แชร์

แต่งกับขุนนาง
แต่งกับขุนนาง
ผู้แต่ง: หอมดังเดิม

บทที่ 1

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
สายฝนพร่างพราย ปกคลุมทั่วท้องฟ้าเมืองฉางอัน

ท้องฟ้ามืดมัว เทียนเล่มหนึ่งที่ถูกจุดสว่างไว้บนเชิงเทียนถูกลมพัดเบาๆ แสงไฟสั่นไหว ฝีเข็มที่กำลังปักตรงหน้าจึงไหวตามไปด้วยเล็กน้อย

ซูชิงลั่วถูกเข็มทิ่มเข้าที่ปลายนิ้วชี้อย่างไม่ทันระวัง เกิดความเจ็บปวดแผ่ซ่านขึ้นมาทันที

หยดเลือดสีแดงหยดลงบนชุดแต่งงานที่ยังปักไม่เสร็จในมือ และหยดเปื้อนสีแดงลงบนตำแหน่งของนกยวนยางพอดิบพอดี

ชุดแต่งงานเปื้อนเลือด เป็นลางไม่ดีอย่างมาก

จื๋อหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้องออกมาด้วยความตกใจแล้วรีบนำผ้าเช็ดหน้ามาปิดแผลของซูชิงลั่วไว้ทันที

"คุณหนูวันนี้ฝนตก ท้องฟ้ามืดมัว ไม่สู้ไว้ปักวันอื่นเถิดเจ้าค่ะ อย่างไรก็ยังมีเวลาอีกตั้งครึ่งปี ทันแน่อยู่แล้ว"

ซูชิงลั่วก้มหน้าลง ไม่ได้พูดอะไร

รับใช้ซูชิงลั่วมาเป็นเวลาหกปี จื๋อหยวนรู้สึกว่าคุณหนูของนางยิ่งสวยขึ้นทุกวัน หรืออาจจะเป็นเพราะโตขึ้นก็ได้

ผิวของนางขาวเนียนดุจหยก ดวงตาคู่สวยสดใสดั่งสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย ความงามสดใสของวัยสาวทำให้นางดูมีเสน่ห์ในแบบเด็กสาว

ปลายนิ้วยาวเรียวพันด้ายเรียบร้อย ซูชิงลั่วพูดเสียงเบาว่า "งั้นก็ไม่ปักแล้ว เราออกไปข้างนอกกัน"

จื๋อหยวนรู้สึกประหลาดใจ เพราะนี่ไม่ใช่วิธีการปฏิบัติของซูชิงลั่ว

ซูชิงลั่วเกิดในตระกูลซูที่ร่ำรวยที่สุดในจินหลิง แต่น่าเสียดายที่พ่อแม่ของนางเสียชีวิตตั้งแต่ตอนที่นางอายุสิบปี ทำให้ต้องไปพึ่งพาอาศัยที่บ้านคุณยาย

เนื่องจากไม่ใช่บ้านของตัวเอง แม้ว่าในบ้านคุณยายจะดูแลนางดีกว่าหลานสาวแท้ๆ แต่นับตั้งแต่นางเข้ามาในบ้าน นางก็รู้ความมาก ไม่เคยสร้างความลำบากให้ใครเลย แม้แต่กับสาวใช้และบ่าวไพร่นางก็ให้ความเกรงใจ จนกลายเป็นที่รักของทุกคน

เรื่องที่จะออกไปข้างนอกในวันที่ฝนตกและทำให้คนอื่นต้องลำบากแบบนี้ จึงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

จื๋อหยวนถาม "คุณหนูอยากไปไหนเจ้าคะ? บ่าวจะได้ไปบอกคนขับรถม้า"

"ไปที่ร้านเครื่องประดับจินจี้" ซูชิงลั่วพูดเสียงนุ่มอย่างใส่ใจ "ให้เงินคนขับรถม้ามากหน่อยนะ"

จื๋อหยวนเข้าใจทันที ที่แท้ก็อยากไปดูเครื่องประดับแต่งงานว่าทำไปถึงไหนแล้ว มิน่าล่ะ

