Share

บทที่ 29

last update Terakhir Diperbarui: 2025-12-01 21:09:06

#####บทที่ 29

 

 

การเดินทางตลอดทั้งวันสำหรับซูเมิ่งไม่ถือว่าลำบากมากนักติดก็แต่ความปวดก้นปวดตัวเพราะต้องนั่งในรถม้าตลอดนี่แหละ แต่ดีที่พอเข้ายามเซิน(15.00-16.59น.) ขบวนรถม้าก็มาถึงโรงเตี๊ยมซึ่งเป็นสถานที่พักคืนนี้จึงทำให้มีเวลาพักนานขึ้นก่อนออกเดินทางอีกทีพรุ่งนี้เช้า

ไป๋ซูเมิ่งและคนในรถม้าคันนางเดินตามซือเจียนางกำนัลผู้ดูแลพวกนางไปยังห้องพัก อยู่ทางปีกขวาของโรงเตี๊ยมเรียงติดกันสามห้อง ส่วนห้องบ่าวแยกไปอีกส่วน 

“หากคุณหนูขาดเหลืออะไรก็ให้บ่าวมาบอกแก่ข้าได้เจ้าค่ะ พวกนางกำนัลพักอยู่ปีกซ้าย” 

ซือเจียเอ่ยพลางผายมือชี้ไปทางปีกซ้ายใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนหวาน “ส่วนเรื่องอาหารเย็นแล้วแต่คุณหนูแต่ละท่านเลยว่าจะสั่งให้เอาอาหารมาให้ที่ห้องหรือลงไปทานข้างล่าง อ้อ แล้วก็ด้านข้างโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีสวนดอกไม้ และสระน้ำงามตาเจ้าค่ะ สามารถไปพักผ่อนระหว่างนี้ได้” 

 

นางกำนัลซือเจียอยู่กับพวกนางสักพักก็จากไป ซูเมิ่งเดินเข้าไปห้องชิดริมสุดติดกับห้องของซ่วนเชิง ถัดไปก็เป็นห้องของเจียงเหมย ด้วยความอ่อนเพลียซูเมิ่งคิดว่าจะพักผ่อนเสียหน่อยจึงอนุญาตให้ไป๋จื่อออกไปเที่ยวเล่นแถวนี้ได้พร้อมให้เงินไปใช้ด้วย เพราะซูเมิ่งสังเกตเห็นอาการตื่นเต้นของบ่าวตนมานานแล้ว ดูท่านางน่าจะอยากออกไปเปิดหูเปิดตามากกว่ามาอุดอู้เฝ้าตน พอไป๋จื่อได้ยินดังนั้นก็เผยสีหน้ายินดีออกอาการ เอ่ยขอบคุณคุณหนูตนหลายต่อหลายครั้งก็รีบผุดลุกออกไปทันที

 

“น้องเรียกพี่มาทำไมหรือ?” 

เสียงกระท่อนกระแท่นเอ่ยขึ้นพร้อมกับสายตากะล่อนของลี่หยี ชายหนุ่มเจ้าชู้ขึ้นชื่อคนหนึ่งของเมืองหลวง สายตาของชายหนุ่มมองไปที่สตรีผิวขาวผุดผาดในชุดสีเหลืองอ่อนขับผิว เขาไล่มองจากดวงหน้าลงไปจรดเท้าด้วยสายตาเจ้าชู้

“ข้าเรียกพี่มามิใช่ให้มามองหาด้วยสายตาเยี่ยงนี้นะ หากยังไม่หยุดมองหากฟ้องท่านพ่อของท่านแน่!”

พอชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ถอนหายในเฮือกใหญ่ เขาหัวเสียทุกครั้งที่สตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นญาติห่าง ๆตรงหน้าพูดถึงผู้เป็นบิดาที่คอยบ่นเขาทุกคราที่เจอหน้า เนื่องจากบิดาของลี่หยีเป็นสหายกับบิดาของจิ่นถิง หรือก็คือสตรีตรงหน้าทำให้เขาสนิทจนเหมือนเป็นพี่คนหนึ่งของนาง ทั้งที่จริงแล้วเขาอยากจะเป็นมากกว่านั้นแทบตายเนื่องด้วยน้องสาวในนามคนนี้ก็ถือว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่งในเมืองหลวง แล้วคุณชายขึ้นชื่อ(เรื่องผู้หญิง)อย่างเขาก็ต้องอยากลองเป็นธรรมดา ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เขาจะมีอนุมากมายแต่ก็ยังขาดสตรีที่คู่ควรเป็นฮูหยินนี่นา แต่แน่นอนว่าคุณชายเสเพลอย่าง เขาเสนาบดีต่งย่อมไม่เอาทำลูกเขยแน่นอนทำให้เขาได้แต่คิดในใจ

“แล้วไยน้องรักถึงได้เรียกพี่คนนี้มาเล่า ข้าก็นึกว่าคิดถึงเสียอีก”

ต่งจิ่นถิงลอบเหลือกตาขึ้น หน้านางแทบไม่อยากมองหน้าอย่าว่าแต่คิดถึงเลย จิ่นถิงก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวก่อนหันซ้ายขวามองรอบ ๆ บริเวณนี้เป็นมุมหนึ่งของทางเดินในสวนพักผ่อนที่ไม่ได้สวยงามนักทำให้ไม่ค่อยมีคนผ่านซึ่งเหมาะเป็นที่คุยเรื่องที่นางวางแผนไว้เป็นที่สุด

“ข้าได้ข่าวว่าช่วงนี้ท่านพ่อของท่านส่งเทียบเชิญไปหลายตระกูลเพื่อทาบทามหาฮูหยินให้ท่านใช่หรือไม่?”

ลี่หยีลี่ตามองคนตรงหน้า “แล้วอย่างไรหรือ? หรือเจ้าจะยอมมาเป็นฮูหยินให้ข้าแทน”

จิ่นถินมองรอยยิ้มกรุ้มกริ่มนั่นนางก็ขนลุกซู่รีบเอ่ยแทบจะทันที “บ้าหรือ! คนไม่มีอนาคตอย่างท่านข้าไม่แลหรอก”

ยี่หลี่ยักไหล่เสมองไปทางอื่น เขาชินกับคำพูดคำจาร้ายกาจของนางเสียแล้ว และมันก็เป็นเรื่องจริง ด้วยความที่เขาวัน ๆเข้าแต่หอนางโลมหรือไม่ก็เหลาสุรา งานการก็ไม่ทำทำให้คนที่บิดาเขาไปทาบทามได้เป็นเพียงคุณหนูตระกูลเล็ก ๆเท่านั้น หน้าตาก็ไม่ถูกใจเขาสักคน แม้เขาจะไม่มีอนาคตแต่หน้าตาเขาเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาก็ต้องได้ฮูหยินที่เหมาะสมกับความหล่อของเขาหน่อยสิ นั่นทำให้จนป่านนี้ตำแหน่งฮูหยินของเขายังว่างอยู่จนตอนนี้ทั้งที่เขาก็อายุปาไปจะเลขสองนำหน้าแล้วก็เถอะ

“งั้นน้องพี่พูดถึงเรื่องนี้ทำไมกัน?” 

