로그인แม่ทัพ ฉินเย่เหวิน ถือเป็นบุคคลที่ทั้งอาณาจักรต้องจับตามอง ด้วยวัยเพียง 25 ปี เขาก็สามารถไต่เต้าขึ้นมาสู่ตำแหน่งแม่ทัพที่ทรงอำนาจได้อย่างรวดเร็ว ความสำเร็จของเขาไม่ใช่เพียงเพราะความสามารถในการต่อสู้หรือการนำทัพเท่านั้น แต่ยังมาจากความสามารถในการตอบสนองและเข้าใจความต้องการของผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นการสนองตัณหาขององค์ฮองเฮาในยามที่นางต้องการ หรือแม้แต่การเอาใจขันทีแก่ที่มีอิทธิพลในราชสำนัก
แม้การกระทำของเขาอาจจะถูกมองว่าผิดศีลธรรมหรือขัดกับความรู้สึก แต่สำหรับฉินเย่เหวิน สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงวิถีทางหนึ่งในการก้าวขึ้นสู่อำนาจ เขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองถูกบังคับให้ทำ เพราะภายในร่างกายหนุ่มแน่นของเขาเต็มไปด้วยความหื่นกระหายที่ไม่รู้จักพอ การที่เขาได้ดีและเติบใหญ่ได้เร็วขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นเพราะเขารู้จักใช้ทุกโอกาสในการผลักดันตัวเอง
เช้าวันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านเมฆบางๆ ทำให้อากาศสดชื่นเหมาะกับการเริ่มต้นวันใหม่ แม่ทัพ
ฉินเย่เหวิน ตื่นเช้าตามปกติ แต่ในวันนี้มีภารกิจสำคัญรอเขาอยู่ นั่นคือการถ่ายทอดวิชาเชิงดาบให้กับองค์ชาย ผู้ที่ถูกวางตัวให้เป็นว่าที่ฮ่องเต้ในอนาคต
ฉินเย่เหวินสวมใส่ชุดแม่ทัพที่ตัดเย็บอย่างประณีต สะพายดาบประจำตัวซึ่งเป็นดาบที่เขาฝึกฝนและใช้งานมาตลอดหลายปี เมื่อเตรียมตัวเสร็จ เขาออกจากที่พักมุ่งหน้าไปยังลานฝึกที่อยู่ภายในวัง ความสง่างามและมาดมั่นของเขาทำให้ทหารและขันทีที่พบเห็นต่างพากันยกมือคำนับด้วยความเคารพ
เมื่อมาถึงลานฝึก ฉินเย่เหวินพบว่าองค์ชายกำลังรออยู่แล้ว ด้วยความสุภาพและเคร่งครัดในหน้าที่ เขาคุกเข่าคำนับต่อองค์ชายก่อนจะเริ่มการฝึกสอน
องค์ชายหวังอี้เฟิง ในวัยเพียง 10 ปี แต่กลับมีความสง่างามและความภูมิฐานเกินวัย ร่างกายของพระองค์สูงโปร่ง ผิวพรรณ
ขาวนวลสะอาดตา ดวงตาของพระองค์ดำขลับและเป็นประกาย แฝงไปด้วยความเฉลียวฉลาดและความมุ่งมั่นในแบบที่บ่งบอกถึงศักยภาพแห่งการเป็นผู้นำในอนาคต
การฝึกฝนวิชาเชิงดาบขององค์ชายหวังอี้เฟิงกำลังดำเนินไปด้วยความเข้มข้น ณ ลานฝึกอันกว้างขวางกลางพระราชวัง องค์ฮองเฮาหลี่หวงซิน ทรงนั่งอยู่ไม่ไกล นางแต่งกายอย่างงดงามในชุดผ้าไหมสีแดงสด ประดับด้วยลายปักทองอันวิจิตร ที่เข้ากับเรือนผมสีดำขลับที่ถูกเกล้าไว้อย่างประณีต องค์ฮองเฮามีรูปลักษณ์ที่อ่อนหวานและสง่างาม แต่ภายใต้ท่วงท่าที่เรียบร้อยนั้น แววตาของนางกลับสะท้อนถึงความรู้สึกอื่นที่ซ่อนอยู่
ดวงตาขององค์ฮองเฮาจ้องมองแม่ทัพฉินเย่เหวินอย่างไม่วางตา นางสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งและเสน่ห์ที่แผ่ออกมาจากร่างกายหนุ่มแน่นของเขา ความหื่นกระหายที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจของนางเริ่มปะทุขึ้นขณะมองใบหน้าคมคายของแม่ทัพหนุ่ม
แม่ทัพฉินเย่เหวิน แม้จะรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องขององค์ฮองเฮา เขาก็ต้องพยายามควบคุมสติให้มั่น ความงามและเสน่ห์ของนางทำให้เขารู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ยากจะต้านทาน แต่ด้วยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในการสอนวิชาเชิงดาบให้กับองค์ชาย เขาจึงต้องพยายามละทิ้งความคิดที่อาจทำให้เสียสมาธิ
