หนิงเซียนถูกอุ้มลงจากรถม้าได้แต่ทำหน้าเหลอหลาทำตัวไม่ถูก ยิ่งไปกว่านั้นนางกลับถูกปฏิบัติราวกับเป็นเจ้านายมิใช่บ่าวรับใช้เหมือนเก่าก่อน
“คารวะท่านอ๋อง คารวะอนุหนิง” ซ่งกงกงที่เพิ่งจะรู้เรื่องการตั้งครรภ์ของอนุหนิงดีใจเสียจนทำตัวไม่ถูก วังอ๋องที่แสนเงียบเหงาและเคร่งกฎระเบียบ อีกไม่นานก็จะมีเสียงหัวเราะของเด็กตัวน้อย ๆ เจื้อยแจ้วทั้งวันแล้วหรือ ไม่มีอะไรที่น่าประทับใจไปมากกว่านี้อีกแล้วล่ะ
“เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะต้องเข้าวัง ค่ำ ๆ จะกลับมากินข้าวด้วย”
“เพคะ” หญิงสาวรับคำแต่โดยดี เขาจะรีบกลับมากินข้าวด้วยหรือ มิใช่ว่าพอเข้าวังแล้วจะแวะไปหาบุตรสาวท่านราชครูอย่างเช่นเคยทำหรือไร อย่างไรจวนท่านราชครูก็เป็นทางผ่าน และนางก็ไม่ได้คาดหวังสิ่งใดกับคำพูดเขาอยู่แล้ว
หลังจากส่งเหลียงอ๋องขึ้นรถม้า หนิงเซียนก็ถูกนางกำนัลทั้งพาตัวมายังตำหนักใหญ่ ซึ่งนางเองก็คาดไม่ถึงว่าจะได้มาพักที่เรือนหลังนี้ มิใช่ว่านางจะต้องไปที่เรือนท้ายจวนเช่นเดิมหรอกหรือ ก็ในเมื่อกฎของวังห้ามมิให้เหล่าอนุชายาเข้ามาวุ่นวายในตำหนักใหญ่โดยเด็ดขาด หากไม่มีคำสั่งเรียกหาก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาได้ตามอำเภอใจ
“เดี๋ยวก่อน พวกท่านพาข้ามาผิดตำหนักหรือไม่ ข้ามิต้องไปอยู่เรือนท้ายจวนหรอกหรือ”
“อนุหนิงที่นี่น่ะถูกแล้วขอรับ” ซ่งกงกงที่เดินตามหลังมาทันได้ยินเข้าพอดี เดิมทีท่านอ๋องจัดให้ไปอยู่ที่เรือนใหม่ ทว่าเกิดเปลี่ยนใจกะทันหันด้วยไม่ไว้ใจในความปลอดภัย จึงย้ายให้มาพักที่เรือนใหญ่ด้วยกันเสียเลย เรือนใหม่จึงเก็บไว้ให้ท่านอ๋องหรือท่านหญิงน้อยแทนในอนาคต
“ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าเป็นเพียงอนุจะเข้ามาอยู่ในเรือนหลักได้อย่างไร ฝั่งนี้เป็นเรือนสำหรับเจ้านายมิใช่หรือเจ้าคะ” หนิงเซียนเริ่มจะจับต้นชนปลายไม่ถูก วังเหลียงอ๋องขึ้นชื่อว่าเคร่งกฎระเบียบเป็นหนักหนา แยกกันอย่างชัดเจนด้วยไม่ชอบให้บ่าวไพร่เข้ามายุ่มย่ามมากเกินไป
“ไม่ผิดขอรับ ท่านอ๋องเป็นคนสั่งด้วยตัวเอง เชิญท่านพักผ่อนตามสบายเถิดอย่าได้คิดมาก” ขันทีเฒ่ารีบสั่งให้บรรดานางกำนัลที่ติดตามมา เข้ามาปรนนิบัติอนุหนิงโดยไม่ฟังคำทัดทานใด ๆ หลังเรือนกำลังจะมีนายหญิงเข้ามา พวกเขาจึงต้องเตรียมการให้พร้อม จะมีอะไรขาดตกบกพร่องไม่ได้
หนิงเซียนถูกเหล่านางกำนัลพาเข้ามาห้องอาบน้ำ ทุกนางล้วนแล้วแต่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ทำเอานางไม่กล้าแม้แต่จะเปิดปากถาม ทำตัวว่าง่ายปล่อยให้นางกำนัลจับลุกจับนั่งราวกับตุ๊กตา
