ยามเช้าตรู่... ของวันหยุดอันแสนสบาย ณ จวนไร้พ่าย
ทว่ายามนี้เจ้าของจวนกลับยืนหน้าบึ้งอยู่หน้าเรือนตนเอง ที่สำคัญ... รอบกายยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายความหงุดหงิด จนบ่าวไพร่ในเรือนต่างพากันหลีกหนีไม่กล้าสู้หน้า ใบหน้าคมสมชายที่แม้จะล่วงเลยมาจนถึงวัยใกล้หลักเลขสามแล้วแต่ยังคงดูดีจนน่าอิจฉา
ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดที่ไม่จำเป็นต้องเข้าเฝ้า ซึ่งปกติแล้วเจ้าตัวมักเรียกร้องขอมาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับไม่มีเค้าความยินดีให้เห็นสักนิด
เพราะเหตุใดน่ะหรือ
ก็เพราะว่าวันนี้ฮูหยินจ้าวผู้เป็นภรรยาจะพาบุตรสาวสุดรักสุดสวาทขาดใจของเขาเข้าวังไปเยี่ยมฮ่องเต้พี่ชายบุญธรรมของนางน่ะสิ
“ฮึ่ม! ทั้งๆ ที่เป็นวันหยุด ที่ข้าควรจะได้อยู่กับฮวาเอ๋อร์ของข้าแท้ๆ ทำไมต้องพาไปหาเจ้าฮ่องเต้บ้านั่นด้วย”
เสียงบ่นแฝงแววหงุดหงิดดังขึ้นเบาๆ ด้วยเขานั้นมิกล้าเอ่ยดังไป เพราะเกรงว่าหากยอดศรีภรรยาได้ยินขึ้นมา เขาอาจจะได้ลงไปนอนวัดความสกปรกของพื้นอีกเป็นแน่
จางฟงที่ยืนตรวจตราความเรียบร้อยของรถม้าหันกลับมาตอบผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงสุภาพ เมื่อเห็นอีกฝ่ายบ่นงึมงำคล้ายต้องการหาคำตอบ
“ก็เพราะว่า... ฮูหยินต้องการให้คุณหนูได้พบพระพักตร์ฮ่องเต้อย่างไรล่ะขอรับ เหตุใดนายท่านจึงไม่ดีใจเล่าขอรับ”
จ้าวหมิงหลงตาขวางใส่อีกฝ่าย จากนั้นจึงตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ “ก็แล้วทำไมข้าต้องดีใจด้วย”
“แหม นายท่านขอรับ ก็คุณหนูออกจะน่ารักเพียงนี้ หากฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็น พระองค์อาจจะถูกพระทัยในตัวคุณหนูก็เป็นได้ แล้วถ้าทรงถูกพระทัย พระองค์ย่อมมีพระเมตตา และเมื่อทรงเมตตา ก็อาจจะพระราชทานตำแหน่งพระคู่หมั้นขององค์ชายพระองค์ใดพระองค์หนึ่งให้ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เกิดองค์ชายที่หมั้นหมายกับคุณหนูภายหน้าได้เป็นรัชทายาท ตัวคุณหนูเองในอนาคตคงไม่พลาดตำแหน่งฮองเฮาเป็นแน่แท้”
กล่าวคำอธิบายจบ พ่อบ้านคนซื่อก็ยืนแหงนหน้าหลับตาพริ้ม นึกจินตนาการถึงภาพคุณหนูผู้น่ารักของตนอยู่ในชุดแดงประจำตำแหน่งแม่ของแผ่นดิน
“อา... ช่างเป็นบุญของข้าน้อย จางฟงผู้นี้เหลือเกิน ที่ได้เคยรับใช้ใต้ฝ่าพระบาทของฮองเฮาในอนาคต”
หมิงหลงฟังคำแล้วให้นึกยัวะยิ่งนัก
“หน็อย... ฮองเฮา ฮองเห่ามารดาเจ้าสิ ตราบใดที่ข้า จ้าวหมิงหลงผู้นี้ยังอยู่ จะฮองเฮาหรือฮูหยินใคร ข้าก็ไม่ให้เป็นทั้งนั้น!”
กล่าวจบแม่ทัพจ้าวก็ตวัดเท้ากระบวนท่าพยัคฆ์พิโรธใส่พ่อบ้านคนสนิทข้างกายที่ยืนฝันหวานด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มเป็นการระบายอารมณ์ทันที
พลั่ก!
