Share

บทที่ 388

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ราชทูตของเป่ยเยี่ยนพยายามขู่เข็ญ ตลอดทั้งวันจะเฝ้ารออยู่แต่ในกรมศัสตราวุธ

พวกเขาค้นพบคลังสมบัติห้องหนึ่ง ทว่ากลับถูกห้ามไม่ให้เข้าไปด้านใน หัวหน้าราชทูตสงเหยียนจึงไม่พอใจอย่างมาก

“ฮ่องเต้ฉีทรงรับปากแล้วว่า จะให้พวกข้าเยี่ยมชมปืนหอกไฟนั่น พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาขัดขวาง!”

หัวหน้ากรมศัสตราวุธเดินมาขออภัยด้วยตนเอง

“ท่านราชทูต ปืนหอกไฟนั้นยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ โปรดรออีกสักสองสามวัน”

สงเหยียนมองออกว่าพวกเขามีเจตนาจะถ่วงเวลา

ทว่าหนานฉีก็ยอมอ่อนข้อให้แล้ว หากเป่ยเยี่ยนบีบบังคับมากเกินไป เกรงว่าผลที่ได้จะตรงข้ามกับที่คาดหวัง

ถึงอย่างไรก็แค่รอเพิ่มอีกสองสามวัน เขามีเวลาเหลือเฟือ

ก่อนจะกลับ สงเหยียนเอ่ยประโยคหนึ่งที่มีความหมายเป็นนัย ๆ ว่า

“ไม่ว่าจะหลบหน้าอย่างไรก็ไม่มีทางหลบพ้นได้”

หลังเขาจากไป คนในกรมศัสตราวุธต่างพากันเหงื่อตกเย็นวาบ

เป่ยเยี่ยนข่มเหงมากเกินไปแล้ว!

ในเวลากลางคืน

ภายในตำหนักหย่งเหอ

เซียวอวี้ทานอาหารมื้อค่ำร่วมกับเฟิ่งจิ่วเหยียน

เขาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในกลางวัน น้ำเสียงฟังดูอ่อนโยน

“เมิ่งเฉียวม่อทำความผิดไว้มาก ถึงแม้ครั้งนี้นางจะสร้างความดีความชอบ เราก็จะไม่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (45)
goodnovel comment avatar
สุบิน สาริกา
ทำท่าเร้าอารมณ์ อ่านไปอ่านมาหมดตอนแหละ
goodnovel comment avatar
8xiaobai8
ปกติของนิยายจีนออนไลน์ค่ะ หลายเรื่องยาวเป็นพันตอนอะ
goodnovel comment avatar
Supada Sriwisorn
บทยืดเยื้อมากเริ่มจะถอดใจละ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 389

    บนเตียงนั้นมีพื้นที่คับแคบ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีที่ให้ถอยหนีเซียวอวี้จับเอวของนางไว้ เพื่อให้นางอยู่ในพื้นที่จำกัดนางหันศีรษะหลบหลีกการจูบของเขา ก็ยิ่งทำให้เขาไม่เหลือความอดทนทันใดนั้นเขาจับคางของนางไว้ และมองเข้าไปในดวงตาของนางด้วยสายตาเยือกเย็น “หลบอะไร? หือ?”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งไม่หวั่นไหว มือสองข้างกำหมัดไว้แน่นเซียวอวี้เริ่มโมโห เขาพลันก้มศีรษะลงประกบริมฝีปากของนาง ไม่เหลือพื้นที่ว่างให้นางหายใจผ่านไปไม่นาน การหายใจของเขาเริ่มหอบถี่ ฝ่ามือใหญ่เคลื่อนมาทางด้านหน้าตัวนางแค่ดึงเบา ๆ สายรัดเอวก็หลุดออกฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาวางทับอยู่บนหน้าท้องที่กระชับและแบนราบของนาง โดยมีอาภรณ์กั้นอยู่หลายชั้นริมฝีปากบางของเขาเคลื่อนมาข้างใบหูของนาง เหมือนจูบเหมือนขบกัด ทั้งอมติ่งหู พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“มีองค์ชายให้กับเรา...”คำพูดนี้หาใช่จะหารือกับนาง แต่เป็นคำสั่งที่แข็งกร้าวเซียวอวี้เริ่มเกิดอารมณ์เคลิบเคลิ้ม เขาดึงอาภรณ์ของนางอย่างขาดสติเฟิ่งจิ่วเหยียนเอียงศีรษะ และหันหน้าไปทางผ้าม่านข้างเตียงแววตาของนางเฉยชาและคิ้วขมวดแน่น“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เต็มใจจะร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 390