พวกนางออกจากประตูข้างและขึ้นรถม้าไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้เป็นที่สนใจของใครๆ

รถม้าเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เมื่อใกล้ถึงร้านเครื่องประดับจินจี้ ในใจของซูชิงลั่วกลับรู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ

"ไม่หรอก" นางแอบปลอบตัวเองในใจ บ้านตระกูลลู่มีบุญคุณกับนางไม่น้อย ลู่เหยียนก็ดูแลนางเป็นอย่างดีมาตลอดเช่นกัน ไม่มีทางทำเรื่องที่ผิดต่อนางแน่นอน

แต่นางก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเมื่อคืนถึงฝันเช่นนั้น

ในฝัน หลังจากที่นางแต่งงานกับลู่เหยียนได้ไม่นานก็ตั้งครรภ์

ตั้งแต่นางตั้งครรภ์ ลู่เหยียนมักอ้างว่ายุ่งเรื่องเตรียมตัวสอบจอหงวนจึงไม่ค่อยกลับบ้าน นางเชื่อใจเขาเสมอมา ไม่เคยคิดสงสัยอะไร

จนกระทั่งใกล้คลอด คืนหนึ่งจู่ๆ นางก็เกิดหิวจึงไปหาของกินในครัว แต่จู่ๆ ก็ได้ยินคนใช้แอบพูดซุบซิบกันว่า "อย่างนี้ก็หมายความว่านายหญิงที่อยู่ข้างนอกท่านนั้นชิงคลอดคุณชายน้อยออกมาก่อนแล้วงั้นสิ"

นางฟังแล้วรู้สึกผิดปกติ จึงให้จื๋อหยวนและแม่นมเหมยจับตัวคนใช้มาสอบสวน เมื่อสอบสวนก็พบว่าลู่เหยียนแอบปลูกเรือนหลักเล็กๆ ไว้ข้างนอกและซุกภรรยาน้อยไว้ที่นั่น

นางโกรธมากจึงพาคนไปที่นั่นทันที พบว่าภรรยาน้อยที่ลู่เหยียนเลี้ยงไว้ก็คือหลิ่วเยียนหรานลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง มิน่าคนใช้จึงเรียกนางว่า "นายหญิงที่อยู่ข้างนอกท่านนั้น"

และไม่ใช่แค่ลู่เหยียนที่อยู่ที่นั่น แม้แต่มารดาของเขา แม่สามีของนาง นายหญิงหลิ่วก็อยู่ที่นั่นด้วย

เมื่อเห็นนางหลิ่วเยียนหรานตกใจมาก อุ้มลูกไปหลบอยู่ข้างหลังลู่เหยียน ลู่เหยียนลูบหลังนางเบาๆ และพูดปลอบใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "ไม่เป็นไร"

นายหญิงหลิ่วรู้สึกอึดอัดใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ในเมื่อเจ้ามาถึงนี่ก็ดีแล้ว เดิมทีเรื่องนี้ก็ควรบอกเจ้าแต่แรก เยียนหรานได้ให้กำเนิดบุตรชายคนโตของลู่เหยียนแล้ว เราย่อมไม่อาจเอาเปรียบนางได้ เหยียนเออร์ตั้งใจจะรับนางมาเป็นภรรยารอง"

นางรู้สึกสะอิดสะเอียน

พอนับเวลาดูแล้ว เกรงว่าลู่เหยียนคงปลูกเรือนเล็กนี่ไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานกับนางแล้ว จึงคลอดบุตรก่อนนางได้แบบนี้

นางเป็นคนหน้าบาง เมื่อถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ได้แต่ร้องไห้น้ำตานองหน้า ถามลู่เหยียนด้วยเสียงสั่นเครือว่าทำไมถึงทำกับนางเช่นนี้?

แต่ลู่เหยียนกลับพูดอย่างไม่แยแสว่า "เจ้าไม่ความเช่นนี้ได้อย่างไร? บุรุษผู้ใดบ้างที่ไม่มีภรรยาหลายคน?"

