Share

ตอนที่ 6

last update Last Updated: 2025-02-14 00:37:36

เว่ยซือหงไล่สายตาจับจ้องไปยังทีละคนตามชื่อ เริ่มจากจิวซิน สตรีหนึ่งเดียวในกลุ่มนี้ที่เป็นถึงนักปรุงโอสถ แม้จะมีใบหน้างดงามทว่าเป็นคนหัวสูง ใครมีประโยชน์ก็คบหา หากหมดประโยชน์ไม่เพียงก้าวข้ามนางยังรอเหยียบด้วย

เตียวฝานนักอักขระที่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดเวลาคนนี้ไม่ได้ดีไปกว่าจิวซินนัก เขาค่อนข้างเจ้าเล่ห์เลยทีเดียว ทว่าเก็บซ่อนตัวตนได้เก่งยิ่ง หากนางไม่มีเนตรสวรรค์ ด้วยภาพลักษณ์อ่อนโยนเช่นนั้น  คงจะมองไม่ออกง่าย ๆ แน่

เสิ่นเถาคือบุรุษที่กำลังมีปัญหากับกู้เยว่สหายของพี่ชาย และยังเป็นคนเดียวกับที่กล่าววาจาดูแคลนนาง คนคนนี้เป็นคนเลือดร้อนชั่วร้ายคนหนึ่ง แต่ไม่ได้ดูน่ากลัวนัก ไม่มีความจำเป็นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

ทว่าอี้ไท่หยวนบุรุษเงียบขรึมไม่พูดจา วางตัวนิ่งเฉยตัดขาดออกจากทุกคนเช่นนี้น่าสนใจกว่ามาก เพราะจิตใจของเขาดำมืดยิ่งนัก นางหาแสงสว่างสีขาวในตัวเขาไม่เจอเลย เด็กหญิงหลุบตาต่ำ

คนคนนี้อันตราย สัญชาตญาณระวังภัยของเว่ยซือหงตื่นตัวขึ้นมาทันทีที่สบเข้ากับเนตรคมกริบคู่นั้น

“ในเมื่อรู้จักกันแล้ว เช่นนั้นปล่อยผ่านเรื่องวันนี้สักครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ” เว่ยซือหงไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ใบหน้าเล็กยังประดับรอยยิ้มจาง ๆ

“เอ่อ เรื่องนั้น” เปียวหย่งถึงกับไปไม่เป็นทั้งยังมองหน้าคนอื่น ๆ อย่างปรึกษา

เสิ่นเถากระตุกยิ้มพลางว่า “ไม่ง่ายไปเช่นนั้นหรือคุณหนู”

“ง่ายเช่นนี้แหละเจ้าค่ะคุณชายเสิ่น”

“คุณหนูไม่ใช่ฝ่ายถูกโดนชนก็พูดได้สิ”

“แต่ฝ่ายที่ชนกลุ่มคุณชายก็เอ่ยขอโทษแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ ซ้ำยังเป็นเพียงเด็กอายุห้าขวบ กลุ่มคุณชายคงไม่ใจแคบกระมัง”

“เหอะ”

“เกรงว่าหากไม่จบเพียงเท่านี้ คงมีข่าวลือแย่ ๆ ว่ากลุ่มคุณหนูคุณชายที่มาจากดินแดนเบื้องบนรังแกคนที่อ่อนแอกว่าเป็นแน่ พวกท่านไม่กลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือเจ้าคะ หากรอถึงตอนนั้นจะทำการค้ากับใครก็ยากแล้ว”

“เจ้าขู่ข้าหรือ!” เสิ่นเถาซึ่งอารมณ์ร้อนที่สุดในกลุ่มโพล่งขึ้นมาพร้อมแผ่พลังปราณระดับปราชญ์กดดันเด็กปากดีตรงหน้า  

