‘พี่มีลูกแค่คนเดียวอยากให้เธอเรียนรู้ให้มาก ต่อไปจะได้ไม่ต้องลำบาก’
‘ครับ มีโอกาสก็ควรให้เธอทำ’
‘พี่กับวีก็คิดแบบนั้น นายต้องมายินดีกับหลานนะถ้าถึงวันนั้น’
‘ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วครับ’
‘นี่สิถึงจะพูดว่ารักกันจริง’
กรามแกร่งขบเข้าหากันแน่นเมื่อหวนกลับไปถึงวันวานที่ผ่านมา การันต์ถือได้ว่าเป็นน้องรักของณรงค์เลยก็ว่าได้ ขอเพียงเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว พี่ชายคนนี้ก็มักจะเอ่ยออกด้วยรอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความสุข
‘พี่สาวพี่รงค์จะไม่ให้น้องเปรมเรียนต่อ บอกไม่มีปัญญาส่งเธอเรียน’
ต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ พี่รงค์เป็นคนรอบคอบไม่มีทางไม่วางแผนเรื่องการเรียนเปรมยุดาตั้งแต่เนิ่น ๆ หรือบางทีดลธีอาจจะฟังผิดไป?
กริ๊งงงง⁓
เสียงโทรศัพท์สำนักงานดังขึ้นทำลายความคิดวนเวียนอยู่ในหัวของชายหนุ่มตลอดทั้งคืนทิ้งไป
“ครับ”
“คุณพัชชามาค่ะ”
“อืม ให้เธอเข้ามา”
“ค่ะคุณกาน”
การันต์อ้อมกลับไปนั่งประจำที่เช่นเดิม หยิบรายงานการประชุมของช่วงบ่ายกางออกวางลงตรงหน้า...
“รบกวนคุณหรือเปล่าคะกาน” หญิงสาวผู้ก้าวเข้ามายังห้องผู้บริหารคนสำคัญเอ่ยถามเสียงหวาน
“เปล่าครับ ผมกำลังดูรายละเอียดบ่ายนี้”
“ขยันจังเลยนะคะ”
พัชชายิ้มหวานให้กับเจ้าของคำตอบก่อนทิ้งสะโพกสวยลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม หลายวันที่ผ่านมาอยากพบหน้าเจ้าของห้องแต่ก็ต้องอดทนเอาไว้เพราะทางเลขาแจ้งว่าเขาไปทำธุระสำคัญ ถึงอยากจะโทรหาก็ไม่รู้จะใช้ข้ออ้างอะไร ยามปกติยังแทบหาโอกาสเข้าใกล้การันต์ได้ยาก
“ท่านประธานกำชับมาน่ะครับ”
“คุณวินออกจะเชื่อใจคุณขนาดนี้ มีหรือคะจะกล้าเข้มงวดกับคุณ” พัชชากล่าวอย่างเอาใจ ดวงตาฉ่ำหวานทุกครั้งเมื่อสบตาคม หญิงสาวจงใจยืดหน้าอกหน้าใจล้นออกมาจากชุดเดรสสีเข้มให้คนตรงหน้าได้เห็น
“ผมไม่กล้ารับไว้นะครับคุณพัช ท่านประธานให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนเท่ากัน”
การันต์ค้านผู้จัดการฝ่ายการเงินด้วยท่าทีเป็นกันเอง และไม่อยากให้คำพูดนี้ไปถึงหูคนอื่นเดี๋ยวจะทำให้เกิดข้อพิพาทตามมา ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น
“พัชไม่ได้พูดอะไรผิดนี่คะ คุณก็เป็นซะแบบนี้ทั้งที่ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าเป็นแบบนั้น”
