LOGINตอนที่2
“ฉันไม่สนหรอกนะว่าคุณจะเสียหายไปเท่าไหร่ เพราะฉันไม่ได้สนใจเงินทองพวกนั้นอยู่แล้ว”
“ใช่ไง คนที่เกิดมาบนกองเงินกองทองอย่างคุณ ไม่มีวันเข้าใจหรือเห็นค่าอะไรทั้งนั้น คุณสนใจแต่ตัวเอง สนใจแต่ความสุขของตัวเองเท่านั้นแหละ”
“ปอ!”
ถึงเธอจะทำอย่างที่เขาพูดจริง แต่ที่เธอทำก็เพราะอยากที่จะมีเวลาอยู่กับเขาในวันสำคัญของเธอบ้าง ตั้งแต่แต่งงานกันมาหนึ่งปีเต็ม เขาแทบจะไม่เคยมีเวลาให้เธอเลย วันสำคัญต่างๆ ก็ไม่เคยมีอะไรพิเศษแบบคู่รักคนอื่น
“คุณพ่อก็แค่อยากอุ้มหลาน ท่านเห็นว่าคุณเอาแต่ทำงาน แล้วเมื่อไหร่เราจะมีลูกด้วยกันล่ะ”
“คุณอย่าเอาเรื่องนี้มาอ้างจะดีกว่า คุณอ้างเรื่องลูกกับคุณพ่อของคุณมากี่ครั้งแล้ว” ไม่ว่าจะเป็นการที่เธอบินตามเขาไปดูงานที่ฮ่องกงและสร้างความวุ่นวายให้กับเขาที่นั่น ไหนจะตอนที่เธอแอบจัดงานวันเกิดให้เขาโดยที่เขาเองไม่ได้ร้องขอ เพราะคิดว่ามันไม่ได้จำเป็นอะไรเลย และอีกหลายๆ ครั้งที่เธอสร้างความวุ่นวายให้กับเขาไม่จบไม่สิ้น
“และที่เราไม่มีลูกกัน คุณเองก็น่าจะรู้ว่าเพราะอะไร”
“ปอ!”
ปรมะกับเธอไม่ได้มีอะไรกันเลยตั้งแต่แต่งงาน เห็นจะมีแค่ครั้งเดียวตอนที่เธอมอมเหล้าจนเขาเมาไม่ได้สติ จนพลาดทำในสิ่งที่ไม่น่าให้อภัย พอเธียรธรรมรู้เรื่องเลยจัดการจับเขากับเธอแต่งงานกันเพื่อจะได้ไม่เป็นข่าวเสียหาย แต่ก็ยังดีที่เธียรธรรมเองก็ชื่นชอบในตัวเขาอยู่ไม่น้อย เพราะปรมะเป็นคนทำงานเก่ง และเขาก็ได้รับตำแหน่งรองประธานบริษัททันทีหลังจากที่แต่งงานกับเธอ
ซึ่งเขาไม่เคยต้องการไอ้ตำแหน่งรองประธานนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเป็นเรื่องที่เขาเองก็ขัดไม่ได้ เลยต้องจำใจรับเอาไว้ แถมผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ก็เห็นชอบที่เขาจะได้ขึ้นตำแหน่งนี้ เพราะปรมะเป็นคนมีความสามารถ ทำงานเก่ง ซึ่งเขาก็ได้พิสูจน์ตัวเองมาแล้วหลายต่อหลายโครงการที่ได้รับมอบหมายให้ดูแล
“เราไม่ได้มีอะไรกัน แล้วคุณจะท้องได้ยังไง!”
