่ถูกซ่อนเอาไว้

“ข้าจะหาคำตอบให้ได้” นางพูดเสียงดัง ในใจเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและท้าทาย

หลังจากนั้น เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยเดินออกจากหอจดหมายเหตุด้วยความเร่งรีบ เพราะเริ่มรู้สึกถึงการเฝ้ามองจากผู้ไม่หวังดีที่อาจจะมาถึงในไม่ช้า

เมิ่งฮวาไม่สามารถปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ผ่านไปได้ เพราะเรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวเธอเองและความลับที่ซ่อนอยู่ในอดีตยังคงเป็นปริศนาใหญ่ที่ต้องค้นหาคำตอบให้ได้

“พวกเขาคงไม่หยุดแค่นี้… ข้าเองก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด” นางพูดเสียงดังในใจ ท่าทางของเธอแข็งกร้าวเหมือนนักล่าที่กำลังไล่ล่าผู้ล่า

[นี่แหละคือเมิ่งฮวาคนเดิม] เสี่ยวเปาพูดอย่างพึงพอใจ

เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยออกมาจากหอจดหมายเหตุด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ทว่าดวงตาของเมิ่งฮวากลับเต็มไปด้วยประกายแห่งความมุ่งมั่น นางกำเอกสารลับที่มีรหัสประหลาดไว้ในมือแน่น ฝ่ายโจวจางเหว่ยเองก็หันมามองนางเป็นระยะเพื่อเช็กให้แน่ใจว่านางไม่ได้บาดเจ็บหรือผิดปกติอะไรไปอีก

“ข้าจะกลับไปตรวจดูรหัสนี้อีกครั้ง” เมิ่งฮวากล่าวเสียงนิ่ง แขนของนางยังมีอาการปวดร้าวอยู่บ้าง แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกถึงความเจ็บเลยแม้แต่น้อย “คิดว่าหากใช้ ‘ความรู้’ บางส่วนจากโลกเดิมของข้า ก็น่าจะพอไขปริศนาได้”

“โลกเดิมของเจ้า?” โจวจางเหว่ยทวนคำอย่างฉงน นางจึงเบือนสายตาหนีนิดๆ คล้ายไม่อยากอธิบายมากไปกว่านี้

“ไม่มีอะไรหรอก” นางตอบเบาๆ “แค่ความรู้จากตำราที่เคยได้อ่านผ่านๆ น่ะ… ไว้ถ้าข้าพอจะถอดความได้ จะแจ้งให้เจ้าทราบ”

โจวจางเหว่ยพยักหน้า เขาไม่ได้ซักไซ้ต่อ เหมือนจะไว้วางใจให้นางจัดการเรื่องนี้ตามที่นางถนัด

ทันทีที่ทั้งสองขึ้นรถม้ากลับจวน โจวจางเหว่ยก็สั่งองครักษ์คุ้มกันอย่างเข้มงวดกว่าเดิม เสียงกีบม้ากระแทกพื้นหินดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เมิ่งฮวาหลับตาลงพักสมองครู่หนึ่ง แต่ในใจกำลังเรียกหาเสี่ยวเปา

[เจ้าอยากรู้วิธีถอดรหัสใช่หรือไม่?] เสี่ยวเปาพูดขึ้นโดยไม่รอให้เมิ่งฮวาเอ่ยปาก

“ใช่ ข้าพอจะคุ้นเคยกับ ‘รูปแบบ’ ของรหัสนี้บ้าง เพราะตอนข้ายังอยู่ในองค์กรนักฆ่าโลกเดิม เราเคยใช้รหัสลักษณะเดียวกัน… แต่ยังมีบางส่วนที่ไม่ตรงกัน” นางขมวดคิ้วน้อยๆ ขณะกำลังนึกถึงวิธีการผสมผสานรูปแบบต่างๆของรหัส “ถ้าให้ข้าสันนิษฐาน มันอาจเป็นรหัสชุดที่ถูกพัฒนามาต่อจากเวอร์ชันที่ข้าเคยใช้ หรือไม่ก็เป็นกลุ่มอื่นที่แตกแขนงออกไป”

