ไม่เพียงจันทร์กระจ่างที่จมอยู่กับความหม่นหมอง อิชย์เองก็รู้สึกหงุดหงิดทั้งวัน เขาขับรถออกจากคลินิกในช่วงบ่ายจัดแล้วตรงไปยังฟาร์มโคนม ใช้เวลาขลุกอยู่ที่นั่นจนเย็นย่ำ ขณะที่กำลังนั่งมองคนงานปิดคอก เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“สวัสดีครับ ใช่ครับ ผมอิชย์พูดครับ”
เมื่อตอบรับปลายสาย สีหน้าของอิชย์ก็เปลี่ยนไป จากที่เรียบสงบก็กลายเป็นเคร่งขรึมร้อนรน จากนั้นเขาก็ผลุนผลันออกจากฟาร์มท่ามกลางสายตางุนงงของคนงานและเจ้าหน้าที่ที่ดูแลวัว
ผ่านไปจนมืดค่ำ จันทร์กระจ่างเดินกลับไปกลับมาด้วยอาการงุ่นง่านเพราะความเป็นห่วงสามี มือเรียวที่ถือโทรศัพท์พยายามกดโทร.หาเขาหลายครั้ง แต่เมื่อปลายสายไม่ตอบรับกลับมา ก็ยิ่งทำให้คนรอเกิดความกระวนกระวายใจ
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
แม่บ้านเดินเข้ามาหาจันทร์กระจ่างเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่เข้านอน
“รอคุณอิชย์อยู่เหรอคะคุณ”
“ค่ะป้า ดึกป่านนี้แล้วคุณอิชย์ไม่กลับมาเสียที”
นางแม้นมองผ่านความมืดออกไปนอกบ้านแล้วหันกลับมายิ้มให้หญิงสาว
“คุณจันทร์เข้านอนก่อนเถอะนะคะ นี่ก็เกือบห้าทุ่มแล้ว อีกสักพักคุณอิชย์คงกลับมา”
หญิงสาวส่ายหน้า หล่อนเป็นห่วงเขา ต่อให้กลับขึ้นไปนอนก็คงนอนไม่หลับ
“ขอจันทร์รออีกสักพักก็แล้วกันนะคะ ป้าแม้นกลับไปนอนเถอะค่ะ”
“แน่ใจนะคะ” นางแม้นเอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วง
“แน่ใจค่ะ ป้าไปนอนเถอะ”
นางแม้นยิ้มให้นายจ้างแล้วหมุนตัวกลับเข้าห้องพักของตน เมื่อลับร่างอวบหญิงสาวก็ถอนหายใจยาว ระหว่างนั้นจึงนั่งรอสามีอยู่ที่เก้าอี้หวาย พอสัปหงกทีหนึ่งก็รู้สึกตัวทีหนึ่ง เมื่อมองนาฬิกาจึงรู้ว่าเป็นเวลาห้าทุ่มครึ่ง ทว่ายังคงไร้ซึ่งวี่แววของอิชย์ แต่แล้วเสียงข้อความก็ดังขึ้น
ติ๊ง! ติ๊ง...
หญิงสาวใจไหววาบ เมื่อไลน์ของตนเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ
ทว่าชื่อที่ปรากฏทำให้ใจคนมองมือเท้าชา ใจวูบดิ่ง...
แม้ไร้คำทักทาย แต่มีภาพที่บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างแทน
ภาพแผ่นหลังกว้างของอิฐที่กำลังรินน้ำ ภาพติดต่อกับเจ้าหน้าที่ห้องตรวจ ภาพท่อนขาเรียวที่ถูกเข้าเฝือก และสุดท้ายภาพของอิชย์ที่ซบหน้าหลับอยู่กับเตียงคนป่วย พร้อมแคปชั่นที่ทำให้คนมองถึงกับปวดแสบปวดร้อนในใจ
คืนนี้คงไม่ได้กลับกันแล้ว นอนที่นี่แหละเนอะ
เหมือนแพร...รู้เบอร์โทรศัพท์หล่อนได้อย่างไร ซ้ำยังส่งข้อความเข้าไลน์หล่อน ข้อความที่พิมพ์ส่งมาทำราวกับบอกเล่าลอยๆ กระนั้น ตั้งใจแบบนี้ให้คิดดีไม่ได้เลย...
จันทร์กระจ่างขบเม้มริมฝีปากจนเจ็บแปลบ เช่นเดียวกับมือที่กำโทรศัพท์เอาไว้แน่นไม่ต่างกัน ดวงตาเห่อร้อนแดงก่ำขึ้น
ความห่วงใยแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธขึ้ง น้อยใจและเจ็บปวด ขณะที่เขาปล่อยให้หล่อนห่วงจนแทบเป็นบ้า เพียรโทร.หาเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างร้อนใจ อดหลับอดนอนรอเขา แต่อิชย์กลับไปอยู่ดูแลอดีตคนรักเก่าอย่างหน้าชื่นตาบานโดยไม่คิดจะส่งข่าวบอกหล่อนสักคำ เขาเห็นหล่อนเป็นอะไร หมาเฝ้าบ้านใช่ไหม ที่พอนึกเอ็นดูก็ลูบหัวเสียทีหนึ่ง พอเบื่อหน่ายรำคาญก็ทิ้งขว้างไม่ไยดี!
เวลาเดียวกัน อิชย์ตื่นขึ้นมาหลังจากเผลอหลับไป พอมองนาฬิกาแล้วนิ่วหน้า เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพบว่าหน้าจอมืดสนิท แบตหมด...เขานึกกังวลอยู่เหมือนกัน ป่านนี้จันทร์กระจ่างคงกำลังเป็นห่วง
ช่วงเย็น เขาได้รับโทรศัพท์จากนางพยาบาล จึงทราบว่าเหมือนแพรประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาตกใจจนรีบออกมา จึงไม่ได้บอกกล่าวกับใคร เมื่อมาถึงพบว่าขาข้างหนึ่งของเหมือนแพรบาดเจ็บจนต้องเข้าเฝือกและนอนรอดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลหนึ่งคืน เขาคิดจะติดต่อมารดาของหล่อน ทว่าหญิงสาวกลับห้ามเอาไว้
“แพรเพิ่งมีปากเสียงกับแม่มา”
“เกิดอะไรขึ้น” เขาเอ่ยถาม ทว่าหญิงสาวกลับเม้มปากพลางเมินหน้าไปทางช่องหน้าต่างห้องพักพิเศษ
“แม่ไม่อยากให้แพรมาพบกับอิชย์อีก”
อิชย์นิ่งอึ้งกับคำตอบที่ได้ยิน เขานิ่งงันไปพักใหญ่จนกระทั่งหญิงสาวหันกลับมา
“แต่แพรไม่ยอมตกลง ก็เลยทำให้มีปากเสียงกันนิดหน่อย แพรเลยคิดว่าจะกลับเลย จนมาถึงสี่แยก...” หญิงสาวเว้นระยะ พลางช้อนตามองอดีตคนรัก “แพรขอโทษ ที่ทำให้อิชย์ต้องมาเดือดร้อนไปด้วย”
ชายหนุ่มสบตาที่มองมาอย่างเว้าวอนแกมขอโทษของหญิงสาว
“อย่าคิดมากเลย คุณไม่ได้เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” เขาตอบกลับเสียงเรียบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แม้แต่เหมือนแพรเองก็ยังเดาไม่ออกว่าเขาคิดเช่นไรกับเรื่องที่หล่อนบอกเขาไป “อันที่จริง แม่ของแพรพูดถูก แพรไม่ควรมาเจอผมอีก”
คำตอบของเขาทำเอาเหมือนแพรเม้มปากแน่น น้ำตาคลอออกมาราวกับสั่งได้
“อิชย์พูดแบบนี้หมายความว่าไง” เมื่อเขานิ่งเงียบ ไม่ยอมตอบออกมา หญิงสาวจึงแสยะยิ้ม ทว่าดวงตาแดงก่ำ
“ฮึ คุณคงจะรำคาญแพรเหมือนกันใช่ไหม อย่างว่าแหละ คุณมีเมียแล้วนี่ ใครๆ เขาก็ชื่นชมเมียของคุณว่าน่ารักอ่อนหวาน ช่างเอาอกเอาใจ ไม่เหมือนแพร...”
