แชร์

บทที่ 28

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:08:12

#####บทที่ 28

 

 

พอถึงกำหนดการวันออกเดินทางทั้งซูเมิ่ง ซ่วนเชิง และเจียงเหมยก็ขึ้นรถม้าของจวนคันเดียวกันเพื่อไปรวมกับบุตรีบ้านอื่นที่จุดนัดหมาย การไปล่าสัตว์ครั้งนี้ไม่มีจำนวนวันที่แน่นอนแต่กำหนดขอบเขตไว้ไม่เกิน15วัน เวลาในการเดินทางขาไปใช้เวลาเกือบสองวัน ระหว่างทางก็พักที่โรงเตี๊ยมซึ่งทางราชสำนักได้จัดเตรียมไว้แล้ว ของที่ต้องเอาไปก็เป็นพวกของใช้ส่วนตัวเสียมากกว่า อาหารและที่พักจะเป็นทางราชสำนักจัดการไว้ให้ทุกคนแล้วทั้งหมด

ภายในรถม้าของซูเมิ่งนั่งรวมกัน รวมแล้วหกคนเพราะแต่ละคนมีบ่าวรับใช้คนละหนึ่ง โดยซูเมิ่งเลือกไป๋จื่อมาเพราะนางดูคล่องแคล่วและใช้งานง่ายกว่าเย่าถิงมาก ของใช้ส่วนตัวของพวกนางทั้งสามคนถูกย้ายไปอีกคันที่เป็นรถขนของโดยเฉพาะ พอรถม้ามาถึงจุดนัดหมายนางกำนัลใบหน้าหมดจรดคนหนึ่งนามว่าซือเจียเป็นผู้รับหน้าที่ดูแลคุณหนูทั้งสามของตระกูลไป๋ ซือเจียเดินมารับพวกนางให้ลงจากรถม้าเพื่อให้คนตรวจสอบของและขนย้ายของต่าง ๆไปยังรถม้าอีกคัน โดยระหว่างนี้ก็ให้ไปรอที่ศาลารวมกับสตรีนางอื่นที่รอเช่นเดียวกัน

 

ทันทีที่ไป๋ซูเมิ่งก้าวเท้าเข้าไปในเขตศาลาก็มีเสียงของหญิงสาวนางหนึ่งดังขึ้นอย่างเหมาะเจาะ

“เผยหนิง ข้าได้ยินท่านพ่อบอกว่าการไปล่าสัตว์ครานี้เจ้าได้รับใช้ฮองเฮาใช่หรือไม่ ข้าล่ะอิจฉาเจ้าเหลือเกินไม่ว่าปีไหน ๆก็ได้รับใช้ฮองเฮา” 

ซูเมิ่งเหลือบตาชั่ววาบหนึ่งมองคนเอ่ยและจำได้ว่านางคือสหายคนหนึ่งของหานเผยหนิงนามต่งจิ่นถิง นิสัยการพูดนี้ทำให้ซูเมิ่งคนก่อนเอากลับไปคิดจนเจ็บใจมาหลายครา แต่สำหรับนางแล้วนั้น คำพูดเหล่านี้แทบไม่มีความหมาย เพราะหนึ่งนางไม่ได้อยากเป็นสะใภ้ของฮองเฮาอย่างซูเมิ่งคนก่อน สองคือนางรู้ว่าหากนางใส่ใจคำพูดนั้นย่อมเข้าเกมของอีกฝ่าย ดังนั้นซูเมิ่งจึงเดินเข้าศาลาไปตรงบริเวณว่างผ่านเจ้าของเสียงไปอย่างไม่เหลียวแล

จิ่นถิงที่แสยะยิ้มค้างก็ฉายแววตาไม่พอใจที่คำพูดตนเหมือนไม่ส่งผลกระทบต่ออีกฝ่ายเลย จึงเอ่ยอีกรอบ 

“ข้าว่าก็แปลกนะว่าไหมครานี้ว่าที่หวงไท่จื่อเฟยมาด้วยแท้ ๆแต่ทำไมยังให้เจ้าไปรับใช้อยู่ หรือว่าใกล้เปลี่ยนแล้วก็ไม่รู้เนอะ คริคริ” 

นางหันไปหัวเราะกับคุณหนูอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน ส่วนเผยหนิงก็หยักยิ้มมุมปากน้อย ๆอย่างอดไม่ได้ แล้วก็รีบเอ่ยขึ้นขัดทันที 

“จิ่นถิงเจ้าก็พูดไปน่า ฮองเฮาเพียงเอ็นดูข้าเหมือนลูกหลานคนนึงเท่านั้น เจ้าอย่าพูดไป เดี๋ยวคุณหนูซูเมิ่งจะเข้าใจผิด” 

จากนั้นเผยหนิงก็หันหน้ามาทางตำแหน่งที่ซูเมิ่งยืนอยู่

 

“ข้าต้องขอโทษแทนสหายข้าด้วย หวังว่าคุณหนูซูเมิ่งจะไม่ถือสา” 