[ใช่แล้ว สิ่งที่ซับซ้อนคือพวกมันดูจะเอา ‘กลวิธีเข้ารหัส’ จากโลกของเจ้า มาปรับใช้กับสภาพแวดล้อมยุคนี้ ข้าว่าเจ้าอาจต้องทดลองวิธีถอดรหัสแบบไล่เรียงสเต็ปดูก่อน ไม่แน่อาจต้องอ้างอิงคีย์บางส่วนจากตำราโบราณด้วย]

เมิ่งฮวาพยักหน้า แม้ในสายตาคนรอบข้างจะเห็นนางกำลังนั่งหลับตาเงียบๆ แต่ในจิตของนางกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาทางเชื่อมโยงรหัสจากอดีตมาสู่ยุคโบราณแห่งนี้

“หากข้าถอดความได้สำเร็จ บางทีข้าอาจจะรู้ว่าพวกมันต้องการอะไรกันแน่… และข้าจะรู้ด้วยว่าร่างนี้ของข้าถูกเชื่อมโยงเข้ากับชนชั้นปกครองหรือราชสำนักอย่างไร” นางพูดกับเสี่ยวเปาในใจ

[ใช่แล้ว เมิ่งฮวา… เจ้าเองก็เป็นเป้าหมายสำคัญของพวกนักฆ่าที่อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการกบฏ แปลว่าตัวตนที่แท้จริงของเจ้าน่าจะมีความหมายมากทีเดียว ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกหมายหัวถึงขนาดนี้]

เมิ่งฮวาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรถม้าเข้าสู่เขตจวนของโจวจางเหว่ย พลันสายตาเหลือบเห็นกลุ่มชายในชุดขุนนางกำลังยืนอยู่ด้านหน้า ดูจากสีหน้าจริงจังแล้วคงไม่ใช่เรื่องเล็ก

โจวจางเหว่ยก้าวลงจากรถม้า ก่อนจะพยักหน้าให้องครักษ์ช่วยพยุงเมิ่งฮวาลงตามมา ชายชุดขุนนางกลุ่มนั้นก้มศีรษะเคารพเขา

“มีเรื่องอันใด?” โจวจางเหว่ยเอ่ยถาม น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นจับสังเกตได้ทันที

“เรียนท่านอัครมหาเสนาบดี พวกกระหม่อมค้นพบร่องรอยบางอย่างเกี่ยวกับกลุ่มกบฏที่เคยซุ่มโจมตีท่านเมื่อคราวก่อน” ชายคนหนึ่งในกลุ่มรายงาน “เราได้หลักฐานว่าพวกมันเคลื่อนไหวในเขตการค้ารอบนอกเมือง ดูเหมือนว่าพวกมันจะวางแผนสั่งสมกำลังคนและอาวุธอย่างเงียบๆ”

โจวจางเหว่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมองเมิ่งฮวา เมิ่งฮวาเองก็สบตาเขา ท่าทางนางยังนิ่งสงบไม่หวาดหวั่นใดๆ

“เช่นนั้นก็ดี… ข้าจะรีบจัดการให้เด็ดขาด” โจวจางเหว่ยกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “ส่วนทางนี้ ให้พวกเจ้าคุ้มครองสตรีผู้นี้เป็นพิเศษ นางเป็น… ผู้เกี่ยวพันสำคัญในคดีครั้งนี้โดยตรง”

เหล่าขุนนางและองครักษ์ต่างขานรับอย่างแข็งขัน แม้จะมีแววสงสัยว่าหญิงสาวผู้นี้คือใครกันแน่ แต่ด้วยศักดิ์ฐานะของโจวจางเหว่ย พวกเขาก็ไม่กล้าถามมากความ

เมื่อทั้งหมดแยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ โจวจางเหว่ยจึงหันมาหาเมิ่งฮวา นางยกมือขึ้นเสมอหน้าผากเล็กน้อย แสดงความขอบคุณที่เขาใส่ใจดูแล

“ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบากอีกแล้ว” เมิ่งฮวากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ

โจวจางเหว่ยมองนางนิ่งๆชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลย นี่เป็นเรื่องที่ข้าสมควรต้องทำในฐานะขุนนางผู้ปกป้องแคว้น… และในฐานะ…” เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะเสมองทางอื่น “…คนที่เป็นห่วงเจ้า”

เมิ่งฮวาเม้มริมฝีปาก รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างประหลาด นางจึงก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อปกปิดอาการเขิน

