Home / รักโบราณ / แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า / บทที่ 45 คำขอของลูกค้าใหม่

Share

บทที่ 45 คำขอของลูกค้าใหม่

last update Last Updated: 2025-06-21 17:13:13

บทที่ 45

คำขอของลูกค้าใหม่

            ในคืนนั้นเอง พอกลับเข้าห้องปิดประตู เปลี่ยนชุดชุดนอนเสร็จ ตงตงก็ล้มตัวลงบนเตียง

            แต่ทันใดนั้น เด็กสาวดีดตัวขึ้นนั่งเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ามีบางอย่างที่ยังไม่ได้ทำ

            ตงตงเปิดระบบร้านค้า ค้นหาอุปกรณ์ป้องกันตัว

            ทันใดนั้น สนับมือ สนับเข่า กระบองเหล็กสามท่อน มีดพกพาสำหรับเดินป่า ไฟฉายและอื่นๆ ขึ้นมาต็มหน้าจอ

            ตงตงเลื่อนหาสเปรย์พริกไทยกับเครื่องช็อตไฟฟ้า

            ตอนแรกยังสงสัยว่าจะมีขายในระบบร้านค้าหรือเปล่า เพราะสินค้าทั้งสองอย่างนี้จัดอยู่ในวัตถุอันตราย โชคดีที่ระบบร้านค้าเชื่อมต่อกับร้านค้านำเข้าที่ไม่ระบุชื่อผู้ขาย พูดง่ายๆ คงเป็นร้านเถื่อน

            พอลองกดเข้ามาดู ตงตงก็เจอสินค้าที่ต้องการ

            อย่างไรก็ตาม สินค้าอันตรายราคาค่อนข้างสูง

            สเปรย์พริกไทยขวดเล็ก 2 ตำลึงเงิน ส่วนเครื่องช็อตไฟฟ้าราคา 3 ตำลึงทอง

            แต่ว่า…กันไว้ดีกว่าแก้ พวกเด็กๆ ต้องออกไปข้างนอกเพื่อซื้อของมาเติมร้านอยู่เป็นประจำ ทั้งฉินเฟยอวี่กับกู้อวี้ชุนทำได้ทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย แม้สิ่งนั้นจะเป็นการทำร้ายคนอื่นก็ตาม

            เพราะอย่างนั้นจึงมีแนวโน้มว่าพวกเขาอาจจะจับคนของโรงเตี๊ยมตระกูลจางไปต่อรองเพื่อเป้าหมาย เหมือนอย่างที่ทำร้ายเหยียนหลิ่วเพียงแค่ต้องการสูตรหม้อไฟหมาล่า

            สำคัญกว่านั้น แค่จางไคเฮ่อคนเดียวดูแลความปลอดภัยไม่ทั่วถึง แถมหยูฮูหยินกับเสี่ยวซินก็ต้องออกไปซื้อของข้างนอกบ่อยๆ หากเกิดอะไรขึ้นคงแย่อน่ๆ

            คิดจบ ตงตงกดซื้อสเปรย์พริกไทยกับเครื่องช็อตไฟฟ้าอย่างไม่ลังเล

            จังหวะที่กำลังจะปิดหน้าระบบร้านค้า ตงตงโพล่งขึ้นมา

            “อ๊ะ เกือบลืมไปเลย”

            ในขณะที่พูด ตงตงเลื่อนหาของบางอย่าง

            “ซื้ออันนี้ด้วยดีกว่า”

            สินค้าชิ้นสุดท้ายที่ตงตงซื้อคือปืนอัดลมลูกเหล็ก

            เท่าที่อ่านรีวิว ปกติจะใช้ยิงนกยิงหนู ถ้าเอามาใช้ยิงคน อาจทำให้ช้ำหรือเป็นแผลถลอก แต่ไม่ถึงกับตาย

            เอาละ เลือกชิ้นนี้แหละ

            คิคิคิ!!

            เด็กสาวคิดพลางหัวเราะอย่างชั่วร้าย

            …..

            …..

            เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากตั้งป้ายเปิดร้าน เหล่าลูกค้ากล้ามโตต่างทยอยเข้าร้านทีละคนสองคนจนภายในร้านแน่นขนัด

            ทุกคนวิ่งวุ่นเสิร์ฟอาหารกันแทบไม่ได้หยุดพัก

            หนึ่งชั่วยามผ่านไป ภายในร้านลูกค้าค่อยๆ ซาลง

            ตรงนี้เอง ทั้งตงตงทั้งลูกจ้างถึงได้มีเวลานั่งพัก

            ช่วงเวลาที่ไม่มีลูกค้า ตงตงจะคิดและจดเมนูใหม่ๆ ใส่กระดาษเอาไว้ ทั้งยังคิดหาสินค้ามาขายในร้านเพิ่ม

            ในตอนที่คิดว่าจะทำอะไรดีนะ ชายคนหนึ่งอายุราวๆ สี่สิบกว่าเดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทางองอาจ

            ชายคนนี้สวมเครื่องแต่งกายของหน่วยราชองครักษ์หลวง เพียงแต่เสื้อคลุมของเขาปักลวดลายพยัคฆ์ แถมดาบที่สะพายอยู่ข้างเอวก็มีวิบวับและดูว่าน่าจะแพงกว่าพี่ชายท่านอื่นหลายเท่า

            น่าจะเป็นคนที่มียศมีตำแหน่งสูง

            ตงตงคิด พร้อมกับมองจิ่งฝางเข้าไปต้อนรับลูกค้าหน้าใหม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

            สายตาคมกริบของชายคนนั้นกวาดมองทั่วร้าน ก่อนมุมปากของเขาจะยกยิ้ม

            “จัดร้านได้ดี สะอาดสะอ้าน มีป้ายบอกราคาชัดเจน”

            “ขอบคุณขอรับ เถ้าแก่เนี้ยน้อยเป็นคนออกแบบร้านน่ะขอรับ”

            “น่าสนใจ”

            ความประทับใจแรกหลังจากเข้าร้านคือความสะอาด บรรยากาศในร้านปลอดโปร่ง และการแสดงราคาสินค้าชัดเจน เป็นการทำให้ลูกค้าเห็นว่า ร้านนี้ขายอาหารอย่างโปร่งใส

            จิ่งฝางยิ้มรับคำชม

            “นอกจากรายการอาหารตามป้าย ในร้านมีอย่างอื่นหรือไม่” ชายคนนั้นเอ่ยถาม

            “ประเดี๋ยวข้าน้อยจะไปถามเถ้าแก่เนี้ยน้อยให้นะขอรับ”

            ชายคนนั้นพยักหน้า มองตามจิ่งฝางที่เดินไปทางหลังโต๊ะคิดเงิน

            ทันทีที่จิ่งฝางเดินมาบอก เด็กสาววางสมุดลง เดินออกมาจากหลังโต๊ะคิดเงิน แล้วตามจิ่งฝางมายังโต๊ะของลูกค้า

            เมื่อตงตงเดินเข้ามา ชายคนนั้นพลันหรี่ดวงตาเหมือนพิจารณา

            “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ ลูกค้าต้องการเมนูแบบไหนหรือเจ้าคะ”

            “ร้านของเจ้า มีเมนูข้าวฟ่างหรือไม่”

            ทันทีที่ชายคนนี้เอ่ยปาก ลูกค้าสามสี่คนที่ยังนั่งกินอาหารอยู่ในร้านต่างอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงทันที

            ตงตงเองก็แปลกใจไม่ต่างกัน

            เท่าที่รู้มา คนที่มีอันจะจริงไม่นิยมกินข้าวฟ่าง เพราะข้าวฟ่างนั้นรสชาติฝาดและมีกลิ่นเหม็นของหญ้าแห้ง

            ด้วยเหตุนี้กระมัง ร้านขายข้าวสารในเมืองหลวงไม่ค่อยนำข้าวฟ่างมาวางขาย

            แต่ทว่า…

            ยุคสมัยที่ตงตงจากมานั้น ข้าวฟ่างเป็นที่นิยมในกลุ่มของคนรักสุขภาพเช่นเดียวกับข้าวโอ๊ตและครินัว ตงตงจึงซื้อข้าวฟ่างมาตุนไว้ที่ร้าน 20 จิน (10 กิโลกรัม) บางวันก็ทำโจ๊กใส่ถั่วกินตอนเช้า บางวันก็ทำข้าวเกรียบข้าวฟ่างเอาไว้กินเล่น

            ไม่รู้หรอกนะว่าชายคนนี้ ถามเพราะต้องการหยั่งเชิงหรืออะไร แต่ตงตงก็ตอบตามจริง

            “จริงๆ ร้านของเราไม่มีเมนูข้าวฟ่างขาย แต่ถ้าลูกค้าต้องการ ข้าก็สามารถทำมาเสิร์ฟได้เจ้าค่ะ เพราะปกติพวกเราจะหุงข้าวฟ่างกินเป็นประจำอยู่แล้ว”

            “กินเป็นประจำเลยหรือ” ลูกค้าหน้าใหม่เลิกคิ้วถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ

            “ข้าวฟ่างมีประโยชน์นะเจ้าคะ โดยเฉพาะกับคนสูงอายุและคนที่รักสุขภาพ”

            “เอ๋!?”

            ลูกค้าร้องด้วยน้ำเสียงประหลาดใจอีกหน ทั้งยังเผยสีหน้าสงสัยราวกับว่าคำตอบของตงตงค่อนข้างเกินคาด

            เด็กสาวเอียงศีรษะแล้วถามกลับอย่างไม่เข้าใจ

            “มีอะไรหรือเจ้าคะ”

            “เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก” ลูกค้าคนนั้นบอก หลังจากเงียบไปพักหนึ่งเขาก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ข้าลองกินเมนูข้าวฟ่าง ช่วยทำมาสัก 3-4 เมนูได้หรือไม่”

            “ได้เจ้าค่ะ”

            เด็กสาวตอบรับในทันที ยิ่งทำให้ลูกค้าหน้าใหม่และลูกค้าคนอื่นๆ ที่อยู่ในร้าน เกิดความแปลกใจมากยิ่งขึ้นอีก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status