    ในห้องทรงพระอักษรหลิวซื่อเหลียงนำยาทาแผลน้ำร้อนลวกมาวางบนโต๊ะแล้วเขาหูตาว่องไว แค่เห็นฮองเฮาอยู่ด้านในด้วย ไม่ต้องรอได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ก็ถอยพรวดพราดออกไปแล้วเซียวอวี้นั่งลงตรงนั้นและวางมือไว้บนโต๊ะเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่ตรงข้ามกับเขา เริ่มจากพับแขนเสื้อของเขาขึ้นมาก่อน ถึงมองเห็นตำแหน่งทั้งหมดที่ถูกน้ำร้อนลวกตอนอยู่ที่ค่ายทหารนางก็ทำแผลใส่ยาอยู่เป็นประจำ ท่าทางจึงดูคล่องแคล่วแค่ผ่านไปชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น นางก็เงยหน้าขึ้น“เสร็จแล้วเพคะ”เซียวอวี้: รวดเร็วเพียงนี้เชียวหรือ?เมื่อเห็นนางจะลุกขึ้น เขาพลันมองไปทางสาส์นกราบทูลที่วางกองอยู่บนโต๊ะ“ไปหยิบสาส์นกราบทูลมา เราจะพูดแล้วเจ้าก็เขียน”เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกแปลกใจ “ฝ่าบาท วังหลังไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับราชกิจเพคะ”ยิ่งไปกว่านั้นจักให้นางเขียนแทนด้วยซ้ำ สีหน้าของเซียวอวี้ดูเรียบเฉย “ทั้งหมดเป็นสาส์นกราบทูลที่ไม่มีแก่นสาร ไม่ได้สลักสำคัญอะไร”สาส์นกราบทูลในแต่ละวันที่เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ มีน้อยมากส่วนใหญ่เป็นเรื่องไร้แก่นสารที่ไม่มีผลใด ๆ เดิมทีเฟิ่งจิ่วเหยียนคิดว่าเขาพูดเกินจริง ทว่าหลังจากพลิกดูตามคำขอของเขา ถึ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 391

    เมื่อฮูหยินเฟิ่งต้องมาเผชิญหน้ากับฝ่าบาทเป็นครั้งแรกเช่นนี้ ทำเอานางรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งถึงแม้เซียวอวี้จักอนุญาตให้นางนั่งลงก็ตาม ทว่า นางคล้ายกับตนเองนั่งอยู่เบาะที่มีเข็มก็ไม่ปานแม้แต่ชาที่ข้ารับใช้รินให้นั้น นางก็ยังมิกล้าแตะต้องเมื่อเห็นฮูหยินเฟิ่งมีท่าทีตื่นเต้นเช่นนี้ เซียวอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า“มิต้องตระหนกถึงเพียงนั้น เราเพียงแค่อยากจะถามอะไรบางอย่างเท่านั้น หลังจากที่ฮองเฮาเกิดออกมาแล้วถูกส่งไปยังตระกูลเมิ่งนั้น เรื่องของนางพวกเจ้ารู้มากเท่าใดกัน”เมื่อเซียวอวี้เอ่ยถามเรื่องนี้ขึ้นมา ทำเอาฮูหยินเฟิ่งยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นไปอีกนางพลันลุกขึ้นพร้อมเอ่ยปฏิเสธออกมาในทันที“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันมิทราบว่าผู้ใดเอ่ยเรื่องราวไร้สาระเช่นนี้ขึ้นมา ทว่า ฮองเฮาได้รับการเลี้ยงดูอยู่ภายในตระกูลเฟิ่งมาโดยตลอดเพคะ หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลเมิ่งไม่!”แววตาของเซียวอวี้พลันมืดครึ้มลงเมื่อเห็นปฏิกิริยาของฮูหยินเฟิ่งเป็นเช่นนี้แล้ว เกรงว่าถามไปคงมิได้คำตอบอะไรกลับมาเท่าใดนักหากเค้นถามต่อไป เกรงว่าจักให้นางเป็นลมไปได้เซียวอวี้จึงออกคำสั่งเสียงเข้มมาว่า“ส่งตัวฮูหยินเฟ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 392