“คุณก็มีอะไรกับฉันสิ! ฉันจะได้มีหลานให้คุณพ่อ”
“คุณฝันไปเถอะโย๋ ผมจะไม่มีวันทำแบบนั้นกับคุณอีก ไม่มีวัน”
“ปรมะ!” โยษิตากระแทกเสียงใส่คนเป็นสามีอย่างขัดใจ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้โวยวายอะไรใส่เขา ก็มีสายโทรเข้าจากมือถือของปรมะเสียก่อน เธอจึงต้องเงียบปากที่กำลังจะเอ่ยออกมา
“ครับ มิลิน” แค่ได้ยินชื่อของปลายสายที่โทรเข้ามา โยษิตาก็ถึงกับหน้าสลดลงในทันที เพราะชื่อนี้เป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าเขาจะไม่มีวันเห็นเธออยู่ในสายตา ไม่ว่าจะนานแค่ไหนปรมะก็จะไม่มีวันเห็นเธอสำคัญในชีวิตของเขาอย่างแน่นอน
“คุณรอผมอยู่ที่นั่นก่อนนะ เดี๋ยวผมรีบไป” ปรมะเก็บมือถือใส่ลงในกระเป๋ากางเกงตามเดิม ก่อนจะเดินตรงไปที่โต๊ะทำงาน แล้วเก็บเอกสารที่กองอยู่ทันที
“นั่นคุณจะไปไหน?” โยษิตาเดินมายังสามี มองท่าทีของคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ผมมีธุระ คงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้”
“แต่ฉันนัดคุณก่อนนะ”
“ก็ผมบอกแล้วไงว่ามีธุระ คุณไปทานกลางวันกับคุณพ่อของคุณก่อนก็แล้วกัน”
“คุณจะไปหามิลินใช่มั้ย?” โยษิตาเอ่ยถามในสิ่งที่เธอเองก็รู้อยู่เต็มอก เพราะเขาก็เป็นแบบนี้ตลอด คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาก็คงไม่พ้นแฟนเก่าอย่างมิลิน ภรรยาที่เกิดจากความผิดพลาดอย่างเธอจะมีความหมายอะไร
“ใช่ ผมขอตัวนะ” พูดจบก็ตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้องทันที
“ในสายตาของคุณ ฉันเคยมีความสำคัญบ้างมั้ย?” เธอเอ่ยถาม ถามในสิ่งที่เธอก็น่าจะรู้คำตอบ แต่ก็ยังเลือกที่จะถามให้ตัวเองช้ำใจเล่น
ปรมะเพียงแค่หยุดฟังในสิ่งที่เธอถาม ไม่ได้หันกลับไปหาคนที่ได้ชื่อว่าภรรยาเลยแม้แต่น้อย แล้วเขาก็เลือกที่จะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ ไม่ได้ตอบในสิ่งที่เธอถามแม้แต่ประโยคเดียว
แต่เพียงแค่นี้มันก็เป็นคำตอบได้ดีแล้ว ว่าเขาเลือกที่จะหันหลังให้เธอแล้วไปหาคนที่เขารัก รักกันมาก่อนอย่างมิลิน ไม่ใช่ภรรยาตกกระไดพลอยโจนอย่างเธอ
ตอนที่31“ไถ่โทษที่เคยทำผิดกับคุณเอาไว้ละมั้ง” “แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ต้องการล่ะ” คำถามของปรมะ ทำเอาคิ้วน้อยๆ ขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ “ไม่ต้องการ?” “ผมไม่ต้องการหย่ากับคุณ” “เพราะอะไร?” “เพราะคุณคือภรรยาของผมไงโย๋” “ถ้าการที่คุณไม่อยากหย่ากับฉันเพียงเพราะต้องการรับผิดชอบเรื่องคืนนั้น ฉันว่าไม่จำเป็นหรอกค่ะ” เพราะต่อให้เขาจะยินดีรับผิดชอบเธอด้วยความเต็มใจ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้รักเธออยู่ดี “คุณอย่าเสียเวลาอยู่กับคนที่คุณไม่ได้รักอีกต่อไปเลยค่ะ คุณเสียเวลากับฉันมานานเกินไปแล้ว คุณควรมีชีวิตเป็นของตัวเองได้แล้ว” “ผมก็กำลังใช้ชีวิตของตัวเองอยู่นี่ไง แต่มันจำเป็นต้องมีคุณด้วยนะโย๋” “...” “ที่ผ่านมาผมอาจจะละเลยความรู้สึกของคุณไปบ้าง จนบางครั้งก็ทำคุณเสียใจ แต่จากนี้ต่อไปผมสัญญาว่าจะใส่ใจคุณมากขึ้น จะทำหน้าที่สามีที่ดี และควรจะเป็นมากกว่านี้” “คุณก็แค่รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น เลยอยากรับผิดชอบ” “ใช่ ผมรู้สึกผิดต่อคุณที่ทำแบบนั้น แล้วก็มองคุณผิดไป แต่คุณให้โอกาสผมได้มั