ครั้งนี้การันต์ไม่ได้ค้านกับคำพูดของพัชชาอีกเพียงยิ้มอ่อน ๆ ให้เธอแล้วก็หยิบปากกาขึ้นมาวงตัวเลขลงบนเอกสารเพื่อจะได้เอาไปประกอบการประชุมบ่ายนี้
บ้านกลางน้ำ
ยามเช้าแดดไม่แรงมากเปรมยุดาเห็นว่าต้นไม้และดอกไม้ของพ่อปลูกไว้ไม่ได้น้ำมาหลายวันจนเริ่มเฉา ตั้งใจออกมารดน้ำให้พวกมัน เธอลากสายยางผูกกับก๊อกน้ำข้างรั้วบ้านมาด้านหน้า หลังจากเปิดมันแล้วก็ฉีดเป็นฝอยจนทั่วใบสีเขียวและกลีบดอกกำลังคอตก
แม้ว่าความเสียใจยังไม่จางหายไปไหนแต่เธอก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป พวกท่านคงไม่อยากเห็นว่าตนเองเอาแต่จมอยู่กับความทุกข์ตลอดไปหรอก เธอก็เลยทำตัวเฉกเช่นปกติเหมือนทุก ๆ วันที่ผ่านมา
“เปรมเอ๊ย เดี๋ยวป้าจะเข้าอำเภอหน่อยนะ กับข้าวป้าทำไว้อยู่ในครัวนั่นแหละ”
“จ้ะป้า” หันมาตอบผู้เป็นป้าเดินออกมาในชุดพร้อมออกจากบ้าน มีกระเป๋าใบใหม่พึ่งซื้อเห็นว่าอันเก่าสายมันขาดไปแล้ว
เปรมยุดามองกระทั่งป้าเดินข้ามไปอีกฝั่ง ป้าศรีบ้านถัดไปหลายหลังจอดรอซึ่งเป็นอย่างนี้ประจำทั้งสองเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ยังเป็นสาว ๆ ไปไหนมาไหนก็มักจะไปด้วยกันตลอดเธอจึงไม่ได้ทักท้วงเมื่อเห็นดังนั้น
มุมปากกระจับยกยิ้มบาง ๆ เมื่อโดนละอองจากสายยางที่ฉีดออกมา เป็นยิ้มสวยไม่ต่างจากดอกไม้กำลังเบ่งบานยามเช้าเมื่อได้รับความชุ่มชื่นทั้งกิ่งก้านใบ
“อย่างกับเด็กแหนะแค่รดน้ำต้นไม้ยังทำให้ตัวเองเปียกได้” ก้มมองดูเสื้อยืดพอดีตัว เปียกตั้งแต่ช่วงบนลงไปจนถึงหน้าท้อง ด้วยเป็นเนื้อบางพอแนบลำตัวก็เห็นสัดส่วนนูนสองเต้าได้อย่างชัดเจน เธอขำให้กับตัวเองช่างไม่ระวังเอาเสียเลย
กลายเป็นว่าต้องอาบน้ำอีกรอบแล้วลงมากินข้าวที่ป้าทำไว้เป็นต้มจืดหมูสับใส่เต้าหู้สด ไข่เจียวพร่องไปครึ่งน่าจะแบ่งกินไปแล้วเธอนั่งกินข้าวในครัวจนหมดเก็บจานส่วนนั้นมาล้างแล้วกลับขึ้นมาบนห้องของตัวเอง
อีกไม่ถึงเดือนมหาวิทยาลัยก็จะปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ สิ่งที่เตรียมเอาไว้ถูกรื้อออก หนังสือคณะบริหารธุรกิจจึงได้กลับมาใช้งานอีกครั้ง
ตั้งใจเข้าเรียนคณะนี้เพราะจบออกมาก็หางานในตัวเมืองทำได้เลยไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล วันหยุดก็อยู่กับพ่อแม่ ทว่าใกล้จะได้เรียนแล้วแต่กลับไม่มีพวกท่านให้อยู่ด้วย!
“พ่อกับแม่มองหนูอยู่ใช่ไหมคะ”
เอ่ยกับภาพถ่ายใบเก่าในกรอบสี่เหลี่ยมบนโต๊ะหนังสือ จำได้ว่าวันนั้นไปเที่ยวสวนสัตว์กันเนื่องในวันเด็กตอนอายุ 10 ขวบ ทั้งสนุกและมีความสุขมาก
เปรมยุดาดึงตัวเองออกมาจากความทรงจำเก่า ๆ กลับเข้าสู่ความเป็นจริง ปลายนิ้วเรียวสวยเปิดหน้าค้างไว้
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงบ่ายจึงได้ผละสายตาจากตัวหนังสือ นวดคลึงขมับปวดตรึงผ่อนคลายเส้นสมองเต้นตุบ ๆ จากการใช้งานเป็นเวลานาน เธอวางหนังสือไว้บนโต๊ะเอี่ยวตัวไปดูเวลาข้างผนังห้อง
“บ่ายสองแล้วเหรอเนี่ย” ริมฝีปากกระจับขยับพึมพำ ลุกจากที่นั่งดันเก้าอี้เข้าเก็บไว้ตามเดิม
เอาแต่อ่านหนังสือจนลืมเวลากินข้าวเที่ยง กระเพาะก็ไม่ทำงานหรือเรียกร้องหาของกินเลยสักนิด ก้าวลงมาจากบันไดพลางมองหาป้าจัน
“ยังไม่กลับอีกเหรอ ไปทำอะไรอยู่นะ?”
ตื้ด... ตื้ด... ตื้ด...
[ฮัลโหล]
“ป้ายังไม่กลับอีกเหรอคะ”
[กำลังจะกลับแล้ว เอ็งมีอะไรหรือเปล่า]
“เปล่าค่ะ เปรมแค่เห็นป้ายังไม่กลับก็เลยโทรหา”
[อ้อ แวะบ้านกำนันเทพน่ะ พ่อทิมไม่อยู่ไปทำธุระแต่อีกเดี๋ยวก็คงกลับมาแล้ว]
ป้าของเธอร่ายยาว รายงานความเคลื่อนไหวทางฝั่งนั้นทั้งที่ไม่อยากรู้เลยสักนิด แต่ที่ไม่เข้าใจมากกว่าก็คือทำไมป้าถึงต้องไปสุงสิงกับครอบครัวนั้นไม่เลิก!
“ป้าจะกลับกี่โมง” ตัดบทถามเรื่องเวลาไม่อยากรับรู้เรื่องราวของฝั่งนั้นมากนัก ท่านเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบว่าเดี๋ยวก็กลับไม่ต้องห่วงแล้วก็วางสายไป
ไม่ต้องการเก็บคนพวกนั้นใส่ใจต่อให้ป้าจะยัดเยียดข้อมูลมากแค่ไหนก็จะไม่เก็บมาคิดเด็ดขาด เธอเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาอะไรรองท้อง
ผ่านไปไม่นานเสียงรถยนต์ก็จอดเทียบหน้าบ้าน เธอคิดว่าน่าจะเป็นบ้านข้างกันที่มักจะเอารถของตนมาจอดไว้จึงไม่ได้สนใจ กระทั่งเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้จึงเดินออกมาดู!