    ระยะทางของคุกเทียนเหลานั้นอยู่ใกล้กับพระราชวังเป็นอย่างมากหากเกิดเหตุการณ์นักโทษแหกคุกเมื่อใดนั้น ทางราชวังก็สามารถเข้าจัดการและควบคุมได้ในทันทีในยามนี้ บริเวณพื้นที่เปิดโล่งของคุกเทียนเหลานั้น เฉียวม่อกำลังถูกคุ้มกันโดยกองทัพอินทรีเหิน นางอาศัยการต่อสู้ของพวกเขาเพื่อให้เหลือหนทางสีเลือดให้กับตนเอง นับตั้งแต่แหกคุกจนมาถึงที่ตรงนี้ได้นั้น นางได้จะทะลวงเกราะป้องกันด่านที่สามแล้วด้านหน้าคือด่านสุดท้ายของการหลบหนีในครานี้ขอเพียงแค่นางสามารถทะลวงออกไปจนถึงประตูหลักได้เมื่อใดนั้น นางก็จะสามารถหลบหนีออกไปได้สำเร็จเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักมีมากมายนัก ในมือพลันถือโล่ถือหอกเอาไว้ แปลงขบวนเป็นกำแพงมนุษย์เพื่อต้านทานการโจมตีของเหล่ากองทัพอินทรีเหินในขณะเดียวกัน รอบด้านทั้งสี่พลันถูกโอบล้อมไปด้วยกำแพงสูงและหอคอยปราการ ด้านบนกำแพงมีพลธนูยืนรออยู่นับไม่ถ้วน พวกเขาง้างคันธนูจนสุดสาย พร้อมทั้งลูกธนูนับหมื่นที่พุ่งลงมาในทันทีเหล่ากองทัพอินทรีเหินที่มากกว่าสองร้อยนายนั้น พวกเขาใช้ร่างของตนเองคุ้มกันเฉียวม่อเอาไว้ด้วยวิชาระฆังทองคุ้มกาย ฝ่าการโจมตีออกไปด้วยความยากลำบากพวกเขาที่เคยผ่านสน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 393

    เมื่อเฉียวม่อเงยหน้าขึ้นมานั้น นางเห็นบนกำแพงสูงส่ง ฝ่าบาทกำลังมองลงมาจากที่สูงในมือพลันถือคันธนูพร้อมด้วยลูกธนูเอาไว้ ดวงตาทั้งสองข้างพลันเต็มไปด้วยความมืดมนใบหน้ารูปงามพลางแผ่กลิ่นอายอันน่าหวาดผวาออกมาทุกคนต่างก็รู้กันดีว่า ทักษะการยิงธนูของฝ่าบาทนั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ทั้งยังไม่เคยพลาดเลยสักครั้งลูกธนูทั้งสามดอกเมื่อครู่นั้น ฝ่าบาทย่อมสามารถยิงไปที่เฉียวม่อได้อย่างไม่มีผิดพลาดนั่นย่อมแสดงว่า นี่เป็นเพียงคำเตือนเสียมากกว่าหากถอย นางย่อมรักษาชีวิตเอาไว้ได้หากก้าวไปข้างหน้าแม้แต่เพียงก้าวเดียว ย่อมมีแต่หนทางตายเซียวอวี้วางคันธนูในมือลง ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้นมาว่า“ผู้ฝ่าฝืนกฎ จักถูกสังหารโดยไม่มีข้อยกเว้น”“พ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่เห็นฝ่าบาทนั้น เหงื่อเย็น ๆ พลันไหลโทรมกายเฉียวม่อไปในทันทีนางสามารถจินตนาการได้เลยว่า จุดจบของนางจักเป็นเช่นไรเพื่อที่จะหลบหนีออกไปได้นั้น นางยอมทำทุกวิถีทางถึงแม้กองทัพอินทรีเหินจักเก่งกาจในการสู้รบมากเพียงใด พวกเขาย่อมมิอาจเอาชนะกำลังพลที่มีมากถึงพันนายไปได้ยิ่งไปกว่านั้น กำลังพลที่น้อยกว่าย่อมทำให้พวกเขาอยู่ในฐานะเสียเปรียบเหล่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 394