ซูเมิ่งจ้องตาเผยหนิงอย่างมิถือสาหาความใด “ข้าหาถือสาเรื่องไร้แก่นสารไม่ คุณหนูเผยหนิงมิต้องกังวลไป”

“นี่เจ้า เจ้าหาว่าข้าพูดเรื่องไร้สาระหรือ เจ้าอย่าคิดนะว่าเพียงเจ้ามีสัญญาปากเปล่าหมั้นหมายกับไท่จื่อแล้วเจ้าจะได้เป็นหวงไท่จื่อเฟยจริง ๆฝันไปเถอะ” 

จิ่นถิงยกนิ้วชี้หน้าซูเมิ่ง นิ้วสั่นตัวสั่นด้วยความโกรธ

ซูเมิ่งหยักไหล่อย่างไม่หยี่หระ “แม้เป็นสัญญาปากเปล่า แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีแล้วกัน คุณหนูจิ่นถิงว่าใช่หรือไม่”

“เจ้า เจ้า อย่าคิดว่ามีตระกูลไป๋หนุนหลังแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้านะ”

พอได้ยินว่าเรื่องโยงไปถึงตระกูลของตน ซ่วนเชิงที่นิ่งเงียบเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ข้างหลังซูเมิ่งก็ถึงกับอดทนไม่ไหว นางก้าวออกมายืนเท่ากับซูเมิ่งทันที 

“ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรพี่สาวข้าแล้วตระกูลไป๋จะปล่อยเจ้าไปก็ลองดูสิ”

 

ซูเมิ่งที่กำลังจะอ้าปากโต้กลับก็ต้องเอาลงตามเดิม นางเลิกคิ้วด้วยไม่คิดว่าน้องสาวต่างพ่อแม่จะออกตัวแทนนางทั้งที่ปรกติก็ออกจะต่างคนต่างอยู่ไม่ค่อยได้สนทนากันเท่าไหร่

“นี่เจ้าเป็นใครเนี่ย” 

จิ่นถิงไล่มองซ่วนเชิงตั้งแต่หัวจรดเท้า พอมองไปรอบข้างก็พอจะเดาได้ “อ้อ ที่แท้ก็คุณหนูตระกูลไป๋สายรองที่เอง เป็นแค่สายรองอย่าคิดมาเทียบชั้นคุยกับข้า หัดเจียมตนซะบ้าง!” 

ซ่วนเชิงที่พอได้ยินดังนั้นก็ใบหน้าเปลี่ยนสีทันที นางกำมือแน่น หากไม่ได้บ่าวที่ตามมาด้วยจับไว้นางคงพุ่งไปทำร้ายสตรีปากร้ายตรงหน้าแล้ว ซูเมิ่งเอื้อมมือไปตบบ่าผู้เป็นน้องเบา ๆ

“เจ้าอย่าได้เทียบชั้นพูดคุยคุณหนูจิ่นถิงผู้สูงส่งเลย ซ่วนเชิง คนระดับเรามิสู้เอาเวลาไปปรนนิบัติดูแลท่านอาซือฉีหลังกลับมาจากที่ท่านว่าราชการส่วนพระองค์กับฝ่าบาททุกวันมิดีกว่าหรือ” 

ซูเมิ่งแสร้งทำเป็นตำหนิซ่วนเชิง แต่หากใครที่พอมีสมองบ้างเมื่อฟังคำพูดของนางก็จะพอเข้าใจได้ ระดับที่จิ่นถิงบอกว่าต่ำจนไม่คู่ควรจะพูดคุยกับนางนั้นผู้เป็นบิดากลับเป็นถึงบุคคลที่ได้ทำงานเป็นการส่วนตัวกับโอรสสวรรค์ หากคนระดับนี้ว่าต่ำมิได้หมายถึงระดับของนางเกินฮ่องเต้หรอกหรือ พอประโยคนี้ออกมาจากปากซูเมิ่งคนรอบข้างที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ก็พร้อมใจกันจับจ้องไปที่จิ่นถิงทันที ส่วนเจ้าของคำพูดก็ถึงกับมือไม้อ่อน อ้าหุบปากมิรู้จะเอ่ยกลับอย่างไร จนเผยหนิงที่นิ่งเงียบมานานต้องออกโรง นางจ้องเขม็งมองไปที่ซูเมิ่ง แม้ในใจจะรู้สึกหวาดหวั่นถึงความเปลี่ยนแปลงของสตรีตรงหน้า ด้วยเพียงประโยคเดียวนางก็สามารถพลิกสถานการณ์ใด้ แต่นางก็เก็บความคิดเหล่านั้นไว้ในใจฉีกยิ้มที่ดูอ่อนหวานแทน

“จิ่นถิงเจ้าขอโทษคุณหนูตระกูลไป๋เสีย” 

จิ่นถิงที่เห็นเพื่อนตนไม่เข้าข้างก็มีทีท่าไม่พอใจ เม้มปากเเน่นไม่เอ่ยขอโทษ เผยหนิงจึงหันไปเอ่ยแก่ซูเมิ่งเสียงดังขึ้นมาหน่อย 

“คุณหนูซูเมิ่งอย่าได้ถือสาหาความคำพูดหยอกล้อของสหายข้าเลย มีเล่นแรงบ้างเป็นธรรมดาหวังว่าคุณหนูจะใจกว้างมิถือสานาง”

“เจ้า …” 

ซ่วนเชิงจะโต้กลับเนื่องนางทนไม่ได้ที่สตรีตรงหน้ากล่าวเช่นนั้น แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้รับสายตาห้ามปรามจากซูเมิ่ง นางจึงได้แต่บ่นพึมพำกับซูเมิ่งอย่างไม่ใคร่พอใจนัก “นางดูถูกข้าชัด ๆพอแพ้กลับบอกอยอกล้อกัน ท่านยอมได้อย่างไรกัน ชิ”

ซูเมิ่งส่ายหน้าให้กับความใจร้อนของผู้เป็นน้อง …นางหรือจะยอม เพียงซูเมิ่งไม่ได้อยากต่อความยาวสาวความยืดเสียมากกว่า

“ข้าไม่ถือสาหรอก พวกข้าต้องไปก่อนขอตัว” 

 

พูดจบซูเมิ่งก็เดินนำซ่วนเชิงออกไป ทำให้เจียงเหมยที่ยืนห่างออกไปก่อนหน้ารีบตามไป เจียงเหมยแอบเสียดายเพราะตนคิดว่าจะได้เห็นซูเมิ่งถูกกระทำเสียอีก นางจึงหลบออกไปเพราะกลัวถูกลากเข้าไปเกี่ยว แต่คนตระกูลไป๋ไปหมดแล้วก็อดรู้สึกเสียวหลังมิได้จึงได้เเต่รีบเดินตามไปทันที

 

“ไยเจ้าต้องไปยอมนางด้วยล่ะ ฮองเฮาอยู่ข้างเจ้าชัด ๆ”

จิ่นถิงพูดขึ้นหลังจากที่คู่อรินางเดินไปไกล ซึ่งคนในศาลาที่ก่อนหน้าที่เนืองแน่นก็เริ่มเบาบางลงแล้วเช่นเดียวกัน

“ตระกูลไป๋หาได้ใช่ตระกูลที่เจ้าจะดูถูกได้อย่างนั้นหรือ อีกอย่างเจ้าก็รู้ว่าอย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นว่าที่หวงไท่จื่อเฟย ไม่ใช่ข้าสักหน่อย" 

เผยหนิงแสร้งเอ่ยน้ำเสียงเศร้าสลด ทำให้จิ่นถิงต้องส่ายหน้ายกมือปลอบสหาย

“เจ้าน่ะยอมคนเกินไป ตำแหน่งหวงไท่จื่อเฟยไม่มีใครเหมาะสมเท่าเจ้าแล้วในเมืองหลวงนี้ เจ้าทั้งงดงาม เก่งศาสตร์ศิลป์ทุกด้านหาใครเปรียบ ชาติตระกูลก็ดีมีด้านใดนางสู้เจ้าได้บ้างเล่า” 

“แล้วเยี่ยงไรเล่า เสียอย่างไรนางก็มีสัญญาหมั้นหมายที่ข้าไม่มีอยู่ดี ยกเว้นก็แต่นางจะไม่มีคุณสมบัติเหมาะจะเป็นหวงไท่จื่อเฟยข้าถึงจะมีสิทธิ์ มิเช่นนั้นข้าคงเป็นได้เพียงชายารอง” 

เผยหนิงพูดจบนางก็ลอบมองสหายข้างตนที่พอได้ยินประโยคนี้ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี กำมือแน่น

…หึ ทำไมนางจะไม่รู้ว่าที่จิ่นถิงชอบหาเรื่องซูเมิ่งเพราะเหตุใด การช่วยเผยหนิงผู้เป็นสหายก็ส่วนหนึ่งแต่จุดประสงค์หลักคือสหายนางคนนี้คาดหวังตำแหน่งชายารองต่างหาก ซึ่งถ้าตำแหน่งชายาเอกเป็นของเผยหนิง สหายอย่างจิ่นถิงย่อมมีสิทธิ์ในตำแหน่งชายารอง แต่หากเป็ซูเมิ่งได้ตำเเหน่งชายาเอกไปจิ่นถิงที่เป็นคู่อริย่อมไม่มีหวัง ทำให้ทุกคราจิ่นถิงจึงมักออกโรงแทนเผยหนิงทุกคราไป และครานี้ก็คงเช่นเดียวกัน ในเมื่อเผยหนิงได้แอบแนะแนวทางให้สหายไปแล้วก็ได้แต่รอให้สำฤทธิ์ผลโดยที่นางไม่ต้องลงมือ

…นางได้แต่หวังว่าสหายรักของนางจะตีความประโยคที่นางพูดออกว่า ทางเดียวที่จะทำให้ซูเมิ่งหลุดจากตำแหน่งได้นั่นก็คือ ต้องทำให้สตรีนางนั้นไม่มีคุณสมบัติเหมาะกับตำแหน่งหวงไท่จื่อเฟย!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status