เว่ยซือหงไม่เพียงไม่กลัว นางยังนิ่งเฉยราวกับว่าพลังระดับปราชญ์ไม่มีผลอันใดต่อนางแม้แต่น้อย เด็กหญิงมองเขาด้วยรอยยิ้มบางเบา

“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ขู่ ข้าพูดจริง”

“เจ้า!” เสิ่นเถาไม่เคยถูกท้าทายเช่นนี้มาก่อน เขาเคยชินกับการที่ถูกคนอื่นยอมศิโรราบ วันนี้โดนเด็กอายุสิบขวบท้าทายขึ้นมาจะยอมได้เช่นไร ทว่าอี้ไท่หยวนซึ่งวางตัวอยู่วงนอกมาตลอดกลับกล่าวห้าม

“พอได้แล้ว”

“แต่ว่า”

“เจ้าคงไม่อยากให้ตระกูลเสิ่นรู้ว่าเจ้าขัดแย้งกับตระกูลเว่ยซึ่งเป็นตระกูลที่ค้าผักปราณกระมัง”

เจอความจริงแสกหน้าเช่นนี้แม้ไม่อยากยอมก็จำต้องยอม “ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ!” พูดจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วโดยมีจิวซินตามไปติด ๆ ไม่วายจิกตามองเว่ยซือหงอย่างคาดโทษ

“คุณหนูเว่ยช่างเก่งกาจ นับถือ ๆ” เตียวฝานเอ่ยชมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนปลีกตัวจากไป ตอนนี้จึงเหลือเพียงอี้ไท่หยวนและเปียวหย่งเท่านั้น

“ขออภัยคุณหนูแทนเสิ่นเถาด้วย เขาค่อนข้างอารมณ์ร้อน”

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อย่างไรฝั่งข้าก็ผิดเช่นกัน”

“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”

“โชคดีเจ้าค่ะ” เปียวหย่งเดินจากไปพร้อมอี้ไท่หยวน ซึ่งก่อนหน้าใช้สายตาพิจารณาเด็กหญิงอยู่ตลอดเวลา

กลุ่มคุณหนูคุณชายจากดินแดนเบื้องบนจากไปแล้วเว่ยซือหงพลันหันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับพี่ชายคนรอง

“น้องเล็กไม่ควรเข้ามายุ่ง”

“หากอาหงไม่เข้ามาเรื่องคงไม่จบง่าย ๆ แบบนี้ เสิ่นเถาคนนั้นใจร้อน พี่รองเองก็ใจร้อน หากเขาไม่มีระดับพลังที่สูงกว่าพี่ ป่านนี้พี่คงประมือกับเขาไปแล้ว”

“แต่น้องก็ไม่ควรเข้ามายุ่ง มันอันตราย!” เว่ยซือเหลียงไม่จบง่าย ๆ

“อาหงรู้เจ้าค่ะ และรู้ด้วยว่าถ้าปล่อยให้พวกพี่เจรจากันต่อไปคงได้ลงไม้ลงมือกันจริง ๆ แน่ ซึ่งคนที่เจ็บเป็นฝั่งเราแน่นอน”

“แต่”

“ไม่มีแต่เจ้าค่ะ พี่รองควรใจเย็นให้มากกว่านี้ อำนาจของตระกูลเราก็มี ใช้บ้างสิเจ้าคะ บางทีกำลังก็ไม่ได้ช่วยตัดสินทุกอย่างหรอกนะเจ้าคะ จะทำอะไรต้องคิดให้มาก ประเดี๋ยวชาวบ้านจะเดือดร้อน”

“...” เว่ยซือเหลียงคิดตามและเห็นด้วยกับคำพูดของน้องสาว แต่เขาก็ไม่ชอบที่น้องสาวเอาตัวเองมายุ่งกับปัญหาอยู่ดี เมื่อครู่ต่อให้ปะทะกันจริงแล้วเขาจะแพ้ แต่ก็แพ้อย่างสมศักดิ์ศรีแน่ ทว่าพอคิดถึงชาวบ้านขึ้นมาพลันถอนใจ

