แชร์

บทที่ 34 (ต่อ)

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:15:46

 

บทที่ 34 (ต่อ)

 

ทหารนายหนึ่งที่รับหน้าที่โรยตัวเกาะเชือกลงสำรวจข้างล่างหน้าผาตามคำสั่งของซือหมิงตะโกนขึ้น เขาพึ่งไต่ลงไปไม่ถึงหนึ่งจั้ง(1จั้งประมาณ3.33เมตร)ก็พบกับสิ่งของชิ้นหนึ่งสะท้อนแสงมาเข้าตาจึงหยิบและให้คนส่งไปให้ผู้เป็นนายดู

…เป็นนกหวีดเหล็กห้อยพู่ที่ซือหมิงให้ซูเมิ่งไว้นั่นเอง!

“เจอของสิ่งนี้ที่ไหน!”

ซือหมิงเอ่ยเสียงแฝงความดุดันแต่น้ำเสียงนั้นติดแหบแห้งอย่างปิดไม่มิด สายตาจ้องมองนกหวีดในมือไม่ละสายตา

“ตรงบริเวณโขดหินที่ยื่นออกจากหน้าผา ไต่จากหน้าผาลงไปราวสองในสามจั้งพะยะค่ะ”

“ส่งคนลงไปตรวจสอบข้างล่างหน้าผาให้ละเอียด!” 

ซือหมิงสั่งการจบก็หันไปยังลูกน้อยคนสนิทเอ่ยเสียงดุดันแต่น้อยลงกว่าเมื่อครู่ 

“เรื่องที่ข้าให้ไปจัดการเป็นอย่างไรบ้าง”

“หลิ่งเอ้อรายงานกลับมาว่าพวกมันมีการเคลื่อนไหวปรกติพะยะค่ะ ยังรับงานทั่วไป แต่เมื่อวานนี้พวกมันส่งกำลังคนกลุ่มใหญ่ออกไปคราหนึ่ง ตอนนี้หลิ่งเอ้อเฝ้าติดตามกลุ่มนั้นอยู่ มีความเป็นไปได้สูงที่กองกำลังกลุ่มนั้นน่าจะเป็นกองกำลังเสริมรับงานเกี่ยวกับคุณหนูซูเมิ่งพะยะค่ะ” ถงฝูเอ่ยจบก็ก้มหน้าลงรอรับคำสั่ง

“ติดตามต่อไปและก็เรียกหลิ่งซานและหลิ่งซื่อกลับมา ยกเลิกภารกิจเดิมให้หมด ข้ามีอะไรสนุก ๆให้พวกเขาทำ”

สิ้นคำ ถงฝูก็เงยหน้าสบตาผู้เป็นนายอย่างแปลกใจ พอเห็นแววตาของซือหมิงก็ถึงกลับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ 

…งานอะไรหนา ที่ทำให้ชินหวังถึงขนาดเรียกหลิ่งซานกับหลิ่งซื่อซึ่งกำลังทำงานที่สำคัญยิ่งต่ออาณาจักรกลับมาพร้อมกัน และหากเขาเดามิผิดคงต้องเกี่ยวกับสำนักนักฆ่าพยัคฆ์เมฆาไม่มากก็น้อย ในอนาคตอันใกล้คงมีสิ่งเปลี่ยนแปลงมากมายเป็นแน่! 

 

ตอนนี้ฝั่งเมืองหลวงก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเช่นกัน ภายในท้องพระโรงในช่วงฤดูวสันต์อากาศหนาวเย็นแต่ภายในโถงกลับร้อนระอุ เหล่าเสนาบดีหลายฝ่ายโต้เถียงกันไม่หยุดจนกระทั่งผู้เป็นโอรสสวรรค์ส่งเสียงดังก้องเสียงโต้เถียงจึงเงียบหายไปได้