น้ำเสียงติดจะแข็งขึ้น เขาเริ่มอารมณ์ไม่ค่อยดีแล้วแต่ก็ยังไม่ไปไหน

“ข้ามีเรื่องให้ท่านช่วยนิดหน่อย แล้วก็รับรองว่าหากท่านช่วยข้าครานี้ปัญหาเรื่องการหาฮูหยินให้เหมาะสมและถูกใจท่านต้องแก้ได้แน่นอน” 

จิ่นถิงหยักยิ้มมุมปาก แววตาเจ้าเล่ห์มองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าจึงเห็นว่า ทันทีที่ได้ยินนางพูดเยี่ยงนั้นแววตาเขาเปล่งประกายทันที เปลี่ยนจากท่าทางไม่พอใจก่อนหน้าหันมาตั้งใจฟังนางอย่างตั้งใจ

 

พอตะวันเริ่มตกดินไป๋จื่อที่กลับมาจากข้างนอกก็เข้ามาปลุกซูเมิ่ง นางเอาน้ำเข้ามาให้ล้างหน้า ระหว่างนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นหน้าประตู เป็นเสี่ยวเอ้อคนหนึ่งมาเคาะเรียก เขานำสิ่งหนึ่งมาให้ซูเมิ่งจากนั้นก็ขอตัวออกไป

“ของใครรึ?” 

ซูเมิ่งมองไปยังแผ่นกระดาษม้วนเล็กในมือของบ่าวของตน ไป๋จื่อเดินเข้ามาหาซูเมิ่งก่อนมอบให้ แต่ที่แปลกคือสีหน้าของสาวใช้จอมซนที่ดูเต็มไปด้วยความสงสัยปนกังวล

“เสี่ยวเอ้อบอกว่าเป็นคุณหนูจิ่งถิงส่งมาเจ้าค่ะ”

พอได้ยินชื่อเจ้าของแผ่นกระดาษนั้นคิ้วเรียวสวยก็ยกขึ้น นางรีบคลี่แผ่นกระดาษออกอ่านทันที

“คุณหนูจิ่นถิงนี่ หากบ่าวจำไม่ผิดคือคนที่หาเรื่องคุณหนูเมื่อเช้าใช่ไหมเจ้าคะ อยู่ดี ๆเหตุใดจึงส่งของมาให้คุณหนู แปลกนะเจ้าคะ”

ซูเมิ่งพยักหน้า หลังจากนางอ่านเนื้อความในแผ่นกระดาษจบก็นิ่งครุ่นคิดสักครู่ 

“นางเขียนมาขอโทษข้าน่ะที่พูดจาไม่ดีเมื่อเช้า แล้วยังบอกอยากขอโทษข้าต่อหน้าเลยนัดข้าไปพบคืนนี้”

พอไป๋จื่อได้ยินดังนั้นนางก็อ้าปากกว้างตาโต เขยิบเข้ามาเกาะเเขนซูเมิ่งอย่างเร็ว “คุณหนูอย่าไปนะเจ้าคะ! บ่าวว่าคุณหนูจิ่นถิงต้องคิดไม่ดีกับคุณหนูเป็นแน่เจ้าค่ะ อย่าไปนะเจ้าคะ”

ซูเมิ่งเองสะดุ้งกับท่าทีตื่นตูมของไป๋จื่อที่ดูเกินจริงแล้วยังท่าทางเป็นกังวลนั่นอีก “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางคิดจะทำอะไรข้า?”

 

“ก็ตอนที่บ่าวออกไปเดินเล่นที่สวน บ่าวแอบเห็นคุณหนูจิ่นถิงทำท่าทีลับ ๆล่อ ๆคุยกับชายคนหนึ่งเจ้าค่ะ ตอนแรกบ่าวก็ไม่ได้จะสนใจอะไรแต่ระหว่างที่บ่าวจะเดินผ่านกลับได้ยินเหมือนนางเอ่ยถึงชื่อคุณหนูเจ้าค่ะ บ่าวจึงเข้าไปใกล้ขึ้นเพื่อแอบฟัง แต่เสียดายบ่าวก็ไม่ได้ยินอยู่ดี สักพักเขาทั้งสองก็ก็แยกย้ายกันบ่าวจึงกลับมาหาคุณหนูที่ห้องเจ้าค่ะ แล้วไม่คิดว่าคุณหนูจะได้รับจดหมายจากคุณหนูจิ่นถิง แม้บ่าวไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกันแต่จากสีหน้าท่าทางของพวกเขา บ่าวมั่นใจแน่ว่าพวกเขาประสงค์ร้ายกับคุณหนู ฉะนั้นคุณหนูอย่าไปนะเจ้าคะ”