น้องรองพูดถูกจริง ๆ นั่นแหละ

“เอาละพี่เข้าใจแล้ว คราวหลังจะใจเย็นให้มากกว่านี้ น้องเองก็เช่นกัน อย่าเอาตัวเองมาเอี่ยวด้วยแบบนี้อีก”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

“เข้าใจก็ต้องทำด้วย ไม่ใช่เข้าใจแค่ปาก”

“เจ้าค่ะ” เว่ยซือหงส่งสายตาออดอ้อนพี่ชายที่ยังคงหงุดหงิดกับการกระทำของนาง

“น้องเตรียมโดนท่านย่าลงโทษได้เลย พี่ฟ้องท่านย่าแน่”

“พี่รอง!”

“ไม่รู้แหละ อย่างไรเรื่องนี้คนในครอบครัวก็ต้องรู้ เอาตัวเองมาเสี่ยงอันตรายใช้ได้ที่ไหน หากคนพวกนั้นไม่จากไปง่าย ๆ แล้วปะทะกันจริงขึ้นมาจะทำอย่างไร”

“...” เว่ยซือหงที่โดนพี่ชายคนรองเปิดโหมดสอนและบ่นได้แต่ทำสีหน้าเศร้าซึม

“ไม่ต้องมาแสดงงิ้วให้พี่ดู พี่ไม่หลงกลหรอก” ชายหนุ่มพูดกับน้องสาวอย่างรู้ทัน ทว่าก่อนที่สองพี่น้องจะสนทนากันยืดยาวมากกว่านี้ก็มีเสียงกู้ฉีขัดขึ้นมาเสียก่อน

“เอ่อ พวกเราไปพูดกันต่อที่โรงเตี๊ยมดีไหม”

“นั่นสิเจ้าคะ ตอนนี้คนมองไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” หลินหว่านเอ่ยเสริม

ทั้งเว่ยซือหงและเว่ยซือเหลียงจึงรู้สึกตัว มองไปรอบด้านเห็นชาวบ้านมองพวกตนอยู่มากมาย ถึงกับทำตัวไม่ถูก เดินนำกลุ่มสหายไปโรงเตี๊ยมตระกูลหลิวทันที  

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 2   ตอนที่ 75 จบ

    เห็นดังนั้น เว่ยซือหลิวจึงวางใจ ปล่อยให้นางฝึกฝนด้วยตนเอง ส่วนเขาก็กลับไปตั้งใจบ่มเพาะอย่างจริงจัง ตัวเว่ยซือหลางและเว่ยซือเหลียงเองก็จากไปบ่มเพาะเช่นกันเว่ยซือหงยังคงฝึกทักษะการต่อสู้ต่อไปแม้จะไม่มีคู่ซ้อม นางไม่คิดไปนั่งบ่มเพาะ เพราะพอใจในระดับพลังตอนนี้ของตนแล้ว ขอแค่อยากเลื่อนระดับ แค่หลับตานางก็สามารถเลื่อนไปยังระดับราชันได้ทันที ดังนั้นการบ่มเพาะสำหรับนางแล้วไม่จำเป็นเลยเด็กหญิงตั้งหน้าตั้งตาฝึกยุทธ์ขัดเกลาฝีมือของตนต่อไปไม่หยุดยั้ง กระบวนท่าของนางก็เฉียบคมและดุดันขึ้นเรื่อย ๆทั้งรวดเร็วและอันตรายมั่นใจได้เลยว่า หากได้ประมือกับพี่ชายทั้งสองอีก ต่อให้ไม่อาจเอาชนะ แต่นางก็ไม่แพ้อย่างแน่นอน พอใจในพัฒนาการของตนยิ่งนักเว่ยซือหงจึงสลับไปศึกษาศาสตร์อักขระและปรุงยาบ้าง สลับสับเปลี่ยนไปเช่นนี้อย่างไม่รู้เบื่อ วันเวลาในมิติผลันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แม้ทุกคนจะมีใบหน้าและอายุเท่าเดิม เพราะเวลาในมิติไม่ส่งผลต่อมนุษย์ ทว่าระดับพลังของพวกเขานั้นคนละเรื่องไปเลย มันพัฒนาอย่างมากชนิดที่ว่าหากพวกเขาไม่ได้มีโอกาสเข้ามาฝึกฝนในมิติพฤกษาสวรรค์ พวกเขาก็ไม่อาจคิดฝันว่าตนเองจะมาถึงระดับนี้!เว่ย

