๓
เมียหาย ล้อมคอก
อิชย์กลับบ้านในเช้าวันใหม่ และพบว่าอาหารถูกตั้งโต๊ะรอท่าอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มกวาดสายตามองหาภรรยาเพื่อที่จะอธิบายทุกอย่างถ้าหล่อนต้องการรู้ แต่พบเพียงแม่ครัวที่เดินออกมาเจอเขาพอดี
“อ้าวคุณอิชย์! คุณหายไปไหนมาคะ คุณจันทร์นั่งรอคุณทั้งคืน พยายามติดต่อคุณแต่คุณไม่ยอมรับสาย ไม่ได้หลับได้นอนเลยนะคะ”
น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจที่เจอหน้าเขาในเช้านี้พร้อมกับคำบอกเล่าทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิด
“ขอโทษที พอดีมีเรื่องสำคัญต้องทำ แล้วแบตโทรศัพท์ก็มาหมด ก็เลยไม่ได้รับสาย แล้วตอนนี้คุณจันทร์อยู่ที่ไหน”
“บนห้องค่ะ นี่ถ้าคุณยังไม่กลับมา ป้าว่าเธอคงจะออกไปแจ้งความแล้วล่ะค่ะ”
“แล้วนี่คงไม่ได้โทร.ไปถามพ่อกับแม่หรอกนะ”
นางแม้นส่ายหน้ายิ้มๆ
“ยังค่ะ ก็ถ้าคุณยังไม่กลับมาก็คงต้องถึงหูท่านทั้งสองเหมือนกัน คุณขึ้นไปดูเธอสักหน่อยเถอะนะ ป่านนี้คงใจหายไปไกลแล้ว”
ชายหนุ่มพยักหน้า แล้วเดินตรงไปยังบันไดบ้าน
ประตูห้องนอนเปิดเข้ามาเบาๆ พร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่ยังอยู่ในชุดของเมื่อวาน จันทร์กระจ่างที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าหันมองที่มาของเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ริมฝีปากก็ปิดสนิทเป็นเส้นตรง ดวงตาคู่สวยที่มีเค้าแดงเรื่อก่อนแล้วร้อนผ่าวขึ้นมาอีก ก่อนหักห้ามความน้อยใจลงจนมิดแล้วเอ่ยถาม
“คุณหายไปไหนมาคะ จันทร์โทร.หาคุณ แต่คุณไม่รับสายจันทร์”
สิ้นเสียงถาม ร่างสูงก็มาหยุดลงข้างกายของภรรยา เขามองหล่อนด้วยสายตาราวจะขอโทษอยู่กลายๆ
“ขอโทษที่ไม่ได้โทร.มาบอก พอดีแบตหมด”
คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวหลุบสายตาลงมองแผงอกกว้าง เสื้อของเขาค่อนข้างยับ เหม่อมองอยู่อึดใจแล้วบอกตนเองว่าที่ตรงนี้มันไม่ใช่ของหล่อนตั้งแต่แรก ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาคมกริบอีกครั้ง
“บอกจันทร์ได้ไหม ว่าคุณหายไปไหนมา”
ดวงตาคู่สวยที่แดงเรื่อ บอกชัดว่าผ่านการร้องไห้มาทั้งคืน ชายหนุ่มขยับหมายจะคว้าร่างบางเข้าไปกอดปลอบ ทว่าหญิงสาวกลับขยับเท้าถอยหลังหนี ทำให้ชายหนุ่มต้องชะงักกึก หัวคิ้วขมวดมุ่น แต่แล้วก็ถอนหายใจอย่างพอเข้าใจความรู้สึก เป็นเขาก็คงจะโกรธอยู่ไม่น้อย ที่จู่ๆ คนเป็นสามีหายไปทั้งคืนแบบนี้
“เมื่อวานเกิดเรื่องนิดหน่อย” เขาพยายามมองตาหญิงสาว ขณะที่จันทร์กระจ่างยืนนิ่งฟังอย่างตั้งใจ “แพรประสบอุบัติเหตุ ต้องนอนโรงพยาบาลฉันก็เลย...”
“คุณแพรเธอไม่มีญาติพี่น้องหรือไงกัน คุณถึงต้องไปนอนเฝ้าด้วยตัวเองแบบนั้น” ดวงตาคู่งามมองเขาอย่างตัดพ้อและผิดหวัง ชนิดที่ทำให้อิชย์หนาวเยือกในอกก่อนจะเปลี่ยนเป็นร้อนวาบบริเวณแผ่นหลัง จันทร์กระจ่างไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหล่อนมักมองเขาอย่างอ่อนโยน ชื่นชมและให้เกียรติเสมอ ไม่เคยสักครั้งที่จะมองด้วยสายตาคล้ายจะหมดความศรัทธาเช่นเวลานี้ คิดได้เช่นนั้น เขาก็หนาวเยือกในอก...
“ฉัน…”
“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจเต็มปอด จากนั้นฝืนยิ้มให้กับอิชย์ ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขานิ่งนาน ราวกับว่าการสบตากันครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้มองเขา..
“คุณปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว อาบน้ำอาบท่าเถอะนะคะ จะได้ออกไปกินข้าวเช้า วันนี้จันทร์ทำของโปรดของคุณเอาไว้ด้วย” หญิงสาวบอกเพียงแค่นั้น แล้วหยิบเสื้อคลุมส่งให้เขา ก่อนจะหันกลับไปทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำ โดยไม่มองเขาอีก
อิชย์ยืนนิ่ง ทำหน้าเซ่ออยู่ที่เดิมนานนับนาที จึงรู้ว่าต้องทำอะไร ก่อนเดินตรงไปยังห้องน้ำ แต่ไม่วายหันกลับมามองจันทร์กระจ่างอีกหน ความรู้สึกผิดเกาะกินใจของเขา แต่เมื่อคิดว่าถ้าปล่อยเวลาให้ผ่านไปสักพัก หญิงสาวก็คงจะหายโกรธและอารมณ์ดีขึ้นเอง คิดได้เช่นนั้นจึงเข้าไปทำธุระส่วนตัว...
คนที่กำลังจัดเสื้อเข้าตู้ขยำผ้าในมือเอาไว้แน่น ริมฝีปากสั่นระริก น้ำตาหยดแหมะรดนวลแก้ม ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากเพื่อเก็บเสียงสะอื้นที่อาจดังออกมาจนทำให้ใครบางคนได้ยิน...
เป็นอีกครั้ง ที่ความรู้สึกของหล่อนถูกมองข้าม...
ไม่มีที่ให้หล่อนยืน คนที่ไม่ถูกรัก มักเจ็บปวดเสมอ...
วันที่ 9 เดือน 9 พ่อหนูตัวอวบก็ถือกำเนิด เนื่องจากตอนที่ลูกชายคนแรกลืมตาดูโลกนั้น อิชย์แทบไม่มีส่วนร่วมดูแลตอนที่เขาอยู่ในครรภ์มารดาจวบถึงตอนคลอด ชายหนุ่มจึงไม่ยอมพลาดที่จะเป็นคนตัดสายสะดือให้กับลูกอีกสองคนถัดมา... “เป็นยังไงบ้างลูก” นางมนพรลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อลูกชายออกมาจากห้องคลอด เขายิ้มกว้างพร้อมกับจับมือมารดาแล้วนั่งลงตามเดิม “สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งแม่และลูกครับ หลานชายคนนี้หน้าเหมือนคุณย่าเลยนะครับ” คนฟังถึงกับเป็นปลื้ม น้ำตาซึมออกมา “อีกนานไหมพวกเราถึงจะได้เจอหลาน” “ก็ต้องรอให้จันทร์เข้าพักในห้องพักฟื้นก่อนครับ คงอีกสักพักใหญ่ ตอนนี้เราทำได้แค่รอ แต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลานแม่คนนี้ตัวใ
เวลาเกือบสามทุ่มของคืนหนึ่ง จันทร์กระจ่างกำลังนั่งพิมพ์งานเหมือนทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะถึงแม้จะยุ่งกับการดูแลลูกและสามีมากแค่ไหน ก็ยังคงรับจ็อบแปลหนังสือและเขียนนิยายที่รักเสมอ ก่อนหยุดชะงักเมื่อหันไปเห็นสันหนังสือที่เป็นผลงานการเขียนของหล่อนเข้า ครั้งหนึ่ง อิชย์เคยหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน ‘เมียบำเรอไร้รัก’ เรื่องราวในนั้นคือส่วนหนึ่งในชีวิตของหล่อนและเขา วันนั้นจึงทำให้อิชย์เงียบซึมไปทั้งวัน ‘พี่เพิ่งรู้ว่าตัวเองเลวและแย่แค่ไหน ที่ทำให้จันทร์เหมือนตกอยู่ในนรกแบบนั้น’ นั่นคือประโยคหนึ่งที่เขากล่าวออกมาในค่ำคืนนั้น และหล่อนก็กลายเป็นคนที่ปลอบใจพ่อคนจิตใจอ่อนไหวตลอดทั้งคืน แต่พอตื่นขึ้นมา คนที่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวกลับกลายเป็นหล่อน แต่พ่อคนอ่อนไหวดันสดใสกระปรี้กระเปร่าอยู่คนเดียว เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกมา ทำให้หญิงสาวที่กำลังย
บทส่งท้ายวันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ อิชย์และจันทร์กระจ่างกำลังจะกลายเป็นคุณพ่อคุณแม่ลูกสาม ทั้งเพื่อนบ้านและคนงานต่างแซวชายหนุ่มว่าแรงดีไม่มีตก กิจการของเขาเองก็กำลังไปได้สวย รับพนักงานใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน เพื่อสลับสับเปลี่ยนกับดนัย ส่วนตัวเขารับงานเพียงช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายเน้นเข้าฟาร์ม แต่ก็ไม่ทุกวัน เพราะเสาร์อาทิตย์เขาจะอยู่กับครอบครัวเป็นหลัก สี่คนพ่อแม่ลูกจึงมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นกว่าเดิม บางครั้งในวันหยุด หญิงสาวจึงชวนสามีไปเยี่ยมปัทมาที่ราชบุรี “คิดถึงแกมาก” ปัทมาสวมกอดเพื่อนรัก “ฉันก็คิดถึงแก ไหนลูกสาวล่ะ” “ไม่อยู่ เพิ่งออกไปกับพ่อ ไปซื้อขนม มาเถอะเข้าบ้านก่อน เชิญค่ะคุณอิชย์” หญิงสาวกล่าวเชิญสามีของเพื่อน รวมทั้งเรียกเด็กๆ ให้เดินตาม หนุ่มน้อยสาวน้อยดูจะชอบร่องสวนมะพร้าวมาก เพราะกระโดดข้ามกันสนุกสนาน
“ขอโทษทีค่ะ จันทร์ก็มัวแต่ยุ่งๆ กับเรื่องของลูก” “มีใครพาไปหาหมอหรือยัง” “พาไปแล้วค่ะ แต่ดีที่ยังเป็นไม่มาก หมอเลยให้กลับมานอนพักที่บ้าน จันทร์เลยให้หยุดไปก่อน หายดีค่อยมาทำงาน” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะบอกกับหญิงสาว “จันทร์อยู่กับลูกเถอะ พี่ซักเอง เผื่อน้องอิ่มหิวขึ้นมาจันทร์จะได้ให้นมลูก” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นจากพื้นบ้าน แล้วคว้าตะกร้าผ้าจากมือภรรยามาถือเอาไว้เอง “ขอบคุณนะคะ สามีจันทร์น่ารักที่สุดในโลกเลย” หญิงสาวยิ้มหวาน ทำให้คนใจดีน่ารักที่สุดในโลกยิ้มหน้าบาน “งั้นจันทร์ต้องเตรียมตอบแทนพี่แล้วแหละ” เขายักคิ้วหลิ่วตา พลางทำตาวาวแล้วมองด้วยสายตาโลมเลียจนหญิงสาวค้อนขวับ&n
“พี่อัจกำลังมีความรักจริงๆ ด้วย” จันทร์กระจ่างบอกกับสามี อีกฝ่ายพยักหน้า เขาเองก็เห็นเป็นเช่นนั้น เมื่ออัจฉรามีความรัก อะไรๆ ก็ดูสดใสขึ้นทันตา “พี่เจตน์ครับ มาดื่มน้ำก่อนลูก” “น้ำๆ น้าม” พี่เจตน์วิ่งจนเท้าลอยเข้ามาหาพ่อกับแม่ ดื่มน้ำจนอิ่มแปล้ แล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักพ่อ ส่วนคุณปู่กับคุณย่าก็ได้พัก ไม่นานนัก อัจฉราจึงเดินกลับมาร่วมวงสนทนาอีกครั้ง วันต่อมา อิชย์พาภรรยาและลูกชายไปเที่ยวที่ฟาร์มโคนมของตัวเอง พ่อหนูชื่นชอบวัวมากๆ เขาชวนคุยเรื่องวัวตลอดเวลา ทั้งยังขอขี่หลังมันเสียด้วย คนเป็นพ่อจึงยอมตามใจแต่ก็ดูแลอย่างใกล้ชิด ทุกวันหยุดถ้าไม่อยู่บ้านตัวเองหรือไปบ้านพ่อกับแม่ อิชย์จะพาลูกและเมียขับรถเล่นเสมอ บางครั้งก็พาหญิงสาวไปเยี่ยมเพื่อนรักอย่างปัทมา ที่กำลังจะมีข่าวดีกับคนรักเร็วๆ นี
๒๔โซ่เส้นที่สอง คล้องใจแนบแน่นสามเดือนต่อมา... “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณตั้งท้องได้สิบสัปดาห์แล้วครับ” คุณพ่อหนุ่มหล่อกับคุณแม่สาวสวยเดินกุมมือลงมาจากรถยนต์เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวด้วยสายตาอบอุ่น ท้องนี้เขาจะได้ดูแลหล่อนตั้งแต่ท้องอ่อนๆ จนกระทั่งเข้าห้องคลอดเลยทีเดียว เขาจะไม่ยอมพลาดเหตุการณ์สำคัญในชีวิตอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน “เดินดีๆ นะจ๊ะ” จันทร์กระจ่างยิ้มกริ่ม ตั้งแต่เขาบอกรัก ความหวานของอิชย์ไม่เคยพร่องลงเลยสักนิดเดียว ยิ่งรู้ว่าหล่อนท้องเขาก็ยิ่งเห่อหนัก คอยประคับประคองไม่ห่าง “พี่อิชย์คะ จันทร์เพิ่งท้องอ่อนๆ เอง” “ก็นั่นแหละ ย