“อืม ข้าเข้าใจในความหวังดีของเจ้าแล้ว” 

พอได้ยินเจ้านายตนยอมรับฟังในสิ่งที่ตนพูดไป๋จื่อจึงคลายกังวลลง แต่ก็ต้องผวาอีกคราเมื่อได้ฟังประโยคต่อไปของผู้เป็นเจ้านาย 

“ตอนแรกข้าก็ว่าอย่างไรจะไม่ไปตามนัดนางแน่ แต่ตอนนี้มาคิดดูอีกทีช่วงกลางคืนข้าว่าง ๆไม่มีอะไรทำพอดี ข้าว่าไปหานางสักหน่อยคงไม่เสียหาย”

ซูเมิ่งมองไปที่ไป๋จื่อที่ทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก จนนางรู้สึกสงสาร …นางไม่แกล้งแล้วก็ได้

 

“เจ้าไม่รู้จักคุณหนูของเจ้าหรอกหรือ เขาอุตห์ส่าคิดอยากขอโทษข้า ข้านั้นเลยก็ต้องเตรียมของขวัญอะไรให้นางเป็นการตอบแทนเสียหน่อย คงต้องลำบากเจ้าแล้ว…” พูดจบซูเมิ่งก็สั่งให้ไป๋จื่อไปทำอะไรบางอย่าง

…คติของซูเมิ่งคือ ใครดีมานางดีตอบ แต่หากใครร้ายมานางก็ต้องเอาคืนให้อย่างสาสม และครั้งนี้ก็เช่นกัน

ซูเมิ่งสั่งให้ไป๋จื่อไปสืบมาว่าผู้ชายคนที่คุยอยู่กับจิ่นถิงคือใคร และได้รู้ว่าเขาก็คือคุณชายเสเพลขึ้นชื่อคนหนึ่งในเมืองหลวงนามว่า ลี่หยี เป็นคุณชายที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิง และจากการที่เขาอยู่กับจิ่นถิงและวางเเผนเกี่ยวกับนางทำให้ซูเมิ่งพอจะเดาอะไรได้บ้าง นางจึงก้มลงเขียนบางอย่างลงไปในกระดาษแผ่นเล็กและให้ไป๋จื่อนำไปให้เป้าหมาย จากนั้นนางก็แค่คอยดู หากเป็นอย่างที่ตนคิดจริงคืนนี้คงได้มีเรื่องสนุก ๆเกิดขึ้นแน่

 

ลี่หยี่เเต่งกายเนียบกว่าทุกวันและเขาไม่ลืมพรมน้ำปรุงกลิ่นรัญจวนใจ กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่สาว ๆในหอนางโลมต่างเอ่ยชมว่าช่วยปลุกเร้าอารมณ์ยิ่งซึ่งเขาซื้อมาจากพ่อค้าต่างแดน ชายหนุ่มย่างเท้าสบายเดินมารอตรงบริเวณหลังโขดหินใหญ่ตามแผนการของจิ่นถิง แม้ชายหนุ่มจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้เป็นน้องเพียงในนามถึงได้ส่งจดหมายมาเลื่อนเวลาให้เร็วกว่าเดิมสองเค่อแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เพราะสิ่งที่เขาสนใจเพียงหนึ่งเดียวคือว่าที่ฮูหยินผู้มีนามว่าไป๋ซูเมิ่ง คุณหนูตระกูลสูงส่งและใบหน้างดงามราวเทพเซียนต่างหาก แม้คราแรกที่ได้ยินแผนการนี้ออกจากปากผู้เป็นน้องเขาจะไม่เห็นด้วย แต่ก็อย่างที่จิ่นถิงบอกว่าถึงแม้ตระกูลไป๋จะสูงส่งเกินเขาเอื้อมถึงแต่หากถูกเขาพรากความบริสุทธิ์แล้วอย่างไรก็ต้องแต่งให้เขา ส่วนเรื่องการที่ตนจะถูกตระกูลไป๋หมายหัวก็ตัดไปได้เลย หากเขาได้เป็นสามีนางแล้วมีหรือตระกูลไป๋จะกล้ากำจัดเขาผู้เป็นสามี

