Home / รักโบราณ / แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า / บทที่ 37 จางไคเฮ่อแสดงฝีมือ!

Share

บทที่ 37 จางไคเฮ่อแสดงฝีมือ!

last update Last Updated: 2025-06-21 17:08:25

บทที่ 37

จางไคเฮ่อแสดงฝีมือ!

            ปกติแล้ว บะหมี่ที่ขายในเมืองเล็กๆ จะตกชามละ 12 อีแปะ

            แต่ที่นี่คือเมืองหลวง ค่าเช่าร้าน รวมถึงวัตถุดิบจะมีราคาสูงขึ้น  

            อย่างไรก็ตาม เรื่องราคาวัตถุดิบไม่ใช่ปัญหาสำหรับตงตงที่มีระบบร้านค้า

            ราคาสินค้าในระบบร้านค้าถูกร้านข้างนอกหลายเท่า ดังนั้นตงตงจึงซื้อวัตถุดิบจากร้านในระบบเพื่อประหยัดต้นทุน

            พอหักต้นทุน คำนวณกำไรที่ได้ บะหมี่ฉงชิ่งของโรงเตี๊ยมตระกูลจางจึงอยู่ที่ชามละ 30 อีแปะ

            กระนั้น ราคานี้ก็ยังถูกกว่าร้านอื่น 

            พอปิดร้านเสร็จ ทุกคนช่วยกันทำความสะอาด

            “ตอนแรกข้าก็สงสัยว่า ตงตงจะขายบะหมี่รสเผ็ดตั้งแต่เช้าจริงหรือ เหตุใดถึงไม่ขายโจ๊กเหมือนเดิม แต่บะหมี่ของเจ้าก็ขายหมดตั้งแต่วันแรก ข้าค่อยสบายใจหน่อย ฮะๆ”

            ระหว่างช่วยกันเก็บข้าวของล้างอยู่ในครัว จิ่งฝางพลันเอ่ยขึ้นมา สีหน้าของเขาแสดงความโล่งใจเหมือนอย่างที่พูดจริงๆ

            ตงตงยิ้มอย่างไม่ถือสาแล้วตอบ “เพราะว่าถนนสายนี้มีสำนักชุนหนัน พวกทหารน่ะ ใช้แรงเยอะและเคลื่อนไหวกันอยู่ตลอด ต้องกินอาหารเช้าที่อยู่ท้อง รสเผ็ดยังทำให้ท้องด้วย ใช่หรือไม่ท่านพ่อ”

            ท้ายประโยคเด็กสาวหันไปถามบิดา

            จางไคเฮ่อพยักหน้าตอบ อืม

            ตงตงกล่าวต่ออีกว่า “อีกอย่าง บะหมี่ฉงชิ่งถึงจะเผ็ดร้อน แต่ก็มีหลายรสชาติ และหลายระดับ ถ้าเป็นคนที่ไม่กินเผ็ดเลยก็ยังมีบะหมี่ไก่ฉีก”

            ที่สำคัญ เนื้อไก่เป็นแหล่งโปรตีน ทั้งอิ่มท้องและเป็นแหล่งพลังงาน

            เหตุผลนี้ตงตงไม่ได้พูดออกไป ประเดี๋ยวพวกเขาต้องถามว่า ‘โปรตีนคืออะไร’ แล้วคงต้องอธิบายกันยาว

            “เจ้าคิดได้รอบคอบจริงๆ” หยูฮูหยินเอ่ยชม

            “นั่นสิ” จิ่งฝางผงกหัวขึ้นลงอย่างเข้าใจ

            “ว่าก็ว่าเถอะ ตอนที่หานฮูหยินบอกว่าอาคารที่ปล่อยเช่าอยู่บนถนนเดียวกับสำนักชุนหนัน หากเป็นข้าคงตัดใจไม่เช่าแล้วละ” จิ่งฝางพูดต่อ

            “เหตุผลนี้ง่ายมาก” ตงตงพูดด้วยสีหน้าภูมิใจ จากนั้นก็เว้นช่วง

            ทุกคนหันมองเด็กสาว รอฟังคำตอบ

            “ทุกคนต้องกินข้าว ทหารของสำนักชุนหนันถึงจะมีข่าวลือแย่ๆ แต่พวกเขาก็ต้องกินข้าวเหมือนกับพวกเรานี่ละ ตอนที่หานฮูหยินบอกว่า ถนนละแวกนี้ไม่ค่อยมีแผงอาหาร ข้าเลยคิดว่านี่ละคือโอกาสหาเงิน!”