ตอนที่30“ปอ!” โยษิตาถึงกับตกใจที่เห็นปรมะเดินออกมาจากมุมห้องรับแขกวนัสเห็นว่าทั้งสองคนน่าจะมีเรื่องต้องคุยกัน เขาจึงขอตัวกลับ เพราะอยากให้โยษิตากับปรมะได้เคลียร์ใจกันเสียที เรื่องทุกอย่างจะได้จบ ไม่มีอะไรค้างคา“ผมต้องการรู้เรื่องทั้งหมด” ปรมะเอ่ยออกมาหลังจากที่ได้อยู่กันตามลำพังแล้ว“ก็อย่างที่คุณได้ยินนั่นแหละ”“แต่ผมต้องการรู้เรื่องทั้งหมดอย่างละเอียด ว่านายปวินท์มาเกี่ยวไรด้วย”“...” โยษิตายังคงนิ่ง จนเขาต้องจับเธอให้หันหน้ามามองกันตรงๆ“โย๋ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟังเดี๋ยวนี้!” เขาบอกเสียงเข้ม“ฉันแอบได้ยินนายปวินท์คุยกับมิลินที่งานเลี้ยงงานหนึ่ง ตั้งแต่ทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ว่านายปวินท์จะเก็บคุณ เพราะตอนนั้นมิลินยืนยันที่จะไม่แต่งงานกับเขา เขาก็เลยเอาคุณมาต่อรอง”“...”“ฉันรู้ว่านายปวินท์ไม่ได้แค่ขู่ แต่เขาทำจริง เพราะเขารู้ว่าคุณกับมิลินรักกัน วันงานเลี้ยงบริษัทฉันก็เลยมอมเหล้าคุณ แล้วก็จัดฉากว่าคุณปล้ำฉัน เพื่อที่จะได้รับผิดชอบด้วยการแต่งงาน เพราะนั่นจะเป็นทางเดียวที่คุณจะไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับมิลิน และคุณก็จะได้ไม่ถูกนายปวินท์รอบฆ่า” โยษิตาเล่าทุกอย่างทั้งหมด ซึ่งปรมะไม
ตอนที่29จนถึงวันนี้ที่โยษิตากลับมาอยู่ที่บ้านกับเธียรธรรม ปรมะก็ยังคงตามมาอยู่กับเธอที่นี่เหมือนเดิม และไม่มีทีท่าว่าเขาจะกลับด้วย จนทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด ที่เขาช่างไม่ให้ความร่วมมือในการที่จะช่วยให้เธอตัดใจจากเขาได้เลย ถึงในตอนนี้เธอกับเขาจะยังได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยากัน แต่ถึงยังไงเธอกับปรมะก็ต้องหย่ากันอยู่ดี และการที่เขามาทำอย่างกับคนเพิ่งจะแต่งงานกันกับเธอแบบนี้ มันยิ่งจะทำให้เธอตัดใจไม่ได้ทั้งที่เธอกับเขาแต่งงาน ใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากันมาเป็นปี แต่เขากลับมาทำดีกับเธอเอาตอนที่กำลังจะหย่ากัน มันเป็นอะไรที่เธอเองก็ไม่เข้าใจ และอยากที่จะถามเขาเหลือเกินว่าเขาทำแบบนี้ทำไม? หรือเขาเพิ่งจะมาคิดได้ว่าเธอคือภรรยา“ยังไงยัยตัวดี ใจคอแกจะไม่กลับบ้านกลับช่องเลยหรือไง?” วนัสเอ่ยถามเพื่อนสนิท หลังจากที่เพิ่งจะบินกลับจากจีน เลยเอาของฝากมาให้โยษิตาที่บ้านในช่วงบ่าย“ที่นี่คือบ้านฉันนะ เผื่อแกจะลืม” โยษิตาเฉไฉ ทั้งที่รู้ดีว่าบ้านที่วนัสหมายถึง คือบ้านที่เป็นเรือนหอของเธอกับปรมะ“เอาเถอะ! แล้วแต่แกก็แล้วกัน แล้วนี่มันยังไงได้ข่าวว่าคุณปอตามไปเฝ้าแกที่ร้านอาหารเลยเหรอ?” วนัสรู้จากกวินว่าปรมะตามไป
ตอนที่28ซึ่งเธอคิดว่าแค่ล็อกห้องเขาก็ไม่สามารถเข้ามานอนในห้องกับเธอได้แล้ว แต่หารู้ไม่ว่าเธอคิดผิด เพราะนอกจากเขาจะไม่หาห้องรับแขกที่เธอบอกว่ามีอยู่หลายห้องเพื่อเข้าไปนอนแล้ว ปรมะยังถือวิสาสะไขกุญแจสำรองที่เอามาจากแม่บ้านใหญ่ประจำบ้านเข้ามาภายในห้องของเธอช่วงกลางดึกได้อย่างง่ายดายส่วนคนที่หลับไม่รู้เรื่อง ก็ไม่รู้เลยว่าเวลานี้ที่ว่างที่อยู่ข้างกันบนเตียงนอน ได้มีบุคคลที่เธอเพิ่งจะไล่ออกไปนอนที่อื่นเมื่อตอนหัวค่ำ ซุกตัวเข้ามานอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับเธอแล้ว แถมยังฉวยรั้งร่างบางที่หลับสนิทเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดโดยไม่ต้องรอคำอนุญาตอีกต่างหาก“ฝันดีนะครับ” เขากระซิบข้างหู