จ้าวเฟยเซียน ฮูหยินหนึ่งเดียวแห่งจวนไร้พ่ายยืนตัวตรงสง่าจ้องมองบรรดากลุ่มคนที่ยืนแออัดกันอยู่หน้าจวน
นางพ่นลมหายใจขึ้นจมูกน้อยๆ นับเป็นเวลาเกือบปีแล้วกระมังที่จวนไร้พ่ายมักจะมีชาวบ้านชาวเมืองแห่แหนกันนำข้าวของมามอบให้แก่คุณหนูจ้าวเสมอ เช่นวันนี้
ส่วนสาเหตุน่ะหรือ เป็นเพราะแม่ทัพผู้เป็นสามีตัวดีของนางอย่างไรเล่า ที่ดันทะลึ่งปล่อยข่าวลือเสียใหญ่โตว่าทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลจ้าวนั้นเกิดล้มป่วยติดโรคประหลาด ทำให้ใบหน้าอัปลักษณ์และร่างกายพิการน่าสงสารยิ่ง บรรดาชาวบ้านที่รู้ข่าวนี้ รวมถึงเหล่าตระกูลน้อยใหญ่ในเมืองต่างพากันสรรหาข้าวของ บ้างก็นำหยูกยาสมุนไพรเลอค่าต่างๆ ที่คิดว่าน่าจะสามารถใช้รักษาโรคร้ายของคุณหนูจ้าวให้หายดีดังเดิมได้มามอบให้แก่คนในจวนไม่เว้นแต่ละวัน
จำได้ว่าพอฮูหยินจ้าวรู้เรื่องนี้ และสืบจนทราบว่าเป็นฝีมือของใคร นางถึงกับลงมือซ้อมสามีตัวดีเสียจนใบหน้าบวมฉึ่ง แถมท้ายด้วยคำสั่งนอนหน้าเรือนไปอีกเจ็ดวัน
“ฮึ่ย มันน่าฆ่าให้ตายนัก สามีพรรค์นี้” ฮูหยินจวนไร้พ่ายสบถ ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาบุตรสาว เมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในบริเวณนั้นงเอ่ยถามพ่อบ้าน “จางฟง คุณหนูเล่า”
พ่อบ้านยามนี้กำลังง่วนอยู่กับการเขียนบันทึกจดรายการข้าวของทั้งหลายที่บรรดาตระกูลใหญ่น้อยต่างสรรหามากำนัลแด่ตระกูลจ้าว เขาหันมาตอบผู้เป็นนายด้วยรอยยิ้มหวาน
“ตอนนี้คุณหนูน่าจะกำลังฝึกวิชาอยู่กับนายท่านที่ลานด้านหลังจวนขอรับฮูหยิน”
เฟยเซียนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ หญิงสาวหันไปมองกระดาษที่อยู่ในมือพ่อบ้าน ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย
“แล้วนั่นเจ้ากำลังเขียนสิ่งใดอยู่”
จางฟงยิ้มจนตาที่หยีอยู่แล้วแทบจะปิด ก่อนจะตอบออกมาด้วยความภูมิใจ “ข้าน้อยกำลังจดบันทึกรายการของขวัญที่ตระกูลอื่นๆ ส่งมาให้ขอรับ”
ว่าแล้วพ่อบ้านก็ส่งกระดาษแผ่นนั้นให้นายหญิงอ่าน ภูมิใจนำเสนอเสียยิ่งนัก
“อะไรกันเนี่ย ตระกูลฉีส่งโสมหิมะร้อยปีมา ตระกูลหลินส่งหญ้าน้ำค้างหยกมาให้ จะเอามาทำไมกัน ลูกข้าไม่ได้ช้ำในเสียหน่อย อือ… บัวหิมะพันปีแก้พิษร้อน ว่านจันทรารักษาอาการคัน เอ๊ะ! แล้วนี่อะไร” สายตาฮูหยินจ้าวพลันสะดุดกับหุ่นฟางรูปคนบนโต๊ะจึงถามขึ้น