“ข้าอาบน้ำเองดีกว่าเจ้าค่ะ พวกท่านไม่ต้องช่วยก็ได้” ร่างบางหดตัวลงถังน้ำขนาดใหญ่ด้วยความเขินอาย หน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมาให้เห็นเด่นชัด เป็นเครื่องยืนยันว่าให้ทุกคนภายในวังไม่ใช่เรื่องที่คาดเดากันไปเอง
“จะให้ท่านอาบน้ำเองได้อย่างไรเจ้าคะ เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วเจ้าค่ะ ท่านทำตัวสบายเถิด ที่เหลือให้พวกเราจัดการเอง”
เหล่านางกำนัลทั้งห้าต่างกรูเข้ามาปรนนิบัติหนิงเซียนด้วยความเต็มใจ เจ้านายฝ่ายหญิงดูเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา ไม่ด่าทอ รวมไปถึงการทำร้ายร่างกายบ่าวไพร่เหมือนเช่นเหล่าอนุภรรยาเก่าก่อน อีกทั้งในภายภาคหน้าจะได้ขึ้นไปถึงตำแหน่งสูงสุด ว่าที่หวังเฟยเชียวนะ พวกตนจะทำงานแบบขอไปทีไม่ได้
แววตาที่มองมาอย่างคาดหวัง หนิงเซียนเห็นแล้วว่าตนคงจะห้ามปรามอะไรไม่ได้ จึงปล่อยให้นางกำนัลทั้งห้าทำตามต้องการ หลังจากอาบน้ำเสร็จหญิงสาวจึงได้เอนหลังงีบหลับพักสายตา เพื่อรอเวลาท่านอ๋องกลับจากวังหลวงเพื่อมารับอาหารค่ำด้วยกัน
“อนุหนิง ท่านอ๋องให้มาเชิญไปรับอาหารค่ำขอรับ” ซ่งกงกงมารับว่าที่นายหญิงด้วยตนเอง แม้ตอนนี้สถานะยังเหมือนเดิม แต่เขาเชื่อว่ารออีกไม่นานจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
“เจ้าค่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
ร่างบางในชุดหรูหราเดินตามกงกงอาวุโส พร้อมกันนั้นก็ยังมีนางกำนัลห้าคนเดินตามหลังไปไม่ห่าง เพียงไม่นานก็มาถึงหน้าเรือน ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกก็ทำให้หนิงเซียนต้องหยุดชะงักไปทันที มิใช่เพียงแค่ท่านอ๋องที่นั่งรอรับอาหารค่ำด้วยกัน แต่บัดนี้ข้างกายพระองค์ได้มีบุคคลที่สามซึ่งเป็นคนที่หนิงเซียนไม่อยากพบเจอเป็นที่สุด
“หนิงเซียนเจ้ามานั่งตรงนี้สิ” เหลียงเฟิงตบเก้าอี้ข้างตน พร้อมกับแนะนำคนที่จะมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยในวันนี้ “รู้จักกันไว้สิ นี่เยว่สือบุตรสาวท่านราชครู”
“ไฉฉือหยุดความคิดของเจ้าเดี๋ยวนี้” คำพูดจากปากสาวเจ้าไม่ค่อยจะเข้าหู มู่หลางพยายามข่มกลั้นความโกรธของตนเองอย่างสุดความสามารถ“พวกเจ้าเป็นอันใดกัน น่ารำคาญยิ่งนัก จะไปไหนก็ไป” หลังจากเขากับภรรยาแอบฟังมู่หลางพูดคุยอยู่นาน ได้จังหวะเหมาะจึงแสร้งทำเป็นไม่พอใจไล่คนทั้งสองไปที่อื่นเสีย“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมขอเวลาสักครู่พ่ะย่ะค่ะ” หากวันนี้ตกลงกันไม่เข้าใจ เห็นทีว่าไฉฉือคงต้องได้ยืดเวลากลับบ้านไปหาท่านป้าแล้ว“ไม่ต้อง อีกสองวันค่อยกลับมาทำหน้าที่ของเจ้า ไปแก้ปัญหาให้จบ อย่าให้ข้าเห็นเช่นนี้อีก” เหลียงเฟิงตวาดเสียงดุ ความจริงแล้วเขาก็อยากจะเล่นงิ้วต่อ แต่ภรรยาสุดที่รักกลับให้เขารีบจบบทบาทเจ้านายอารมณ์ร้ายนั่นเสีย ช่างน่าเสียดาย“ขออภัยอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก” องครักษ์หนุ่มสำนึกผิดที่ตนทำให้นายเหนือหัวต้องรำคาญใจ ทั้งที่วันนี้ท่านอ๋องกับหวังเฟยควรจะได้ออกมาทานข้าวนอกอย่างสำราญใจแท้ ๆ กายหนาหันกลับไปคว้ามือเล็กคนข้างกาย พาอีกฝ่ายขึ้นชั้นสามไปอย่างรวดเร็ว“ว๊าย! พี่มู่เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” ไฉฉือร้องทัดทาน มือบางรวบเก็บชุดส่วนบนไว้แน่น ยิ่งพี่มู่ของนางดึงแรงเพียงใด
“เป็นอะไรไปไฉฉือ” หนิงเซียนเอ่ยถามขึ้น เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินผิด ๆ ถูก ๆ“นายหญิงเจ้าคะ ให้ข้ากลับเถอะเจ้าค่ะ คนมองเต็มเลย สงสัยข้าน้อยแต่งตัวประหลาด” หญิงสาวกระซิบกระซาบเสียงเบา ตั้งแต่นางพาเข้าในโรงเตี๊ยม ก็ถูกผู้คนจับต้องตลอดทางเดิน ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดนัก“เป็นเพราะเจ้างดงามพวกเขาจึงได้มอง ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่อยากเจอพี่มู่ของเจ้าหรือ”“พี่มู่อยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ” เมื่อนายหญิงเอ่ยชื่อพี่ชายที่แสนดี หญิงสาวก็หูผึ่งขึ้นมาทันที หลงลืมความอายไปชั่วขณะ“ใช่แล้ว ไปกันเถอะ” มู่หลางจงจำไว้ที่เจ้าพูดว่าจะไม่แต่งงานน่ะ ข้าจำคำนั้นขึ้นใจเชียวละ หุ หุเพราะหลายครั้งที่นางได้ยินคำนี้ออกจากปากองครักษ์หนุ่ม หนิงเซียนก็เฝ้ารอวันที่มู่หลางจะพลาดพลั้งบ้าง ส่วนมากคนพูดเช่นนี้ก็มักจะไม่พ้นผิดไปจากที่พูดเสียทุกรายมู่หลางหายใจฟึดฟัดเมื่อเห็นอีกคนเดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม วันนี้ไม่รู้ว่าท่านอ๋องคิดอะไรอยู่ ถึงได้ออกมานั่งรอหวังเฟยที่โต๊ะด้านนอก แทนที่จะเปิดห้องพิเศษเหมือนทุกครั้งไป นั่นใครสั่งใครสอนให้แต่งกายประหลาดเช่นนั้น เดินทีกระโปรงเปิดเปลือยไปถึงขาอ่อน แต่งมายั่
