บทที่ 44
น้ำใจ
ทุกอาชีพมีการแข่งขัน แต่ที่ตงตงไม่สงสัยว่าเป็นฝีมือของคู่แข่ง เหตุผลคือคำพูดประโยคนี้…
‘คนน่าสงสัยพวกนั้นเหมือนมาสังเกตพนักงานที่ร้านมากกว่า’
หากเป็นคู่แข่งการค้า พวกเขาต้องส่งคนมากินอาหารร้านของตงตง พิสูจน์ว่าอาหารของใครอร่อยกว่า ไม่ใช่สังเกตเหล่าพนักงานของโรงเตี๊ยมจากที่ไกลๆ
ก่อนออกจากเมืองอู่เฉิง ตงตงนำเครื่องเทศหมาล่าไปขาย สิ่งแรกที่เดาได้คือฉินเฟยอวี่รู้ตัวแล้วจึงส่งคนมาแอบดูการเคลื่อนไหวของทางนี้ เพื่อจับผิดพร้อมหลักฐาน
อีกเหตุผลที่น่าสงสัย นับจากที่ตงตงเข้าเมืองหลวงก็ล่วงเลยมาหนึ่งเดือนเศษ
ป่านนี้แล้ว เหยียนหลิ่วคงหนีไปถึงเมืองซินหยาน
แต่กู้อวี้ชุนไม่รู้ว่าเหยียนหลิ่วหนีไปที่ไหน จึงสงสัยว่าฝ่ายนั้นหนีมาซ่อนตัวอยู่กับตงตงที่เมืองหลวง เลยส่งคนมาสอดส่องเหล่าพนักงาน
ทั้งหมดก็ประมาณนี้
ตงตงคิด
หลังจากหยางอี้กับหลงเจียฮุ่ยกินมื้อเที่ยงอิ่มและจ่ายเงินเรียบร้อย สองหนุ่มก็เดินออกจากร้าน
คนน่าสงสัยยังป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ
หยางอี้กับหลงเจียฮุ่ยไม่สบอารมณ์อย่างแรง ทั้งสองคนยืนกอดอก จ้องเขม็งไปที่ชายน่าสงสัยสองคนนั้น
ท่าทางของหยางอี้กับหลงเจียฮุ่ยเหมือนยักษ์เฝ้าประตูไม่มีผิด บอกตามตรงว่าน่ากลัวอยู่บ้าง แต่ตงตงรู้นิสัยของพวกเขาดีก็เลยรู้สึกเฉยๆ
ทว่า…
ชายน่าสงสัยพอเห็นว่าทางนี้กำลังยืนจ้องมาทางพวกตน ด้วยความลนลาน ชายสองคนนั้นรีบวิ่งหนีออกไป
ตงตงชะเง้อคอมองแผ่นหลังร้อนรนที่หายลับเข้าไปตรอก จากนั้นก็หันมาขอบคุณหยางอี้กับหลงเจียฮุ่ยอีกครั้ง
หลงเจียฮุ่ยบอกตงตงด้วยความมั่นใจว่า “มีพวกเราอยู่ ร้านเจ้าปลอดภัยหายห่วง”
หยางอี้กล่าวเสริมขึ้นว่า “ตอบแทนที่เจ้าทำอาหารอร่อยๆ และให้ยาอมชุ่มคอด้วย”
ตงตงยิ้มให้กับพวกเขา
ในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งพลันตะโกนขึ้นมา
“แม่ครัวน้อย ไม่ได้มีแค่พวกเขาหรอกนะ พวกเราก็จะช่วยสอดส่องคนน่าสงสัยให้อีกแรง”
จากนั้น คนอื่นๆ ก็ตะโกนตาม
“เปิดโรงเตี๊ยมสบายใจหายห่วงได้เลย แม่ครัวน้อย”
“ใช่แล้ว คนที่กล้ามาสร้างความวุ่นวายบนถนนที่มีหน่วยราชองครักษ์หลวงอยู่ ก็มีแต่คนโง่นั่นแหละ”
“หากมีใครมาแหยมร้านนี้ละก็ พวกเราจะส่งไปคุยกับรากมะม่วงเอง!”
“แหะๆ”
ตงตงหัวเราะแห้งๆ ให้กับคำพูดของคนสุดท้าย เหนืออื่นใด น้ำใจของพวกเขาทำเอานางรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
“ขอบคุณทุกท่านเจ้าค่ะ”
เห็นทีว่า คงต้องทำของอร่อยๆ เลี้ยงเป็นการตอบแทนซะแล้ว
…..
…..