ขณะฝึกสอน องค์ชายหวังอี้เฟิงยังคงมุ่งมั่นและตั้งใจในการฝึกดาบ โดยไม่รู้เลยว่าบรรยากาศรอบข้างนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดจากความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ของแม่ทัพหนุ่มและองค์ฮองเฮา ทุกการเคลื่อนไหวของแม่ทัพฉินเย่เหวินเต็มไปด้วยความเข้มแข็งและความมั่นคง แต่ภายในใจของเขากลับต้องต่อสู้กับความรู้สึกที่ไม่อาจแสดงออกมาได้
แม้จะยากลำบาก แต่แม่ทัพหนุ่มยังคงรักษาความสง่างามและความเข้มแข็งเอาไว้ได้ เขาสอนวิชาเชิงดาบให้องค์ชายด้วยความตั้งใจและความมุ่งมั่น ท่ามกลางบรรยากาศที่แฝงด้วยความซับซ้อนและความรู้สึกที่ยังไม่อาจเปิดเผย
เมื่อได้ยินคำชื่นชมจากแม่ทัพฉินเย่เหวิน องค์ชายหวังอี้เฟิงรู้สึกปลาบปลื้มใจ ใบหน้าเล็กๆ ขององค์ชายแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ยังคงถ่อมตัวด้วยการขอบคุณแม่ทัพหนุ่มผู้เป็นอาจารย์ “ขอบคุณท่านอาจารย์ เป็นเพราะตัวข้าได้อาจารย์ดี การฝึกฝนจึงรวดเร็วก้าวหน้าเช่นนี้” คำกล่าวขององค์ชายเปี่ยมด้วยความจริงใจและนอบน้อม แม่ทัพฉินเย่เหวินได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งประทับใจในความเฉลียวฉลาดและความอ่อนน้อมขององค์ชาย
ในขณะที่สองศิษย์อาจารย์กำลังสนทนากันอย่างเป็นกันเอง องค์ฮองเฮาหลี่หวงซินก็ปรากฏตัวขึ้น นางเดินเข้ามาอย่างเย้ายวน ใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์และรอยยิ้มที่แฝงด้วยนัยยะบางอย่าง ทำให้บรรยากาศรอบตัวแม่ทัพฉินเย่เหวินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“หวังอี้เฟิง ลูกแม่ ลูกตั้งใจฝึกซ้อมกับหุ่นไม้ไปก่อนนะ แม่มีธุระสำคัญต้องคุยกับอาจารย์ของลูก” องค์ฮองเฮาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด องค์ชายหวังอี้เฟิงไม่ได้คิดอะไร เขาตอบรับด้วยความเคารพ “ขอรับ ท่านแม่” ก่อนที่จะหันกลับไปฝึกซ้อมต่อด้วยความตั้งใจ
ทว่า แม่ทัพฉินเย่เหวินกลับรู้สึกถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดและความยั่วยวนที่เพิ่มขึ้นในทันทีเมื่อองค์ฮองเฮาเข้ามาใกล้ สตรีนางนี้มีอำนาจบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกถึงความหื่นกระหายที่ยากจะต้านทาน ร่างกายของเขาตอบสนองโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ท่านแม่ทัพ” องค์ฮองเฮากล่าวขึ้น นัยน์ตาของนางจับจ้องไปที่เขา รอยยิ้มแฝงความปรารถนา “เรามีเรื่องจะพูดคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว”
เมื่อองค์ฮองเฮาหลี่หวงซินนำแม่ทัพฉินเย่เหวินมาถึงศาลากลางน้ำริมทะเลสาบ นางสั่งให้สาวใช้ปิดผ้าม่านทุกด้าน ปิดกั้นไม่ให้ใครสามารถมองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในศาลานี้ได้ บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบ มีเพียงเสียงน้ำกระทบกับชายฝั่งทะเลสาบและสายลมอ่อนๆ ที่พัดผ่านให้ได้ยินเบาๆ
เมื่อความเป็นส่วนตัวได้รับการรับรอง องค์ฮองเฮาหลี่หวงซินก็ไม่รอช้า นางจับแม่ทัพหนุ่มประกบริมฝีปากอย่างหิวกระหาย ความปรารถนาที่สะสมมานานระเบิดออกมาในจูบที่เต็มไปด้วยความต้องการ มือเรียวของนางลูบไล้ไปตามแผงอกและแผ่นหลังของแม่ทัพหนุ่ม ราวกับจะสำรวจและจดจำทุกส่วนของร่างกายเขา
