แน่นอนว่าเขายังรักเหมือนแพร ผู้หญิงที่รักกันมานานนับสิบปี มันไม่ได้ลืมกันง่ายๆ เพียงเขามีใครมาแทนที่เพียงไม่กี่ปี แต่ความเย็นฉ่ำและอ่อนหวานของจันทร์กระจ่างทำให้เขาก็รู้สึกดีและอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้ หล่อนดูแลและให้เกียรติเขาเสมอ ขณะที่เหมือนแพรไม่เคยทำให้เขารู้สึกเช่นนั้นนัก คนที่เขารักอาจจะอ่อนหวานและช่างเอาใจ แต่ก็ร้อนแรงและเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจได้เช่นเดียวกัน
ส่วนจันทร์กระจ่างนั้น...หล่อนคล้ายกับหนังสือที่อ่านได้เรื่อยๆ ไม่ได้มีจุดสูงสุดหรือต่ำสุด บางครั้งเขายอมรับว่าค่อนข้างเบื่อในความเรียบเรื่อยของหล่อน ยิ่งคิดถึงความร้อนแรงและหวามหวานของเหมือนแพร บางครั้งเขาก็นึกขัดใจตัวเอง
เขาไม่ควรดึงจันทร์กระจ่างเข้ามาในชีวิตตั้งแต่แรก...ไม่ควรให้หล่อนต้องมาทุกข์ทนกับคนที่ไม่รักหล่อน จนต้องพบเจอกับความเย็นชาจากเขาอยู่บ่อยครั้ง
อาจเป็นเพราะตอนนั้นเขากำลังเสียใจ จึงคว้าใครสักคนเอาไว้ทันที และจันทร์กระจ่างคือผู้หญิงที่อยู่ใกล้มือ
เขาเลย...
ชายหนุ่มสะบัดหัวไปมา รู้สึกหนักอึ้งกับความคิดของตนเอง แต่สุดท้าย เขาก็เลิกคิดถึงเรื่องเก่าๆ แล้วบอกตนเองว่า เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีกแล้ว ถ้าไม่คิดจะก้าวต่อ ก็หยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้ ทว่า... ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครา แล้วบอกตนเองว่า เขาควรทำดีกับจันทร์กระจ่างให้มากกว่าที่ผ่านมา เพราะหล่อนดีกับเขามากกว่าใครๆ เช่นเดียวกัน
อิชย์ชำเลืองมองจันทร์กระจ่างที่เดินตรงไปยังห้องน้ำ เขารู้สึกได้ว่าหญิงสาวเงียบขรึมลงไปตั้งแต่มื้อค่ำ พูดน้อยลงและยิ้มไม่เต็มหน้านัก ราวกับมีเรื่องให้ต้องคิดมาก...
ผ่านไปสี่สิบนาที หญิงสาวจึงก้าวขึ้นเตียงและสอดร่างเล็กบางของหล่อนเข้ามาใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับเขา เมื่อหญิงสาวเอนกายลงนอนเขาก็วางหนังสือลงบนโต๊ะข้างเตียง เมื่อหันกลับมาก็เห็นว่าหล่อนนอนหันหลังให้เขาเสียแล้ว ชายหนุ่มมุ่นคิ้วเข้าหากัน เริ่มรู้สึกว่าหล่อนไม่พอใจบางอย่างซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับตัวเขา เป็นเพราะเรื่องของเหมือนแพรใช่หรือไม่ เขานิ่วหน้าอีกหนขณะครุ่นคิดไม่ตก เพราะช่วงเย็นหล่อนยังดี มาตอนนี้กลับมึนตึง...
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มขยับชิดจนแผงอกกว้างชนกับแผ่นหลังบอบบางนุ่มนิ่ม ทำให้คนที่พยายามข่มตาหลับลืมตาขึ้น มือที่วางประสานกันตรงช่วงอกอวบขยับกระชับผ้าห่ม
“มึนหัวนิดหน่อยค่ะ” ตอบกลับไปเบาๆ พลางขบเม้มริมฝีปากเอาไว้ ความน้อยใจตีตื้นเมื่อคิดถึงช่วงเย็น แต่ฝ่ามือที่วางลงมาบนหน้าผากนวลทำให้หัวใจที่กำลังอ่อนล้าหวามไหว จากที่ห่างเหิน เย็นชา จู่ๆ เขาก็ทำท่าเหมือนจะใส่ใจ...
“กินยาหรือยัง”
หญิงสาวขยับร่างนอนหงาย แล้วสบตาคนตัวโตที่นอนตะแคงมองหล่อนด้วยสายตาที่มองดู ‘คล้าย’ จะเป็นห่วง
“กินแล้วค่ะ” ตอบพลางยิ้มนิดๆ ชายหนุ่มจึงรั้งผ้าห่มขึ้นคลุมร่างบางของภรรยาพลางบอก
“งั้นก็นอนเถอะ ตื่นมาจะได้หายปวดหัว”
เจ้าของดวงตากลมโตสบนัยน์ตาสีเข้มของคนพูด พร้อมรอยยิ้มที่ดูจะเนือยลงอย่างมาก แล้วหลับตาลงตามคำบอกกล่าวของเขา ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจยาว ไฟที่สว่างจ้าพลันดับลง เขาพลิกกายนอนหงาย ลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดสลัวเช่นนั้นนานนับชั่วโมง
เช้าต่อมา อิชย์ตื่นขึ้นในเวลาปกติ ข้างกายของเขาว่างเปล่าเช่นทุกวัน จันทร์กระจ่างตื่นก่อนเสมอ หล่อนจะตื่นตั้งแต่เช้ามืด เพื่อลุกขึ้นไปดูแลเรื่องอาหารและรอใส่บาตร ส่วนเขาตื่นหกโมงเช้าเป็นประจำเช่นกัน
เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะเบาๆ ทำให้เจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดทำงานสะอาดสะอ้านเรียบร้อยตรงไปยังที่มาของเสียง แม่ครัวหันมาเห็นเขาก็ฉีกยิ้มกว้างทันที
“อ้าวคุณอิชย์ จะออกไปแล้วเหรอคะ”
ร่างสูงก้าวไปหยุดตรงหน้าแม่บ้านและภรรยา
“ครับ วันนี้ต้องเข้าคลินิกด้วย” เขาตอบแม่บ้าน แต่สายตามองภรรยาที่หันไปจัดเตรียมอาหาร
“กินข้าวก่อนนะคะ” จันทร์กระจ่างหันกลับมาบอกสามี พร้อมกับเตรียมตั้งโต๊ะ ชายหนุ่มจึงช่วยหญิงสาวยกกับข้าวตรงไปยังโต๊ะอาหาร ไม่นานนักเขาและหล่อนก็นั่งร่วมโต๊ะ คนตัวบางยังคงดูแลปรนนิบัติเขาอย่างดีเช่นเดิม เพียงแต่วันนี้หล่อนยังคงถนอมคำพูดเช่นวันวาน จนเขาเริ่มรู้สึกอึดอัด เพราะปกติคนตรงหน้าจะเอ่ยถามเรื่องงานและชวนคุยเสมอ ต่างจากเขาที่ถามคำก็ตอบกลับไปคำหนึ่ง จึงเริ่มคิดว่าหล่อนคงรู้สึกเหมือนกับที่เขารับรู้ในเวลานี้ อึดอัดและทำตัวไม่ถูกนัก เมื่ออีกคนใส่ใจแต่อีกคนกลับเฉยชา...
“หายปวดหัวแล้วหรือยัง” เขาเอ่ยถามเมื่ออยู่กันตามลำพัง
เจ้าของดวงหน้าที่กำลังมองเขานั้นมีรอยยิ้มเจือจางส่งมาให้
“หายแล้วค่ะ” เจ้าของเสียงหวานตอบเพียงแค่นั้นแล้วเงียบลงไปอีก แต่มือเรียวๆ ก็ยังตักกับข้าวใส่จานให้เขาเป็นระยะ ราวกับว่ามันคือความเคยชินที่หล่อนต้องทำ เพียงแค่คิดว่าหล่อนทำทุกอย่างด้วยความฝืนใจ อกของเขาก็วูบไหวลงพร้อมความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ริมฝีปากได้รูปจึงเม้มเข้าหากัน พร้อมกับอาการรวบช้อน ทำให้หญิงสาวเงยหน้ามองเขาอย่างนึกแปลกใจ
“ฉันอิ่มแล้ว”
อาการมึนตึงที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ทำให้คนที่พยายามปรับอารมณ์ให้คงที่รู้สึกหดหู่อีกครั้ง แต่ก็ยังฝืนยิ้มให้กับคนที่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“วันนี้ฉันอาจกลับมืดสักหน่อยนะ เพราะต้องเลยเข้าไปที่ฟาร์มอีก” พูดจบเขาก็ลุกจากเก้าอี้และเดินออกไปทันทีโดยไม่หันกลับมามองอีก ภาพนั้นทำให้คนที่พยายามจัดการกับอารมณ์น้อยใจของตนเองต้องยอมแพ้ น้ำตาที่เก็บกลั้นก็หลั่งไหลพังทลายออกมา
แม่บ้านเดินออกมาเพราะได้ยินเสียงรถยนต์ของอิชย์ขับออกไป แต่กลับได้พบว่านายสาวคนสวยของตนกำลังร้องไห้
“คุณจันทร์”
จันทร์กระจ่างรีบเช็ดน้ำตาออก แล้วหันไปยิ้มจืดชืดให้กับแม่ครัว
วันที่ 9 เดือน 9 พ่อหนูตัวอวบก็ถือกำเนิด เนื่องจากตอนที่ลูกชายคนแรกลืมตาดูโลกนั้น อิชย์แทบไม่มีส่วนร่วมดูแลตอนที่เขาอยู่ในครรภ์มารดาจวบถึงตอนคลอด ชายหนุ่มจึงไม่ยอมพลาดที่จะเป็นคนตัดสายสะดือให้กับลูกอีกสองคนถัดมา... “เป็นยังไงบ้างลูก” นางมนพรลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อลูกชายออกมาจากห้องคลอด เขายิ้มกว้างพร้อมกับจับมือมารดาแล้วนั่งลงตามเดิม “สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งแม่และลูกครับ หลานชายคนนี้หน้าเหมือนคุณย่าเลยนะครับ” คนฟังถึงกับเป็นปลื้ม น้ำตาซึมออกมา “อีกนานไหมพวกเราถึงจะได้เจอหลาน” “ก็ต้องรอให้จันทร์เข้าพักในห้องพักฟื้นก่อนครับ คงอีกสักพักใหญ่ ตอนนี้เราทำได้แค่รอ แต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลานแม่คนนี้ตัวใ
เวลาเกือบสามทุ่มของคืนหนึ่ง จันทร์กระจ่างกำลังนั่งพิมพ์งานเหมือนทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะถึงแม้จะยุ่งกับการดูแลลูกและสามีมากแค่ไหน ก็ยังคงรับจ็อบแปลหนังสือและเขียนนิยายที่รักเสมอ ก่อนหยุดชะงักเมื่อหันไปเห็นสันหนังสือที่เป็นผลงานการเขียนของหล่อนเข้า ครั้งหนึ่ง อิชย์เคยหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน ‘เมียบำเรอไร้รัก’ เรื่องราวในนั้นคือส่วนหนึ่งในชีวิตของหล่อนและเขา วันนั้นจึงทำให้อิชย์เงียบซึมไปทั้งวัน ‘พี่เพิ่งรู้ว่าตัวเองเลวและแย่แค่ไหน ที่ทำให้จันทร์เหมือนตกอยู่ในนรกแบบนั้น’ นั่นคือประโยคหนึ่งที่เขากล่าวออกมาในค่ำคืนนั้น และหล่อนก็กลายเป็นคนที่ปลอบใจพ่อคนจิตใจอ่อนไหวตลอดทั้งคืน แต่พอตื่นขึ้นมา คนที่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวกลับกลายเป็นหล่อน แต่พ่อคนอ่อนไหวดันสดใสกระปรี้กระเปร่าอยู่คนเดียว เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกมา ทำให้หญิงสาวที่กำลังย
บทส่งท้ายวันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ อิชย์และจันทร์กระจ่างกำลังจะกลายเป็นคุณพ่อคุณแม่ลูกสาม ทั้งเพื่อนบ้านและคนงานต่างแซวชายหนุ่มว่าแรงดีไม่มีตก กิจการของเขาเองก็กำลังไปได้สวย รับพนักงานใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน เพื่อสลับสับเปลี่ยนกับดนัย ส่วนตัวเขารับงานเพียงช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายเน้นเข้าฟาร์ม แต่ก็ไม่ทุกวัน เพราะเสาร์อาทิตย์เขาจะอยู่กับครอบครัวเป็นหลัก สี่คนพ่อแม่ลูกจึงมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นกว่าเดิม บางครั้งในวันหยุด หญิงสาวจึงชวนสามีไปเยี่ยมปัทมาที่ราชบุรี “คิดถึงแกมาก” ปัทมาสวมกอดเพื่อนรัก “ฉันก็คิดถึงแก ไหนลูกสาวล่ะ” “ไม่อยู่ เพิ่งออกไปกับพ่อ ไปซื้อขนม มาเถอะเข้าบ้านก่อน เชิญค่ะคุณอิชย์” หญิงสาวกล่าวเชิญสามีของเพื่อน รวมทั้งเรียกเด็กๆ ให้เดินตาม หนุ่มน้อยสาวน้อยดูจะชอบร่องสวนมะพร้าวมาก เพราะกระโดดข้ามกันสนุกสนาน
“ขอโทษทีค่ะ จันทร์ก็มัวแต่ยุ่งๆ กับเรื่องของลูก” “มีใครพาไปหาหมอหรือยัง” “พาไปแล้วค่ะ แต่ดีที่ยังเป็นไม่มาก หมอเลยให้กลับมานอนพักที่บ้าน จันทร์เลยให้หยุดไปก่อน หายดีค่อยมาทำงาน” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะบอกกับหญิงสาว “จันทร์อยู่กับลูกเถอะ พี่ซักเอง เผื่อน้องอิ่มหิวขึ้นมาจันทร์จะได้ให้นมลูก” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นจากพื้นบ้าน แล้วคว้าตะกร้าผ้าจากมือภรรยามาถือเอาไว้เอง “ขอบคุณนะคะ สามีจันทร์น่ารักที่สุดในโลกเลย” หญิงสาวยิ้มหวาน ทำให้คนใจดีน่ารักที่สุดในโลกยิ้มหน้าบาน “งั้นจันทร์ต้องเตรียมตอบแทนพี่แล้วแหละ” เขายักคิ้วหลิ่วตา พลางทำตาวาวแล้วมองด้วยสายตาโลมเลียจนหญิงสาวค้อนขวับ&n
“พี่อัจกำลังมีความรักจริงๆ ด้วย” จันทร์กระจ่างบอกกับสามี อีกฝ่ายพยักหน้า เขาเองก็เห็นเป็นเช่นนั้น เมื่ออัจฉรามีความรัก อะไรๆ ก็ดูสดใสขึ้นทันตา “พี่เจตน์ครับ มาดื่มน้ำก่อนลูก” “น้ำๆ น้าม” พี่เจตน์วิ่งจนเท้าลอยเข้ามาหาพ่อกับแม่ ดื่มน้ำจนอิ่มแปล้ แล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักพ่อ ส่วนคุณปู่กับคุณย่าก็ได้พัก ไม่นานนัก อัจฉราจึงเดินกลับมาร่วมวงสนทนาอีกครั้ง วันต่อมา อิชย์พาภรรยาและลูกชายไปเที่ยวที่ฟาร์มโคนมของตัวเอง พ่อหนูชื่นชอบวัวมากๆ เขาชวนคุยเรื่องวัวตลอดเวลา ทั้งยังขอขี่หลังมันเสียด้วย คนเป็นพ่อจึงยอมตามใจแต่ก็ดูแลอย่างใกล้ชิด ทุกวันหยุดถ้าไม่อยู่บ้านตัวเองหรือไปบ้านพ่อกับแม่ อิชย์จะพาลูกและเมียขับรถเล่นเสมอ บางครั้งก็พาหญิงสาวไปเยี่ยมเพื่อนรักอย่างปัทมา ที่กำลังจะมีข่าวดีกับคนรักเร็วๆ นี
๒๔โซ่เส้นที่สอง คล้องใจแนบแน่นสามเดือนต่อมา... “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณตั้งท้องได้สิบสัปดาห์แล้วครับ” คุณพ่อหนุ่มหล่อกับคุณแม่สาวสวยเดินกุมมือลงมาจากรถยนต์เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวด้วยสายตาอบอุ่น ท้องนี้เขาจะได้ดูแลหล่อนตั้งแต่ท้องอ่อนๆ จนกระทั่งเข้าห้องคลอดเลยทีเดียว เขาจะไม่ยอมพลาดเหตุการณ์สำคัญในชีวิตอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน “เดินดีๆ นะจ๊ะ” จันทร์กระจ่างยิ้มกริ่ม ตั้งแต่เขาบอกรัก ความหวานของอิชย์ไม่เคยพร่องลงเลยสักนิดเดียว ยิ่งรู้ว่าหล่อนท้องเขาก็ยิ่งเห่อหนัก คอยประคับประคองไม่ห่าง “พี่อิชย์คะ จันทร์เพิ่งท้องอ่อนๆ เอง” “ก็นั่นแหละ ย