เพลินตาไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่กับเธอนั้นคืออะไร ความรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัวจนคอแห้งปากแห้งและยังใจสั่น อาการเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวแล้วเปลี่ยนเป็นการคลั่นเนื้อคลั่นตัวแทน มือไม้สั่นระริกระคนจนแทบจะไม่สามารถควบคุมได้ หากแต่เวลาที่สัมผัสโดนผิวกายของปฏิธานแม้เพียงเล็กน้อย กลับทำให้เธอนั้นอยากทำเรื่องบ้าๆ ด้วยการกระโจนเข้าหาและดึงเขาเข้ามากอดจูบเสียอย่างนั้น
"พี่เต็ม เพลินเป็นอะไรก็ไม่รู้"
เพลินตาตัดสินใจหันไปพูดบอกกับปฏิธานตามตรง หากแต่จุดโฟกัสสายตากลับกลายเป็นเป็นสันจมูกโด่งและริมฝีปากของเขาที่เธอเคยได้สัมผัส จากนั้นดูเหมือนว่ามันจะยังคงไม่พอ เพลินตายังคงแอบละสายตาจากริมฝีปากของคนข้างๆ ไต่ไล่ลงมายังลูกกระเดือก ช่วงจังหวะที่มันขยับกลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายในใจจนตามร่างกายยิ่งร้อนวูบวาบ
"เป็นอะไรเพลิน"
"มัน มันรู้สึกร้อนๆ แปลกๆ"
ปฏิธานหันกลับมามองเธอเพียงแค่แวบหนึ่ง สภาพของเพลินตาที่เห็นในตอนนี้ก็คืออีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่สุดแสนจะหวานเชื่อม มือไม้ก็อยู่ไม่สุก ไล่เเกะปัดป่ายไปตามเนื้อตัวตัวเอง มองจากสภาพของเพลินตา ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะรู้อยู่หรอกว่าอาการของคนข้างๆตอนนี้มันคืออะไร สำหรับผู้ชายที่เดินเข้าออกสถานบันเทิงยามค่ำคืนมาเป็นว่าเล่นอย่างเขา ถ้าจะให้เดาบอกเลยว่ามันไม่ยาก อาการแบบนี้ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยเขาพนันได้เลยว่าคงไม่พ้นถูกวางยา
เพียงแค่นั้นคันเร่งของซุปเปอร์คาร์คันงามก็ถูกกดเหยียบเสียจนแทบจะสุดไมล์เพื่อต้องการพาเธอและเขามุ่งหน้ากลับมายังเพนท์เฮ้าของตัวเองแทนที่จะอ้อมวกกลับไปส่งที่คอนโดมิเนียมของเธอที่อยู่ไกลกว่า
ดูเหมือนว่านานเข้าอาการของเพลินตาก็จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นาทีนี้เพลินตากำลังรู้สึกว่าร่างกายของเธอเสมือนมีเปลวไฟเผาไหม้อยู่บริเวณจุดกึ่งกลางกาย มือไม้ช่วยกันลูบไล้ไปตามต้นแขนและหน้าอก ส่วนต้นขาสองขาก็บดเบียดถูกันไปมาดูน่าทรมาน
"อื้อ ชะ ช่วยเพลินด้วยค่ะพี่เต็ม เพลินทรมานจัง"
"อดทนไว้หน่อย อีกแปบเดียวก็ใกล้จะถึงแล้ว"
พอทันทีที่รถจอดลงสนิท ปฏิธานก็รีบเปิดประตูอ้อมลงมายังอีกฝั่งเพื่อหวังรีบพาคนตัวเล็กขึ้นไปข้างบน แต่พอวินาทีที่เขาก้มลงเปิดประตูเพื่อจะพาเธอออกมา มือเรียวเล็กของเพลินตาก็โผล่พรวดขึ้นมาแล้วเกี่ยวเกาะบ่าพาดผ่านลำคอของเขาเอาไว้ แถมยังดึงใบหน้าเขาเข้าไปใกล้ๆส่วนเธอก็มุดซบคลอเคลีย