    ใบหน้าของเฉียวม่อเต็มไปด้วยตื่นตระหนกตกใจในทันทีอีกก้าวเดียวเท่านั้น นางก็จักสามารถหนีออกไปได้แล้วจู่ ๆ หอกด้ามหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น พลางบังคับให้นางต้องถอยหลังกลับไปทั้งด้านในประตูและบนกำแพง ทุกคนต่างพากันมองดูฉากตรงหน้าด้วยความประหลาดใจพร้อมทั้งผู้ที่ถือหอกก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวเข้ามาอยู่ในสายตาของทุกคนอย่างช้า ๆคนผู้นั้นสวมหน้ากาก ดูคล้ายกับอดีตท่านแม่ทัพน้อยเป็นอย่างมากเหล่ากองทัพอินทรีเหินต่างก็มีท่าทีสับสนไปในทันทีคนอื่น ๆ ย่อมมีอาการเช่นเดียวกันขณะที่คนผู้นั้นก้าวมาข้างหน้า เฉียวม่อจึงทำได้เพียงก้าวถอยหลังเท่านั้นสายฝนที่ตกโปรายปรายลงมา ทำให้การมองเห็นของนางพร่ามัวหากแต่เฉียวม่อมั่นใจเป็นอย่างมากว่า ผู้ที่สวมใส่หน้ากากอยู่ตรงหน้านางนั้น หาใช่ใครอื่นไม่ ย่อมต้องเป็นศิษย์พี่ของนางเฟิ่งจิ่วเหยียน...บนกำแพงนั้น เซียวอวี้ถึงกับขมวดคิ้วลงเล็กน้อยเฉียวม่อยังคงต้องการหนทางหนีเมื่อเห็นว่าข้างกายของเฟิ่งจิ่วเหยียนมีช่องโหว่ นางจึงรีบเอี่ยวตัวเพื่อเบี่ยงหนีทว่า เพียงแค่เฟิ่งจิ่วเหยียนขว้างหอกออกไปนั้น ก็สกัดกั้นให้นางต้องล่าถอยกลับไปในทันทีเฉียวม่อยังคงมิยินยอม พลางเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 395

    เฟิ่งจิ่วเหยียนต้องการช่วยกองทัพอินทรีเหิน นางทำได้เพียงต้องใช้ตัวตนของเมิ่งสิงโจวมาแก้ปัญหาเท่านั้นมิฉะนั้น สำหรับเซียวอวี้แล้ว การที่กองทัพอินทรีเหินมิอาจควบคุมได้ อย่างไรก็ต้องทำการประหารอย่างเดียวเมื่อรู้ว่ามีแม่ทัพน้อยเมิ่งอีกคนหนึ่งนั้น ทุกคนต่างก็มีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไปในทันทีองค์หญิงใหญ่ตกใจเป็นอย่างยิ่งนางหันหน้าไปมองเซียวอวี้สีหน้าของเซียวอวี้ดูสงบเงียบกว่านางมากนัก ราวกับว่าเขารู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วดวงตาจึงเจือไปด้วยไอสังหารที่มิอาจอธิบายออกมาได้จู่ ๆ เฉินจี๋ก็ตระหนักได้ในทันทีที่แท้ การที่เมิ่งเฉียวม่อมิได้สนใจความเป็นความตายของกองทัพอินทรีเหินนั้น นั่นเป็นเพราะนางมิใช่ท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งตัวจริง!เช่นนั้น นางย่อมมีโทษหลอกลวงเบื้องสูงขึ้นมาอีกหนึ่งกระทง!ทว่า สิ่งที่เฉินจี๋คิดไม่ตกก็คือ ในเมื่อเมิ่งสิงโจวยังมีชีวิตอยู่เช่นนี้ เหตุใดเขาจึงยอมให้เมิ่งเฉียวม่อมาสวมรอยเป็นตนเองด้วยเล่า?กองทัพอินทรีเหินจ้องมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยความว่างเปล่า“ท่านแม่ทัพน้อย?”พวกเขามิอยากจะเชื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปที่พวกเขา เมื่อเห็นว่าพวกเขายังอยู่ท่วงท่าที่จะปลิด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 396

    โผละ!ป้ายคำสั่งพลันแตกออกมา พละกำลังความแข็งแกร่งของนิ้วเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น ทุกคนต่างก็เห็นได้ชัด“ไม่! ท่านแม่ทัพน้อย…” กองทัพอินทรีเหินทั้งหมดต่างก็พยายามอดกลั้นเอาไว้เฉียวม่อมองไปยังชิ้นส่วนของป้ายคำสั่งที่แตกหักด้วยความปวดใจศิษย์พี่ยอมที่จะมอบกองทัพอินทรีเหินให้ไปอยู่ในมือผู้อื่นจริง ๆ !เช่นนี้ไม่สู้ปล่อยให้พวกเขาช่วยนางออกไป ก่อนที่จะตายอย่างสมเกียรติดีกว่าหรือ!คิ้วของเซียวอวี้ขมวดเป็นปมไปในทันทีการกระทำของเมิ่งสิงโจวในครานี้ ถือว่าพลิกสถานการณ์ทุกอย่างได้ในทันทีเขาเข้าใจความรู้สึกของฝ่าบาท ทั้งยังรู้วิธีที่จะแลกเปลี่ยนอีกด้วย“เฉินจี๋ ถอยทัพ”“พ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากทหารของวังหลวงถอยทัพกลับไปแล้วนั้น จำนวนคนจึงน้อยลงไปมากกว่าครี่งหนึ่งในทันทีกองทัพอินทรีเหินปลอดภัยแล้วพวกเขาจะไม่ตายทว่า ภายในใจของพวกเขาก็รู้สึกแย่ยิ่งนักนับแต่นี้ต่อไป พวกเขาจักไม่ใช่คนของท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งอีกแล้วโทษประหารพลันหลีกเลี่ยงได้ ทว่า บทลงโทษยามมีชีวิตอยู่มิอาจหนีพ้นบทลงโทษที่พวกเขาช่วยกันแหกคุกในคืนนี้ยังคงต้องดำเนินต่อไปเซียวอวี้เอ่ยสั่งการออกมาอย่างเด็ดขาดว่า“นำตัวทุกคนเ

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1214

    เฉินจี๋ได้รับการช่วยเหลือจากนายพรานผู้หนึ่ง ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรง กระทั่งตอนนี้ก็ยังหมดสติอยู่นี่จึงไม่น่าแปลกใจที่เขายังไม่ปรากฏตัว ที่แท้เป็นเพราะร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหวได้นายพรานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกับคณะรู้จักกับเฉินจี๋ จึงรู้สึกโล่งใจ“ข้าลำบากใจจริง ๆ เพราะคิดว่านี่คือชีวิตคนคนหนึ่ง จึงไม่อาจทอดทิ้งได้ ทว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของเขา ข้าก็ต้องใช้เงิน...”ไม่รอให้นายพรานพูดจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ส่งสัญญาณให้อู๋ไป๋นำเงินให้อู๋ไป๋ถนัดการจัดการเรื่องต่าง ๆ สักพักก็เริ่มคุ้นเคยกับนายพราน และเอ่ยขอบคุณอย่างสนิทสนม“พี่ชาย ขอบคุณจริง ๆ ที่เจ้าช่วยสหายข้าไว้! เงินเล็กน้อยนี้ไม่พอจะทดแทนคำขอบคุณได้! ใช่แล้ว เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่า เจอสหายข้าที่ใด แล้วเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร? และเจอคนที่น่าสงสัยคนอื่นหรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากรู้ให้ชัดเจน ว่าผู้ใดทำร้ายสหายข้า บาปมีคนก่อหนี้ย่อมมีเจ้าหนี้”คำพูดของอู๋ไป๋ ล้วนเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติของคนนายพรานลองคิดทบทวนอย่างละเอียดรอบหนึ่ง“ข้าช่วยเขาตรงริมแม่น้ำ ตอนนั้นไม่พบผู้อื่น ขอโทษจริง ๆ ที่ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้”“

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1213

    ปลายเดือนสิบสอง ปีใหม่ใกล้เข้ามาเส้นทางมุ่งหน้าไปทางเหนือเต็มไปด้วยน้ำแข็ง การเดินทางนั้นยากลำบากเฟิ่งจิ่วเหยียนในช่วงอยู่ไฟมิได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ ตอนนี้ยังต้องเดินทางท่ามกลางพายุหิมะอีก จึงมักจะปวดเมื่อยเอว และเหงื่อออกมากอยู่บ่อย ๆในช่วงกลางคืนเข้านอน ก็มักรู้สึกเย็นที่ไหล่ และหนาวอย่างรุนแรงอู๋ไป๋เห็นสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก จึงเตือนนาง“นายท่าน ไม่สู้ให้หมอมาตรวจดูบ้าง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบร้อนจะตามหาคน จึงไม่อยากล่าช้าครั้งนี้อู๋ไป๋ยืนหยัดอย่างเต็มที่“นายท่าน ต่อให้ท่านไม่คำนึงถึงตนเอง ก็ควรนึกถึงฝ่าบาท หากท่านเจ็บป่วย จะยิ่งไม่ล่าช้ามากกว่าหรอกหรือ?”เขาเอ่ยเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเริ่มลังเลก็จริงหากนางเจ็บป่วยจนลุกไม่ขึ้น ก็จะไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไปตรงชายแดนหนานฉี เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ไปที่สำนักการแพทย์แห่งหนึ่งหลังจากหมอจับชีพจรของนาง ก็เอาแต่ส่ายหัว“ฮูหยินท่านนี้ ท่านมีภาวะร่างกายไม่สมดุลหลังคลอด จึงเป็นต้นเหตุเกิดโรคเรื้อรัง“อาการปวดตามข้อเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในระยะนี้ที่ฝนหิมะรุนแรง แน่นอนว่าย่อมไม่สบายตัว“ในยามปกติรู้สึกว่าไม่เป็นไร ทนหน่อยก็ผ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1212

    บนบัลลังก์มังกร เซียวถงเต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของจักรพรรดิ “เรารับพระราชโองการจากเสด็จอา มาทำหน้าที่รักษาการแทนตำแหน่งฮ่องเต้ชั่วคราว ทุกท่านมีเรื่องใดก็เสนอได้”เหล่าขุนนางในราชสำนักมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงงบางคนถึงกับสงสัยว่าเซียวถงแย่งชิงบัลลังก์ทว่าคิดดูอีกที ฮองเฮาทรงมีทักษะเพียงนั้น ผู้ใดจะกล้าแย่งชิงบัลลังก์?ณ วังหลังเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกอาวรณ์อย่างยิ่งที่จะกล่าวอำลาต่อบุตรทั้งสองพวกเขายังคงนอนหลับอยู่ ใบหน้าขณะหลับดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ นางจุมพิตบนหน้าผากของพวกเขา หัวใจราวกับถูกบีบเข้าหากันสาวใช้หว่านชิวรู้สึกเศร้าใจ “ฮองเฮา จักต้องเสด็จไปให้ได้หรือเพคะ?”ฮองเฮาทรงตัดใจจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นการไปของนางครั้งนี้ จะมีชีวิตอยู่หรือตายยังไม่แน่นอนการพาบุตรทั้งสองคนไปด้วย หนึ่งจะเป็นภาระให้กับนาง สองอาจจะนำภัยอันตรายถึงแก่ชีวิตมาให้พวกเขาการแยกจากบุตร ย่อมต้องทุกข์ใจอยู่แล้ว ทว่าหากให้นางกับลูกรออยู่ในวัง และทนทรมานกับการรอฟังข่าว นางยิ่งไม่ยินยอม“ฮองเฮา หนิงเฟยมาถึงแล้วเพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบปรับอารมณ์ทันที และเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1211

    ที่ดินที่โซ่วอ๋องได้รับมอบไม่ถือว่าไกลจากเมืองหลวงมากนัก หลังจากได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ซื่อจื่อเซียวถงก็ออกเดินทางภายในวันเดียวกันห้าวันต่อมา เซียวถงก็มาถึงพระราชวัง และตรงไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อเข้าเฝ้าครั้งล่าสุดที่เขามาเมืองหลวง ก็คือเมื่อสามปีก่อน ช่วงที่เกิดความวุ่นวายในวิหารบรรพบุรุษ เขาได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากฮ่องเต้ ให้ขึ้นครองบัลลังก์ชั่วคราว เพื่อหลอกลวงพรรคเทียนหลงกับกองทัพศัตรูให้สับสนในตอนนั้นเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พระราชโองการพินัยกรรมของฝ่าบาท ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นว่าที่จักรพรรดิครั้งนี้ฮองเฮาทรงเรียกเขามา ไม่รู้ว่ามาเพราะเรื่องใดทว่าก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับพระราชโองการพินัยกรรมก่อนที่เขาจะมาเมืองหลวง ท่านพ่อก็ยังเตือนเขาว่า ตอนนี้ฮองเฮาทรงประสูติองค์ชายแล้ว เช่นนั้นเขาที่เคยเป็นคนที่อ้างถึงในพระราชโองการพินัยกรรม ก็เท่ากับเป็นตัวขัดขวางขององค์ชายดังนั้น การมาเมืองหลวงครั้งนี้ ก็เสี่ยงอันตรายอย่างมากในใจของเซียวถงเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย ทว่าสีหน้ายังคงสงบนิ่ง ไม่ถือตัวไม่ถ่อมตนเกินพอดีแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจตำแหน่งฮ่องเต้ แล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1210

