บทที่ 45
คำขอของลูกค้าใหม่
ในคืนนั้นเอง พอกลับเข้าห้องปิดประตู เปลี่ยนชุดชุดนอนเสร็จ ตงตงก็ล้มตัวลงบนเตียง
แต่ทันใดนั้น เด็กสาวดีดตัวขึ้นนั่งเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ามีบางอย่างที่ยังไม่ได้ทำ
ตงตงเปิดระบบร้านค้า ค้นหาอุปกรณ์ป้องกันตัว
ทันใดนั้น สนับมือ สนับเข่า กระบองเหล็กสามท่อน มีดพกพาสำหรับเดินป่า ไฟฉายและอื่นๆ ขึ้นมาต็มหน้าจอ
ตงตงเลื่อนหาสเปรย์พริกไทยกับเครื่องช็อตไฟฟ้า
ตอนแรกยังสงสัยว่าจะมีขายในระบบร้านค้าหรือเปล่า เพราะสินค้าทั้งสองอย่างนี้จัดอยู่ในวัตถุอันตราย โชคดีที่ระบบร้านค้าเชื่อมต่อกับร้านค้านำเข้าที่ไม่ระบุชื่อผู้ขาย พูดง่ายๆ คงเป็นร้านเถื่อน
พอลองกดเข้ามาดู ตงตงก็เจอสินค้าที่ต้องการ
อย่างไรก็ตาม สินค้าอันตรายราคาค่อนข้างสูง
สเปรย์พริกไทยขวดเล็ก 2 ตำลึงเงิน ส่วนเครื่องช็อตไฟฟ้าราคา 3 ตำลึงทอง
แต่ว่า…กันไว้ดีกว่าแก้ พวกเด็กๆ ต้องออกไปข้างนอกเพื่อซื้อของมาเติมร้านอยู่เป็นประจำ ทั้งฉินเฟยอวี่กับกู้อวี้ชุนทำได้ทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย แม้สิ่งนั้นจะเป็นการทำร้ายคนอื่นก็ตาม
เพราะอย่างนั้นจึงมีแนวโน้มว่าพวกเขาอาจจะจับคนของโรงเตี๊ยมตระกูลจางไปต่อรองเพื่อเป้าหมาย เหมือนอย่างที่ทำร้ายเหยียนหลิ่วเพียงแค่ต้องการสูตรหม้อไฟหมาล่า
สำคัญกว่านั้น แค่จางไคเฮ่อคนเดียวดูแลความปลอดภัยไม่ทั่วถึง แถมหยูฮูหยินกับเสี่ยวซินก็ต้องออกไปซื้อของข้างนอกบ่อยๆ หากเกิดอะไรขึ้นคงแย่อน่ๆ
คิดจบ ตงตงกดซื้อสเปรย์พริกไทยกับเครื่องช็อตไฟฟ้าอย่างไม่ลังเล
จังหวะที่กำลังจะปิดหน้าระบบร้านค้า ตงตงโพล่งขึ้นมา
“อ๊ะ เกือบลืมไปเลย”
ในขณะที่พูด ตงตงเลื่อนหาของบางอย่าง
“ซื้ออันนี้ด้วยดีกว่า”
สินค้าชิ้นสุดท้ายที่ตงตงซื้อคือปืนอัดลมลูกเหล็ก
เท่าที่อ่านรีวิว ปกติจะใช้ยิงนกยิงหนู ถ้าเอามาใช้ยิงคน อาจทำให้ช้ำหรือเป็นแผลถลอก แต่ไม่ถึงกับตาย
เอาละ เลือกชิ้นนี้แหละ
คิคิคิ!!
เด็กสาวคิดพลางหัวเราะอย่างชั่วร้าย
…..
…..