            “แบบนี้เอง”

            ทุกคนพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้ว

            …..

            …..

            เป็นอย่างที่ตงตงพูดไม่มีผิด

            ผ่านมาอีกหลายวัน

            โรงเตี๊ยมตระกูลจาง นับวันก็ยิ่งขายดีขึ้นเรื่อยๆ

            เช้าวันนี้ ตงตงกับจิ่งฝางเพิ่งตั้งป้ายหน้าร้าน ทหารหนุ่มสองคนก็เดินมาหยุดหน้าร้านแล้วทักทาย

            “น้องสาว วันนี้พวกเราก็มาอุดหนุนเจ้าอีกแล้ว ข้าเอาบะหมี่เหมือนอย่างเคยนะ”

            “ข้าก็เหมือนอย่างเคย”

            ตงตงยิ้มแย้มให้กับทหารหนุ่มทั้งสอง ก่อนจะทวนรายการอาหารอย่างคล่องแคล่ว

            “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ พี่ชายหยางอี้เป็นบะหมี่ฉงชิ่งกับเกี๊ยวซ่า ส่วนพี่ชายเจียฮุ่ยเป็นบะหมี่ฉงชิ่งกับซาลาเปา 2 ลูกนะเจ้าค่ะ”

            ในวันแรกที่โรงเตี๊ยมตระกูลจางเปิดกิจการ ทหารหนุ่มสองคนนี้คือลูกค้ากลุ่มแรกที่มาอุดหนุน

            นับจากวันนั้นเป็นต้นมา พวกเขาก็กลายมาเป็นลูกค้าขาประจำ สนิทกับตงตงกระทั่งรู้จักชื่อแซ่กันแล้ว

            เห็นอย่างนี้แล้ว ทำให้ตงตงนึกถึงถังเหวินกับซานหลัวเฉินขึ้นมา

            ตอนอยู่เมืองอู่เฉิง สองคนนั้นก็มาอุดหนุนซาลาเปาของตงตงทุกวัน

            “ความจำของเจ้าดีมากจริงๆ” หยางอี้บอก

            “ใช่ๆ สนใจมาสอบเข้าหน่วยองครักษ์หลวงหรือไม่” หลงเจียฮุ่ยเอ่ยแซว

            ตงตงหัวเราะอย่างสดใส รอบตัวนางราวกับมีดอกไม้ผลิบานเต็มไปหมด

            “รอสักครู่นะเจ้าคะ”

            ว่าจบ นางเดินเข้าครัวทำบะหมี่

            ทหารหนุ่มทั้งสองมองนางอย่างคล้อยตาม

            นางต้องเป็นนางฟ้าแน่ๆ!

            พวกเขาต่างคิดเหมือนกัน 

            ทันทีที่หยางอี้กับหลงเจียฮุ่ยเดินไปนั่งที่โต๊ะ จิ่งฝางพลันยกน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟ

            ระหว่างนั้น ลูกค้ากลุ่มอื่นทยอยเข้าร้านมาเรื่อยๆ 

            เผลอแป๊บเดียว ภายในร้านก็มีชายหนุ่มรูปร่างสูงบึกบึนนับสิบ ทั้งหมดเป็นทหารของหน่วยราชองครักษ์หลวง

            ขึ้นชื่อว่าเป็นชายหนุ่มย่อมเลือดร้อนเป็นธรรมดา

            ยิ่งเป็นทหารจากหน่วยองครักษ์หลวงยิ่งชอบโอ้อวดพละกำลังของตน

            บางคนเพิ่งสั่งอาหารไปไม่ถึง 1 นาที ก็นั่งเขย่าขาทำท่าเหมือนรอไม่ไหว

            จู่ๆ ชายหน้าโฉด ท่าทางเลือดร้อนคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นว่า “นี่ ของข้ายังไม่ได้อีกหรือ”

            “ทางเราทำอาหารตามคิวขอรับ” จิ่งฝางเข้ามาอธิบายอย่างอ่อนน้อม

            โต๊ะข้างๆ ที่มาก่อนได้ยินเช่นนั้นพลันเอ่อออเห็นด้วย “เสี่ยวเอ้อฝางพูดถูก ต้องรอตามคิว!”

            “จริงด้วย เจ้าเพิ่งสั่งไปเมื่อกี้เอง”

            ชายหน้าโฉดเลือดร้อน พอถูกท้วงก็รู้สึกเสียหน้า เถียงกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ทางข้าไม่ใช่รึที่มาก่อน”

            “ทางข้าต่างหากเล่า”

            “ข้าต่างหาก” 

            พวกเขาโต้เถียงกันว่าใครมาก่อนมาหลังอย่างไม่มีใครยอมใคร

            ภายในร้านเริ่มตกอยู่ในความวุ่นวาย

            จิ่งฝางพยายามบอกให้พวกเขาใจเย็นๆ อาหารของร้านรอไม่นาน

            แต่เหมือนว่าเสียงของจิ่งฝางจะส่งไปไม่ถึง ไม่มีใครสนใจทางนี้สักคน

            “เอ่อ…คือ…อย่าเถียงกันขอรับ”

            จิ่งฝางทำได้เพียงมองทางนั้นทางนี้อย่างเลิ่กลั่ก

            จังหวะนั้นเอง ตงตงกับอาฉีที่ยกบะหมี่ออกมาเสิร์ฟ เห็นพวกเขาทะเลาะกันก็อดสั่นหน้าอย่างเอือมระอาไม่ได้ 

            พวกคนใจร้อน ไม่ว่าที่ไหนก็มีเหมือนกันสินะ

            “บะหมี่โต๊ะ 3 ได้แล้วขอรับ”

            ในตอนที่อาฉียกบะหมี่เดินผ่านโต๊ะหนุ่มหน้าโฉดเลือดร้อน จู่ๆ ชายคนนั้นก็ลุกพรวดพราด ชนเข้ากับถ้วยบะหมี่ในมือของเด็กหนุ่ม

            “อ๊ะ!”

            อาฉีร้องอย่างตกใจ

            หนุ่มหน้าโฉดเลือดร้อนเห็นแบบนั้น รีบยื่นมืออกไปรับชามบะหมี่ที่ลอยขึ้นกลางอากาศ

            เขาไม่ได้ตั้งใจจะอาละวาด ทำให้โรงเตี๊ยมเละเทะเลยสักนิด!

            ทว่า…ดูเหมือนเขาช้าไปหนึ่งก้าว

            ตงตงที่เดินตามหลังอาฉีกำลังจะโดนลูกหลงแล้ว!

            “เหวอ…” เด็กสาวร้อง

            ตอนที่ทุกคนกำลังลุ้นด้วยใจระทึก จางไคเฮ่อพุ่งมาจากทิศทางไหนไม่รู้ กระโดดพร้อมกับยื่นมือคว้าชามบะหมี่ในเสี้ยววินาที

            มิหนำซ้ำ เขายังตวัดชามเก็บเส้นเก็บน้ำแกงที่กระฉอกออกมาอย่างไม่เหลือสักหยด

            “ท่านลูกค้า ไม่บาดเจ็บนะขอรับ” จางไคเฮ่อถามหนุ่มหน้าโฉดเลือดร้อนด้วยเสียงเรียบ

            หนุ่มหน้าโฉดอึ้งงัน กระนั้นก็พยักหน้าตอบว่า อืม

            คราวนี้จางไคเฮ่อหันมาถามลูกสาว

            “เจ้าไม่ถูกลวกนะ”

            “เจ้าค่ะ”

            ส่วนทหารราชองครักษ์หลวงคนอื่นๆ ได้แต่อ้าปากค้างอย่างอึ้งๆ เหมือนถูกสะกดจิต

            ไม่รู้จะตกใจเรื่องไหนก่อน

            เรื่องที่แม่ครัวตัวน้อยเกือบถูกน้ำแกงร้อนๆ ลวกแขน หรือเรื่องที่เถ้าแก่จางคนนี้เป็นวรยุทธ์!

            “บะหมี่ชามนี้กินไม่ได้แล้ว ทางร้านจะทำให้ใหม่” จางไคเฮ่อบอก แล้วถือชามบะหมี่เดินไปที่หลังร้าน

            ผ่านสักครู่หนึ่ง ทุกคนถึงได้สติ

            แปะ…

            แปะ แปะ แปะๆๆ

            ทันใดนั้น ภายในร้านก็เต็มไปด้วยเสียงปรบมือ และเสียงเฮลั่น

            “เก่งมาก!”

            “เยี่ยมยอด!!”

            จางไคเฮ่อหันหน้ากลับมา ค้อมศีรษะให้เหล่าลูกค้าในร้าน ทังยังย้ำอีกว่า…

            “โปรดรอตามคิวขอรับ”

            นับจากนั้นมา เหล่าลูกค้าเลือดร้อนต่างรอตามคิวไปโดยปริยาย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status