“แพร” ชายหนุ่มปรามทั้งน้ำเสียงและแววตา เขาไม่อยากให้หญิงสาวดึงจันทร์กระจ่างเข้ามาเกี่ยวข้อง “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับจันทร์ อย่าเอ่ยถึงเขาอีก”
เหมือนแพรตวัดสายตาขวับ แววตาวาวโรจน์ยามสบตาคมกริบ
“ทำไม แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยเหรอ วิเศษวิโสมาจากไหน อิชย์ลืมสัญญาที่ให้กับแพรแล้วใช่ไหม ไหนว่าจะรักแพรคนเดียว ไหนว่าจะ...”
“พอทีเถอะแพร!” ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย “เราพูดเรื่องนี้กันมาไม่รู้กี่รอบแล้วนะ แล้วผมจะไม่พูดอีก ผมจะโทร.หาคุณแม่ของแพร แล้วบอกกับท่านว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ขอยืมโทรศัพท์ด้วย” เขายื่นมือออกไป แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมส่งให้ ทั้งยังปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา
“ไม่ จะไปไหนก็ไปเถอะ ไม่ต้องมาสนใจแพร ไปสิ กลับไปหาเมียคุณ” เอ่ยปากไล่พร้อมกับปาดน้ำตาที่ไหลพราก ทำให้คนที่กำลังโกรธความเอาแต่ใจของหญิงสาว ใจอ่อนลงอีกครั้งเมื่อเห็นน้ำตา ก่อนจะนั่งลงตามเดิม
“ผมจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคุณจะหลับก็แล้วกัน”
เมื่อเขาบอกออกมาแบบนั้น น้ำตาของเหมือนแพรก็ทำท่าว่าจะหยุดไหล ทั้งยังดึงมือเขาไปกุมเอาไว้พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
“สัญญานะคะ”
ชายหนุ่มสบตาคนตรงหน้านิ่งอยู่อึดใจ
“อืม”
จากนั้นอีกพักใหญ่ เขาเผลอหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย และตื่นขึ้นอีกครั้งช่วงกลางดึกสงัด พอดูนาฬิกาก็ใจหายวาบ ก่อนจะมองไปยังคนเจ็บที่หลับสนิท สองจิตสองใจว่าจะทิ้งเหมือนแพรเอาไว้ตามลำพังดีหรือไม่ มองอยู่อึดใจจึงบอกกับตัวเองว่าแค่คืนเดียวคงไม่เป็นไร...
ทว่าสิ่งที่เขาคิดช่างตรงกันข้ามกับความรู้สึกของจันทร์กระจ่างราวฟ้ากับเหว สำหรับอิชย์อาจไม่เป็นไร แต่สำหรับจันทร์กระจ่างทุกอย่างจบแล้ว เมื่อเขาเลือกอดีตคนรัก หล่อนก็เลือกที่จะไป พอแล้ว พอกันทีกับคนที่ไม่เคยให้เกียรติ เห็นค่าหรือมีเยื่อใยให้กับคนที่ได้ชื่อว่าเมีย...