“ถ้าอย่างนั้น…” นางเปลี่ยนเรื่อง “ข้าขออนุญาตไปพักที่ห้องแล้วลองถอดรหัสนี่ดู เผื่อจะได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับขบวนการกบฏและชาติกำเนิดของข้าเองด้วย”

“ตกลง เจ้าพักเถอะ ข้าจะสั่งคนไม่ให้รบกวน” เขาพูดพลางขยับเข้ามาใกล้ สายตาเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าหากมีอะไรที่ข้าช่วยได้ บอกมาได้ทันที”

เมิ่งฮวารับคำแล้วเดินกลับเข้าห้องไป เมื่อมาถึงห้องพักส่วนตัว นางก็รีบลงกลอนปิดประตูไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นปูเอกสารรหัสประหลาดบนโต๊ะ หยิบพู่กัน จานหมึก และแผ่นกระดาษเปล่ามาจัดเตรียม

[พร้อมหรือยัง?] เสี่ยวเปาถามขึ้นในหัว

“พร้อมมาก” นางสูดหายใจลึก “มาลองด้วยวิธีที่ข้าเคยใช้สมัยเป็นนักฆ่าในโลกเดิมกันก่อน แล้วค่อยต่อยอดด้วยหลักอักขระยุคโบราณที่น่าจะผสมอยู่ในนี้”

หลังจากนั้นมือเรียวของเมิ่งฮวาก็เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว จดจ้องทุกสัญลักษณ์ด้วยความตั้งอกตั้งใจ บรรยากาศในห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงพู่กันขีดเขียนบนกระดาษ

เวลาผ่านไปทีละน้อย จนเริ่มเปลี่ยนผ่านจากกลางวันสู่ยามโพล้เพล้ แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านหน้าต่างค่อยๆอ่อนลง แต่ในห้องของนางกลับยังเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น

“ข้าพอจะเห็นแนวทางบางอย่างแล้ว” เมิ่งฮวาว่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะก้มหน้าวิเคราะห์รหัส “มันคล้ายกับ ‘โค้ดสื่อสารลับ’ ที่ใช้รูปสัญลักษณ์แทนตัวอักษร… แต่ที่ยากคือพวกมันยังผสมกับการเข้ารหัสแบบเลเยอร์ซ้อนทับอีกชั้น ใครทำลายเลเยอร์แรกไม่ได้ ก็ไม่มีทางเข้าเลเยอร์ลึก”

[สุดยอดจริงๆ เจ้านี่เก่งกาจเกินมนุษย์] เสี่ยวเปาแอบแซว “แล้วคิดว่าจะถอดได้ภายในคืนนี้ไหม?”

“ถอดได้” นางกล่าวอย่างมั่นใจ สายตาเป็นประกาย “ข้าอาจต้องอดนอนสักหน่อย… แต่ถ้าสำเร็จ พรุ่งนี้เราจะรู้ความจริงมากขึ้นแน่นอน”

[เข้าใจแล้ว ข้าจะคอยระวังสภาพร่างกายเจ้าอยู่ ถ้าเจ้าเกินขีดจำกัด ข้าจะแจ้งเตือน]

“ขอบใจเจ้ามาก เสี่ยวเปา” นางยิ้มเล็กๆในใจ

ในขณะเดียวกัน บรรยากาศภายนอกจวนค่อยๆถูกปกคลุมด้วยความมืด แสงจันทร์เริ่มเผยตัวบนผืนฟ้าโดยมีเมฆบางลอยเลือนราง สายลมยามค่ำคืนพัดเอื่อย ชวนให้ผู้คนส่วนใหญ่หลับใหลไปตามวิถี แต่สำหรับเมิ่งฮวา… ราตรีนี้ยังอีกยาวนาน

ขณะที่คนทั้งจวนหลับพักผ่อน พักเอาแรงสำหรับวันพรุ่งนี้ เมิ่งฮวากลับลุกขึ้นเผชิญกับปริศนาที่เฝ้าคอยคำตอบ มือที่เคยจับกริชคู่นับไม่ถ้วนในอดีต บัดนี้กำลังจับพู่กันขีดเขียนรหัสลับแห่งโลกโบราณ

“ถ้าข้าถอดรหัสนี้ได้… ข้าจะรู้ว่าทำไมพวกมันถึงต้องการชีวิตข้า” นางพึมพำกับตนเอง

ยิ่งเวลาผ่านไป แสงตะเกียงบนโต๊ะก็สะท้อนใบหน้าที่เต็มไปด้วยสมาธิของนาง เหงื่อเม็ดเล็กผุดบนหน้าผาก มีเพียงเสียงพู่กันเสียดสีกับกระดาษเท่านั้นที่ยังคงดังท่ามกลางความเงียบสงัด

และ ณ ชั่วขณะนั้นเอง… เมิ่งฮวาก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนแห่งโชคชะตาที่กำลังจะพลิกผัน เมื่อปริศนาค่อยๆแง้มประตูให้เห็นเค้าราง แสงสว่างแห่งความจริงอาจรออยู่เบื้องหน้า

ทว่ามันจะนำพาเธอไปสู่เส้นทางใด หรือจะเปิดเผยปมชาติกำเนิดที่ซับซ้อนเพียงใด ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้… นอกเสียจากเมิ่งฮวาเองที่กำลังจะไขปริศนาทั้งหมดในค่ำคืนนี้!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่63

    หลังผ่านเหตุการณ์สั่นคลอนชะตาทั้งหลายที่ปราสาทอู่หวัง และผ่านช่วงเวลาพักรักษาตัวอยู่ในจวนใหญ่ของโจวจางเหว่ย ในที่สุดนางก็สามารถฟื้นตัวคืนกำลังได้เกือบเต็มร้อย พลังลี้ลับจากเลือดมังกรในกายไม่ปรากฏอาการร้อนผ่าวอีกแล้ว เธอสัมผัสได้ว่าบัดนี้ตนไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งเช่นเดิมอีกต่อไปในเช้าวันแดดจัดที่มีเมฆลอยเรียงกันประปราย โจวจางเหว่ยได้จัดเตรียมรถม้าอย่างเรียบง่าย พาเมิ่งฮวาออกเดินทางกลับหมู่บ้านซานซี อันเป็นดินแดนเล็กๆที่เธอเคยใช้ชีวิตเรียบง่ายร่วมกับ ท่านลุงลี่คุน และท่านป้าลี่จูเสมอมาเมิ่งฮวามองเห็นทิวเขาคุ้นตาแต่ไกล ยิ่งใกล้ซานซีเท่าไรเธอยิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นึกถึงวันที่ยังใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่ต้องพัวพันกับเลือดมังกรหรือการเมืองใดๆ เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านเธอเห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของโจวจางเหว่ย และสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดมาเหมือนยินดีต้อนรับการกลับมาของเธอเมื่อรถม้าวิ่งเข้าเขตบ้านลุงลี่คุน ท่านป้าลี่จูก็ปราดออกมาต้อนรับทันทีด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความห่วงใย“อาเมิ่ง! เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” ท่านป้าลี่จูรีบเข้ามาจับมือเมิ่งฮวา ตรวจดูกันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับหล

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่62

    เสียงก้องสะท้อนในห้องมังกรใหญ่ยังคงโหมกระพือ เสาหินรอบข้างสั่นไหวราวกับจะถล่มลงทุกเมื่อ อานุภาพมหาศาลจากแกนมังกรแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้อากาศสั่นระริกจนทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกหายใจลำบากเมิ่งฮวายืนอยู่ตรงกลางวงแสงสีทองที่ปะทุจากจุดศูนย์กลางของแท่นบูชา เหงื่อและเลือดไหลอาบบนใบหน้าที่เธอไม่อาจรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อีก ในจิตใจเธอมีเสียงสองกระแสคอยก้องสลับไปมา‘หลอมรวม… เพื่อเป็นผู้ครองพลัง! หรือทำลาย… เพื่อยุติความวุ่นวาย!’เบื้องหน้าเธอคือรูปสลักมังกรที่ดูเหมือนมีชีวิต แผ่นโลหะหนาทึบบนอกรูปสลักเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นแกนมังกรคล้ายลูกแก้วสีทองสะท้อนแสงในมือเมิ่งฮวา อำนาจโบราณจากยุคสมัยราชวงศ์เก่ากำลังตื่นขึ้นพร้อมแรงกดดันอันเกรี้ยวกราดขณะที่คลื่นพลังปกคลุมห้องมังกรอย่างหนักหน่วง เหล่ามือสังหารที่ยังมีสติอยู่ก็ต้องคุกเข่าหรือหมอบกับพื้น องครักษ์ของโจวจางเหว่ยที่ยังยืนก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ บางคนถูกแรงอัดดีดกระเด็นไปยังซอกกำแพงโจวจางเหว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้น มือกำกระบี่ที่สั่นระริก พยายามฝ่าคลื่นพลังเข้ามาหาเมิ่งฮวา“ฮวาเออร์!” เขาเรียกสุดเสียง แต่ถูกแรงอัดบีบจนขยับได้ยากเต็มที