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 2   ตอนที่ 74

    ความจริงแล้วตระกูลเว่ยไม่ได้อาศัยอยู่ในจวน แต่พวกเขามารวมตัวกันอยู่ภายในมิติพฤกษาสวรรค์เว่ยซือหลินกับหลินซือเหยา แม่สามีลูกสะใภ้พากันเดินชมแปลงสมุนไพรพลังปราณระดับเซียนที่เคยเห็นชื่อแค่ในตำราด้วยความตื่นตาตื่นใจเว่ยซือหลิวกับเว่ยซือซานเองพากันศึกษากลยุทธ์ด้านการศึกสงครามในเรือนตำราส่วนสามพี่น้อง เว่ยซือหลาง เว่ยซือเหลียง และเว่ยซือหง พากันนอนกินผลไม้ปราณนิ่ง ๆ เนื่องจากพวกเขาเที่ยวเล่นในมิติจนพอแล้วกระทั่งได้เวลาอาหารกลางวัน ทุกคนก็มารวมตัวรับประทานอาหารพร้อมกันที่จุดเดียว จากนั้นเว่ยซือหลิวก็เอ่ยแจกแจงสิ่งที่แต่ละคนต้องทำขึ้นว่า“หลังจากนี้ข้าคิดว่าให้ทุกคนตั้งใจทำการบ่มเพาะดีกว่า ด้วยความช่วยเหลือจากมิติพฤกษาสวรรค์ พวกเจ้าทุกคนน่าจะเลื่อนระดับพลังปราณได้ไม่ยาก”“ข้าเห็นด้วยกับท่านพ่อนะขอรับ แต่นั่งบ่มเพาะนาน ๆ อย่างเดียวอาจเบื่อได้ เช่นนั้นให้ศึกษาอย่างอื่นที่ตนสนใจด้วยดีหรือไม่ขอรับ” เว่ยซือหลิวเสนอแนะ“จริงด้วยขอรับท่านปู่ ทำเช่นนี้จะได้คลายความเบื่อหน่าย การบ่มเพาะของพวกเราอาจจะก้าวหน้าเร็วขึ้น” เว่ยซือเหลียงเห็นด้วยกับความคิดบิดา“เช่นนั้นก็จัดเวลาด้วยตนเอง ศึกษาสิ่งที่สนใจส

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 2   ตอนที่ 73

    “ได้ เริ่มจากข้าเลยแล้วกัน” หวังไท่หยางเป็นคนตรงไปตรงมาเอ่ยรับคำ ก่อนที่จะเอ่ยถึงข้อเสนอที่ตนเตรียมมาให้พ่อลูกตระกูลเว่ยและคนอื่น ๆ ได้ฟังถัดจากเขาคนอื่น ๆ ก็เริ่มนำเสนอข้อเสนอหรือสิ่งแลกเปลี่ยนของตนเองบ้าง การพูดคุยครั้งนี้เป็นไปอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมใคร ทั้งเว่ยซือหลิวและเว่ยซือซานเองยังต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจยอมรับข้อเสนอหรือแลกเปลี่ยนกับอีกฝ่ายหรือไม่การเจรจาเริ่มตั้งแต่ยามซื่อ(09:00-10:59) จนถึงยามซวี(19:00-20:59) โดยมีการหยุดพักรับประทานอาหารหนึ่งครั้งเท่านั้น การพูดคุยตกลงกันถึงได้สิ้นสุดลงโดยที่แต่ละคนมีรอยยิ้มบนใบหน้า บ่งบอกว่าการเจรจามันผ่านไปได้ด้วยดี“ยินดีที่ได้ร่วมมือนะน้องเว่ย” หรงเทียนฮ่าว “ยินดีที่ได้ร่วมมือเช่นกันน้องเว่ย” หวังไท่หยาง “หวังว่าเราจะได้ร่วมมือกันอีกนะน้องเว่ย” ฉินตงหยาง“หากน้องเว่ยมีของดีอย่าลืมบอกพวกเราด้วยนะ” อิงหลันฮวาจาก ‘นายท่านตระกูลเว่ย’ ปัจจุบันเปลี่ยนคำเรียกขานว่า ‘น้องเว่ย’ ชี้ชัดว่าจากการพูดคุยครั้งนี้ พวกเขาพัฒนาความสัมพันธ์กันไม่น้อยเลยทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นผลมาจากทุกข้อเสนอได้รับการตอบรับอย่างดีนั่นแหละ หากไม่ใช่เช่นนั้น

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 2   ตอนที่ 72

    โอหยางจิง ตัวแทนจากหอเทพโอสถโอหยางเจี๋ย ตัวแทนจากสมาคมอักขระหรงเทียนฮ่าว ตัวแทนจากนิกายมังกรสวรรค์อิงหลันฮวา ตัวแทนจากนิกายจากบุปผาสวรรค์หวังไท่หยาง ตัวแทนจากนิกายพยัคฆ์สวรรค์ฉินตงหยาง ตัวแทนจากนิกายวิหคสวรรค์ตัวแทนที่มาจากนิกายทั้งสี่ ฟังจากที่โอหยางจิงที่เคยบอกกล่าวล่วงหน้าล้วนแต่เป็นเจ้านิกาย เป็นตัวตนยิ่งใหญ่ที่เขาสองพ่อลูกไม่อาจเสียมารยาทได้ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ศึกษาประวัติดินแดนเบื้องบนหรือที่ถูกกล่าวขานว่าทวีปศักดิ์สิทธิ์มาแล้วอย่างคร่าว ๆ ทวีปศักดิ์สิทธิ์ เป็นทวีปที่ปกครองตนเอง ไม่มีราชวงศ์ แบ่งออกเป็น 4 ดินแดน 4 นิกายหรือสำนักศึกษาอันเป็นขุมอำนาจสำคัญ ได้แก่ ดินแดนมังกร ดินแดนพยัคฆ์ ดินแดนวิหค และดินแดนบุปผาดินแดนมังกร เป็นดินแดนที่มีพื้นที่ใหญ่และเฟื่องฟูมีความเจริญก้าวหน้ามากที่สุด จึงถูกจัดให้เป็นเมืองหลวงของทวีปศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนมังกรเป็นที่ตั้งของนิกายมังกรสวรรค์ โดยตระกูลหรงจัดเป็นตระกูลใหญ่และเรืองอำนาจมากที่สุดในดินแดนนี้ทิศเหนือของดินแดนมังกรคือดินแดนวิหค ที่อยู่บนเทือกเขาสูงไม่อาจเดินทางด้วยวิธีธรรมดา จำต้องขึ้นเรือเหาะหรือเรือบินเท่านั้น ดินแดนวิหคเป็นที่