จางฟงนั้นมีวรยุทธ์ไม่น้อย ทว่ายังด้อยกว่าผู้เป็นนายหลายส่วนมาก ยิ่งกำลังอยู่ในช่วงเพ้อฝันจึงไม่อาจป้องกันตัวเองได้ เมื่อต้องลงไปคลุกดินบนพื้น เขาจึงได้แต่นั่งงงสมองอื้ออย่างไม่ทราบสาเหตุ
“เกิดอะไรขึ้น”
หลังจากจ้าวหมิงหลงได้ระบายโทสะอารมณ์ก็ดีขึ้นมิใช่น้อย วงหน้าหล่อเหลาแต้มรอยยิ้หลายส่วน ก่อนจะยกมือกร้านตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ แล้วตอบ “ผึ้งน่ะ”
กล่าวจบร่างกำยำจึงเดินจากไปพร้อมกับเสียงผิวปากแบบคนอารมณ์ดี ทิ้งให้พ่อบ้านผู้แสนซื่อมองซ้ายมองขวาอย่างงุนงง ก่อนจางฟงจะยกมือจับใบหน้าตนเองแล้วสะดุ้งร้องซี๊ดด้วยความเจ็บปวด
‘ผึ้งอย่างนั้นหรือ สารเลวนัก! ข้าหรืออุตส่าห์ปล่อยยอมให้พวกเจ้าเข้ามาอยู่ทำรังกันตามสะดวก อีกทั้งยังคอยห้ามบ่าวไพร่คนอื่นมิให้ไปทำลายรังเหล่านั้น เจ้าสัตว์ร้ายกล้าแว้งกัดผู้มีพระคุณ เช่นนี้ก็อย่าได้อยู่ร่วมโลกกันเลย’
“เด็กๆ ใครว่างเอาไฟมาให้ข้าที!”
บ่าวผู้น้อยในจวนได้ยินเสียงตวาดต่างสะดุ้งเฮือก เนื่องด้วยปกติแล้วพ่อบ้านจางเป็นผู้ที่มีเมตตา แถมยังโอบอ้อมอารีกับทุกคน ไม่เคยเอ่ยวาจาดุด่าลูกน้องให้ได้ยินสักครั้งด้วยซ้ำไป แล้วเหตุใดยามนี้จึงมีน้ำเสียงเกรี้ยวกราดยิ่งนักเล่า หลายคนเร่งมือวิ่งเอาไม้จุดคบไฟมาให้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
พ่อบ้านจางฟงคนซื่อ เมื่อรับคบเพลิงจากมือบ่าวชายได้ ก็ก้าวเท้าถลาเหินกายด้วยวิชาตัวเบามุ่งหน้าไปยังสวนหลังจวนทันที บ่าวชายหญิงต่างมองตามร่างที่หายไปจากสายตาพวกตน ทุกคนหันมองหน้ากันแล้วส่ายหน้างุนงงด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะพากันแยกย้ายกลับไปทำงานของตนเองต่อ
ฮูหยินจ้าวในชุดสีม่วงอ่อนปักลายผีเสื้อหลากสีขับเน้นเรือนร่างระหงให้งดงามอ่อนช้อย ทว่าแฝงไปด้วยความสง่างาม นางเดินนำหน้าบุตรสาวมายังรถม้าของจวนอย่างเชื่องช้า
วันนี้จ้าวเหมยฮวาอยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าสดใส ปักลวดลายด้วยบุปผาสีชมพูแลดูเข้ากัน เส้นผมยาวดำขลับขมวดแบ่งสองข้างคล้ายซาลาเปา เปียเล็กๆ ปล่อยชายลงคลอเคลียกับผ้าผูกผมสีชมพูหวาน ส่งผลให้ใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นดูน่ารักน่าชังยิ่งขึ้นไปอีก เด็กหญิงเดินจูงมือมากับมารดา ติดตามด้วยร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นบิดาที่ตอนนี้เริ่มมีใบหน้าบูดบึ้งอีกครั้ง จิ้งเหยียนก้าวเท้ามาหาคุณหนูตนพร้อมผ้าสีขาวในมือเพื่อนำมาผูกให้คุณหนูใช้ปิดบังใบหน้าน่ารัก เฟยเซียนมองหน้าบุตรสาวที่ตอนนี้ถูกปิดด้วยผ้าสีขาวจนมองเห็นเพียงดวงตาสีดำเป็นประกายสุกใส พลางเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“อึดอัดไหมลูก ถ้าอึดอัดก็ไม่ต้องปิดดีกว่า”