ตอนที่ปิดร้าน ตงตงเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับจางไคเฮ่อฟัง
แม้ตอนนี้ จางไคเฮ่อจะคอยเป็นหูเป็นตาและช่วยดูแลร้าน แต่ตงตงไม่อยากชะล่าใจ หลังจากนี้ต้องหาวิธีรับมือในยามฉุกเฉิน ซื้อเครื่องช็อตไฟฟ้ากับสเปรย์พริกไทยแจกจ่ายทุกคนเอาไว้ก็ไม่เลว
เพียงแต่ จะบอกกับทุกคนอย่างไร ว่าอุปกรณ์น่าสงสัยเหล่านี้ใช้ป้องกันตัวเองในยามฉุกเฉินได้
เอาเป็นว่าค่อยคิดทีหลังแล้วกัน
“พ่อจะตรวจรอบๆ โรงเตี๊ยมให้เข้มงวดมากกว่านี้” จางไคเฮ่อบอก
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ท่านพ่อต้องระวังตัวด้วยนะ ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัย พวกพี่หยางอี้บอกว่าให้รีบไปขอความช่วยเหลือที่หน่วยราชองครักษ์หลวงได้ทันที”
“เข้าใจแล้ว” จางไคเฮ่อตอบกลับพลางยื่นมือลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกสาว
“จริงสิ ของที่ข้าให้ท่านพ่อช่วยเตรียม ไปถึงไหนแล้วเจ้าคะ”
“พ่อเตรียมไว้ครบแล้ว ถ้าจะทำไข่เยี่ยวม้าก็ทำได้ทันที”
เมื่อวานนี้ ตงตงรบกวนจางไคเฮ่อให้ช่วยเตรียมวัตถุดิบทำไข่เยี่ยวม้าและสร้างเตาอบถ่านเอาไว้ทำกุนเชียง
จางไคเฮ่อช่วยเตรียมของทั้งหมดให้อย่างรวดเร็ว น่านับถือจริงๆ
ตงตงขอบคุณบิดาอีกครั้ง ก่อนจะไปเรียกทุกคนมารวมกันที่ลานกว้างด้านหลังของโรงเตี๊ยม
ทันทีที่ทุกคนมาถึง ตงตงแบ่งหน้าที่ให้กับพวกเขา ทางหนึ่งนำไข่เป็ดไปล้างแล้วผึ่งลมให้แห้ง ทางหนึ่ง ตั้งหม้อละลายปูนขาว รวมถึงผสมส่วนประกอบอื่นๆ
เมื่อส่วนผสมต่างๆ เตรียมพร้อม ทุกคนก็มานั่งล้อมวง ใช้ส่วนผสมที่เตรียมเหล่านั้นพอกไข่เป็ด
ลุงจิ่ง บิดาของจิ่งฝางที่ป่วยกระเสาะกระแสะมานาน พอได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ลุกมาเดินเหินได้คล่องแคล่วแล้ว
ทุกวันนี้ลุงจิ่งคอยช่วยงานอยู่หลังร้าน ตอนนี้ก็กำลังนั่งพอกไข่เป็ดร่วมกับคนอื่นๆ แถมยังทำอย่างพิถีพิถัน
เห็นแบบนี้ ตงตงจึงมอบหมายหน้าที่ทำไข่เยี่ยวม้าให้กับลุงจิ่ง โดยให้เสี่ยวกวางเป็นผู้ช่วย เพราะหลังจากนี้ คงมีออเดอร์ซื้อไข่เยี่ยวเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ
ไหนๆ ก็ไหนๆ ตงตงเลยสอนทุกคนทำไข่เค็มด้วยเลย
“เถ้าแก่เนี้ยน้อย คือว่า…แล้วกินไข่เยี่ยวม้าได้เลยหรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวซินเอ่ยถามด้วยท่าทีอายๆ
พอได้กินไข่เยี่ยวม้ากับข้าวต้มไปเมื่อวันก่อน เสี่ยวซินก็ติดใจ บ่นว่าอยากกินอีก เด็กสาวจึงถามเช่นนั้น
“ต้องหมักไว้สัก 1 เดือน ถึงจะกินได้น่ะ”
ได้ยินคำตอบนั้น เสี่ยวซินทำหน้าผิดหวัง
ผ่านไปสักครู่ เด็กสาวพยักหน้าแรงๆ แล้วบอกว่า “เข้าใจแล้ว ข้าจะตั้งใจรอเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องตั้งใจขนาดนั้นก็ได้ ยังไงก็ได้กินอยู่แล้ว” จิ่งฝางแย้งปนขำ
คำพูดนั้นยิ่งทำให้เสี่ยวซินหน้าแดงด้วยความเขิน
ทุกคนพลันหัวเราะออกมา
บรรยากาศตอนนี้ครื้นเครงอย่างยิ่ง พวกเขาคุยกันพลางช่วยกันพอกไข่เป็ดด้วยความขยันขันแข็ง
บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ
บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”
บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ
บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่
บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที
บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม