Share

เวียงแสนพรหม
เวียงแสนพรหม
Penulis: ลันลาบายหมายเลขแปด

บทนำ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-07 10:37:56

“แสงคำ! แสงคำเอ๊ย! สูอยู่นี่ก่อ?”

เสียงแม่อุ้ยคำก๋อง ดังลอดออกมาจากครัวหลังบ้าน แสงคำ ซึ่งกำลังนั่งขัดไม้กระบอกสำหรับตักน้ำอยู่ที่ชานเรือนถึงกับสะดุ้ง

“อู้ววว… จะฮ้องอะหยังแต่เจ๊าจี้ น่าเบื่อขนาด ฮ้องอยู่หั้นนะ…” แสงคำบ่นอุบพลางปัดเศษไม้จากมือ

แสงคำ เป็นเด็กสาววัยสิบหกปี เรือนร่างสูงโปร่ง สมส่วน ผิวขาวเหลือง ผมดำขลับยาวประบ่ะ ใบหน้าคมคายแฝงด้วยแววตาดื้อรั้น เธอเป็นคนหัวไว ฉลาดเจ้าเล่ห์ และมีความกล้าหาญเกินวัย

แสงคำอาศัยอยู่กับ แม่อุ้ยคำก๋อง  หญิงชราที่มีฝีปากคมราวกับมีดหมอ เป็นหญิงสูงวัยที่อารมณ์ร้อนขี้บ่นแต่จิตใจดี

และยังมี แม่คำปัน หญิงวัยสี่สิบต้น ๆ ที่เป็นแม่ของแสงคำ นางใจดี พูดจาอ่อนโยน เป็นที่รักของคนทั้งหมู่บ้าน

และสุดท้ายคือ ป้าคำป้อ หญิงร่างท้วมอารมณ์ขัน ที่ไม่ว่าบ้านนี้จะมีเรื่องใหญ่แค่ไหน นางก็จะหาเรื่องให้ทุกคนหัวเราะได้เสมอ

“แสงคำ! มัวยะหยังอยู่น่ะ แม่บอกให้มาช่วยดังไฟ นึ่งข้าว ตั้งแต่ตะเจ๊า ! ยังบ่ะมาเตื้อกา หยังมาหลึ่ง มาดื้อแต้ อิลูกคนนี้”

เสียงแม่คำปันดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แสงคำไม่มีข้ออ้างใด ๆ เธอรีบวางไม้ขัดกระบอกน้ำ แล้วเดินมาทางครัว

“ข้าเจ้ากำลังขัดกระบอกน้ำอยู่ ! เดี๋ยวก็แป๋งเสร็จแล้ว !” แสงคำแกล้งตะโกนตอบ

“อุ้ยได้ยินว่าขัดกระบอกน้ำมาตั้งแต่เช้าแล้วเน่อ หยั่งใดล้ำเหลือ!” แม่อุ้ยคำก๋อง กระแอมเสียงดุ

แสงคำถึงกับย่นจมูก ก่อนจะเดินมาทางครัวอย่างอิดออด

ภายในครัว แม่คำปันกำลังพยายามจุดเตาไฟ ส่วนป้าคำป้อกำลังตักน้ำจากหม้อดินด้วยความทุลักทุเล

“แม่ ๆ ข้าวนึ่งไหม้ละ!” แสงคำชี้ไปที่หวดนึ่งข้าวที่มีควันฟุ้งออกมา

“โอ๊ย ! ข้าวของข้า หยั่งมาเป๋นจะอี้นี่ ! “

แม่คำปันร้องลั่น ก่อนจะรีบเปิดหวดเพื่อระบายความร้อนออก

ป้าคำป้อหัวเราะคิกคัก “ข้าวนึ่งบ่ะตันได้สุก น้ำแห้งเหียก่อน เก่งแต้ ๆ ละ ฮ่า ๆ ๆ”

“ไค่หัวอะหยังป้า ! ข้าวจะไหม้แล้ว !” แสงคำรีบใช้ใบลานสานปัดควันโบกไปมา

แม่อุ้ยคำก๋อง เดินเข้ามาในครัวด้วยสีหน้าหงุดหงิด

“ข้าก้าย (รำคาญ) หมู่สูเขาขนาดเน่อ ! กะแค่นึ่งข้าวหยังมาวุ่นวายป่วงขนาดนี้!”

แม้ชีวิตของพวกเธอจะเต็มไปด้วยเสียงบ่น เสียงหัวเราะ และความวุ่นวาย แต่แสงคำรู้ดีว่า… ที่นี่คือบ้าน

บ้านที่แม้จะไม่สมบูรณ์พร้อม แต่ก็อบอุ่นกว่าที่ใด

สายหมอกยามเช้าคลอเคลียตามยอดเขาที่โอบล้อมหมู่บ้านเล็ก ๆ ไว้ดั่งอ้อมกอดของแม่ใหญ่แห่งขุนเขา บ้านไม้ยกพื้นสูงหลังคามุงแป้นเกล็ดตั้งเรียงรายท่ามกลางป่าสีเขียวสด กลิ่นไอดินชื้นของป่าฝนอบอวลไปทั่ว ขับให้เสียงนกร้องและกระแสน้ำที่ไหลผ่านลำธารสายเล็ก ๆ เบื้องล่างยิ่งกังวานก้อง

กลางลานบ้านที่ปูด้วยไม้เก่าแก่แต่ยังแข็งแรง เด็กสาวรุ่นคนหนึ่งกำลังนั่งซุกตัวอยู่ข้างกองฟืน สวมเสื้อม่อฮ่อมเก่าซึ่งมีรอยปะชุน ฝ่ามือเล็กถือใบตองพับเป็นรูปเรือ เล่นกับสายลมยามเช้า เมื่อนึกได้ว่างานที่แม่อุ้ยคำก๋อง ผู้เป็นยายไหว้วานให้ขัดไม้กระบอกยังไม่เสร็จ จึงรีบตะลีตะลานลุกไปหามีดกับกระบอกไม้ไผ่ ก่อนจะนั่งลงทำอย่างรีบเร่ง ด้วยเกรงว่าจะโดนดุและก่นจ่ม ซึ่งอันที่จริง ตั้งแต่จำความได้ แม่อุ้ยไม่เคยตีหล่อนเลย แม้แต่สักครั้ง ทั้งที่แสงคำทั้งซนทั้งดื้อออกอย่างนั้น

แสงแดดอ่อน ๆ ส่องลอดผ่านหน้าต่างไม้เก่า ๆ ของเรือนเล็กในหมู่บ้านชายขอบหุบเขา หมู่บ้านเวียงขมิ้น

กลิ่นหอมของข้าวเหนียวที่เพิ่งนึ่งสุกใหม่ ๆ ลอยอวลไปทั่วบ้าน เสียงไก่ขันแว่วมาแต่ไกล บ่งบอกว่าฟ้าเช้ากำลังทอแสงสว่าง

ยามเย็นวันเดียวกัน หลังจากชาวบ้านกลับจากไร่นา ทุกคนก็มักจะมารวมตัวกันที่ลานกลางหมู่บ้านเพื่อพูดคุยข่าวคราว

“หมู่หนานรินเขาไปเซาะหาของป่า เขาเล่ากั๋นมาว่ากันว่ามีตั๋วอะหยังบ่ะฮู้ซุ่มอยู่ในป่า ต๋ามันเป๋นสีแดงใหญ่ ละก่อหมู่แมงหมู่สัตว์ตี้อยู่ในนั้นก่อหายไปหมด เหมือนมันปากันหนีสัตว์ร้ายไปอยู่ตี้อื่นกั๋น”

เสียงปู่ถา ผู้อาวุโสประจำหมู่บ้านเอ่ยขึ้น น้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาแสดงความหวาดกลัว แม้ไม่เห็นกับตา แต่สิ่งที่ได้ยินมาก็ทำเอาผู้อาวุโสรู้สึกหวาดหวั่น