“ช่วยป้าถือของหน่อยเร็ว ดูสิเนี่ยพ่อทิมเอาของฝากมาให้เยอะแยะเลย”
นางจันเห็นว่าหลานสาวไม่ยอมขยับจากประตูทางเชื่อมระหว่างห้องครัวกับตัวบ้านมารับแขกคนสำคัญจึงได้ยกของในมือเป็นข้ออ้างให้เธอเดินมาหา
เปรมยุดาแม้จะไม่เต็มใจแต่ก็ขัดผู้เป็นป้าไม่ได้ พาตัวเองเดินตรงไปหาท่าน ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นเปรมยุดาว่าง่าย
“พี่ไปดูงานแทนพ่อมาเห็นว่าของฝากสวยดีก็เลยนึกถึงน้องเปรม มีทั้งเสื้อผ้าแล้วก็ครีมบำรุงผิว แม่ค้าบอกตอนนี้กำลังเป็นที่นิยม พี่ก็เลยซื้อมาให้น้องเปรมลองใช้ดู”
“ขอบคุณพี่เขาเสียสิเปรม”
ครั้นไร้เสียงตอบรับจากผู้เป็นหลานสาวนางจันจึงได้เร่งรัดเสียงเข้ม ใบหน้าอวบอ้วนขมวดยุ่งกลัวว่าลูกชายกำนันเทพจะไม่พอใจกับท่าทีของเปรมยุดา
‘ไม่ได้ขอให้เอามาให้สักหน่อย’
แม้อยากจะพูดคำนี้ออกไปก็ทำไม่ได้ จำยกมือไหว้ขอบคุณคนยืนด้านหลังร่างอวบอ้วนของป้าจัน
“ขอบคุณค่ะ”
ทิมรับไหว้หญิงที่หมายปองด้วยรอยยิ้มปรีติยินดี กวาดมองใบหน้าสวยพลางคิดอยู่ในใจว่าหากได้สัมผัสแก้มเนียนสักครั้งก็คงดี โดยที่สายตาโลมเลียพวกนั้นเปรมยุดาเห็นมันชัดเจน เธอเม้มปากข่มกลั้นความไม่ชอบใจไว้ก่อนจะทำทีเป็นเลี่ยงเอาของเข้าไปเก็บ
“เดี๋ยวเอาน้ำออกมาให้พี่เขาด้วยนะเปรม”
ราวกับว่านางจันจะรู้ทันคนเป็นหลานจึงได้บอกไล่หลังเธอทันทีที่เดินออกมา
เปรมยุดาวางแก้วน้ำดื่มไว้ตรงหน้าแขกของป้า ทิมหยิบมันขึ้นมาดื่มจนเกือบหมดทันทีเช่นเดียวกันเพื่อเอาใจหญิงสาว
“ป้าไปขอบคุณกำนันมาน่ะ ถ้าไม่ได้ท่านกับพ่อทิมงานก็คงจะลำบากมากกว่านี้”
นางจันกล่าวยกยอปอปั้นสองพ่อลูกไม่เลิก เปรมยุดาเผยสีหน้าไม่เข้าใจผู้เป็นป้า สองพ่อลูกเกี่ยวอะไรกับงานศพของพ่อกับแม่ในเมื่อค่าใช้จ่ายแทบทั้งหมดเป็นฝ่ายคู่กรณีช่วยเหลือ แล้วยังประกันอีกล่ะ ทำไมถึงได้เป็นกำนันแล้วก็ลูกชายที่ได้หน้าไป
“ผมเต็มใจช่วยอย่างเต็มที่อยู่แล้วครับ ขอแค่เป็นเรื่องของน้องเปรมก็พอ” ยืดตัวตรงรับคำชมจากญาติผู้ใหญ่ของเปรมยุดาอย่างมั่นอกมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนใจกว้าง
การันต์ดีดตัวจากเก้าอี้ตัวยาวเร่งรุดไปหยุดตรงหน้าคุณหมออย่างรวดเร็ว “ภรรยากับลูกผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ” ความตื่นเต้นระคนกังวลทำเสียงที่เอ่ยถามนายแพทย์ออกมาสั่นไหว “ยินดีกับคุณพ่อด้วย คุณแม่และ ‘ลูกชาย’ ปลอดภัยและแข็งแรงทั้งคู่ครับ อีกเดี๋ยวเราจะย้ายพวกเขาไปห้องพักฟื้น ถ้ามีอะไรต้องการเพิ่มก็แจ้งพยาบาลได้เลยครับ” นายแพทย์กล่าวเสียงละมุน