วันที่ 9 เดือน 9 พ่อหนูตัวอวบก็ถือกำเนิด เนื่องจากตอนที่ลูกชายคนแรกลืมตาดูโลกนั้น อิชย์แทบไม่มีส่วนร่วมดูแลตอนที่เขาอยู่ในครรภ์มารดาจวบถึงตอนคลอด ชายหนุ่มจึงไม่ยอมพลาดที่จะเป็นคนตัดสายสะดือให้กับลูกอีกสองคนถัดมา... “เป็นยังไงบ้างลูก” นางมนพรลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อลูกชายออกมาจากห้องคลอด เขายิ้มกว้างพร้อมกับจับมือมารดาแล้วนั่งลงตามเดิม “สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งแม่และลูกครับ หลานชายคนนี้หน้าเหมือนคุณย่าเลยนะครับ” คนฟังถึงกับเป็นปลื้ม น้ำตาซึมออกมา “อีกนานไหมพวกเราถึงจะได้เจอหลาน” “ก็ต้องรอให้จันทร์เข้าพักในห้องพักฟื้นก่อนครับ คงอีกสักพักใหญ่ ตอนนี้เราทำได้แค่รอ แต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลานแม่คนนี้ตัวใ
เวลาเกือบสามทุ่มของคืนหนึ่ง จันทร์กระจ่างกำลังนั่งพิมพ์งานเหมือนทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะถึงแม้จะยุ่งกับการดูแลลูกและสามีมากแค่ไหน ก็ยังคงรับจ็อบแปลหนังสือและเขียนนิยายที่รักเสมอ ก่อนหยุดชะงักเมื่อหันไปเห็นสันหนังสือที่เป็นผลงานการเขียนของหล่อนเข้า ครั้งหนึ่ง อิชย์เคยหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน ‘เมียบำเรอไร้รัก’ เรื่องราวในนั้นคือส่วนหนึ่งในชีวิตของหล่อนและเขา วันนั้นจึงทำให้อิชย์เงียบซึมไปทั้งวัน ‘พี่เพิ่งรู้ว่าตัวเองเลวและแย่แค่ไหน ที่ทำให้จันทร์เหมือนตกอยู่ในนรกแบบนั้น’ นั่นคือประโยคหนึ่งที่เขากล่าวออกมาในค่ำคืนนั้น และหล่อนก็กลายเป็นคนที่ปลอบใจพ่อคนจิตใจอ่อนไหวตลอดทั้งคืน แต่พอตื่นขึ้นมา คนที่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวกลับกลายเป็นหล่อน แต่พ่อคนอ่อนไหวดันสดใสกระปรี้กระเปร่าอยู่คนเดียว เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกมา ทำให้หญิงสาวที่กำลังย
บทส่งท้ายวันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ อิชย์และจันทร์กระจ่างกำลังจะกลายเป็นคุณพ่อคุณแม่ลูกสาม ทั้งเพื่อนบ้านและคนงานต่างแซวชายหนุ่มว่าแรงดีไม่มีตก กิจการของเขาเองก็กำลังไปได้สวย รับพนักงานใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน เพื่อสลับสับเปลี่ยนกับดนัย ส่วนตัวเขารับงานเพียงช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายเน้นเข้าฟาร์ม แต่ก็ไม่ทุกวัน เพราะเสาร์อาทิตย์เขาจะอยู่กับครอบครัวเป็นหลัก สี่คนพ่อแม่ลูกจึงมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นกว่าเดิม บางครั้งในวันหยุด หญิงสาวจึงชวนสามีไปเยี่ยมปัทมาที่ราชบุรี “คิดถึงแกมาก” ปัทมาสวมกอดเพื่อนรัก “ฉันก็คิดถึงแก ไหนลูกสาวล่ะ” “ไม่อยู่ เพิ่งออกไปกับพ่อ ไปซื้อขนม มาเถอะเข้าบ้านก่อน เชิญค่ะคุณอิชย์” หญิงสาวกล่าวเชิญสามีของเพื่อน รวมทั้งเรียกเด็กๆ ให้เดินตาม หนุ่มน้อยสาวน้อยดูจะชอบร่องสวนมะพร้าวมาก เพราะกระโดดข้ามกันสนุกสนาน