“ข้าก่อบ่ะแน่ใจว่ามันเป็นตั๋วอะหยัง แต่ข้าเห็นดวงตาสีแดงส่องสว่างในความมืด…”

“ปู่ก็อย่าไปกลัวนักเลย มันอาจเป็นแค่สัตว์ป่าหลงทางก่อได้ก็ได้” แม่คำปันพยายามปลอบ

“บ่ะใจ้ ๆ ๆ” ปู่ถาส่ายหน้า “ข้าเคยได้ยินว่ามีสิ่งที่ถูกสาปถูกขังไว้ในป่านั้น…”

แสงคำ ฟังเรื่องเล่าของปู่ถาด้วยความสนใจ แม้คนในหมู่บ้านจะขนลุกขนพองและพยายามไม่พูดถึง แต่แสงคำกลับรู้สึกว่า…

“ข้าต้องไปดูฮื่อได้…”

คืนนั้น แสงคำนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงจันทร์ส่องแสงนวลเหนือป่าทึบในหุบเขา

บางสิ่งในป่านั้น… คืออะไรกันแน่?

เธอไม่รู้หรอกว่า… การตัดสินใจออกไปดูในคืนนั้น

จะเปลี่ยนโชคชะตาของเธอ… และหมู่บ้านเวียงขมิ้นไปตลอดกาล

“แสงคำ… แสงคำ…”

เธอสะดุ้งโหยง เมื่อเสียงใครบางคน…กำลังเรียกชื่อเธอจากกลางป่า

“ไผน่ะ? ไผฮ้องชื่อเฮา! “ เธอพึมพำกับตัวเอง แต่ทว่าไม่มีเสียงตอบรับ

ใจหนึ่งอยากวิ่งออกไปดู แต่ในใจลึก ๆ ก็รู้ว่ามันอันตรายเกินไป

“เอาเต๊อะ อยู่ตี้นี่ก่อบ่ะฮู้ว่ามันคืออะหยัง ถ้าอั้นวันพรุ่งนี้… ข้าจะไปดูด้วยสองตาข้าเอง”

แสงคำเอนตัวลงบนสลีตี้นอน(ฟูก) ฟังเสียงลมพัดผ่านเบา ๆ

เธอไม่รู้เลยว่า… สิ่งที่รออยู่ในป่านั้น จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

บ้านเรือนหลังเล็กหลังน้อยที่ตั้งเรียงราย มีควันไฟสีขาวลอยอยู่ เสียงจอกแจกจอแจของหมู่บ้านค่อย ๆ ดังขึ้น ชาวบ้านทยอยออกไปทุ่งนาและสวนผัก แต่ที่บ้านของแสงคำ… ทุกอย่างยังคงอลหม่านเช่นเดิม

“แสงคำ! ตื่นได้แล้ววว!”

เสียงของแม่คำปันดังลั่นจนแม้แต่ไก่ที่กำลังคุ้ยเขี่ยหน้าบ้านยังสะดุ้งเฮือก

“โคะ ! อิแม่ก่อดาย ข้าเพิ่งฝันดีไปได้ครึ่งเดียวเอง! รอให้ข้าฝันจ๋นจบจนแล้วก่อบ่ะได้” เสียงแสงคำโวยวายลอดมาจากห้องนอน

แม่อุ้ยคำก๋อง นั่งขัดหมากอยู่บนแคร่หน้าเรือน หัวเราะหึ ๆ พลางส่ายหน้า

“ถ้าสูฝันว่าได้กิ๋นไก่ปิ้ง… ก่อขะใจ๋ตื่นเต๊อะ เจ้าไก่มันล่น(วิ่ง)เลยหน้าบ้านเข้าไปในป่าปู้นแล้ว”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ!” เสียงป้าคำป้อหัวเราะดังลั่น พร้อมยกหม้อน้ำขึ้นรดต้นไม้

ในที่สุด แสงคำก็เดินเซออกจากห้องนอนด้วยผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าบูดบึ้งราวกับเด็กน้อยที่กำลังงอน

“ข้าจะฝันว่าได้เป็นเจ้านางแห่งเวียงวังตี้ไหนสักตี้อยู่แล้วเชียว!”

ป้าคำป้อหัวเราะคิกคัก

“ปัดโทะ ธัมโม ! สังโฆ ! สูจะได้เป็นเจ้านางแห่งรังหนูก่อนน่ะสิ ดูผมเผ้าหน้าตาตั๋วเก่าเหียก่อนเต๊อะ!”

แสงคำรีบคว้าไม้สางผมที่วางอยู่แถวนั้น พลางจัดผมแล้วเกล้ามวยอย่างลวก ๆ

“ก็ข้าไม่ได้อยากตื่นนี่นา…” เธอบ่นพึมพำพลางเดินไปช่วยแม่คำปันทำกับข้าว

แม่คำปันกำลังสาละวนกับการหั่นผักและตั้งหม้อนึ่งข้าวเหนียว กลิ่นข้าวหอมลอยอบอวล

“เอ้า! อั้นก่อช่วยหั่นผักนี่ให้ข้า แล้วห้ามเอาไปกิ๋นก่อนล่ะ!”

“อู้วว… แม่นี่บ่ะไว้ใจลูกสักกำน่อ”

แสงคำทำปากยื่น พลางหยิบมีดมาหั่นผักด้วยท่าทางกระแทกกระทั้น

“ก็เพราะข้าไว้ใจ๋เจ้านี่แหละ ข้าเลยต้องบอกก่อน!” แม่คำปันยิ้มขำ ๆ

แม้บรรยากาศในครอบครัวจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่ใจของแสงคำกลับยังคงครุ่นคิดถึงสิ่งที่ปู่ถาพูดเมื่อวันก่อน

“…ดวงตาสีแดงในป่า…”

บางสิ่งในป่านั้นคืออะไรกันแน่?

เธอวางมีดลงอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ

“ข้าต้องไปดูให้ได้”

ตกเย็น หลังจากกินข้าวเสร็จ แสงคำรีบเก็บจานชามเร็วกว่าปกติจนแม่อุ้ยคำก๋อง ต้องเอ่ยแซว

“อู้ว… วันนี้หยังมาหมั่นจนผิดแผก หรือเจ้ากึ้ดจะทำการใหญ่อะหยัง?”

“บ่ะใจ้ ๆๆๆ” แสงคำรีบปฏิเสธ แต่สายตาลอกแลกจนแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่

“ถ้าเจ้าจะหนีแอ่ว บอกข้าเลยดีกว่า… จะได้เตรียมไม้แส้ไว้รอ!” แม่คำปันหันขวับมาทันที

“เฮ้ย! บ่ะใจ้จะอั้นแม่กับอุ้ย ใจ๋เย็น ๆ ชุ่ม ๆ ก่อน ข้าจะออกไปหา… เอ่อ… ไปเอาไม้หลัว(ฟืน)มาเพิ่มเฉย ๆ!”

“ไม้หลัวอะหยังต้องไปเอาถึงในป่าฮั่น” แม่อุ้ยคำก๋อง ย่นคิ้ว

“ก็ไม้หลัวฟืนแห้ง ๆ ข้าหันวันก่อนว่ามันมีอยู่แถวนั้น!”

“หืม…” แม่คำปันจ้องหน้าเธอเขม็ง “อย่าไปซนแถวป่าเด็ดขาด ฮู้ก่อ?”

“ฮู้แล้วเจ้า!” แสงคำรีบตอบ แต่ในใจกลับคิดว่า… ข้าก็จะไปอยู่ดี!

ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ป่าทึบที่เคยดูสงบนิ่ง กลับกลายเป็นสถานที่ชวนขนลุกยามค่ำคืน

ต้นไม้ใหญ่โยกไหวตามแรงลม เสียงใบไม้เสียดสีกันดังกระซิบแผ่ว ๆ ราวกับมีใครกำลังพูดกันในความมืด

แสงคำกลืนน้ำลายเอื๊อก

“บะหันมีอะหยังเลย ! คนอย่างแสงคำบ่ะเกยกลัวอะหยัง ฮึ ! เรื่องแค่นี้ ข้าบ่กลัวหรอก!” เธอพยายามปลุกใจตัวเอง แต่หัวใจกลับเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก

“แสงคำ…”

เธอสะดุ้งเฮือก!

“ไผ… ไผตี้ไหนมาฮ้องข้า?” แสงคำหันซ้ายหันขวา แต่รอบตัวกลับมีเพียงเงาต้นไม้ไหววูบไปมา

“แสงคำ…”

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ใกล้กว่าเดิม

เธอรีบคว้าไม้แห้งข้างทางขึ้นมากำไว้แน่น “ถ้าเป็นผี ก็อย่าโผล่มาฮื่อข้าหันเน่อ!”

ท่ามกลางหมอกจาง ๆ ที่คลอเคลียพื้นดิน…

เธอเห็นบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหว

ร่างหนึ่ง… ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

เงาดำทะมึน… ดวงตาสีแดงวาวโรจน์ส่องประกายในความมืด

“เฮ้ยยยยย!” แสงคำตะโกนลั่น ก่อนจะหันหลังวิ่งสุดชีวิต

เสียงฝีเท้าหนัก ๆ วิ่งตามมาติด ๆ เสียงลมหายใจหอบแรงดังไล่หลังเธอ

“อย่าเข้ามา!” เธอร้องลั่น แต่ยิ่งวิ่ง… เสียงฝีเท้าก็ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

ทันใดนั้น

“โครมมม!”

เธอสะดุดรากไม้ ล้มกลิ้งลงไปบนพื้นดินเปียกชื้น

เสียงฝีเท้าหยุดกึก… เงาดำยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

ดวงตาสีแดงของมันจ้องมองเธอเขม็ง มันแสยะยิ้ม… ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบพร่าเย็นเยียบ

“เจ้า…นาง...ในที่สุด ....ข้าก็หาเจ้าเจอ...”

แสงคำหายใจหอบหนัก ร่างกายสั่นสะท้าน

เธอไม่รู้หรอกว่า…

คืนนี้คือจุดเริ่มต้นของโชคชะตาที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตสาวชาวบ้านธรรมดาอย่างเธอไปตลอดกาล

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 15 ปลดปล่อยวิญญาณ

    “เจ้าว่าตอนนี้หมู่เฮาบ่ะต้องเจอผีสางปีศาจแหมแล้วแม่นก่อ?”เสียงของมังคละถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ หลังจากเหตุการณ์อันแสนวุ่นวายที่วิหารศิลากัลป์จบลง ทุกคนกลับมารวมตัวกันในหอเจ้านาง เพื่อหารือถึงสิ่งที่เกิดขึ้น“ข้าว่ามันหยั่งใดบ่ะฮู้” มังคละพูดต่อ “ถ้ามันจบแต้แล้ว ยิหยังตราศิลากัลป์ถึงยังมีแสงแดงส่องวาบเป็นระยะล่ะ?”แสงคำมองไปที่ตราศิลากัลป์ที่วางอยู่บนพาน แสงสีแดงริบหรี่นั้นยังคงเต้นระยิบระยับ ราวกับบางสิ่งกำลังรอจังหวะปะทุอีกครั้ง“เจ้ามันกึ้ดนัก(คิดมาก)ไปเองหรอกมังคละ?” บุญปั๋นพูดพลางขยับตัวออกห่างจากพานเล็กน้อย “อย่าให้มันมีเรื่องอีกเลยเถอะ… ข้าขออยู่แบบสงบ ๆ สักสองวันก็ยังดี!”“ข้าว่า… มังคละอาจพูดถูก” เจ้าเมืองศิลป์แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “วิญญาณของเจ้ามหาคำหลวงอาจหลุดพ้นแล้ว… แต่คำสาปนั้น…”“ยังไม่หมดไป” แสงคำพูดเสียงแผ่ว สายตาแน่วแน่จ้องตราศิลากัลป์ไม่กะพริบป้าคำป้อที่นั่งเงียบอยู่นาน พลันพูดขึ้นว่า...“ยังมีวิญญาณอีกดวง… ที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย”“ใครอีกล่ะป้า!?” บุญปั๋นร้อง “ข้าขนลุกหมดแล้วนะ!”“ข้ากำลังจะบอกว่า…” ป้าคำป้อหันมาสบตาทุกคน “ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคำสาปนี้

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 14 กับดักอำพราง

    “ข้าไม่ชอบเลย…” แสงคำพึมพำ “หมอกนี้… มันแปลกเกินไป”“ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน” เจ้าเมืองศิลป์เดินเข้ามายืนข้าง ๆ “ข้าว่า… มันไม่ได้เป็นหมอกธรรมดา”แสงคำยืนอยู่บนกำแพงเมืองของเวียงแสนพรหม สายตาจ้องมองไปยังทิวเขาที่เคยสว่างไสว แต่ตอนนี้ถูกหมอกทึบปกคลุมจนมืดครึ้มราวกับหุบเขาปีศาจเวียงแสนพรหมในตอนรุ่งเช้า...หมอกหนาจัดแผ่ปกคลุมทั่ว ราวกับม่านสีเทาหนาเตอะที่บดบังทุกสิ่งจนแทบมองไม่เห็นปลายทาง “ข้าก็ว่าแบบนั้น” จันทน์ผาเสริม “หมอกนี้มีกลิ่นเหมือนควันธูปจาง ๆ ด้วย…”“แล้วพวกเจ้าคิดว่า…” มังคละเอ่ยเสียงเครียด “หมอกนี้มันเกี่ยวกับอสุราแห่งคำสาปก่อ?”“ถ้ามันใช่…” บุญปั๋นพึมพำ “งั้นหมอกนี่… อาจไม่ใช่แค่หมอกก็ได้…”พวกเขาเก็บความสงสัยไว้ และนำเรื่องที่มาปรึกษากันในเรือนพักของแสงคำ ขณะที่กำลังแสดงความคิดเห็นกันอยู่นั้น“ก๊อกๆๆ”เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากหน้าเรือนพัก ทุกคนสะดุ้งพร้อมหันไปมองทันที“ไผน่ะ?” แสงคำเอ่ยถาม“ข้าเอง…” เสียงของชายชราสั่นเครือดังลอดเข้ามา “ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกพวกเจ้า…”เมื่อประตูเปิดออก ชายชราผู้หนึ่งก้าวเข้ามาช้า ๆ เขาสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าซีดเผือดราวกับไร้เลือดฝาด“ท่าน

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 13 คำสาปที่เหลืออยู่

    “โหหห…วับวิบละลานตาข้าขนาด!”บุญปั๋นถึงกับหลุดคำอุทาน เมื่อสายตากวาดผ่านห้องสมบัติเก่าแก่ตรงหน้าทองคำแท่งเรียงซ้อนเป็นชั้น เหรียญเงินโบราณที่มีตราสัญลักษณ์ประหลาด อัญมณีที่ส่องแสงเยือกเย็นเหมือนแช่น้ำแข็งมาร้อยปี ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้แสงคบเพลิงที่ไม่รู้จุดขึ้นเองได้ยังไง...เขาเดินเข้าไปช้าๆ หัวใจเต้นตุบตับแต่ยังไม่ทันได้แตะสมบัติ...เสียงเย็นเยียบ กังวาน ราวกับลมพัดจากปล่องนรก ดังขึ้นจากมุมมืดของห้อง“ข้า... ยังไม่อนุญาต...”เสียงนั้นไม่ดังมาก แต่หนักแน่นจนพื้นสะเทือนบุญปั๋นสะดุ้ง หันขวับไปทางเสียง เหงื่อแตกซิกจากเงาดำมืดหลังเสาไม้ผุ เงาตะคุ่มรูปร่างสูงใหญ่ปรากฏ ดวงตาสีแดงฉาน ลุกโชนราวกับถ่านไฟเขาก้าวออกมาช้าๆ ผ้าคลุมสีดำยาวลากพื้น ไหลลมไม่มีลมพัดฝ่าเท้าไม่ได้สัมผัสพื้น... เขาลอยศรีพงษา... ปรากฏกาย“เฮ้ย !! ศรีพงษา? มาได้หยั่งใด เจ้าต๋ายไปแล้วบ่ะใจ้กา ”“แล้วใคร... บอกเจ้าว่าความตายจะหยุดข้าได้?”เสียงศรีพงษาเยือกเย็น แต่ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยแววโกรธแค้นสะสมพันปี“ข้า... รักษาขุมทรัพย์นี้ไว้ด้วยชีวิต และแม้แต่หลังความตาย เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์แตะ!”บุญปั๋นถอยหลังจนสะดุดกองทอง มือไม้

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 12 อาถรรพ์แห่งเวียงแสนพรหม

    เวียงแสนพรหม คืนสู่ความสงบอีกครั้งหลังจากพายุแห่งความวุ่นวายผ่านพ้นไป...แสงคำยืนมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงจันทร์ส่องแสงนวลตา แต่ในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความกังวลแม้เจ้าเมืองศิลป์จะฟื้นคืนชีพกลับมาแล้ว... แต่บางอย่างยังคงคลุมเครือและดูเหมือนความกังวลนี้จะทำให้แสงคำเครียดยิ่งขึ้น“ข้าว่าข้าควรดีใจที่เรื่องมันจบแล้วนะ…” แสงคำพูดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“แต่ใจข้ายังรู้สึกสังหรณ์ใจอยู่”“ข้าก็เหมือนกัน” เอื้องฟ้า ซึ่งในชาติปัจจุบันคือป้าคำป้อของเธอเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้มัน… ง่ายเกินไป”“โอยน่อ !” มังคละร้องเสียงหลง “นี่เจ้ายังคิดว่าเรื่องมันง่ายอยู่แหมกานิ!”“แม่น” เอื้องฟ้าตอบจริงจัง “ข้าว่ามีบางอย่าง… ที่หมู่เฮายังบ่ะฮู้กั๋นแต้เตื้อ”“เจ้าอย่ามาหลอกข้านักนา!” บุญปั๋นร้องลั่น “ข้าอิดข้าเหนื่อยจ๋นจะเป็นลมแล้วเนี่ย!”“แล้วถ้ามันยังมีอะหยังโผล่มาแหม เจ้าจะเยียะจะใด จะทำยังไง ฮือ พ่อหนุ่มนักหนี?” เอื้องฟ้าเลิกคิ้ว“ก็… ก็…” บุญปั๋นหันไปมองจันทน์ผาที่หน้าเริ่มซีดไม่แพ้กัน“ข้า… ข้าจะอยู่ข้างหลังเจ้าไง”“เฮ้ย!” จันทน์ผาแหวเสียงสูง “ใครอยากเป็นโล่ให้เจ้ากันเล่า!”“พอ ๆ เถอะ!” แสงคำตวาดขึ้นพลางตบมือดังป