“น้องสาวทางสายเลือดหรือไม่” ตรงส่วนนี้ที่นางรู้สึกสงสัย ก็ไหนมู่หลางเคยบอกว่าไม่มีครอบครัวแล้วอย่างไร เหตุใดถึงได้มีน้องสาวโผล่มาได้“ไม่ ๆ เจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นเพียงบุตรสาวคนข้างบ้านพี่มู่ แต่ว่าเติบโตมาด้วยกันจึงสนิทกันเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบชี้แจงให้นายหญิงคนงามเข้าใจ นางและพี่มู่ห่างกันตั้งหกปี แม้จะเคยสนิทสนมกันมาก ทว่าเมื่อโตขึ้นพี่มู่กลับเว้นระยะห่าง แม้แต่เคยเล่นกอดคอกันเมื่อตอนเด็ก ๆ เขายังสั่งห้ามมิให้เข้าใกล้ ซึ่งนางก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าใดนัก“จริงหรือ แล้วเขาดูแลเจ้าดีหรือไม่” ที่หนิงเซียนซักถามเช่นนั้น ก็เพราะว่ามู่หลางเป็นคนค่อนข้างจะทึ่มทื่อปากหนักในเรื่องชายหญิง นางก็อยากจะรู้เขาจะมีความรู้สึกพิเศษอะไรกับไฉฉือหรือไม่ สตรีหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักออกปานนี้ ไม่มีความรู้สึกอันใดก็คงจะแปลกไม่น้อย“ดีมากเจ้าค่ะ มีอะไรก็นึกถึงข้ากับท่านแม่ตลอดเลย นี่ก็ห่วงว่าพี่มู่จะหาภรรยาไม่ได้ แก่ไปคงได้อยู่ตัวคนเดียว ท่านแม่จึงให้ข้ามาดูให้เห็นกับตาเจ้าค่ะ” ด้วยความใสซื่อ ไฉฉือจึงพูดออกมาอย่างไม่มีปิดบัง แต่เมื่อถึงตอนนั้น หากเขามีคนรักขึ้นมาจริง นางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะทำใจรับได้หรือไม่ ที่ผ่านมาต
ไฉฉือสาวน้อยจากหมู่บ้านชนบทยืนชะเง้อคอยาวอยู่หน้าประตูวังอันใหญ่โต นางไม่คิดว่าพี่มู่จะอยู่ดีเกินคาดไปมาก เมื่อได้เห็นกับตาก็สบายใจไปเปลาะหนึ่งที่ผ่านมานางและมารดากลัวว่าเขาจะอยู่อย่างยากลำบาก เงินที่แบ่งปันให้นางกับครอบครัวทุกเดือนก็มากโข แล้วไหนจะมีของฝากราคาแพงอีกมากมาย เพราะแบบนี้มารดาจึงไม่สบายใจ เกรงว่ามู่หลางจะเอาแต่ทำงานหนักไม่รู้จักดูแลตนเอง เงินที่ได้มาก็คงจะส่งให้พวกตนทั้งหมด ด้วยเขามีนิสัยคิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเองเสมอครอบครัวไฉฉือและมู่หลางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด เป็นเพียงเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันเท่านั้น ตอนเด็กนางและเขาสนิทกันมาก ในตอนมู่หลางอายุได้สิบหนาวบิดามารดาตายจากด้วยโรคระบาด ไม่มีญาติมิตรคอยดูแล มารดาไฉฉือสงสารจึงได้ส่งเสียเลี้ยงดูราวกับลูกในไส้ สำหรับสายตาของหญิงสาว มารดาออกจะรักมู่หลางมากกว่านางที่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ เสียอีกเมื่อเติบโตต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ไฉฉือเป็นเพียงสตรีจึงทำได้แค่ช่วยมารดาทำสวนทำไร่อยู่บ้านนอก ส่วนมู่หลางเขาได้เดินทางมาเมืองหลวงเพื่อหางานทำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย มีเพียงจดหมายพร้อมกับตั๋วเงินแนบมาให้ในทุก ๆ เดื