ก่อนจะก้มลงจูบขมับคนที่อยู่ในอ้อมกอดแล้วก็นอนหลับไปพร้อมกับเธอโยษิตาออกมาทานข้าวกับกวินตามที่นัดกันเอาไว้เมื่อคืน ซึ่งปรมะบอกว่าจะตามมาด้วยเพราะไม่ไว้ใจ และเขาเองก็ไม่รู้จักกวิน ซึ่งถ้าจะพูดให้ถูกคือ ปรมะแทบจะไม่รู้จักเพื่อนของโยษิตาเลยด้วยซ้ำ ต่อให้ก่อนหน้านั้นเธอเคยบอกกับเขาเรื่องวนัสที่เขาเข้าใจผิดว่าเธอพาผู้ชายขึ้นห้อง ว่าที่จริงวนัสคือเพื่อนสนิทของเธอเอง แต่กับกวินคนนี้ เขายังไม่เคยได้รับคำแนะนำจากเธอว่าเป็นใคร
ตอนที่27หลังจากจบมื้อค่ำที่เต็มไปด้วยความอึดอัด เพราะโยษิตาไม่พูดกับปรมะสักคำ บนโต๊ะอาหารที่มีด้วยกันสามคน คือเขา เธอ และเธียรธรรม แต่เธอเลือกที่จะมองเขาเป็นอากาศ พูดคุยแค่กับคนเป็นพ่อเท่านั้น ในขณะที่ปรมะเพียงนั่งทานมื้อค่ำอยู่เงียบๆ นอกจากว่าเธียรธรรมจะเอ่ยชวนคุย เขาถึงได้เปิดปากพูดออกมาจบมื้อค่ำ โยษิตาก็หนีขึ้นไปหมกตัวอยู่แต่บนห้อง เขากับเธียรธรรมอยู่พูดคุยกันนิดหน่อยถึงได้แยกตัวขึ้นไปชั้นบน แต่เมื่อเข้ามาภายในห้อง กลับถูกคนเป็นภรรยาไล่ให้ไปนอนที่ห้องอื่นเสียนี่“ฉันไม่สะดวกใจที่จะให้คุณนอนห้องเดียวกัน” เธอเอ่ยออกมา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตั้งท่าว่าจะนอนห้องเดียวกันกับเธอหลังจากที่อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว“เป็นผัวเมียกันก็ต้องนอนด้วยกันสิ” เขาอ้าง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น เขาแทบไม่อยากที่จะใช้คำว่า ‘เมีย’ กับเธอเลยด้วยซ้ำอาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านั้น เขาเองก็ไม่มั่นใจด้วยว่าเขาเผลอมีอะไรกับเธอจริงๆ เพราะคืนที่เกิดเรื่องเขาเองก็จำอะไรไม่ได้ แต่หลังจากที่เขากับเธอมีอะไรกันเมื่อคืนก่อน ซึ่งเขามีสติรับรู้ทุกอย่าง จึงกล้าใช้คำว่าเมียกับเธอได้อย่างเต็มปากเต็มคำอีกอย่าง ตลอดหนึ่งปีเต็มที่แต่งง
ตอนที่26“อยากอยู่ก็อยู่ไป แต่อย่ามาวุ่นวายกับฉันก็แล้วกัน” คนตัวเล็กบอก ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีขึ้นห้องไปตามเดิม เธียรธรรมเพียงส่ายหน้าให้กับความเอาแต่ใจของลูกสาว“ขอบคุณนะครับพ่อ” ปรมะหันมาขอบคุณพ่อตาที่หาข้ออ้างที่จะให้เขาอยู่ที่นี่กับโยษิตาได้“ตอบแทนด้วยการมีหลานให้พ่อก็พอ” เธียรธรรมยิ้มให้คนเป็นลูกเขย ในขณะที่ปรมะเพียงยิ้มรับ เพราะไม่กล้าที่จะรับปากกับเรื่องนี้เลย เพราะตอนนี้แค่จะคุยกันดีๆ กับโยษิตามันยังดูจะยากเหลือเกินมิลินเคลียร์เรื่องที่มีผู้หญิงมอาระวาทกับเธอถึงที่บ้าน ซึ่งเรื่องนี้ปวินท์ไม่รู้เรื่องจริงๆ เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็ยอมที่จะทำตามที่มิลินขอ คือการเลิกยุ่งเกี่ยวกับสาวๆ ที่เป็นเมียเก็บทั้งหมด โดยการให้เงินคนละก้อนเพื่อเอาไปตั้งตัว ซึ่งปวินท์คิดว่ามันคงจะจบแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเมญ่าหนึ่งในบรรดาเมียเก็บของเขาจะมาอาระวาทเธอถึงที่บ้านถึงปวินท์จะเป็นคนเจ้าชู้มีผู้หญิงอื่นมากมาย แต่คนเดียวที่เขารักและเชิดชูให้ออกหน้าออกตาก็คือมิลิน และเมื่อเธอยื่นคำขาดว่าถ้าเขายังมีเมียเล็กเมียน้อยอย่างที่ผ่านมา เธอจะขอหย่า เขาจึงเลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเธอเหล่านั้น แพราะแคร์ความรู้สึ