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 11 ปลุกปีศาจที่หลับใหล

    “ระวังฮื่อดี !”คำพูดของอุ้ยคำก๋องดังก้องอยู่ในหัวของแสงคำ ราวกับเสียงระฆังเตือนภัยที่บอกว่าเรื่องเลวร้ายยังไม่จบ“ห้ะ! “ แสงคำร้องเสียงหลง “ก่อตะกี้ศรีพงษาโดนข้าสลายร่างเป๋นปุ๋ยไปแล้วบ่ะใจ้กาเจ้าแม่อุ้ย?”“แม่น” อุ้ยคำก๋องพยักหน้า “แต่ศรีพงษาเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งเท่านั้น”“เบี้ยตัวหนึ่ง หมายถึงลูกหาบลูกน้องแม่นก่อเจ้า เอ่อนั่น ! ไปกั๋นใหญ่ละทีนี้?”แสงคำอ้าปากค้าง “แล้วตัวจริงมันเป๋นไผเจ้าแม่อุ้ย?”อุ้ยคำก๋องจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ…“ตัวจริง… คือปีศาจที่หลับใหลอยู่ใต้วิหารศิลากัลป์นี้”“และมันกำลังจะตื่นขึ้นมา”“โอ้ย! อะหยังแหมล่ะเนี่ย!” แสงคำโอดครวญพลางขยุ้มผมตัวเอง“ข้าแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาที่อยากปิ๊กบ้านไปกิ๋นข้าวกับแม่อุ้ยคำก๋อง! ยะหยังต้องมาสู้กับปีศาจโตยกา?”“ตอนนี้เจ้าไม่ใช่แค่เด็กผู้หญิงธรรมดาอีกแล้ว” เอื้องฟ้าแทรกขึ้น “เจ้าคือผู้ที่สืบสายเลือดเจ้านางแห่งเวียงแสนพรหม…”“และเจ้านั่นแหละ…” อุ้ยคำก๋องเสริมเสียงหนักแน่น“ต้องเป๋นเจ้านางสร้อยคำเต้าอั้นที่จะหยุดปีศาจตนนั้นได้”“โอ๊ย! ทำไมทุกอย่างต้องมาลงที่ข้าด้วย!”“เพราะเจ้าสร้างมันขึ้นมา”“เฮอะ !” แสงคำหันขวับไปทางอุ้ยคำก๋อง “

  • เวียงแสนพรหม   ตอนที่ 10 คำสาปตราศิลากัลป์

    “อย่าคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว เจ้าไม่ใช่ผู้ชนะ…”“…เพราะมันกำลังมา”เสียงกระซิบจากเงามืด… ฟังดูทั้งแผ่วเบาและน่าขนลุกจนทุกคนเย็นวาบไปทั้งตัว“อะหยังแหมเหมาะ! ไผแหมล่ะเนี่ย? มาติก ๆ บ่ะฮู้จักจบจักสิ้น”แสงคำบ่นปนเดือดดาล ทั้งเหนื่อยทั้งเครียด“ป้อเฒ่ามันก่ะ ! นี่มันจะมีผีกี่ตั๋วกันแน่?”มังคละมองซ้ายมองขวา “ข้าว่าข้าจะเริ่มนับจำนวนผีไว้แล้วนะ… นี่ตัวที่หนึ่งร้อยห้าแม่นก่อ?”“หนึ่งร้อยหกแล้วจ้า” บุญปั๋นเสริมหน้าตาย “ข้านับมาตั้งแต่ที่หมู่บ้านแล้ว”“เอ่อ… พวกเจ้าช่วยเครียดกับข้าพ่องได้ก่อ?”อินทร์แปงเอนตัวพิงกำแพง ร่างของเขาอ่อนแรงจากการใช้พลังมหาศาลในการสู้เมื่อครู่“เสียงเมื่อกี้…”เขาพูดช้า ๆ พลางหายใจแรง“มันไม่ใช่เสียงของเสนาบดีศรีพงษาแน่นอน”“ข้าเห็นด้วย”จันทน์ผาพยักหน้า “เสียงนี้… ฟังดูเหมือนบางสิ่งที่อยู่มานาน… นานยิ่งกว่าศรีพงษาเสียอีก”“ปั๊ดโทะ?”แสงคำเบิกตาโต“อย่าบอกนะว่าเรากำลังรับมือกับตัวร้ายตำนานตัวป้อตัวแม่ ที่เป๋นตัวต้นตระกูลสิ่งชั่วร้ายของทั้งหมด ขั้นสูงสุด อะหยังสักอย่างน่ะ!”มังคละถอนหายใจหนัก ๆ“ข้าว่าตั้งแต่เจ้าก้าวเท้าเข้ามาในเวียงแสนพรหม… ชีวิตเจ้าก็เป็นตำนานไปแล

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status