ชายหนุ่มอำเพลงอารมณ์ดี พลางนึกถึงจดหมายที่จิ่นถิงให้คนมาส่งคราหลังแล้วหัวใจก็กระชุ่มกระชวย ในจดหมายนอกจากจะเอ่ยขอเลื่อนเวลาแล้ว ยังกล่าวถึงว่า คุณหนูซูเมิ่งคนนี้ฝีปากเก่งสามารถกล่าวพลิกสถานการณ์ได้เก่งยิ่ง ให้เขาอย่าได้ฟังคำที่นางเอ่ยอย่างไรก็ต้องทำตามแผนที่คุยกันไว้ เขาอ่านไปก็รู้สึกปริ่มเปรมเอ่ยขอบคุณผู้เป็นน้องในใจไปหลายครั้งและตัดสินใจว่าอย่างไรคืนนี้เข้าต้องไม่ทำให้ผู้เป็นน้องผิดหวังแน่!

ฟุบ สวบ!

ลี่หยี่จับจ้องไปยังทิศทางของเสียง บริเวณที่เขาอยู่เป็นจุดที่แสงส่องไม่ถึงแถมทั้งซ้ายและขวาก็เป็นพุ่มไม้ใหญ่ ทำให้คนที่เดินผ่านย่อมไม่เห็น แต่ต้นเสียงนั้นกำลังเดินเข้ามาตรงเขาไม่ผิดแน่ ดังนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากคนที่เขากำลังรออยู่ คิดได้ดังนั้นสองขาเเกร่งก็ย่องไปชิดก้อนหินด้านหน้ามากขึ้น พอเห็นเงาคนทอดมากะระยะให้พอดีแล้วก็กระโจนตะครุบตัวเจ้าของเงาทันที

“ว้าย…อุบ!” 

เสียงเล็กใสกรีดร้องด้วยความตกใจ ยังไม่ทันเอ่ยเต็มเสียงก็ถูกมือหนาของคนด้านหลังตนปิดปากเสียแล้ว สองมือตะเกียกตะกายพยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดของคนด้านหลังจนทำให้ใบไม้ที่ถูกสั่นไหว แต่ก็สู้แรงบุรุษไม่ได้ สตรีผู้น่าสงสารพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีขืนตัวไว้ไม่ให้ตัวถูกพาตามเจ้าคนข้างหลังง่าย ๆ แต่ก็ยังถูกยกจนเท้าลอยจากพื้นถูกพาไปยังหลังโขดหินใหญ่ทึบแสง ซึ่งเป็นสถานที่ที่สตรีนางนี้คุ้นเคย! 

…ตรงนี้มันตรงที่นางวางแผนให้ลี่หยี่จัดการคู่อริอย่างซูเมิ่งนี่นา! งั้นคนที่อยู่ข้างหลังนางก็เป็น…

“พี่…แฮก นี่จิ่น…อุบ”

“ไม่ต้องพูดให้มากความไป ตอนนี้เรามามีความสุขกันเถอะที่รัก” 

ลี่อิ่งตวัดสตรีร่างบางในอ้อมกอดลงนอนกับพื้นก่อนที่เขาก็ขึ้นคร่อมนางไว้ แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาต้องทำเรื่องแบบนี้กับสตรีในที่ไร้แสงทั้งที่ไม่เห็นใบหน้า แต่ก็ไม่ทำให้รสรักของเขาจืดจางแน่นอน…

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status