“อ๋อ... อันนี้ข้าน้อยทำเองขอรับ ว่าจะทำให้นายท่านกับคุณหนู พอดีข้าน้อยไปอ่านเจอในหนังสือ เขาบอกว่าถ้าทำหุ่นฟางรูปคน เขียนชื่อ แล้วนำไปตอกกับต้นไม้ยามดึกไม่ให้ผู้ใดพบเห็น จะทำให้คนคนนั้นสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคภัย และจะได้ผลสุดๆ หากเรานำผมของคนคนนั้นยัดใส่ไปในหุ่นฟางด้วย”
จางฟงอธิบาย เขาพึ่งเจอตำราเล่มนี้ในรายการของที่ผู้คนนำมาฝากให้คุณหนู พ่อบ้านที่แสนซื่อสัตย์จึงคิดทดลองทำให้นายท่านกับคุณหนูตนเองดู
เฟยเซียนมองหน้าจางฟงสลับกับหนุ่นฟาง ก่อนขมวดคิ้วเรียวงามเล็กน้อย เนื่องจากนางเป็นศิษย์จอมยุทธ์ฟ่งผู้เป็นเลิศทั้งทางความรู้และเพลงยุทธ์ จึงพอจะเคยได้ยินอาจารย์เอ่ยถึงศาสตร์ด้านมืด ที่ทางแคว้นห่างไกลออกไปมักนำมาใช้ทำร้ายผู้คน หญิงสาวจึงนึกสบถในใจเบาๆ
‘สุขภาพแข็งแรงอย่างนั้นหรือ! มารดามันเถิด นั่นดูอย่างไรก็หุ่นฟางสาปแช่งชัดๆ’
แต่ถึงกระนั้นเฟยเซียนก็ไม่อาจทำลายความหวังดีอันใสซื่อของอีกฝ่ายได้ หญิงสาวจึงตัดสินใจลอบดีดยาสลายกระดูกไปที่หุ่นฟางทั้งสองตัว ยาสลายกระดูกนั้นมีฤทธิ์สมชื่อ เพียงแค่หยดเดียวหุ่นฟางตัวนั้นก็ย่อยสลายหายไปไม่เหลือซากใดๆ
“อะ...อะไรกัน” จางฟงร้องด้วยใบหน้าตกตะลึง เมื่อหุ่นฟางที่ทำขึ้นมาด้วยความยากลำบากนั้น บัดนี้สลายไปต่อหน้าต่อตาเขา ไม่มีเหลือแม้แต่ซาก
“ข้าว่ามันอาจไม่ได้ผลนะ เช่นนี้ทำไมเจ้าไม่ลองกับตัวเองก่อนเล่า ผลเป็นอย่างไรแล้วค่อยมาบอกข้าอีกทีหนึ่ง”
“นั่นสินะขอรับ ถ้าอย่างนั้นขอข้าน้อยทดสอบดูก่อน ได้ผลแล้วค่อยมาบอกนะขอรับ”
กล่าวจบจางฟงผู้ใสซื่อก็วิ่งจากไป เฟยเซียนถอนหายใจน้อยๆ ที่ตนสามารถสกัดความหวังดีของพ่อบ้านประจำจวนลงได้ นางคิดถึงภาพจางฟงยืนตอกหุ่นฟางติดต้นไม้ยามค่ำคืนแล้วให้นึกสยองในใจนัก
จากนั้นร่างระหงจึงก้าวไปยังลานฝึกวิชาด้านหลังจวนตามที่จางฟงบอก เพื่อไปหาบุตรสาวตัวน้อยตามความตั้งใจแรกเริ่มของตนเอง ยิ่งย่างกรายเข้าไปใกล้ลานฝึกซ้อมเท่าใด หูแว่วได้ยินเสียงแหวกอากาศดังใกล้ขึ้นทุกที บ่งบอกให้รู้ว่านางเดินใกล้ถึงจุดหมายปลายทางเข้าไปเรื่อยๆ
จนในที่สุด สายตาก็มองเห็นร่างสองร่างที่พัวพันกันอยู่กลางลานได้อย่างชัดเจน หนึ่งโตในชุดตัวยาวสีดำ หนึ่งเล็กในชุดกระโปรงขาวปักลายบุปผา
ฮูหยินแม่ทัพพลันนิ่งอึ้งไปชั่วขณะจิตด้วยความตกใจ เมื่อสายตามองเห็นอาวุธสีขาวเงาวับส่องประกายสะท้อนแสงแดดที่ร่างเล็กของบุตรีถืออยู่ในมือ นางใจหายวาบรีบร้องตะโกนก้อง
“หมิงหลงคนชั่ว ท่านใช้ดาบจริงเยี่ยงนี้ ท่านจะฆ่าลูกข้าหรือไร!”
จ้าวหมิงหลงที่ในตอนนี้กำลังรับกระบวนท่าจากกระบี่สีเงินในมือบุตรสาว เมื่อได้ยินเสียงแผดร้องอย่างเกรี้ยวกราดของผู้เป็นภรรยาในใจก็กระตุกวูบ เป็นผลให้สมาธิแตกซ่านเปิดช่องโหว่ให้คู่ต่อสู้เห็น
เด็กหญิงร่างเล็กบอบบางใบหน้าหมดจด ขยับกระบี่ในมือพลางตวัดกระบวนท่าพุ่งเข้าใส่จุดอ่อนที่บิดาเผยให้เห็นอย่างว่องไว นางหมายพิชิตบิดาที่เวลานี้กำลังเข้าตาจนเสียแล้ว เสียงใสๆ เอ่ยยินดีด้วยความมั่นใจว่าต้องชนะเป็นแน่
“ท่านพ่อ แพ้แล้วอย่าลืมสัญญานะเจ้าคะ”
คำพูดของบุตรสาวทำให้จ้าวหมิงหลงได้สติ ทว่ากระบี่ในมือเล็กพุ่งเข้าจุดอับอย่างแม่นยำ จนคิดว่าอาจจะเพลี่ยงพล้ำเสียแล้ว
‘‘ท่านพ่อ หากฮวาเอ๋อร์ชนะการประลองครั้งนี้ ลูกขอออกไปนอกจวนนะเจ้าคะ และท่านพ่อต้องยอมให้ท่านแม่พาลูกไปเที่ยววังหลวงด้วยนะเจ้าคะ’ ’
“ได้สิ หากเจ้าเอาชนะเพลงกระบี่พ่อได้นะ”
แม่ทัพตอบตกลงอย่างกระหยิ่ม ด้วยรู้ดีว่าตัวเองนั้นไม่มีทางแพ้แน่นอน จ้าวเหมยฮวามองหน้าบิดาก็นึกรู้ทันในความคิด แต่นางไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะตลอดเวลาแปดปีนับจากที่เติบโตมา เด็กหญิงไม่เคยได้ก้าวขาออกจากจวนเลยแม้แต่สักครั้งเดียว ดังนั้นคราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องเป็นผู้ชนะให้ได้
‘‘เจ้าค่ะ แต่ว่าลูกมีเงื่อนไข ต้องประลองโดยการใช้กระบี่จริงนะเจ้าคะ’ ’
แม่ทัพอึ้งไปเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดบุตรสาวถึงขอให้ใช้กระบี่จริงทั้งที่ตนเองเสียเปรียบขนาดนี้ แต่ผู้เป็นบิดาก็ยินยอมทำตามที่นางเรียกร้อง
อันที่จริงแล้ว จ้าวเหมยฮวานั้นย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด ว่าหากประลองกันจะเสียเปรียบบิดาเพียงใด ที่ขอเงื่อนไขแบบนี้เพราะนางมั่นใจว่าการทำเช่นนี้ จะเพิ่มโอกาสชนะให้ตนเองขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย เนื่องด้วยความห่างของฝีมือระหว่างนางกับบิดา หากใช้กระบี่ไม้แล้วไซร้ เพียงไม่กี่ชั่วอึดใจคงได้พ่ายแพ้อย่างแน่นอน แต่ถ้าใช้กระบี่จริง แปดในสิบส่วนอีกฝ่ายย่อมต้องออมมือ ไม่กล้าทุ่มฝีมือทั้งหมดมาหักหาญเอาชนะ ด้วยเกรงว่านางจะเป็นอันตราย
จ้าวหมิงหลงพลิกร่างหลบเลี่ยงการโจมตีจากร่างเล็กไปได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนจะใช้ฝ่ามือเข้าจู่โจมหมายแย่งอาวุธ ด้วยความไวที่เหนือกว่า เพียงพริบตาเดียวกระบี่ในมือน้อยพลันถูกบิดาชิงไปอย่างง่ายดาย แม่ทัพบังเกิดรอยยิ้มร่าเต็มใบหน้าเมื่อมองเห็นแววชนะอยู่รำไร
จู่ๆ ร่างเล็กตรงหน้าก็ถลันตามมาด้วยความว่องไว ฉับพลันนั้นก็แปรเปลี่ยนกระบวนท่า เสือกกายเข้าหากระบี่ในมือใหญ่เพียงชั่วกะพริบตา ผู้เป็นบิดาเบิกตากว้างจนแทบถลน แต่ไม่อาจหยุดอาวุธที่อยู่ในมือได้ ก่อนที่กระบี่เล่มคมจะสร้างบาดแผลให้แก่ธิดา แม่ทัพไร้พ่ายก็ใช้มือซ้ายของตนเข้าสกัด เสียงปะทะกันระหว่างเนื้อกับโลหะดังก้องกังวาน กระบี่สีเงินในมือขวาร่วงหล่นลงสู่พื้นเสียงดังเคร้ง! ท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของผู้เป็นบิดา
“ในที่สุดพ่อก็ชนะ ฮวาเอ๋อร์ ลูกยอมแพ้แล้วหรือยัง”
แม่ทัพหันไปถามบุตรสาวด้วยใบหน้าอย่างผู้มีชัย จ้าวเหมยฮวาเหินกายถอยจากการปะทะไปยืนห่างบิดาเล็กน้อย เด็กหญิงอมยิ้มนิดๆ ทำให้ใบหน้าน่ารักนั้นแลดูงดงามสมวัย
“ใครชนะกันหรือเจ้าคะ ท่านพ่อ”