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากตั้งป้ายเปิดร้าน เหล่าลูกค้ากล้ามโตต่างทยอยเข้าร้านทีละคนสองคนจนภายในร้านแน่นขนัด
ทุกคนวิ่งวุ่นเสิร์ฟอาหารกันแทบไม่ได้หยุดพัก
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ภายในร้านลูกค้าค่อยๆ ซาลง
ตรงนี้เอง ทั้งตงตงทั้งลูกจ้างถึงได้มีเวลานั่งพัก
ช่วงเวลาที่ไม่มีลูกค้า ตงตงจะคิดและจดเมนูใหม่ๆ ใส่กระดาษเอาไว้ ทั้งยังคิดหาสินค้ามาขายในร้านเพิ่ม
ในตอนที่คิดว่าจะทำอะไรดีนะ ชายคนหนึ่งอายุราวๆ สี่สิบกว่าเดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทางองอาจ
ชายคนนี้สวมเครื่องแต่งกายของหน่วยราชองครักษ์หลวง เพียงแต่เสื้อคลุมของเขาปักลวดลายพยัคฆ์ แถมดาบที่สะพายอยู่ข้างเอวก็มีวิบวับและดูว่าน่าจะแพงกว่าพี่ชายท่านอื่นหลายเท่า
น่าจะเป็นคนที่มียศมีตำแหน่งสูง
ตงตงคิด พร้อมกับมองจิ่งฝางเข้าไปต้อนรับลูกค้าหน้าใหม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
สายตาคมกริบของชายคนนั้นกวาดมองทั่วร้าน ก่อนมุมปากของเขาจะยกยิ้ม
“จัดร้านได้ดี สะอาดสะอ้าน มีป้ายบอกราคาชัดเจน”
“ขอบคุณขอรับ เถ้าแก่เนี้ยน้อยเป็นคนออกแบบร้านน่ะขอรับ”
“น่าสนใจ”
ความประทับใจแรกหลังจากเข้าร้านคือความสะอาด บรรยากาศในร้านปลอดโปร่ง และการแสดงราคาสินค้าชัดเจน เป็นการทำให้ลูกค้าเห็นว่า ร้านนี้ขายอาหารอย่างโปร่งใส
จิ่งฝางยิ้มรับคำชม
“นอกจากรายการอาหารตามป้าย ในร้านมีอย่างอื่นหรือไม่” ชายคนนั้นเอ่ยถาม
“ประเดี๋ยวข้าน้อยจะไปถามเถ้าแก่เนี้ยน้อยให้นะขอรับ”
ชายคนนั้นพยักหน้า มองตามจิ่งฝางที่เดินไปทางหลังโต๊ะคิดเงิน
ทันทีที่จิ่งฝางเดินมาบอก เด็กสาววางสมุดลง เดินออกมาจากหลังโต๊ะคิดเงิน แล้วตามจิ่งฝางมายังโต๊ะของลูกค้า
เมื่อตงตงเดินเข้ามา ชายคนนั้นพลันหรี่ดวงตาเหมือนพิจารณา
“ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ ลูกค้าต้องการเมนูแบบไหนหรือเจ้าคะ”
“ร้านของเจ้า มีเมนูข้าวฟ่างหรือไม่”
ทันทีที่ชายคนนี้เอ่ยปาก ลูกค้าสามสี่คนที่ยังนั่งกินอาหารอยู่ในร้านต่างอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงทันที
ตงตงเองก็แปลกใจไม่ต่างกัน
เท่าที่รู้มา คนที่มีอันจะจริงไม่นิยมกินข้าวฟ่าง เพราะข้าวฟ่างนั้นรสชาติฝาดและมีกลิ่นเหม็นของหญ้าแห้ง
ด้วยเหตุนี้กระมัง ร้านขายข้าวสารในเมืองหลวงไม่ค่อยนำข้าวฟ่างมาวางขาย
แต่ทว่า…
ยุคสมัยที่ตงตงจากมานั้น ข้าวฟ่างเป็นที่นิยมในกลุ่มของคนรักสุขภาพเช่นเดียวกับข้าวโอ๊ตและครินัว ตงตงจึงซื้อข้าวฟ่างมาตุนไว้ที่ร้าน 20 จิน (10 กิโลกรัม) บางวันก็ทำโจ๊กใส่ถั่วกินตอนเช้า บางวันก็ทำข้าวเกรียบข้าวฟ่างเอาไว้กินเล่น
ไม่รู้หรอกนะว่าชายคนนี้ ถามเพราะต้องการหยั่งเชิงหรืออะไร แต่ตงตงก็ตอบตามจริง
“จริงๆ ร้านของเราไม่มีเมนูข้าวฟ่างขาย แต่ถ้าลูกค้าต้องการ ข้าก็สามารถทำมาเสิร์ฟได้เจ้าค่ะ เพราะปกติพวกเราจะหุงข้าวฟ่างกินเป็นประจำอยู่แล้ว”
“กินเป็นประจำเลยหรือ” ลูกค้าหน้าใหม่เลิกคิ้วถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ข้าวฟ่างมีประโยชน์นะเจ้าคะ โดยเฉพาะกับคนสูงอายุและคนที่รักสุขภาพ”
“เอ๋!?”
ลูกค้าร้องด้วยน้ำเสียงประหลาดใจอีกหน ทั้งยังเผยสีหน้าสงสัยราวกับว่าคำตอบของตงตงค่อนข้างเกินคาด
เด็กสาวเอียงศีรษะแล้วถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“มีอะไรหรือเจ้าคะ”
“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก” ลูกค้าคนนั้นบอก หลังจากเงียบไปพักหนึ่งเขาก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ข้าลองกินเมนูข้าวฟ่าง ช่วยทำมาสัก 3-4 เมนูได้หรือไม่”
“ได้เจ้าค่ะ”
เด็กสาวตอบรับในทันที ยิ่งทำให้ลูกค้าหน้าใหม่และลูกค้าคนอื่นๆ ที่อยู่ในร้าน เกิดความแปลกใจมากยิ่งขึ้นอีก
บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ
บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”
บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ
บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่
บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที
บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม