Home / รักโบราณ / แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า / บทที่ 36 โรงเตี๊ยมตระกูลจางเปิดแล้ว

Share

บทที่ 36 โรงเตี๊ยมตระกูลจางเปิดแล้ว

last update Last Updated: 2025-06-21 17:07:57

บทที่ 36

โรงเตี๊ยมตระกูลจางเปิดแล้ว

            2 วันให้หลังเป็นวันเปิดร้าน

            ด้านล่างของป้ายโรงเตี๊ยมตระกูลจางมีป้ายเล็กๆ คือชื่อร้าน ‘ชุนเป่า’

            ทุกคนตื่นตั้งแต่เช้ามืด รองท้องกันด้วยซาลาเปา จากนั้นค่อยมารวมตัวกันที่อาคารหน้า

            เวลานี้บนถนนเริ่มมีรถม้าวิ่งผ่าน และผู้คนเดินสวนกันไปมาแล้ว 

            แผงอาหารเช้าก็เริ่มตั้งกันตั้งเช้ามืดเช่นกัน

            แม้ถนนสายนี้จะมีแผงอาหารเช้าไม่กี่แผง ส่วนใหญ่จะขายอาหารที่สะดวกห่อกลับไปกิน อย่างพวกหมั่นโถกับซาลาเปา หากกระนั้น ก็มีชีวิตชีวาไม่น้อย

            ตงตงมองถนนยามเช้า หลังจากสูดหายใจลึกๆ เข้าเต็มปอด นางก็หันไปบอกกับจิ่งฝางว่า “ได้เวลาแล้ว”

            ทันทีที่จางไคเฮ่อยกป้ายรายการอาหารออกมาวางหน้าร้าน ตงตงกับจิ่งฝางก็ช่วยกันตะโกนเรียกลูกค้า

            เมนูเปิดตัวคือบะหมี่ฉงชิ่งกับเกี๊ยวซ่า!

            ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีอย่างอื่นขายควบคู่ด้วย

            บนป้ายตงตงเขียนชื่อรายการอาหารและราคาบอกไว้ชัดเจน

            บะหมี่ฉงชิ่ง 30 อีแปะ

            บะหมี่ไก่ฉีก 15 อีแปะ

            เกี๊ยวซ่า 5 ชิ้น 20 อีแปะ

            ซาลาเปาไส้หมูลูกละ 3 อีแปะ

            หมั่นโถลูกละ 1 อีแปะ

            ด้วยเพราะเป็นเมืองหลวง ราคาสินค้าจึงเพิ่มขึ้นตามราคาของวัตถุดิบ

            “บะหมี่ฉงชิ่งร้อนๆ รสเผ็ดอร่อยๆ เจ้าค่ะ”

            “เร่เข้ามาขอรับ…เกี๊ยวซ่าแป้งกรอบไส้หมูแน่นๆ ขอรับ ซาลาเปากับหมั่นโถก็มีขอรับ”

            ตงตงกับจิ่งฝางตะโกนเรียกลูกค้าด้วยความชำนาญ เพราะทำมาหลายครั้งตอนอยู่ที่เมืองอู่เฉิง

            ไม่นานนัก ชายหนุ่มสองคนในชุดทหารสีดำรัดกุมเดินเข้ามาหยุดหน้าร้าน

            “เอาบะหมี่ฉงชิ่ง 2 ชาม!”

            “น้ำชา 1 กาด้วยนะ!” 

            ทหารทั้งสองสั่งอาหารเสียงดังฟังชัด ทำเอาจิ่งฝางถึงกับผงะ

            ในชาติก่อน ตงตงเคยเจอลูกค้าหลายรูปแบบ ชายร่างสูง หน้าตาเถื่อนๆ พูดจาโผงผางและเสียงดังเหมือนพี่ชายทหารทั้งสองก็มีไม่น้อย 

            ดังนั้นแล้ว เด็กสาวไม่ได้ตกใจเหมือนกับจิ่งฝาง

            นางเดินเข้ามาต้อนรับลูกค้าด้วยใบหน้ายิมแย้ม

            “บะหมี่ฉงชิ่ง 2 ชามกับน้ำชา 1 กานะเจ้าคะ”

            ทหารหนุ่มทั้งสองมองว่านางน่ารัก ก่อนจะยิ้มตอบ “บะหมี่ฉงชิ่ง 2 ชามกับน้ำชา”

            ตงตงรับออเดอร์ แล้วหันไปบอกจิ่งฝาง

            “พี่จิ่งฝาง ยกน้ำชาด้วย”

            “อะ อืม”

            จิ่งฝางตอบรับเมื่อได้สติ จากนั้นพาลูกค้าทั้งสองมานั่งที่โต๊ะ

            ผ่านเพียงครู่ บะหมี่ฉงชิ่ง 2 ชามก็ถูกยกมาวางตรงหน้านายทหารทั้งสอง

            ในชามคือบะหมี่เส้นเล็กหนียวนุ่ม บนเส้นบะหมี่มีหมูสับกับต้นหอมซอย น้ำซุปสีแดงเข้มข้น กลิ่นหอมกลมกล่อม

            ความหอมของน้ำซุปยั่วจมูก ทำเอาลูกกระเดือกของทหารหนุ่มทั้งสองขยับอย่างเห็นได้ชัด!  

            “กินตอนร้อนๆ อร่อยนะเจ้าคะ” ตงตงบอกด้วยรอยยิ้มน่ารัก

            ทหารหนุ่มทั้งสองหยิบตะเกียบอย่างไม่ลังเล คีบเส้นขึ้นมาคำใหญ่แล้วส่งเข้าปาก

            “อ๋า! อร่อยมาก”

            “อืมๆ”

            ทั้งสองส่งบะหมี่เข้าปากคำแล้วคำเล่า เผลอแป๊บเดียวก็กินบะหมี่จนเกลี้ยง แม้แต่น้ำซุปก็ซดไม่เหลือติดชามสักหยด 

            หลังจากกินบะหมี่ฉงชิ่งหมด ทั้งสองก็หันไปอ่านป้ายบนกระดาน กวาดตามองรอบหนึ่งถึงหันมาคุยกัน 

            “บะหมี่ 1 ชาม ราคา 30 อีแปะนับว่าถูกมาก”

            “ที่แปลกกว่าราคา คือเลือกเปิดร้านอาหารบนถนนสายนี้น่ะสิ”

            “จริงด้วย”

            “แต่ว่านะ อาหารอร่อย ราคาย่อมเยาว์ ข้าอยากให้เปิดร้านแบบนี้ไปนานๆ”

            “นั่นสิ” 

            บทสนทนาของทหารหนุ่มทั้งสอง ตงตงได้ยินเต็มสองหู

            ถ้าพูดถึงเรื่องแปลกแล้ว คงเพราะร้านอาหารที่เปิดตั้งแต่เช้าถึงเย็นบนถนนสายนี้มีเพียงไม่กี่ร้าน ส่วนใหญ่เป็นแผงอาหารเช้า เหมือนรีบขายรีบปิด

            สาเหตุเพราะถนนสายนี้มีสำนักชุนหนันตั้งอยู่

            สำนักชุนหนันเป็นหน่วยทหารราชองครักษ์หลวงขึ้นตรงกับฮ่องเต้ ลือกันว่าเวลาสอบสวนเป้าหมาย เจ้าหน้าที่จะใช้วิธีที่โหดเหี้ยม

            ด้วยนิสัยของชาวบ้าน มักหลีกเลี่ยงไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกขุนนาง โดยเฉพาะหน่วยราชองครักษ์หลวงอย่างสำนักชุนหนันที่เต็มไปด้วยข่าวลือแย่ๆ 

            เพราะแบบนี้ ค่าเช่าอาคารบนถนนเส้นนี้ถึงได้ถูกแสนถูก หากก็แลกมาด้วยกับความเสี่ยง และความหวาดหวั่นพรั่นพรึง 

            อย่างไรก็ตาม เรื่องทำเลไม่ใช่ปัญหาสำหรับตงตง…

            ย้อนกลับมา

            ทหารหนุ่มสองคนนี้แน่นอนว่าทำงานในหน่วยราชองครักษ์หลวง ดูจากเครื่องแต่งกายและดาบยาวที่พกข้างเอว ทั้งสองคงมีตำแหน่งเล็กๆ ในหน่วย

            พูดคุยกันสักพักหนึ่ง ทั้งสองคนก็เรียกตงตงให้มาเก็บเงิน

            ก่อนจะกลับไป พวกเขาเอ่ยชมว่า “บะหมี่ฉงชิ่งอร่อยมาก กินบะหมี่รสเผ็ดในตอนอากาศหนาวๆ ทำให้อุ่นท้องดีด้วย พรุ่งนี้พวกเราจะมาอุดหนุนใหม่นะ น้องสาว”

            พวกเขายังคงพูดจาเสียงดัง ไม่ได้กังวลว่าเด็กสาวบอบบางอย่างตงตงจะหวาดกลัวหรือไม่

            ตงตงเดาว่า การพูดเสียงดังฟังชัดเป็นพื้นฐานของทหาร

            ก็เหมือนกับจางไคเฮ่อนั่นแหละ

            ตงตงยิ้มแย้มพร้อมกล่าวขอบคุณ “พี่ชายทั้งสอง บะหมี่ฉงชิ่งกินคู่กับเกี๊ยวซ่าก็อร่อยมากๆ คราวหน้าพวกพี่ชายอย่าลืมสั่งมากินคู่กันให้ได้นะ”

            ทั้งสองคนหัวเราะชอบใจแล้วตอบ

            “แน่นอนอยู่แล้ว”

            “พรุ่งนี้พวกเราจะมาอุดหนุนใหม่”

            “ไปดีมาดีเจ้าค่ะ”

            เห็นเด็กสาวพูดคุยกับทหารของหน่วยราชองครักษ์หลวงอย่างเป็นกันเอง พ่อค้าแม่ค้าแผงอาหารเช้าข้างทาง รวมถึงชาวบ้านที่เดินสวนไปมาต่างมองตงตงด้วยสายตาสุดจะเชื่อ

            ในตอนนี้ จิ่งฝางเลิกหวาดกลัวพวกเขาแล้ว ก้มหัวพลางกล่าวขอบคุณลูกค้าไม่หยุดหย่อน

            เสี่ยวกวางเข้ามาเก็บชามบะหมี่เปล่าและเช็ดโต๊ะ

            เด็กหนุ่มเพิ่งเก็บโต๊ะเสร็จ ลูกค้าชุดใหม่ก็เดินเข้ามา

            คราวนี้มากัน 3 คน ยังคงเป็นทหารของหน่วยองครักษ์หลวง

            “น้องสาว เอาบะหมี่ฉงชิ่งกับเกี๊ยวซ่า”

            “ของข้าขอเป็นบะหมี่ไก่ฉีก”

            “ส่วนข้าบะหมี่ฉงชิ่งกับซาลาเปา 3 ลูก”

            “รอสักครู่เจ้าค่ะ”

            ตงตงยิ้มกว้างขณะรับออเดอร์

            รอยยิ้มของเด็กสาวสดใสและไร้การเสแสร้ง ทำเอาทหารทั้งสามคนถึงกับมองอย่างเหม่อลอย

            นานมากแล้วที่ไม่มีเด็กสาวยิ้มให้พวกเขาแบบไม่หวาดกลัว

            ส่วนใหญ่ที่ยิ้มให้ มักเป็นรอยยิ้มแบบฝืนๆ

            นางเป็นเทพธิดาหรือยังไงกันนะ!

            ทั้งสามคนคิด

            ผ่านไปไม่นาน จิ่งฝางกับเสี่ยวกวางก็ยกอาหารออกมาเสิร์ฟ

            ทั้งสามคนได้สติ มองบะหมี่ฉงชิ่งน้ำซุปสีแดงเข้มข้น เกี๊ยวซ่าร้อนๆ จนควันสีขาวลอยชุยออกมา บนจานยังมีกระหล่ำปลีหั่นฝอยวางเป็นเครื่องเคียง ส่วนบะหมี่ไก่ฉีกน้ำซุปสีน้ำตาล หอมกระเทียมเจียว สุดท้ายก็คือซาลาเปานึ่ง แป้งนุ่มฟูดึ๋งดั๋งน่ากินอย่างมาก

            ไม่เพียงอาหารทำออกมาเร็ว ทั้งหน้าตาทั้งกลิ่นยังหอมยั่วจมูก เรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึง อร่อยอย่างที่ไม่เคยกินมาก่อน!

            นายทหารทั้งสามกินอาหารด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย ผู้คนละแวกนั้นเห็นแล้วพลอยอยากอาหารไปด้วย

            แม้แต่พ่อค้าแม่ขายละแวกนั้นยังกลืนน้ำลาย

            อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ!?

            หลายคนคิดด้วยความสงสัย

            เมื่อลูกค้าชุดแรกและชุดที่สองออกจากร้าน ลูกค้าชุดต่อๆ ไปก็เริ่มทยอยเข้าร้าน

            เดิมทีเพียงมาเพื่อลองชิมร้านใหม่เท่านั้น แต่หลังจากได้กินอาหารแล้ว พวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “พรุ่งนี้จะมาใหม่!”

            ตงตงดีใจมาก ยิ้มกว้างไปตลอดทั้งวัน

            ไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เปิดกิจการ โรงเตี๊ยมตระกูลจางจะได้รับการตอบรับที่ดี 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status