นางเอ่ยถามบุตรี แม่ทัพที่เดินตามมาเงียบๆ รีบอ้าปากจะโวยวาย ทว่าเมื่อเห็นสายตาเขียวๆ ของผู้เป็นภรรยา เขาพลันหุบปากนิ่งเงียบทันที จ้าวเหมยฮวาแย้มยิ้มน้อยๆ ใต้ผ้าคลุมด้วยความขบขันบิดา ก่อนตอบมารดาน้ำเสียงสดใส
“ไม่เจ้าค่ะ ลูกไม่รู้สึกอึดอัดอันใด”
ฮูหยินจ้าวถอนใจพร้อมกับพยักหน้ารับ ต่างกับสามีที่ตอนนี้ดูจะหน้าบาน ด้วยดีใจที่บุตรสาวยังปฏิบัติตามคำสัญญาที่ให้กัน
“แล้วพ่อบ้านจางหายไปไหน” จ้าวเฟยเซียนเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นพ่อบ้านประจำจวนอยู่ในแถว
“เรียนฮูหยิน ท่านพ่อบ้านไปจัดการงานอยู่ในสวนหลังจวนขอรับ” บ่าวผู้หนึ่งตอบ
คิ้วใบหลิวของฮูหยินจ้าวขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อได้ยินคำตอบ
‘งานอะไรในสวน ถึงกับต้องให้จางฟงไปจัดการด้วยตัวเอง’
จ้าวเฟยเซียนนั้นไม่รู้แม้แต่น้อยว่ายามนี้พ่อบ้านของนางกำลังตีกับผึ้งอยู่ในสวนหลังจวน
“เอาละ ออกเดินทางกันเถอะ ประเดี๋ยวจะร้อนหากสายกว่านี้”
ว่าแล้วสามคนพ่อแม่ลูกก็พากันก้าวขึ้นรถม้ามุ่งหน้าเข้าสู่วังหลวง
รถม้าพาทั้งสามคนมาถึงจุดหมายปลายทางตามเวลาที่คาดไว้ จ้าวเฟยเซียนเดินจูงมือบุตรีพาลัดเลาะผ่านเส้นทางอุทยานหลวงด้วยความชำนาญ
แหม... ตนเป็นถึงน้องสาวบุญธรรมของฮ่องเต้เชียวนะ สถานะก็องค์หญิงดีๆ นี่เอง วังหลวงนั้นคือบ้านเกิดของนาง จ้าวเหมยฮวาเดินตามมารดาไป สายตาก็จับจ้องสวนดอกไม้สีสดใสไป ก่อนจะบอกกับตนเองในใจ
‘อุทยานนี่สวยงามจริงๆ หากจางฟงได้มาเห็นคงต้องกลับไปปลูกเลียนแบบที่จวนเป็นแน่’
แม่ทัพไร้พ่ายก้าวตามหลังบุตรสาวและฮูหยินของตน พลางแยกเขี้ยวยิงฟันบนใบหน้าดำคล้ำอย่างคนไม่สบอารมณ์
‘ฮึ่ม! คอยดูนะ หากมีไอ้เด็กเดนตายคนไหนมันกล้าเข้ามายุ่มย่ามกับฮวาเอ๋อร์ของข้า สาบานได้เลยว่าข้าจะหักคอมันมาแกล้มสุรา’
ร่างสูงใหญ่คิดกับตัวเองไปตามทาง พร้อมกับปล่อยรังสีสังหารข่มขวัญผู้คนออกมารอบกาย ทำเอาเหล่านางกำนัลและขันทีทั้งหลายที่เดินผ่านมีอันต้องแข้งขาอ่อนไปตามๆ กัน
ภรรยาสาวหันกลับไปมอง ในใจนั้นรู้เท่าทันความคิดของสามีดี ก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยความอ่อนอกอ่อนใจเมื่อสายตาเห็นนางกำนัลที่เดินสวนกับพวกนางขาอ่อนทรุดลงกับพื้นเบื้องหน้า
“ถ้าท่านยังไม่ยอมเก็บปราณสังหาร ข้าจะไล่ให้ไปรอที่รถม้านะ” เสียงกระซิบต่ำดังเข้าหูเบาๆ มีผลให้อีกฝ่ายเลิกส่งลมปราณที่ปล่อยใส่คนรอบตัวทันที แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ค่อยอยากนักก็ตาม
สามคนพ่อแม่ลูกก้าวตามเส้นทางมาพักใหญ่ๆ ในที่สุดก็มองเห็นตำหนักที่ประทับของโอรสสวรรค์ ด้านหน้านั้นมีหลิวกงกงขันทีคนสนิทฮ่องเต้รีบร้อนเดินออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นสายตามองเห็นร่างแม่ทัพกับฮูหยิน