แม่ทัพฉินเย่เหวิน แม้จะรู้สึกถึงความไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดและความปรารถนาที่ท่วมท้นในสถานการณ์เช่นนี้ได้ เขาตอบสนองนางด้วยความร้อนแรงเช่นเดียวกัน มือของเขาสัมผัสไปยังหน้าอกที่งดงามขององค์ฮองเฮา บีบจับอย่างทะนุถนอมแต่ก็เต็มไปด้วยความปรารถนา จากนั้นเขาก็เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกทีละชิ้น เผยให้เห็นเรือนร่างที่สุดแสนจะเย้ายวน ซึ่งซ่อนอยู่ใต้ชุดที่สง่างามนั้น
ความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นภายในศาลากลางน้ำถูกปกคลุมด้วยม่านที่หนาและวิวของทะเลสาบที่เงียบสงบ ไม่มีใครสามารถเห็นหรือได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากธรรมชาติที่อยู่รอบตัวพวกเขาเท่านั้นที่เป็นพยานให้กับความปรารถนาอันรุนแรงนี้
แม่ทัพฉินเย่เหวินรู้ดีว่าการกระทำเช่นนี้อาจนำพาเขาไปสู่ปัญหาใหญ่ แต่ในช่วงเวลานี้ ความปรารถนาได้บดบังเหตุผลไปจนหมดสิ้น ในห้วงเวลานี้ มีเพียงความต้องการและความหื่นกระหายที่ทั้งสองมีต่อกันเท่านั้นที่ครอบงำทุกสิ่ง
หลังจากที่หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ ประสบความเจ็บป่วยอย่างหนัก องค์ฮองเฮาหลี่หวงซินได้ตัดสินใจทุบกำแพงที่แยกตำหนักส่วนตัวของนางกับจวนของแม่ทัพฉินเย่เหวิน และสร้างพื้นที่ร่วมกันใหม่ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย นางได้แปลงตำหนักของนางให้กลายเป็นสถานที่ที่คล้ายหลุดออกจากโลกภายนอกพื้นที่ในตำหนักของนางถูกปกคลุมด้วยความลับและความเย้ายวนใจ ไม่มีข้อบังคับทางศีลธรรมมาขวางกั้น ความหลงใหลและความปรารถนาของนางกับแม่ทัพหนุ่มจึงถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่ ทุกวัน แม่ทัพฉินเย่เหวินจะมอบความเร่าร้อนและความพึงพอใจให้แก่องค์ฮองเฮาอย่างดุเดือด นางร้องครวญครางด้วยความสุขจนเต็มอิ่มเสียงครางจากองค์ฮองเฮาดังขึ้น "ท่านแม่ทัพ แรงอีก แรงอีก ข้าเสียวจนข้าจะไม่ไหวอยู่แล้ว" นางร้องออกมาด้วยความรู้สึกอันร้อนแรงและเต็มไปด้วยความพอใจในขณะที่ภาพความรักอันร้อนแรงเผยออกมา ภายในตำหนักที่เปล่าเปลือยแห่งนี้ นางสนมจากตำหนักผีเสื้อยืนอยู่ด้วยความหลงใหลและชื่นชม การมองดูฉากนี้ราวกับเป็นการแสดงถึงความงดงามและอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนางสนมราวกับถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์อันล้ำลึกของฉากที่พวกนางเฝ้าดู ร่างกายของพวกนางทั้งหมดรวม 100 ชีวิต นุ่งน้อยห่
หลังจากที่หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ล้มป่วยและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตำหนักผีเสื้อซึ่งเคยเป็นสวนสวรรค์ของพระองค์ก็ขาดคนดูแล สถานที่นี้เต็มไปด้วยนางสนมร้อยกว่าคนที่มีลีลาในการร่วมรักที่สุดแสนจะร้อนแรงพวกนางถูกรวบรวมมาจากทั่วทั้งแผ่นดินไม่ว่าจะผิวพรรณหน้าตารวมไปถึงความหื่นกระหายของพวกนางนั้นนับว่าเป็นหนึ่งแม่ทัพฉินเย่เหวินได้เชิญนางสนมทั้งหมดให้ย้ายมาอยู่กับตนชายหนุ่มผู้มีพลังอำนาจมากที่สุดภายในเมืองหลวงแห่งนี้นั้นเป็นเขามีหรือที่พวกนางนั้นจะตอบปฏิเสธจวนของท่านแม่ทัพในยามนี้นั้นเปรียบเสมือนสวรรค์บนดินที่ไม่ว่าผู้ใดต่างก็อยากที่จะมาเยือนสักครั้งในกลุ่มนางสนมมีซูเหม่ยฉิงซึ่งเป็นอดีตภรรยาคนรักของแม่ทัพ ฉินเย่เหวิน นางได้กลับมาด้วยความเต็มใจเพื่อรับหน้าที่ในการดูแลแม่ทัพและรับผิดชอบในการให้ความสุขทางกายแก่เขา ซูเหม่ยฉิงมีลีลาที่เร่าร้อนและประสบการณ์อันลึกซึ้งจากอดีตที่ผ่านมา ความรักและราคะที่เคยมีต่อกันทำให้เธอเต็มใจและพร้อมที่จะรับภาระหนักในการรองรับความต้องการของชายผู้เป็นอดีตสามีของเธอคืนนี้ ซูเหม่ยฉิงได้เตรียมตัวอย่างดีด้วยการสวมใส่ชุดนอนบางเบาที่เผยให้เห็นรูปร่างอันเย้ายวนใจของเธออย่า
แม่ทัพฉินเย่เหวินได้สร้างผลงานที่น่าจดจำอีกครั้งด้วยการปราบจอมโจรที่มีชื่อเสียง จึงได้รับการเลื่อนขั้นจากตำแหน่งแม่ทัพเป็น "แม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวง" การเลื่อนขั้นนี้เกิดขึ้นด้วยการสนับสนุนจากองฮองเฮาหลี่หวงซิน ซึ่งไม่เพียงแค่ให้การสนับสนุนด้านตำแหน่ง แต่ยังมอบจวนแม่ทัพหลังใหม่ที่มีขนาดใหญ่โตและกว้างขวางยิ่งกว่าเดิมจวนใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวินตั้งอยู่ใกล้กับตำหนักขององฮองเฮาหลี่หวงซิน นางให้เหตุผลว่าการมีเขาใกล้ชิดจะทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เพราะเขาสามารถคอยปกป้องเธอและลูกได้ตลอดเวลา ความใกล้ชิดนี้ยังแสดงถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งฮ่องเต้เองก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ ต่อการเลื่อนขั้นและการมอบจวนใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวิน เนื่องจากเขาตระหนักถึงความสำคัญและความสามารถของแม่ทัพหนุ่มในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของราชสำนักในช่วงกลางดึกของคืนหนึ่ง องฮองเฮาหลี่หวงซินได้แอบลอบเข้ามาภายในจวนหลังใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวิน ความรู้สึกของนางที่ไม่อาจต้านทานความต้องการในใจ ทำให้นางตัดสินใจเดินทางจากตำหนักของตนไปยังจวนใหม่ของแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักของนางเพียงไม่กี่ก้าวค่ำคืนนี้ช
แม่ทัพฉินเย่เหวินจ้องมองเรือนร่างของนางโจรสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ท่อนเนื้อแข็งผงาดขึ้นมาด้วยความปรารถนา เขารู้สึกถึงความร้อนรุ่มที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ความคิดในใจเต็มไปด้วยภาพของนางที่ชัดเจนทุกอณู เนื้อหนังของนางที่อ่อนนุ่มและโค้งเว้าอย่างน่าหลงใหลทำให้เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้บรรยากาศรอบกายเริ่มเปลี่ยนแปลง กลิ่นอายแห่งราคะค่อยๆ ลอยปกคลุมทั่วบริเวณ ความต้องการในใจของแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ทวีความรุนแรงขึ้น เขารู้ดีว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้คือความพึงพอใจอย่างสุดขีดในเรือนร่างของนาง และไม่อาจหลบหนีจากเสน่ห์ที่นางมีต่อเขาได้เลยร่างกายของจอมโจรสาวเริ่มสั่นเทาด้วยความรู้สึกที่เธอไม่อาจควบคุมได้ เปลวไฟแห่งราคะกำลังลุกไหม้ไปทั่วร่างของเธอ หลังจากที่ดื่มชาที่มีส่วนผสมปลุกอารมณ์เข้าไป ความร้อนรุ่มก็เริ่มแผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย สายตาของเธอพร่ามัวด้วยแรงปรารถนา หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกจากอก ความคิดที่เคยเข้มแข็งและมุ่งมั่นของเธอถูกแทนที่ด้วยความต้องการที่รุนแรง เธอรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตั
ในช่วงนี้ ทางตอนใต้ของเมืองหลวงต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากจอมโจรภูเขาที่กำลังระบาดหนัก พวกมันปล้นฆ่าไม่เลือกหน้า สร้างความหวาดกลัวและความเดือดร้อนไปทั่วทั้งแถบ ชาวบ้านต่างต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดผวาและไม่มีความสงบสุข แม่ทัพฉินเย่เหวิน ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะนักรบผู้เก่งกาจและกล้าหาญ จึงขออาสาออกไปปราบปรามโจรร้ายเหล่านี้ เพื่อสร้างผลงานและคืนความสงบสุขให้กับบ้านเมืองจอมโจรภูเขาเลือกตั้งฐานที่มั่นในพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร เป็นดินแดนที่เข้าถึงได้ยากและเต็มไปด้วยภูมิประเทศที่ท้าทาย การเดินทางไปยังถิ่นของพวกมันจึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก ทั้งเส้นทางที่คดเคี้ยวและอันตราย รวมถึงการต้องระมัดระวังการซุ่มโจมตีจากพวกโจรที่ชำนาญพื้นที่แม่ทัพฉินเย่เหวินไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขานำกำลังพลติดตามไปเพียง 100 คน เป็นทหารที่เชี่ยวชาญและไว้วางใจได้ ความมุ่งมั่นในสายตาของแม่ทัพหนุ่มฉายชัด เขารู้ดีว่านี่เป็นโอกาสที่จะสร้างผลงานและแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาอีกครั้งเมื่อออกเดินทางเข้าสู่พื้นที่อันทุรกันดาร กองกำลังของแม่ทัพฉินเย่เหวินต้องเผชิญกับเส้นทางที่ยากลำบาก ฝ่าดงพงไพรและข้ามภูเขาที่สูงชัน แม้ความเหน็ดเหนื่อยจ
ในวังหลวงที่ถูกปิดบังด้วยกำแพงสูงตระหง่านและเงาของราชบัลลังก์ ความลับที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ความสง่างามขององฮองเฮาหลี่หวงซินนั้นกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้ แม่ทัพฉินเย่เหวิน ผู้เป็นดั่งยอดฝีมือในสนามรบ กลับพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ของนางผู้เลอโฉม ทั้งสองแอบมีสัมพันธ์ลับอันเร่าร้อนซึ่งถูกปิดซ่อนไว้ในม่านความลับในช่วงที่แม่ทัพฉินเย่เหวินทำหน้าที่สอนวิชาเชิงดาบให้กับองค์ชายหวังอี้เฟิง เขาไม่อาจหักห้ามใจจากการพบปะกับนางได้ ทุกครั้งที่หยุดพัก ทั้งสองจะพากันหายลับไปยังมุมอันเงียบสงบของพระราชวัง ดวงตาของพวกเขามักเต็มไปด้วยความปรารถนา มันแผดเผาใจทำให้พวกเขาไม่อาจละสายตาจากกันได้นับวันผิวพรรณของหลี่หวงซินยิ่งงดงามขึ้น ดวงตาเป็นประกายสดใส ผิวเนียนนุ่มดั่งผลท้ออ่อน นางดูเปล่งปลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความลับของความงามนี้อยู่ที่ไฟราคะอันร้อนแรงของแม่ทัพหนุ่มผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อศึกใด ไม่เว้นแม้แต่ศึกรักก็เช่นกันเขามักจะอัดฉีดน้ำกามของตนเข้าไปภายในเรือนร่างของนางทุกครั้งเพื่อที่จะแสดงความเป็นเจ้าของ“อ๊า...ข้าเสียวเหรอเกิน” องฮองเฮาหลี่หวงซิน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความพึงพอใจยามที่น้ำกามของชู้รั