"ข้ายังดูแลเจ้าไม่ดีพอหรือ? เห็นใจเจ้าที่กำลังตั้งครรภ์ ข้าจึงยังไม่ได้รับเยียนหรานเข้ามาในบ้าน นางต้องทนทุกข์อยู่ข้างนอกมามากแค่ไหน?"

ปากของเขาเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของนาง

นางไม่เคยเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน เจ็บปวดใจเหมือนจะตาย อารมณ์โกรธพุ่งทยานจนทำให้ครรภ์มีปัญหา

เนื่องด้วยเสียใจมาก อีกทั้งยังคลอดยาก นางจึงไม่สามารถคลอดลูกออกมาได้

นางนอนจมกองเลือดอยู่อย่างโดดเดี่ยว มองดูเลือดที่ไหลซึมไปทั่วที่นอนและพื้น ได้ยินเสียงร้องไห้อย่างทุกข์ทรมานของจื๋อหยวน

แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้

นางนอนอยู่ในโลงศพเย็นเฉียบ วิญญาณล่องลอยอยู่กลางอากาศ ได้ยินลู่เหยียนพูดกับหลิ่วเยียนหรานด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า "เป็นซูชิงลั่วที่ไม่มีบุญมากพอ รอให้ครบหนึ่งร้อยวันก่อน ข้าจะยกเจ้าขึ้นเป็นภรรยา"

ทำไมถึงทำเช่นนี้ได้ พูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าป้ายวิญญาณของนางเนี่ยนะ

ซูชิงลั่วร้องไห้ด้วยความโกรธและตื่นจากฝันในที่สุด พบว่าร่างกายของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นทั้งตัว

จื่อหยวนเองก็ตกใจมาก เมื่อรู้ว่านางฝันร้ายก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางและนำน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้

นางดื่มน้ำไปอึกหนึ่งเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น แต่กลับรู้สึกว่าความฝันนี้เหมือนจริงเกินไป เหมือนจริงราวกับเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในชาติก่อน ทำให้รู้สึกหวาดกลัว

นางนอนลืมตาจนสว่าง ไม่คาดคิดว่าฝนจะตกปรอยลงมา

เดิมทีวันนี้นัดกับลู่เหยียนไว้ ให้เขาไปเป็นเพื่อนเธอดูว่าช่างทำเครื่องประดับสำหรับงานแต่งทำไปถึงไหนแล้ว จากนั้นก็จะเลือกเครื่องประดับที่ชอบเพิ่มอีก

ผลปรากฏว่าในตอนเช้าทิงซูคนรับใช้ของลู่เหยียนกลับมารายงานว่า วันนี้ลู่เหยียนถูกเพื่อนร่วมงานเชิญไปงานกะทันหัน วันหลังจะพานางไปเดินตลาดออกใหม่อีกที

นางพยักหน้ารับคำ แต่งหลังจากคนรับใช้ไปแล้ว นางกลับรู้สึกกังวลใจอยู่ตลอด

เดิมตั้งใจจะปักลายชุดแต่งงานเพื่อให้จิตใจสงบ แต่ความกังวลใจกลับยิ่งเพิ่มขึ้น จนนางเผลอทำเข็มทิ่มนิ้วตัวเอง

ไหนๆ ก็ออกไปดูให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยแล้วกัน

ในฝันนั้น หลังจากลู่เหยียนแต่งงานกับนางแล้ว มักจะแอบไปพบกับหลิ่วเยียนหรานที่ร้านเครื่องประดับจินจี้บ่อยๆ

เมื่อใกล้ถึงประตูร้านเครื่องประดับจินจี้ ซูชิงลั่วก็แกล้งบอกว่าคอแห้ง จึงลงจากรถและไล่คนขับรถกลับไป จากนั้นก็เดินนำจื่อหยวนเข้าไปที่ร้านน้ำชาฝูจี้ ซึ่งอยู่ตรงข้ามร้านเครื่องประดับจินจี้แทน

นางจองห้องส่วนตัวบนชั้นสอง เปิดหน้าต่างเพื่อสังเกตสถานการณ์ฝั่งตรงข้าม

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้วก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ

ซูชิงลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตัวเองคิดมากไปเอง กำลังจะหัวเราะเยาะออกมา แต่ทันใดนั้นก็เห็นเงาของลู่เหยียน

ลู่เหยียนชอบสีขาว เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวบริสุทธิ์ทั้งตัว มือถือพัดพับด้ามหนึ่ง เดินออกมาพร้อมกับหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยท่าทางสนิทสนม

หญิงคนนั้นก็คือหลิ่วเยียนหราน

จื่อหยวนตกใจทั้งโกรธ "คุณหนู?"

ซูชิงลั่วส่ายหัวเป็นเชิงบอกให้เงียบ

ลู่เหยียนไม่รู้ว่าพูดอะไรเบาๆ พลางโอบสาวงามเข้าไปในโรงน้ำชา ทั้งสองขึ้นไปชั้นบน และนั่งในห้องส่วนตัวที่อยู่ติดกับพวกนาง

ผนังกั้นเสียงไม่ดีนัก

เสียงอันอบอุ่นของลู่เหยียนดังทะลุผ่านผนังกั้นบางๆ ได้ยินอย่างชัดเจนว่า "เดินมาทั้งเช้าคงจะเหนื่อยแล้วสิ? พักที่นี่ก่อนเถอะ ทานอะไรสักหน่อย ของว่างที่นี่ใช้ได้เลย"

เสียงของหลิ่วเยียนหรานหวานจนทำให้คนได้ยินรู้สึกเอียน "ข้าไม่เหนื่อยหรอก เจ้าสิเหนื่อยมากกว่า อีกไม่นานเจ้าก็จะแต่งงานแล้ว ยังต้องหาเวลามาอยู่กับข้าอีก"

"อยู่กับเจ้าเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว" ลู่เหยียนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ปิ่นทองที่เลือกวันนี้เจ้าชอบหรือไม่?"

หลิ่วเยียนหรานพูดตอบด้วยเสียงหวาน "ชอบสิ นี่เป็นปิ่นทองอันแรกที่ข้าได้รับ ขอบคุณนะท่านพี่ น่าเสียดายที่เมื่อท่านแต่งงานแล้ว ท่านก็จะเป็นของคนอื่น"

"หึงหรือ? ข้าก็เป็นของเจ้านานแล้วมิใช่หรือ?" ลู่เหยียนหัวเราะเบาๆ "ไม่ต้องห่วง หลังจากแต่งงานกับนางแล้ว ข้าจะให้คำตอบกับเจ้าเอง"

เสียงของหลิ่วเยียนหรานเบาลง "เช่นนั้นคืนนี้ท่านจะมาหรือไม่…"

ซูชิงลั่วทนฟังไม่ไหวแล้ว รู้สึกสะอิดสะเอียนเหลือทน

นางลุกขึ้นทันที ผลักประตูห้องส่วนตัวออกไปอย่างแรงแล้วเดินออกไปด้านนอก

"ปัง!" นางผลักประตูห้องส่วนตัวข้างๆ ออก

ลู่เหยียนกับหลิ่วเยียนหรานกำลังกอดกันอยู่ คอเสื้อของหลิ่วเยียนหรานดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย

เมื่อเห็นนาง ทั้งคู่ก็ตกใจและรีบแยกตัวออกจากกัน

ลู่เหยียนแสดงสีหน้าประหลาดใจ ใบหน้าของเขามีความรู้สึกผิดเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นเดินมาหานาง "ชิงลั่ว ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้? ฟังข้าอธิบายก่อน..."

ซูชิงลั่วรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว สีหน้าซีดเซียว ผลักมือของเขาออก "ลู่เหยียน พวกเรายกเลิกงานแต่งกันเถอะ เจ้าอยากบอกน้าหญิงของข้าเอง หรือจะให้ข้าไปบอก?"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status