เด็ก ๆ สามคน รวมไปถึงมู่หลางนั่งล้อมวงดื่มชากินขนมกันอยู่ศาลาพัก พร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จวนแม่ทัพหยางให้ความเอ็นดูเด็กแฝดเป็นอย่างมาก ฮูหยินหยางอยากให้บุตรชายได้มีบุตรแบบนี้สักคู่ทว่าแต่งงานมาได้สองปีกลับยังไม่มีหลานให้อุ้ม พวกเขาจึงแก้เหงาด้วยการขอท่านหญิงน้อย ท่านอ๋องน้อย มาเล่นที่จวนแม่ทัพในบางครั้งขนมพร้อมกับน้ำชาแสนอร่อยถูกลำเลียงมาวางจนเต็มโต๊ะ ทำเอาเด็ก ๆ ทั้งสามตาลุกวาวอย่างถูกอกถูกใจ มาจวนแม่ทัพทีไรล้วนแล้วแต่มีของอร่อยให้ได้กินจนเต็มคราบแต่เมื่อกลับถึงวังของหวานเหล่านี้จะกินตามใจปากไม่ได้แล้ว เพราะท่านแม่มักจะจำกัดการกินของพวกเขาเสมอ ท่านแม่บอกว่าเด็กกินของหวานไม่ดี ฟันจะผุ ถูกแมลงตัวร้ายกินหมดปาก“เฮ้อ” เด็กหญิงเคี้ยวขนมแก้มตุ่ย นั่งถอนหายใจราวกับมีเรื่องให้หนักใจเป็นหนักหนา กระนั้นก็ยังยกขนมในมือขึ้นกัดเข้าไปอีกคำโต“ไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะท่านหญิง” หลี่หยุนรีบวางขนมในมือทันที พร้อมกับถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“เราไม่เป็นไร เราแค่กังวลใจ”“ท่านหญิงกังวลใจเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ เล่าให้กระหม่อมฟังได้หรือไม่” มู่หลางรู้สึกเป็นห่วง ท่านหญิงเป็นเด็กร่าเริง น้อยนักท
“หนิงหนิง พี่ทนไม่ไหวแล้ว”กายหนาจับภรรยาหันหน้าเข้าผนังห้องทันที ก่อนจะถลกกระโปรงหญิงสาวขึ้นถึงเอว จากนั้นท่อนเนื้ออันใหญ่โตสอดเข้าผสานเนินสาวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังออกแรงโยกไปตามอารมณ์ดิบเข้าออกเป็นจังหวะช้าเร็วตามแรงอารมณ์ ไม่แม้แต่จะเล้าโลมให้เสียเวลา“ท่านพี่เดี๋ยวก่อน” หนิงเซียนบัดนี้นางได้ถูกคนตัวโตตอกอัดตนเองเข้ากับผนังอย่างไม่ทันตั้งตัว นางและเขาใช้ชีวิตรักฉันสามีภรรยามานาน จนบุตรแฝดทั้งสองอายุได้สามหนาวแล้ว ทว่าความต้องการของสามีก็มิได้ลดน้อยลงจากเดิม ในบางครั้งออกจะมีความต้องการมากล้นเสียด้วยซ้ำตั้งแต่เจ้าสองแสบเริ่มโต นางและเขาก็มิได้มีเวลาให้กันมากเท่าใดนัก ด้วยบุตรทั้งสองต่างงอแงอ้อนขอนอนด้วยทุกค่ำคืน แม้พวกเขาจะโตมากพอที่จะแยกห้องนอนกันได้แล้ว แต่ก็ยังเกาะติดผู้เป็นมารดาราวกับลูกลิง บิดาผู้หลงบุตรมีหรือจะไม่ยอมตามใจ ผลกรรมทั้งหมดได้ตกมาอยู่ที่เขาแทน“พี่ขอเถอะ ประเดี๋ยวลูกก็คงกลับจากเรียนวิชาดาบแล้ว” เขาอดกินภรรยามาเกือบเจ็ดวันแล้ว เวลานี้ได้โอกาสเหมาะ จึงไม่พลาดที่จะกลืนกินภรรยาสาว ทุกเวลาล้วนมีค่าสำหรับเขา“อ๊ะ! แรงไปแล้วนะเจ้าคะ” หนิงเซียนหัวโยกหัวคลอน เขาไม่ยอมผ่อน