"พี่เต็มช่วยเพลินที มัน มันทรมานเหลือเกิน"
"ตั้งสติหน่อยสิเพลินตา ไหนบอกว่าไม่อยากอยู่ใกล้พี่แล้วไง กระโจนกอดเข้ามาแบบนี้เดี๋ยวก็ได้โดนดีเข้าอีกหรอก รีบออกมานี่เลยมา"
ร่างของเพลินตาก็ถูกปฏิธานก้มลงเข้าไปช้อนตัวขึ้นมาก่อนจะอุ้มเธอออกมาไว้ในอ้อมแขน แล้วจัดการเดินตรงไปยังลิฟท์ที่มีจอดรอเอาไว้อยู่สำหรับเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น พอพาเพลินตาเข้ามาในตัวลิฟท์ได้ก็ค่อยวางตัวเธอลงไปกับพื้น แล้วจากนั้นจึงได้เอื้อมมือเพื่อไปกดปุ่มประตูลิฟท์ให้ปิด
ปฏิธานพ่นลมออกจากปากคล้ายกับรู้สึกว่าตัวเองกำลังควบคุมสถานการณ์ได้ หากแต่พอทันทีที่หันกลับมา ก็กลับพบว่าเพลินตานั้นกำลังพยายามที่จะถอดปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกอยู่จนต้องรีบเข้าไปห้าม
"ร้อนจังเลยพี่เต็ม ช่วยเพลินถอดหน่อยสิคะ เพลินอยากอาบน้ำมากๆเลย อื้อ"
ไม่ทันถึงไหน ทั้งเสื้อสายเดี่ยวที่ปกติก็แสนจะสั้นอยู่บนสะดืออยู่แล้วนั้นถูกเพลินตาถอดมันออกมาเกือบหมดเสียจนได้ ก่อนจะเหลือไว้เพียงแค่เสื้อชั้นในตัวงามตัวเดียว จนเผยให้เห็นถึงความอวบอิ่มของเนินเนื้อคู่สวยล่อหน้าล่อตา ทำเอาคนที่อยากทำตัวเป็นสุภาพบุรุษลูกผู้ชายที่พยายามจะไม่มองแล้ว แต่ก็กลับละใบหน้าออกจากความงดงามนั้นไม่ได้ ก่อนจะต้องรีบเรียกสติตัวเองกลับมา เมื่อมือของเพลินตาทำท่าว่าจะเลื่อนลงไปปลดตะขอกระโปรงตัวสั้นข้างล่างอีก
"นี่เพลิน พี่บอกแล้วไงว่าอย่าพึ่ง ไม่ต้องกลัวหรอกว่าเพลินจะไม่ได้อาบน้ำ เดี๋ยวพอถึงบนห้องพี่เพลินแล้วเพลินจะได้อาบแน่ๆ แต่มันต้องยังไม่ใช่ตอนนี้"
"พี่เต็ม แต่เพลินไม่ไหวแล้วจริงๆ นะคะ ตัวเพลินมันร้อนไปหมดเหมือนมีเปลวไฟเผาแน่ะ มันทรมานมากๆเลย มะ ไม่เชื่อพี่เต็มก็ลองจับดูสิคะ ดูสิขนาดนมเพลินก็ยังร้อน"
น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงคอทันทีที่เพลินตาควานหามือของเขาจนเจอ ก่อนจะดึงมันวางทับลงไปบนหน้าอกตัวเองแล้วออกแรงบีบนำพาฝ่ามือใหญ่นั้นให้ทำตาม หากแต่เพียงไม่นานปฏิธานก็ดึงมือออก คนอะไรบทจะใจกล้าก็บ้าดีเดือดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
"เพลิน ใจเย็น ขืนเพลินยังทำแบบนี้อีก พี่ก็ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ"
"ทนอะไรไม่ไหว เพลินต่างที่กำลังจะทนไม่ไหว บอกแล้วไงว่าเพลินร้อนๆๆพี่เต็มไม่เข้าใจหรือไง ถ้าจะไม่ช่วยงั้นพี่ก็หุบปากไปเลยดีกว่า เพลินก็แค่อยากจะถอดเสื้อผ้าพวกนี้ทิ้งไปให้มันหายร้อนเท่านั้น พี่เต็มเลิกห้ามเพลินสักทีได้ไหม"
ขนาดปฏิธานพูดจบ แต่เพลินตาก็ยังคงวุ่นวายอยู่กับร่างกายของตัวเธอเองไม่หยุด ทั้งพยายามแกะดึงเสื้อชั้นในจนกระทั่งเลื้อยลามไปถึงการพยายามที่จะปลดซิปตะขอกระโปรงอีกครั้ง พอไม่สำเร็จก็ยิ่งลนลานตัวสั่น จนปฏิธานเห็นเข้าก็ยิ่งสงสาร เลยต้องจัดการดึงคนตัวเล็กให้ขยับเข้ามาหา แล้วจัดการประกบปิดปากที่กำลังพูดพร่ำไม่หยุดนั่นเสีย
"ให้ตายสิเพลิน อยู่เฉยไม่ได้เลยจริงๆ สินะ มานี่"
"อื้อๆ"
แน่นอนว่าเพลินตาไม่แม้แต่จะขัดขืน เธอรีบเปิดปากอ้างับเรียวลิ้นเขาไว้ด้วยความรวดเร็วทันทีที่เขาสอดแทรกมันเข้ามาราวกับว่าหิวกระหาย ก่อนที่ทั้งสองต่างจะประกบจูบปากแลกลิ้นกันด้วยความมัวเมา เพลินตาเมายา ส่วนปฏิธานกำลังเมาจูบที่ผลัดเปลี่ยนกันแลกดูดลิ้นกันไปมากับเด็กคนนี้
'ให้ตายสิเพลิน'
มือไม้ที่เคยจับห้ามข้อมือของคนตัวเล็กเอาไว้ เวลานี้กลับปล่อยมันลงแล้วใช้สองมือจับประครองใบหน้างามเพื่อปรนเปรอจูบให้กับเธอเเทน รสชาติหวานหอมบวกกับกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ที่เจืออยู่ในโพรงปากของเพลินตา ทำเอาปฏิธานตื่นตัวจนแทบจะทนไม่ได้ อาการเว้าวอนอ้อนขอให้เขาจูบเธอแรงๆ ซ้ำอีกด้วยน้ำเสียงแสนหวานนั้นทำให้ปฏิธานหน้ามืด ไหนจะท่าทีอ่อนโยนราวกับลูกแมวที่พยายามลูบไล้สัมผัสไปตามเนื้อตัวของเขาอย่างไร้เดียงสา แล้วสติสัมปชัญญะของเขาก็หลุดกระเจิง ประหนึ่งกับว่าความจริงที่เพลินตานั้นถูกวางยานั้นได้ถูกลบเลือนหายไปเมื่อภาษากายของเธอนั้นเอาแต่คอยเชื้อเชิญให้เขาเข้าหา
"อื้อรู้สึกดีจังเลย จูบเพลินอีกสิคะพี่เต็ม เพลินอยากได้อีก"
"อยากให้พี่ช่วยเพลินมากกว่าจูบหรือเปล่า"
"อื้อ อยากค่ะ พี่เต็มช่วยเพลินทีนะคะ เพลินทรมานจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว อื้อ"
หลังจากที่บานประตูลิฟท์ถูกเปิดออก ปฏิธานก็จัดการยกเอวคนตัวเล็กให้กระโดดหนีบขึ้นมาไว้บนเอว ในขณะที่เขาเลือกที่จะประกบปิดปากเธอเอาไว้อีกครั้งเพราะว่าตัวเองก็ทนไม่ไหว
ประตูเพนท์เฮ้าท์ถูกเปิดออกให้อัตโนมัติเมื่อผู้ที่ถือคีการ์ดนั้นเดินเข้ามาในบริเวณใกล้ๆ อุณหภูมิเย็นของเครื่องปรับอากาศภายในห้องที่ยังคงคอยทำงานแม้ว่าเจ้าของห้องจะไม่อยู่นั้นกลับไม่ได้ทำให้เพลินตารู้สึกผ่อนคลายความร้อนของร่างกายลงได้บ้างเลย ปากเล็กยังคงพร่ำบอกว่าตัวเองร้อนอยู่อย่างนั้น และอ้อนวอนร้องขอจูบจากเขาไม่หยุด ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกอุ้มพาเข้าไปภายในห้องนอน แล้วจัดการวางตัวเธอลงไปที่บนกลางเตียงขนาดใหญ่ โดยที่มีเจ้าของห้องตามทาบทับลงไปติดๆ
"ให้พี่ช่วยเพลินนะ เด็กดี"
หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก พิธีหมั้นหมายพร้อมพิธีแต่งงานที่แสนยิ่งใหญ่ของระหว่างสองตระกูลก็ถูกจัดเนรมิตขึ้นมาได้โดยทันตา สื่อทุกช่องต่างพากันประโคมข่าวเมื่อทายาทลูกสาวคนเล็กของเจ้าของสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับประธานหนุ่มสุดหล่อแห่ง SNG คนที่ใครๆต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากจะเห็นหน้าว่าที่เจ้าสาวของเขาที่สุดนั้นได้ถูกจัดขึ้นมาอย่างใหญ่โตสมเกียรติ ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าอำนาจเงินตราที่สามารถเนรมิตทุกสิ่งอย่างได้โดยทันใจ ในวันนี้ที่บนเวทีก็เลยมีทั้งหนุ่มหล่อและสาวสวยนั่งลงเคียงข้างกันเพื่อรอรับน้ำสังข์จากแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม เพลินตาไม่คิดเลยว่าเธอเองจะมีวันนี้กับผู้ชายคนนี้ พอลองได้นึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆที่ทำให้เธอกับเขาได้ลงเอยกันก็ได้แต่แอบนึกยิ้มขึ้นมาคนเดียวในใจ ภาพเหตุการณ์ที่เธอชอบแอบคอยตามสอดส่องว่าแต่ละคืนแต่ละวันนั้นปฏิธานไปอยู่ที่ไหน วันนี้เขาจะไปควงกับใครแล้วเธอก็จะไปตามขัดขวางนั้นย้อนคืนกลับมา ราวกับว่าสิ่งที่เธอทำลงไปทั้งหมดนั้นคือการทำไปเพื่อตัวเอง ที่คอยตามหึงตามหวง หรือจริงๆแล้วมันคือข้ออ้างในการอยากออกไปเจอเ
เพลินตาหันกลับไปมองที่หน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ พอทันทีที่บานประตูถูกผลักเข้ามา ก็เห็นว่าสีหน้าบิดานั้นมีอาการเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่รู้หรอกว่าบิดาและปฏิธานออกไปพูดคุยอะไรกัน ตอนกลับเข้ามาบิดาถึงได้มีสีหน้าดูเครียดขนาดนี้"ทำไมคุณพ่อทำหน้าดูเครียดจังคะ"เพลินตาถามเพียงสั้นๆ ทั้งที่ภายในใจอยากจะจับบิดามานั่งฟอกขาวเอาให้ละเอียดว่าออกไปคุยอะไรกับปฏิธานมา ใช่เรื่องของเธอหรือเปล่า แต่ดูสีหน้าของปฏิธานกลับไม่ได้มีความกังวลเลยแม้แต่น้อย หากแต่ป็นบิดาของเธอเองเสียมากกว่าที่ดูเครียดๆ"แกแต่งงานแล้วเหรอยายพราว"ทำเอาทุกคนได้แต่อึ้งๆๆ นี่บิดาเธอพูดเรื่องอะไร แล้วทำไมถึงได้ถามพราวมุกไปแบบนั้น พราวมุกจะไปแต่งงานได้อย่างไรกัน ก็ในเมื่องานพิธีหมั้นกว่าจะจัดก็ต้องเป็นเดือนหน้า"ทำไมคุณพ่อถึงถามพี่พราวแบบนั้นล่ะคะ งานหมั้นกว่าจะจัดก็ต้องเดือนหน้าแน่ะ แล้วพี่พราวจะไปแต่งงานแล้วได้ยังไงกัน" เพลินตาออกแรงเถียงแทนพี่สาวเบาๆเพราะภายในใจมันเจ็บเกินกว่าที่จะมีแรงพูดเสียงดังๆ"ค่ะคุณพ่อ พราวแต่งงานแล้วที่อเมริกา ส่วนสามีพราวชื่อเฮนรี่ เขาจะรีบตามพราวมาหาคุณพ่อกับคุณแม่ที่นี่หลังจากที่เสร็จงานแล้ว""ยะ
เป็นอันว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็พากันมาอยู่ที่โรงพยาบาลกันหมด มีเพียงคุณปู่ประวิทย์ที่อายุท่านมากแล้ว ลูกๆหลานๆจึงขอให้ท่านกลับบ้านไปก่อน ไม่ต้องรอเยี่ยมอาการคุณเพียงรดาเพลินตามาถึงพร้อมกับปฏิธาน ตอนนี้เธอไม่ได้กังวลว่าทุกคนจะสงสัยอะไรในความสัมพันธ์ แต่ตอนที่เธอไปถึงมารดาก็อาการดีขึ้นแล้ว คุณหมอให้ยาปฏิชีวนะให้น้ำเกลือและให้รอดูอาการหนึ่งคืนถึงจะให้กลับบ้านได้"คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะพี่พราว""ดีขึ้นแล้ว แต่ว่าพึ่งจะหลับไปเมื่อกี้นี่เอง คุณพ่อคุณแม่ของพี่เต็มกับพี่ปรานต์ก็พึ่งพากันกลับไปนะคะ ถ้าเพลินกับพี่เต็มจะพากันกลับไปทำงานต่อก็ได้ เดี๋ยวทางนี้พี่อยู่ดูแลคุณแม่เอง"เพลินตามองหน้าปฏิธานหากแต่ว่าเขาก็ยังไม่ได้ว่าอะไร เขาบอกว่าเธอจะอยู่ดูแลมารดาต่อก็ได้แล้วเดี๋ยวเอาไว้เขาจะแวะมารับตอนที่เสร็จงานแล้ว ระหว่างที่คิดว่าเธอจะเอายังไงต่อ อยู่ๆบิดาก็เอ่ยความต้องการบางอย่างขึ้นมา"ถ้าคุณเต็มยังไม่ได้รีบมาก ผมอยากมีเรื่องจะขอคุยกับคุณหน่อยได้ไหมครับ"แล้วทั้งสองคนก็พากันเดินออกไปคุยกันข้างนอก เพลินตาเห็นสีหน้าบิดาแล้วทำไมมันถึงได้นึกหวั่นๆขึ้นมาในใจอย่างไรไม่รู้ บิดามีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกับปฏิธา
เมื่อคืนทั้งคืนเพลินตาไม่ได้ถูกรับอนุญาตให้กลับมานอนที่ห้องพักของตัวเองเลย เธอถูกปฏิธานบังคับให้นอนอยู่ที่นั่นกับเขาจนถึงเช้า โดยที่เขาเฝ้ากอดก่ายเธอเอาไว้อยู่ทั้งคืน ปริ่มสุข ลุ่มหลง และมัวเมาอยู่ภายในความรู้สึกปลอมๆที่แอบสร้างขึ้น จนมันเริ่มที่จะถลำลึก"ตื่นแล้วเหรอครับเบบี๋""ค่ะ"ปฏิธานดึงเธอเข้าไปกอดกระชับเอาไว้จนแน่น เขาบอกว่าชอบความรู้สึกแบบนี้ที่ได้ตื่นขึ้นมาเจอเธอในตอนเช้า ไม่ใช่แค่เพียงเขา..แต่มันรวมไปถึงเธอด้วย เพลินตารีบกอดตอบกลับปฏิธานไปในทันที ในเมื่อพูดดีก็แล้ว ขอร้องก็แล้ว หากแต่ปฏิธานก็ยังคงทำเป็นนิ่งเฉย หรือนี่มันจะคือสัญชาตญาณของคนที่เป็นนักล่า พอเธอยิ่งอยากหนีห่าง เขาก็ยิ่งอยากวิ่งตามแล้วถ้าหากว่าในตอนนี้เธอไม่ได้อยากที่จะวิ่งหนีแล้วล่ะ ปฏิธานจะทำยังไง ในเมื่อเขาอยากไม่ยอมปล่อยเธอไปดีนัก ถ้าอย่างงั้นเธอก็จะขอไม่ยอมปล่อยเขาไปดูบ้าง ลองดูสิคว่าถ้าเธอกลับไปเป็นคุณหนูเพลินตาตัวแสบ คนที่เอาแต่คอยตามตื้อตามรังควานเขา ปฏิธานจะยังคงอยากที่จะมีเธออยู่ข้างเขาอีกหรือเปล่า"พี่ชอบจังเวลาที่เพลินนอนอยู่ให้กอดจนถึงเช้าแบบนี้""เหรอคะ เพลินก็ชอบค่ะเวลาที่มีพี่เต็มอยู่ใกล้ๆ อยากต
สองชั่วโมงผ่านไป ปฏิธานขออนุญาตคุณปู่และทุกคนพาตัวเพลินตาที่อยู่ในฐานะพนักงานบริษัทคนหนึ่งออกมาจากสถานที่ตรงนั้น โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องกลับไปร่วมโต๊ะพูดคุยอะไรอีกหน่อยกับเหล่าบรรดาทีมงาน ไม่อยากให้พนักงานคิดว่าถูกทิ้งๆขว้างๆ แล้วเสร็จแล้วพรุ่งนี้ถึงจะได้มีเวลาได้อยู่พักผ่อนกับทุกคนในครอบครัว ทั้งคุณปู่ประวิทย์ บิดามารดาฝั่งของเขา รวมถึงทั้งฝั่งของตัวเธอเองด้วยต่างก็บอกว่าเข้าใจ ตอนนี้เพลินตาก็เลยได้แต่จำใจเดินตามเขาออกมาจากห้องรับประธานอาหารของที่นั่นระหว่างทางแม้ว่าจะเป็นคืนเดือนหงาย แต่ทางที่เดินเชื่อมเข้าหากันสองหาดก็ค่อนข้างมืด พอเดินออกมาได้เพียงแค่นิดเดียว ปฏิธานก็ตามเข้ามาฉุดข้อมือเธอเข้าไปจับเอาไว้ แน่นอนว่าเพลินตารีบสะบัดมันออกทันที"เลิกทำแบบนี้สักทีได้ไหมคะพี่เต็ม"เพลินตาหน้าเครียดในขณะที่เงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูง ทั้งน้ำเสียง แววตา และท่าทางนั้นออกไปในทางเดียวกันหมด เพื่ออยากให้เขารู้ว่าเธอกำลังโกรธแล้วจริงๆ"ทางมันมืด พี่ก็แค่กลัวว่าเพลินจะเดินสะดุดอะไรล้ม"จะว่าปลาบปลื้มมันก็รู้สึกได้ไม่เต็มที่ อารมณ์ที่มีตอนนี้มันช่างผสมผเสปนเปกันไปหมดจนก่อเกิดเป็นความโมโห ปฏิธานจะรู้บ้า
หลังจากที่ทั้งบิดามารดาและพี่สาวต่างก็ขอตัวกลับไปยังที่พักของตัวเองเพื่อให้ทั้งปฏิธานและเพลินตาได้ทำงานต่อ แล้วเอาไว้ค่อยมานัดเจอกันอีกทีในตอนเย็นๆพร้อมครอบครัวปฏิธาน ภายในหัวของเพลินตาก็ไม่สามารถหาคำว่าสมาธิในการทำงานเจอได้อีก เธอจดผิดๆถูกๆ บางทีบางเรื่องก็มักจะแวบเข้ามาภายในหัวทั้งที่พยายามเรียกสติตัวเองแล้ว จนมันคงจะเป็นที่น่าสังเกตของคนข้างๆเข้า"เป็นอะไรหรือเปล่า พี่เห็นเพลินดูใจลอยไม่มีสมาธิในการทำงานมาตั้งนานแล้ว""เออะคือว่า เพลินขอโทษค่ะ""เหลือถ่ายอีกแค่เซ็ตเดียวก็เสร็จแล้ว อดทนเอาหน่อยแล้วกัน"เพลินตาพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะพยายามเรียกสติกลับมาให้มากขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จสิ้น ปฏิธานบอกให้พนักงานมาทานมื้อเย็นด้วยกันอีกครั้งในตอนหนึ่งทุ่ม หากแต่ว่าตอนห้าโมง เขาคงจะต้องพาตัวเองไปหาคุณปู่และครอบครัวที่ต่างก็พากันยกโขยงตามมาก่อน แล้วกะว่าจะค่อยตามมาหาพนักงานจากนั้นเพลินตาก็เดินกลับมาถึงห้องพักตัวเองด้วยอาการเหม่อลอย นี่เธอกำลังเป็นอะไรไป จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยังไม่พอ ร่างกายก็ยังทำราวกับว่าเรี่ยวแรงที่จะพาตัวเองให้เดินกลับมาจนถึงห้องพักก็ยังจะไม่มีอีก จากตอนแรก