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 2   ตอนที่ 71

    เพียงสามวันหลังจากกลุ่มผู้เยาว์กลับออกมาจากการสำรวจดินแดนลับ ข้อเสนอที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์และหลุมพรางมากมายก็ถูกยื่นตรงเข้าหาพวกเขา หลายคนมีความคิดตื้นเขินเห็นแก่ผลประโยชน์เล็กน้อยก็สูญเสียบางอย่างที่ล้ำค่าไป ทว่ามีอีกหลายคนที่มีความคิดอ่านลึกซึ้ง จึงอยู่ในช่วงเจรจาต่อรอง ตระกูลเว่ยเป็นหนึ่งในคนกลุ่มหลังนี้เพียงแต่ว่าตระกูลเว่ยมีความแตกต่างจากคนอื่นอยู่บ้าง นั่นเป็นเพราะพวกเขามีแต้มต่อที่เยอะมาก ทั้งยังไม่เห็นแก่ผลประโยชน์เล็กน้อยยังไม่นับรวมการที่เว่ยซือหลิวมีพลังปราณระดับราชัน จากที่คิดว่าอาจถูกกดดัน กลายเป็นว่าตัวตนของตระกูลเว่ยไปกดดันผู้ที่มาเจรจาต่อรองผลประโยชน์แทนแม้จะเป็นเช่นนั้น ประตูของตระกูลเว่ยก็ไม่ได้เงียบเหงาเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังมีคนเข้าออกอย่างต่อเนื่อง เพราะยังไม่มีข่าวว่าพวกเขาตกลงปลงใจกับขุมอำนาจใด หมายความว่าพวกเขายังมีหวังต่อตระกูลเว่ยอยู่ทรัพยากรที่เด็ก ๆ ตระกูลเว่ยเก็บเกี่ยวมาได้นั้นหอมหวานเกินไป ต่อให้การเจรจาต่อรองจะเป็นไปได้ยาก พวกเขาก็ไม่อาจตัดใจได้ จนกว่าจะมีข่าวว่าตระกูลเว่ยจับมือตกลงผลประโยชน์กับกลุ่มอำนาจใดไปแล้วนั่นแหละ พวกเขาจึงจะถอยในคนเหล่านั้น บา

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 2   ตอนที่ 70

    “เรื่องที่อาหงสามารถพาทุกคนเข้าไปยังมิติของตัวเองได้นั้นเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ กล่าวให้ถูกคืออาหงสามารถพาทุกคนเข้ามิติได้ตั้งแต่ตอนที่ตัวเองอยู่ในระดับแม่ทัพแล้ว ทว่ามันต้องแลกกับการต้องทำพันธสัญญาเลือดกับทุกคน คล้ายการทำพันธสัญญาทาสที่จะไม่ทรยศหรือหักหลังอาหง”“...”“แต่ทุกคนเป็นครอบครัวของอาหงนะเจ้าคะ อาหงจะทำพันธสัญญาเช่นนั้นกับพวกท่านได้อย่างไร จึงไม่เคยเอ่ยถึงหรือบอกกล่าวความจริงนี้ให้ฟัง ด้วยเหตุนั้นอาหงจึงเริ่มศึกษามิติของตนเองมาเรื่อย ๆ ว่าจะมีวิธีใดบ้างที่จะพาทุกคนเข้าไปในมิติได้โดยไม่ต้องทำพันธสัญญากดขี่เช่นนั้น และอาหงก็ค้นพบ”“...”“นั่นก็คือต้องเพิ่มความเเข็งแกร่งให้ตนเองมาก ๆ อย่างน้อยต้องมีพลังระดับจักรพรรดิเป็นอย่างต่ำ ถึงจะสามารถพาทุกคนเข้ามิติได้โดยไม่ต้องทำพันธสัญญาดังกล่าว เพียงแต่ว่า...” เด็กหญิงรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยที่จะเอ่ยส่วนที่เหลือออกไป“เด็กดี ไม่ต้องกังวล เอ่ยออกมาเถิด เป็นเช่นไรเดี๋ยวพวกแม่ตัดสินใจกันเอง เจ้าไม่ต้องคิดมาก” หลิวลี่หงปลอบบุตรสาว ไม่อยากให้นางกังวลเกินไปนัก อายุเพียงเท่านี้ก็คิดทำหลายอย่างเพื่อครอบครัวมากเกินไปแล้ว“เฮ้อ มิติของอาหงมันพิเศษเจ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status