หัวข้อที่พวกเขากำลังโต้เถียงกันนั้นแบ่งขุนนางออกเป็นสองเสียงใหญ่ หนึ่งคือฝ่ายแม่ทัพไป๋และอีกฝ่ายคือเสนาบดีหานอดีตแม่ทัพ โดยเรื่องที่โต้เถียงกันก็คือปัญหาโรคระบาดที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านชายแดนฝั่งตะวันออกซึ่งโรคที่หมู่บ้านชายเเดนแห่งนี้นั้นมีต้นตอมาจากเสบียงอาหารที่ถูกส่งไปช่วยให้ชาวบ้านพ้นภัยแล้งตามปรกติเหมือนทุกปียามเข้าฤดูแล้ง แต่ครานี้หลังจากชาวบ้านแถบชายแดนได้เสบียงแล้วไม่นานก็เกิดท้องร่วงลามไปเกือบทั้งหมู่บ้าน และจากการตรวจสอบโดยข้าราชการของหมู่บ้านชายแดนพบว่าเสบียงที่ส่งไปไม่สะอาดไม่ได้คุณภาพจึงเป็นบ่อเกิดโรคที่ตอนนี้เริ่มลามไปที่หมู่บ้านใกล้เคียงแล้ว พอรู้เรื่องดังนั้นทำให้แม่ทัพไป๋ที่เป็นคนดูแลเรื่องการจัดส่งเสบียงในช่วงที่ฮ่องเต้ไม่อยู่จึงตกเป็นผู้ผิดโดยปริยาย 

ฝ่ายเสนาบดีหานนั้นร้องเรียนให้มีการเอาผิดแม่ทัพใหญ่ไป๋อย่างเหมาะสม แต่ก็มีบางส่วนไม่เห็นด้วยจึงเกิดการโต้เถียงก่อนหน้า การประชุมในท้องพระโรงยิงยาวรวดเดียวเช้าจรดเย็น ท้องฟ้ามืดไร้แสงจากดวงอาทิตย์แล้วร่างสูงใหญ่สมชายชาติทหารของไป๋หย่งคังจึงได้เหยียบลงพื้นที่จวน

“ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ฝ่าบาทว่าอย่างไรบ้าง?” 

หยางเฟยจินผู้เป็นฮูหยินรีบเร่งออกมาต้อนรับผู้เป็นสามีทันทีที่บ่าวเข้ามารายงานว่ารถม้าของเขามาแล้ว นางนั่งรอลุ้นอยู่ที่เรือนรู้สึกร้อน ๆหนาว ๆเพราะด้วยตอนเช้านางได้รู้ข่าวนี้พร้อมสามีเรื่องเสบียงที่หย่งคังส่งไปชายแดนมีปัญหา แล้วไหนจะเรื่องที่บุตรีคนเดียวของตระกูลไป๋สายหลักหายตัวไปขณะขี่ม้าอยู่ในป่านั่นอีกล่ะ ด้วยเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้คนทั้งตระกูลไป๋ไม่มีใครอยู่เป็นสุข บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้ายังมิทันจางหายก็ถูกซ้ำเติมอีกครั้งอย่างหนัก

“เรียกเหิงซานไปพบข้าที่ห้องหนังสือ! …”

“ว้าย! ท่านพี่” 

ยังไม่ทันที่หย่งคังได้พูดจบร่างหนาก็วูบจนเกือบล้มหัวฟาดพื้นยังดีที่บ่าวผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆช่วยกันรับไว้ทัน แต่คนในอ้อมแขนตอนนี้นั้นไม่ได้สติแล้ว 

“ไปสิ! พาท่านพี่ไปพักที่ห้องแล้วเจ้า!ไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้ แล้วก็เจ้าไปตามคุณชายมา”

ไป๋หย่งคังถูกหามไปที่ห้องนอนส่วนตัวที่อยู่ข้างห้องหนังสือ หมอประจำตระกูลถูกไปเข้ามาตรวจดูอาการจากนั้นก็สั่งให้บ่าวนำรายการชื่อสมุนไพรออกไปซื้อเพื่อมาต้มยา โดยทั้งหยางฮูหยินและไป๋เหิงซานที่ถูกเรียกให้มาดูอาการผู้เป็นบิดาต่างเฝ้ารออยู่ในห้องไม่ไกล และจากคำกล่าวของหมอประจำตระกูลที่บอกว่า หย่งคังไม่ได้เป็นอะไรมากที่เป็นลมไปเพราะเกิดจากความเครียดสะสมและพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ร่างกายอ่อนเเอ และยิ่งวันนี้ทั้งวันไม่มีอาหารตกถึงท้องจึงเป็นไข้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนัก เพียงให้พักผ่อนให้มากแล้วก็กินยาต้มตามที่สั่งไปก็เพียงพอแล้ว

พอเห็นว่าผู้เป็นบิดายังไม่ฟื้นเหิงซานจึงขอไปส่งท่านหมอกลับ ใบหน้าของคนภายในจวนนั้นไม่มีใครมีรอยยิ้มเลยสักคนตลอดทางที่เดินผ่านมา โดยผู้เป็นหมอนั้นก็ได้เเต่ส่ายหน้าให้กับโชคชะตาที่ถูกลิขิตจากสวรรค์ลำพัง 

ในเมืองหลวงนี้ใครไม่รู้บ้างว่าตระกูลไป๋กำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ทั้งข่าวที่บอกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋หายสาบสูญจนป่านนี้ผ่านมาจะครบเจ็ดวันยังไม่มีใครพบบ้างจึงว่าคุณหนูซูเมิ่งน่าจะไม่น่ามีชีวิตรอดแล้ว เพราะนั่นคือป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าสตรีในห้องหออ่อนแอนางหนึ่งนั้นยากที่จะสามารถหนีรอดจากการตกเป็นอาหารของพวกมันได้ แล้วไหนจะข่าวลือในแวดวงชั้นสูงที่เพิ่งจะแพร่กระจายเมื่อกลางวันนี้อีกล่ะ ที่ว่าท่านแม่ทัพใหญ่ไป๋ถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกริบกำลังทหารทั้งหมดไป

และจริงอย่างที่ท่านหมอคิด กาลผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยามหย่งคังก็ฟื้นได้สติ ใบหน้ามองคล้ำและดูแก่ขึ้นกว่าเดิมจากอาการนอนไม่หลับของตนทำให้ผู้มาพบเห็นต่างอยากหลั่งรินน้ำตา เขาไม่รอให้กำลังกายตัวเองกลับมาครบทันที่เห็นหน้าผู้เป็นฮูหยินก็เอ่ยถามหาบุตรชายของตนทันที พอเหิงซานเข้ามาในห้องนอนอดีตแม่ทัพใหญ่ก็ไล่ทุกคนให้ออกไปในห้องจึงเหลือเพียงชายชาตรีสองคน เวลาผ่านไปราวชั่วก้านธูปหนึ่งน้ำเสียงแหบแห้งก็ดังขึ้น

“หาน้องเจอหรือไม่?”

สองสายตาสบกันสื่อความหมาย บรรยากาศภายในห้องหม่นหมองลงเท่าตัวทันตา

“ลู่ซานกำลังเร่งตามหาอยู่ขอรับ น้องต้องไม่เป็นอะไรท่านพ่อไม่ต้องเป็นกังวลไป”

เหิงซานมองไปที่ใบหน้าที่คล้ายตนเอง ใจเขาแทบแหลกสลายเมื่อรู้เรื่องเสบียงอาหารที่ส่งไปที่หมูบ้านชายแดนซึ่งผู้เป็นบิดารับผิดชอบอยู่เกิดปัญหา นั่นทำให้เขารีบเดินทางกลับมาที่เมืองหลวงแทบจะทันทีและให้ลู่ซานรับหน้าที่ตามหาซูเมิ่งต่อ จนถึงเวลานี้ชายหนุ่มก็ยังไม่ได้หลับตาพักผ่อนเช่นกันแต่เขาก็ต้องเข้มแข็งเข้าไว้จะมาเจ็บป่วยอีกคนไม่ได้

“รุ่งเช้าข้าต้องเดินทางไปหมู่บ้านชายแดนเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เจ้าอยู่ทางนี้ฝากตระกูลไป๋ให้เจ้าดูแลด้วย” 

หย่งคังเบือนหน้าหลบสายตาผู้เป็นบุตรชาย เพราะเขาไม่อยากเห็นแววตาเศร้านั้น

“ไม่ได้นะท่านพ่อ ร่างกายท่านควรพักผ่อน ส่วนเรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ลูกเถอะนะขอรับ ส่วนท่านก็อยู่เมืองหลวงดูแลตระกูลไป๋” 

พอได้ฟังดังนั้นคราแรกหย่งคังก็คิดจะค้านเพราะเรื่องนี้เกิดเพราะตน แต่พอหันกลับมาสบกับดวงตาฉายความมาดมั่นจึงเงียบปากลงพยักหน้าเบา ๆ

“งั้นเรื่องที่ท่านพ่อถูกปลดจากตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ก็เป็นเรื่องจริงหรือขอรับ”

“ใช่ ปลดจากตำแหน่งเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เป็นข้าที่ขอให้ฝ่าบาทปลดข้าออกจากตำแหน่งนี้เอง” 