    วันต่อมา องค์หญิงเซี่ยนอี๋เสด็จมาพบองค์ชายสี่ด้วยพระองค์เององค์ชายสี่ทรงยิ้มแย้ม ทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น“แขนของน้องหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”องค์หญิงเซี่ยนอี๋โมโหจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่“เหตุใดเสด็จพี่ต้องขัดขวางข้า!”รอยยิ้มขององค์ชายสี่เลือนหายไป และตอบอย่างมีเหตุมีผล“เซี่ยนอี๋ ข้าคิดว่าเจ้าแค่พาลไร้เหตุผล นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโง่เขลาเพียงนี้ เจ้าคิดได้อย่างไรที่จะวางยาผู้อื่น แล้วบังคับขืนใจเขา?“หากเจ้าพลีกายให้กับฮ่องเต้ฉี แล้วจะให้ข้าทูลเสด็จพ่ออย่างไร?“คืนก่อนเจ้าเกือบจะแขนหักไปข้างหนึ่ง ก็น่าจะจำเป็นบทเรียนได้แล้วกระมัง”เซี่ยนอี๋รู้ตัวว่าทำผิดทว่าเรื่องที่นางยังทำไม่เสร็จสิ้น จะไม่ยอมแพ้และเลิกล้มเช่นนี้“หากข้าได้เป็นฮองเฮาของหนานฉี หนานฉีก็จะไม่เล่นงานเป่ยเยี่ยนอีก นี่ไม่ดีหรอกหรือ?”องค์ชายสี่แย้มพระสรวล“เซี่ยนอี๋ หากเสด็จพ่อได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า เกรงว่าจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก“การเกี่ยวดองของสองแคว้น เดิมทีไม่อาจหยุดยั้งความโหดเหี้ยมของหนานฉีได้“เจ้าจะทำให้ตนเองเสียหายโดยเปล่าประโยชน์ และถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ“บุรุษดี ๆ ในเป่ยเยี่ยนของเรามีมากมาย เหตุใดเจ้าต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1209

    ช่วงหลายวันที่เซียวอวี้ถูกขังอยู่ในคุกลับ หาได้นั่งนิ่งรอความตายไม่ จากการสังเกตของเขา องค์ชายสี่แห่งเป่ยเยี่ยนมิได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เยี่ยน แต่กลับเป็นหินที่ไว้ปูทางเดิน เพื่อผลักดันความทะเยอะทะยานให้องค์ชายเจ็ด หากสามารถโน้มน้าวใจองค์ชายสี่ได้ เขาก็จะหนีออกจากที่นี่ได้ กระนั้น องค์ชายสี่ของเป่ยเยี่ยนไม่โง่ ทันทีที่เขาได้ยินคำพูดของเซียวอวี้ ก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการชนะใจตน เพื่อยุแยงเขากับเจ้าเจ็ด รวมถึงตัวเขาและเสด็จพ่อด้วย “ฮ่องเต้ฉี ยิ่งพูดยิ่งพลาด ท่านตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ควรพูดให้น้อยลงจะดีกว่า” องค์ชายสี่พูดจบก็คิดจะเดินจากไป จู่ ๆ เซียวอวี้หัวเราะเยือกเย็นขึ้นมา “ในเวลาหนึ่งเดือน ฮ่องเต้เยี่ยนจะแต่งตั้งองค์ชายเจ็ดเป็นองค์รัชทายาท” องค์ชายสี่หยุดชะงัก ฮ่องเต้ฉีมั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือ? ตำแหน่งองค์รัชทายาทนั้นเย้ายวนใจนัก องค์ชายสี่ต้องหันกลับมา พิจารณาเซียวอวี้อีกครั้ง เขาหาได้รุกถามใด ๆ ไม่ เพียงรอให้เซียวอวี้พูดต่ออย่างเงียบ ๆ เซียวอวี้ไม่ทำให้ผิดหวัง เอ่ยอย่างไม่รีบร้อน “กองทัพเยี่ยนเดินทัพลงใต้ เพื่อพิชิตแ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1208