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่61

    แสงสีทองแห่งแกนมังกรที่ซ่อนอยู่ภายในร่างโลหะของมังกรส่องสว่างออกมาจากกลางแท่นบูชาอย่างน่าพิศวง บรรยากาศในห้องใต้ดินอันกว้างใหญ่ชวนให้รู้สึกถึงความเก่าแก่และพลังลี้ลับที่สั่งสมมานับศตวรรษเมิ่งฮวายืนนิ่งหัวใจเต้นระรัวเมื่อตระหนักว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ‘หัวใจ’ของอู่หวังที่แท้จริง ต้นกำเนิดแห่งอำนาจซึ่งเหล่ากบฏกำลังตามหามาโดยตลอดขณะที่เมิ่งฮวากำลังไล่สายตาสำรวจรูปสลักมังกรขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนโลหะพิเศษครอบอยู่เป็นเกล็ด การเต้นของเลือดในร่างกายเธอก็เร่งจังหวะไม่หยุดราวกับสายเลือดตอบสนองต่อบางสิ่งที่เปล่งพลังงานอยู่เบื้องหน้า“ฮวาเออร์…” โจวจางเหว่ยเรียกเธอเสียงเบา มือกำกระบี่ข้างกายแน่น เขามองสถานการณ์ด้วยความระแวดระวังเพราะอาจมีศัตรูโผล่มาได้ทุกเมื่อ “เจ้ารู้สึกไหมว่าพลังนี้กำลังเรียกหาเจ้า?”เมิ่งฮวาพยักหน้าเล็กน้อยสีหน้าสับสนแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ก้าวเข้าใกล้แท่นบูชามากขึ้นทีละนิดโดยมีโจวจางเหว่ยตามมาคุ้มกันไม่ห่างบริเวณโดยรอบแท่นบูชามีร่องรอยภาพสลักเก่าแก่บนกำแพงหินและพื้น บ้างเป็นรูปมนุษย์แต่งกายหรูหรายืนล้อมมังกร บ้างเป็นรูปผู้คนคุกเข่าบูชา

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่60

    การต่อสู้ในโถงมังกรยังคงดุเดือด ดาบกระทบกันเสียงดังสนั่น เสียงเหล็กเสียดสีกันดังไปทั่วทุกมุมโถง บางครั้งสายตาของเมิ่งฮวาก็เหลือบไปเห็นบันไดลับที่เปิดลงไปยังส่วนลึกของปราสาท อาการบาดเจ็บจากการต่อสู้รุนแรงทำให้ความคิดของเธอพร่าเบลอ แต่เธอรู้ดีว่าถ้าไม่รีบตัดสินใจตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้พวกเขาพลาดโอกาสสำคัญไปท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรงนักฆ่าหลายคนเริ่มแยกตัวออกไป โดยมีท่าทางเหมือนจะเริ่มมีกลยุทธ์บางอย่าง การโจมตีของพวกมันแม่นยำและรวดเร็ว หลายครั้งที่เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยต้องใช้กลยุทธ์หลบหลีกและโจมตีสวนกลับ หากพวกเขายังไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ กลุ่มของพวกเขาจะต้องถูกต้อนให้มุมในไม่ช้า“พวกมันกำลังพยายามล่อเราไปที่มุม!” เมิ่งฮวาตะโกนเตือน โจวจางเหว่ยหันไปมองเธอด้วยความเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่มีเวลาพูดอะไร เพราะมือสังหารอีกคนพุ่งมาที่เขา โจวจางเหว่ยต้องหลบการโจมตีและสวนกลับด้วยกระบี่ในมือ“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าหลบหนีไปได้แน่!” เขาตะโกนสั่งองครักษ์ที่ยืนข้างๆ พลางฟันกระบี่ของตนอย่างแม่นยำเสียงของดาบกระทบกันดังตึงตังจนหลายคนสะดุ้ง แต่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงนั้น เมิ่งฮวามองเห็นช่องว่างระห