ไป๋หย่งคังพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ เพื่อให้เรื่องที่โต้เถียงนี้จบลงเขาจึงยอมสละตำแหน่งตนเพื่อแลกกับการตรวจสอบความจริงด้วยตัวเอง หากเขาสามารถหาหลักฐานมาได้ว่าโรคระบาดที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านชายแดนไม่ได้เกิดจากเสบียงรอบที่เขาส่งไปจริงเขาก็มีสิทธิ์ได้ตำแหน่งและอำนาจเดิมคืน แต่หากไม่ใช่เพียงถูกริบตำแหน่งอาจไม่พอ และไป๋หย่งคังจะไม่ยอมไม่เป็นเช่นนั้นแน่ เขามั่นใจว่าเสบียงอาหารที่ส่งไปปรกติไม่น่าจะเป็นอย่างที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่นั่นรายงานเป็นแน่ ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้เขาต้องยอมเเลกเพื่อให้ได้ไปตรวจสอบเอง ตอนนี้หลักฐานทุกอย่างบ่งชี้ว่าเขาผิดอย่างไม่อาจแก้ตัวได้ และเรื่องเสบียงนี้ก็ประจวบเหมาะมาเกิดในช่วงเวลาที่ฝ่าบาทไม่อยู่เสียด้วย

“ข้าต้องหาหลักฐานมาให้ได้ ไม่ว่าใครคิดจะทำอะไรพวกมันไม่มีทางทำสำเร็จแน่”

“เจ้าอย่าได้มั่นใจไป ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง  ขอให้เจ้าพึงสำนึกไว้ตลอดเวลาและห้ามประมาทศัตรูเป็นเด็ดขาด และไม่ว่าอย่างไรชีวิตตนเองนั้นสำคัญสุดตระกูลไป๋ไม่อาจสูญเสียไปได้มากกว่านี้แล้ว”

พูดไปน้ำเสียงพลันสั่นเครือเกินควบคุมเมื่อนึกถึงบุตรีที่ป่านนี้ไม่รู้เป็นตายอย่างไร และอดที่จะโทษร่างกายตนที่มาเจ็บป่วยในเวลาวิกฤติเช่นนี้

“ลูกเข้าใจขอรับ ส่วนเรื่องนักฆ่าครานี้เป็นคนของสำนักพยัคฆ์เมฆาขอรับซึ่งน่าจะได้รับคำสั่งมาจากคนผู้นั้นอีกที พวกมันกัดไม่ปล่อยจริง ๆ”

คนผู้นั้นที่เขาเอ่ยถึงคือคนของเสนาบดีหานนั่นเอง พวกเขาสืบจนรู้แล้วว่าคนที่ลักพาตัวซูเมิ่งไปคราก่อนคือคนพวกนี้ ช่วงนี้กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อผิดอีกฝ่ายแต่ระหว่างนี้ก็มีตอกกลับไปบ้าง และไม่คิดว่าพวกมันจะลงมือถึงขนาดจ้างวานสำนักนักฆ่าที่ไม่ขึ้นตรงกับอาณาจักรใดเข้ามา ทำให้พอตนสืบจนรู้ว่าเหตุการณ์จราจลที่งานล่าสัตว์ครานี้คือฝีมือของสำนักนี้แล้วไม่สามารถสืบต่อได้และไม่มีอำนาจพอจะโต้กลับเสียด้วย ครานี้ถือว่าพวกมันลงแรงไปมากจริง ๆคาดว่าคงหวังปั่นหัวคนตระกูลไป๋หันเหความสนใจมาที่การตามหาซูเมิ่ง หากพวกเขาจัดการวิกฤติครั้งนี้ไม่ได้มีหวังตระกูลไป๋เหลือแต่ชื่อเป็นแน่

“เจ้าต้องตามน้องกลับมาให้ได้นะ มิคิดเลยว่าพวกมันจะหาช่องโหว่จัดการซูเมิ่งได้”

ทั้งน้ำเสียงและท่าทางเศร้าสลดนั้นออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจจริงของผู้เป็นบิดา หลังจากการหายตัวไปครั้งก่อนของซูเมิ่ง เขาก็พยายามปกป้องนางอีกทั้งพยายามกีดกั้นไม่ให้นางมารู้เห็นเรื่องอันตรายนี้แล้ว ทว่าสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดก็ไม่อาจต้านทานพยันอันตรายได้ 

…ตอนนี้เขาชักไม่มั่นใจเสียแล้วว่าสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดนั้นจะเป็นปกป้องหรือทำลายนางกันแน่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status