“ขอโทษทีค่ะ จันทร์ก็มัวแต่ยุ่งๆ กับเรื่องของลูก” “มีใครพาไปหาหมอหรือยัง” “พาไปแล้วค่ะ แต่ดีที่ยังเป็นไม่มาก หมอเลยให้กลับมานอนพักที่บ้าน จันทร์เลยให้หยุดไปก่อน หายดีค่อยมาทำงาน” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะบอกกับหญิงสาว “จันทร์อยู่กับลูกเถอะ พี่ซักเอง เผื่อน้องอิ่มหิวขึ้นมาจันทร์จะได้ให้นมลูก” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นจากพื้นบ้าน แล้วคว้าตะกร้าผ้าจากมือภรรยามาถือเอาไว้เอง “ขอบคุณนะคะ สามีจันทร์น่ารักที่สุดในโลกเลย” หญิงสาวยิ้มหวาน ทำให้คนใจดีน่ารักที่สุดในโลกยิ้มหน้าบาน “งั้นจันทร์ต้องเตรียมตอบแทนพี่แล้วแหละ” เขายักคิ้วหลิ่วตา พลางทำตาวาวแล้วมองด้วยสายตาโลมเลียจนหญิงสาวค้อนขวับ&n
“พี่อัจกำลังมีความรักจริงๆ ด้วย” จันทร์กระจ่างบอกกับสามี อีกฝ่ายพยักหน้า เขาเองก็เห็นเป็นเช่นนั้น เมื่ออัจฉรามีความรัก อะไรๆ ก็ดูสดใสขึ้นทันตา “พี่เจตน์ครับ มาดื่มน้ำก่อนลูก” “น้ำๆ น้าม” พี่เจตน์วิ่งจนเท้าลอยเข้ามาหาพ่อกับแม่ ดื่มน้ำจนอิ่มแปล้ แล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักพ่อ ส่วนคุณปู่กับคุณย่าก็ได้พัก ไม่นานนัก อัจฉราจึงเดินกลับมาร่วมวงสนทนาอีกครั้ง วันต่อมา อิชย์พาภรรยาและลูกชายไปเที่ยวที่ฟาร์มโคนมของตัวเอง พ่อหนูชื่นชอบวัวมากๆ เขาชวนคุยเรื่องวัวตลอดเวลา ทั้งยังขอขี่หลังมันเสียด้วย คนเป็นพ่อจึงยอมตามใจแต่ก็ดูแลอย่างใกล้ชิด ทุกวันหยุดถ้าไม่อยู่บ้านตัวเองหรือไปบ้านพ่อกับแม่ อิชย์จะพาลูกและเมียขับรถเล่นเสมอ บางครั้งก็พาหญิงสาวไปเยี่ยมเพื่อนรักอย่างปัทมา ที่กำลังจะมีข่าวดีกับคนรักเร็วๆ นี
๒๔โซ่เส้นที่สอง คล้องใจแนบแน่นสามเดือนต่อมา... “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณตั้งท้องได้สิบสัปดาห์แล้วครับ” คุณพ่อหนุ่มหล่อกับคุณแม่สาวสวยเดินกุมมือลงมาจากรถยนต์เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวด้วยสายตาอบอุ่น ท้องนี้เขาจะได้ดูแลหล่อนตั้งแต่ท้องอ่อนๆ จนกระทั่งเข้าห้องคลอดเลยทีเดียว เขาจะไม่ยอมพลาดเหตุการณ์สำคัญในชีวิตอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน “เดินดีๆ นะจ๊ะ” จันทร์กระจ่างยิ้มกริ่ม ตั้งแต่เขาบอกรัก ความหวานของอิชย์ไม่เคยพร่องลงเลยสักนิดเดียว ยิ่งรู้ว่าหล่อนท้องเขาก็ยิ่งเห่อหนัก คอยประคับประคองไม่ห่าง “พี่อิชย์คะ จันทร์เพิ่งท้องอ่อนๆ เอง” “ก็นั่นแหละ ย