เห็นสีหน้าของสามีคนไข้แล้วคงกระวนกระวายใจไม่น้อย “ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” การันต์ไม่อาจกลั้นความปรีติยินดีเอาไว้ได้ น้ำตาแห่งความดีใจหล่นออกมาอย่างไม่นึกอายพอได้ยินกับหูตัวเองแล้วว่าคนที่ตนเองรักสุดชีวิตทั้งสองปลอดภัย “กูบอกแล้ว สองคนนั้นเก่งจะตาย” ดลธีตบไหล่ปลอบเพื่อน “ต้องอยากเจอหน้าหลานจังเลยค่ะ งั้นขอไปรอหน้าห้องเด็กนะคะ” “ไปด้วย ผมกับต้องไปทางนู้นนะครับ” ขุนพลหันมาบอกคุณอาทั้งสองก่อนจะวิ่งตามต้องใจไป ดลธีมองกระทั่งภาพหลังหนุ่มสาวทั้งสองลับสายตาจึงหันกลับมาหาเพื่อนรักที่เช็ดน้ำตาตัวเองออกอย่างรวดเร็ว “ยินดีด้วย ต่อไปก็เป็นพ่อเต็มตัวแล้วนะ ดีที่ไม่ต้องไว้หนวดตั้งแต่ตอนนี้” คุณพ่อป้ายแดงหันมาทางเพื่อนยืนอยู่ข้างกัน ดวงตาแดง ๆ ของเขาจ้
เดือนต่อมา...รถเมอร์เซเดสสีขาวของการันต์มุ่งหน้าไปยังหมูบ้านกลางน้ำอีกครั้ง ความตั้งใจของเขาในวันนี้ก็เพื่อจะพาคนรักนั่งข้างกันมีสีหน้าราบเรียบทว่าดวงตากลมโตมีแววสั่นไหวอย่างคนเป็นกังวล “อาจะพาหนูไปวัดแล้วกลับเลย ไม่ต้องกลัว” อุ้งมือใหญ่วางทาบมือเล็ก แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกได้ถึงความกังวลของเธอ ถึงจะผ่านไปแล้วหลายปี หากแต่ว่าความทรงจำของเปรมยุดาก็อยู่ที่นี่ไม่น้อย “ขอบคุณนะคะ” ยิ้มอ่อน ๆ พลางหันมาทางคุณอา สายตาอบอุ่นของเขาทำให้ใจว้าวุ่นตลอดทางผ่อนคลายลงไปมาก คราแรกที่รู้ว่าเขาจะพากลับมาไหว้พ่อกับแม่น้ำตาเธอนองเต็มหน้า คิดถึงพวกท่านจับหัวใจ ต่อให้ไม่ได้พบหน้ากันอีกแค่ได้ไหว้กระดูกคนเป็นลูกอย่างเธอก็ซาบซึ้งใจ“ไม่ต้องขอบคุณ อาตั้งใจจะมาพบพ่อกับแม่หนูอยู่แล้ว”เปรมยุดายิ้มกว้าง คนรักทำราวกับจะได้พบหน้ากัน...คงไม่ต่างจากเธอ!ทั้งสองใช้เวลาชั่วโมงเศษ ๆ ก็มาถึงที่หมาย ฝ่ายลูกสาวของผู้ลาลับหอบช่อดอกไม้สีสันสดใสกับผ้าหนึ่งผืนเดินนำเจ้าของเรือนกายภูมิฐานไปยังเจดีย์บรรจุอัฐิของพ่อและแม่ “หนูกลับมาหาพ่อกับแม่แล้วนะคะ” วางช่อดอกไม้ตรงฐานกว้าง เช็ดฝุ่นออกจากกรอบรูปที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใค
กว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็ใช้เวลาไปหลายนาที ดีที่ไม่มีใครแซวหรือพูดอะไร จึงทำให้พวกเรากลับมาสนุกกันต่อ เวลา 00.41 น.“รอกันตรงนี้เรียกรถให้แล้ว” ดลธีบอกขุนพลและต้องใจหลังจากงานเลี้ยงจบลง เขาดูแลทั้งสองเปรียบเสมือนน้องนั่นก็เพราะเปรมยุดาได้กำชับไว้ก่อนที่เธอจะแยกไปกับเพื่อนเขาดีจริง ๆ เลยทั้งหลานทั้งเพื่อน!“ขอบคุณนะครับ” ขุนพลไหว้ผู้ใหญ่ใจดี มื้อนี้เจ้ามือหมดไปไม่น้อย “ไม่เป็นไร ต่อไปถ้ามีงานทำก็กลับมาเลี้ยงฉันบ้างก็แล้วกัน” ดลธีหันไปตอบเพื่อนหลานด้วยใบหน้าทะเล้น“ต้องคิดเป็นบุญคุณด้วยเหรอคะ?” คนที่แม้แต่จะทรงตัวก็ลำบากยังอุตส่าห์หันมาถามเสียงอ่อน “ต้อง! เงียบบ้างก็ได้” ขุนพลห้ามเพื่อนพลางประคองไหล่เล็กให้ยืนได้ตรงเสียก่อนจะปากดี ไม่ดูตัวเองบ้างเลย! ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหัว“แค่บอกว่าให้เลี้ยงคืน? เป็นบุญคุณเหรอ ถ้าบอกให้เอาเงินมาคืนก็ว่าไปอย่าง หรือเธอจะคืนฉันล่ะยัยขี้เมา” “ก็เอาบัญชีมาสิ เดี๋ยวโอนให้ตอนนี้เลย ชิ!” “มือถือ?”“เอาไป”“ต้อง!”“นายเงียบเลยขุน” จะว่าเหมือนเด็กก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ทว่าคนทั้งสองต่างไม่มีใครยอมกัน คนกลางอย่างขุนพลจึงได้แต่ยิ้มแห้งให้คุณอาขอ
ปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาของเปรมยุดาและเพื่อน ๆ ต่างก็ดีอกดีใจเมื่อเดินทางมาถึงจุดสำเร็จสาขาบัญชีรวมตัวถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก เปรมยุดา ต้องใจและขุนพลฉีกยิ้มให้กับกล้อง เสียงกดชัตเตอร์รัวติดต่อกัน พร้อมกับช่างภาพยกนิ้วขึ้นโอเค ทุกคนก็ร้องเฮ คละเคล้าเสียงโห่ร้องตะโกนด้วยความดีใจต่างโอบกอดลากันด้วยน้ำตานองหน้า สี่ปีที่เรียนด้วยกันมาความผูกพันแน่นแฟ้นจนอดใจหายไม่ได้เมื่อต้องแยกจากเพื่อไปเติบโตใช้ชีวิตวัยทำงานไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาจะไม่มีวันลืมมิตรภาพที่ดีเหล่านี้เลย“เร็วนะว่าไหม? ไม่อยากจากพวกแกไปเลย”ต้องใจนั่งจับมือเปรมยุดา และมองเพื่อนสนิทอีกคนที่นั่งห่างออกไป เธอเห็นสายตาอาวรณ์ที่ขุนพลใช้มองเปรมยุดา ไม่ว่าจะครั้งแรกหรือกระทั่งตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่ก็คงทำได้แค่นั้นเพราะตอนนี้เพื่อนรักของเธอมีเจ้าของแล้ว และไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นคุณอาสุดหล่อที่กำลังถือช่อดอกไม่ช่อใหญ่เดินเคียงคู่มากับอิตาคุณอาขี้เก๊กนั่นเอง“เรายังเจอกันได้ แค่เรียนจบไม่ได้จากไปไหนไกลนี่น่า จริงไหมขุน” “ใช่ทำอย่างกับจะจากกันไปไหนไกลเว่อร์จริง ๆ เลยเธอเนี่ย”“โดนรุมอีกละ!”“เรียนจบแทนที่จะดีใจกลับทำหน้าบูด
กายโชกไปด้วยเหงื่อทรุดลงทาบทับร่างเปลือยเปล่าหอบหายใจโยนป้อก⁓“อะ” เปรมยุดารู้สึกกึ่งกลางกายวูบโหวงเมื่อคุณอาถอดถอนตัวตนลำใหญ่ออกไปจากตัวเธอ การันต์หายใจหอบใบหน้าชื้นไปด้วยเหงื่อ ดึงผ้าห่มคลุมกายเปลือยเปล่าทั้งสองจนถึงอก “มีคำหนึ่งใช่ไหมที่อายังไม่ได้บอกหนู” เกลี่ยปอยผมปกใบหน้ารูปไข่เล่น “อะไรเหรอคะ” ตะแคงตัวโอบกอดกายใหญ่ ซุกหน้าเข้าซอกคอแกร่ง ทำให้คุณอาหัวเราะในลำคอพลอยให้เธอยิ้มตามไปด้วย“อารักหนูเปรม รักมาก รักเกินกว่าใคร ๆ ฉะนั้น...อย่าพูดว่าจะให้อามีคนอื่นหรือคิดว่าอาจะไปมีใคร เพราะแค่มีหนูเปรมคนเดียวก็พอแล้ว” “อาบอกว่ารักหนูเหรอคะ” แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคาย วางฝ่ามือบนใบหน้าเริ่มมีตอหนวดขึ้นบาง ๆ มิน่าเมื่อครู่ถึงได้รู้สึกระคาย “อารักหนูเปรม” ทาบฝ่ามือใหญ่บนหลังมือเล็ก ย้ำให้คนจ้องหน้าด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความสดใสสุขล้นฉายชัด เขาชอบเปรมยุดาเป็นแบบนี้มากกว่า ต้องโทษที่ตนไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกจนทำให้เธอเข้าใจผิด“หนูก็รักอา รักมาก ๆ รักที่สุด รักกว่าใครในโลกเลย” ปีนขึ้นไปอยู่เหนือกายใหญ่ อกฟูบดเบียดหน้าอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนใต้ร่าง สอดแขนไปใต้ไหล่กว้างก่อนจะซุกหน้าลงหาควา
“อื๊อ” ห้ามยังไงทันเมื่อปลายนิ้วก้านยาวไล้กลีบดอกไม้ผ่านเนื้อผ้า ซ้ำยังคลึงจนเธอสะท้านเฮือกสยิวเสียวซ่านต้องยกสะโพกขึ้นรับความดุดันทันที“หนูเปรมของอาแฉะเร็วเหมือนกันนะเนี่ย ‘อยาก’ เหมือนกันใช่ไหมเด็กน้อย”ลมร้อนพ่นผ่านซอกคอหอม กดเรียวปากร้อนแนบชิดผิวละมุน ดอมดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย“อ๊าส์...” ครางกระเส่าเสียงหวิวเมื่อคุณอาสอดนิ้วเข้ามาในร่องคับแคบและมันตอบรับเขาอย่างดี ตอดรัดทักทายความแข็งแกร่งราวกับว่ารอคอยในสัมผัสเร่าร้อนนี้มานานเสียงครางผะผ่าวกระตุ้นข้อมือใหญ่สอดใส่ท่อนนิ้วเพิ่ม เขาเกร็งกระแทกเข้าใส่ดุดันจนเส้นเลือดรายล้อมข้อแขนขึ้นปูดบวม ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงพิศวาสมองเรือนร่างส่ายเร้า เขาถอนก้านนิ้วออกหลังจากทนความปรารถนากำลังเผาไหม้ตนเองไม่ไหว ต้องการให้ความอึดอัดเบื้องล่างเข้าไปแทนที่ท่อนนิ้วแกร่งของตัวเองชุดนักศึกษาถูกถอดออกด้วยชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเตียง ไม่นานกายเปลือยเปล่าสวยงามก็ปรากฏแก่สายตา ผิวเนียนละเอียดอมชมพูสวยกระแทกใจการันต์ “หนูเปรมของอาสวยเหลือเกิน” “อาอย่ามองนานนักได้ไหม”“มากกว่ามองก็ทำมาแล้ว”มุมปากหยักกระตุกให้กับเจ้าของมือที่ยกขึ้นปิดส่วนสวยงามเอาไว้ ทั้งขาเร