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่59

    ความเงียบงันที่ปกคลุมอุโมงค์หินถูกแทนที่ด้วยเสียง ครืด… ครืด… ที่ดังสะท้อนก้องจนเสียดหู เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ย ยืนประจันหน้ากับเงาดำขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ตรงส่วนปลายทางเดิน โดยมีองครักษ์อีกสองนายจับอาวุธเตรียมพร้อมในท่าทีตื่นตัวพอแสงคบไฟสาดส่องไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ปรากฏให้เห็นเงาร่างเหมือน “รูปสลักมังกร” ขนาดใหญ่หินแกะสลักที่ลำตัวยาวเลื้อยไปตามผนัง มีส่วนหัวโผล่พ้นขึ้นจากพื้นหินชนิดที่เห็นฟันแหลมคมรางๆ ดวงตาของมันเป็นอัญมณีสีเขียวเข้มสะท้อนแสงไฟพราวระยับ จนดูราวกับมันกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จริงๆเมิ่งฮวารู้สึกถึงเลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่าสิ่งนี้มิใช่เพียงรูปสลักธรรมดา เหมือนมีพลังลี้ลับแผ่ออกมาจากตัวมัน“นายท่าน… นี่มัน… เคลื่อนไหวได้หรือขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งถามเสียงเบาหวิว มือกำกระบี่ไว้จนข้อขาวโจวจางเหว่ยไม่ตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยที่ยังไม่ลดกระบี่ เสียงหินเสียดสีกันดังครืดอีกครั้ง ขณะเดียวกันรูปสลักมังกรก็ขยับคอไปด้านข้างช้าๆก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกพิลึก“รูปสลักนี้มีกลไกด้านใน… หรืออาจเป็นกับดักที่ใช้แรงคนหมุน?” เขาพึมพำ แต่ความสงสัยกลับเร้าใจขึ

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่58

    ท่ามกลางกลิ่นอับชื้นและความเยียบเย็นของห้องหิน ขบวนของเมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยตัดสินใจหยุดพักชั่วคราวเพื่อฟื้นแรงและประเมินสถานการณ์ โดยมีองครักษ์สองนายผลัดกันออกไปยืนเฝ้าที่ปากอุโมงค์เพื่อป้องกันมือสังหารศัตรูที่อาจกลับมาได้ทุกเมื่อเมิ่งฮวานั่งพิงกำแพงที่ขรุขระ หายใจผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านการต่อสู้อันบีบคั้น เหลือบมองสมาชิกในขบวนที่ได้รับบาดเจ็บก็กำลังนั่งพักผ่อนเช่นกัน บางคนก็หลับตาปลดปล่อยความตรึงเครียดโดยมีอาวุธวางข้างตัวไม่ห่าง“ทุกคนเหนื่อยกันมาก…” โจวจางเหว่ยเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเข้มทอแววห่วงใย “แต่เรายังต้องก้าวต่อไป หากพ้นคืนนี้แล้วเดินไปอีกไม่ไกลก็อาจถึงใจกลางอู่หวัง”เมิ่งฮวาพยักหน้ารับ เธอเองก็รับรู้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ลึกลงไปในภูเขานี้ คล้ายกับว่ามันรอให้เธอมาค้นพบมานานแสนนาน“นายท่าน!” องครักษ์คนหนึ่งที่เดินตรวจลึกเข้าไปในอุโมงค์ร้องเรียกเบาๆ สะท้อนเสียงมาไกล ราวกับค้นพบอะไรบางอย่างโจวจางเหว่ยและเมิ่งฮวาลุกขึ้นทันที นำองครักษ์บางส่วนถือคบไฟตามเข้าไปยังโพรงแคบภายในห้องต่อไปในโพรงนั้น… พื้นหินเรียบแต่ผนังสองข้างกลับคดเคี้ยวด้วยลวดลายสลักเป็นรูปคนและสัตว์ในท่าทางแป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status