    ในคุกลับ เซียวอวี้กินอาหารตามปกติ ไม่นานก็รู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกาย เขาตระหนักได้ทันที มันเป็นฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด! ดวงตาเย็นชาของเขามืดลง ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมา ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า เป็นฝีมือของผู้ใด จริงตามคาด เพียงไม่นาน องค์หญิงเซี่ยนอี๋ก็มาที่คุกลับ คืนนี้นางแต่งกายอย่างพิถีพิถัน สวมอาภรณ์สีสันสดใส ประทินโฉมประณีตงดงาม สายตาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความต้องการครอบครอง นางมองใบหน้าที่แดงเพราะฤทธิ์ยาของเซียวอวี้ รู้สึกปรีดาบนความทุกข์ของผู้อื่น “สิ่งใดที่ข้าอยากได้ ไม่มีคำว่าไม่ได้!” เซียวอวี้พยายามสงบจิตใจอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ถูกควบคุมโดยฤทธิ์ยา เขาไม่กล้าคิด หากสัมผัสผู้หญิงคนอื่นแล้ว เขาจะเผชิญหน้ากับจิ่วเหยียยอย่างไรในอนาคต ให้ตาย! เขาอยากจะฆ่าคน ทว่ากลับสูญเสียกำลังภายในทั้งหมด แม้คุกลับจะคุมขังผู้คนไว้มากมาย แต่ห้องขังของเซียวอวี้อยู่ในจุดที่ลับตาคน และเป็นเอกเทศ องค์หญิงเซี่ยนอี๋จึงไม่กลัวที่จะมีคนมารบกวน นางปลดอาภรณ์ชั้นนอกของตนออก หัวเราะอย่างหยาบคาย “ฮ่องเต้ฉี ข้ารอให้เจ้าขอร้องข้าอยู่” ถูกฤ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1207

    ตำหนักหย่งเหอ เมื่อไทเฮาและหนิงเฟยมาถึง กลับไม่เห็นฮองเฮา เด็กทารกน้อยร้องไห้ระงมราวกับหัวใจจะแตก แม้พวกนางได้ยินแล้วยังรู้สึกปวดใจนัก หมอหลวงกำลังถวายโอสถให้องค์ชายน้อย ปริมาณยาทำให้คนเห็นแล้วอกสั่นขวัญแขวน หนิงเฟยขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะเตือน “พวกเจ้าระวังหน่อย! อย่าทำให้เด็กสำลัก!” ไทเฮาอดไม่ได้ที่จะตำหนิ “ฮองเฮาอยู่ที่ใด? นี่คือลูกชายแท้ ๆ ของนาง กลับทิ้งไว้แบบนี้รึ?” สาวใช้หว่านชิวตอบ “มีรายงานด่วนจากชายแดนเพคะ ฮองเฮาประทับที่ห้องทรงพระอักษร เพื่อหารือกับเหล่าแม่ทัพ...” ไทเฮาทนไม่ไหวอีกแล้ว น้ำเสียงจริงจังขึ้น “หารือตลอดทั้งวัน นางคิดถึงลูกชายทั้งสองบ้างหรือไม่? “คนหนึ่งถูกนางใช้เป็นเครื่องมือว่าราชการหลังม่าน อีกคนถูกนางทิ้งให้โดดเดี่ยวในวังหลัง นางทนได้อย่างไร!” ไทเฮาทราบดีว่าฮองเอามีราชกิจรัดตัว ทว่าเห็นเด็กน้อยที่น่าสงสารเช่นนี้ ก็อดจะทุกข์ใจมิได้ หว่านชิวไม่กล้าโต้แย้ง หนิงเฟยเกลี้ยกล่อม “ท่านป้าเพคะ ฮองเฮาต้องเห็นราชกิจสำคัญที่สุด ส่วนองค์ชายมีหมอหลวงถวายการดูแล เขาจะปลอดภัยแน่นอนเพคะ” ไทเฮามองทารกด้วยค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1206

    หลังจากที่ฮ่องเต้เยี่ยนได้ฟังคำขอของพระธิดา ก็หาได้ปฏิเสธทันทีไม่ ฮองเฮาของเซียวอวี้——เฟิ่งจิ่วเหยียน มิใช่สตรีธรรมดา สาเหตุที่เป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้ต่อหนานฉีหลายครั้ง ล้วนมีฝีมือของสตรีคนนี้อยู่ในนั้น ถึงแม้เซี่ยนอี๋ไม่เอ่ย เขาก็ต้องการกำจัดเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่แล้ว “ได้ พ่อรับปากเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋รู้สึกพอใจมาก “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!” สิ่งใดที่นางไม่ได้ครอบครอง คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ ทว่า ฮ่องเต้เยี่ยนยังไม่หายแคลงใจ เขาถาม “เรื่องในคุกลับนั้น ผู้ใดบอกเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋ยังมีจิตสำนึกอยู่ หาได้ทรยศองค์ชายสี่ไม่ “เป็น...เสด็จพี่เจ็ดเพคะ” สีหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนพลันมืดลง เจ้าเจ็ดนี่ เลอะเลือนเกินไปแล้ว! องค์หญิงเซี่ยนอี๋ขอร้อง “เสด็จพ่อ เสด็จพี่เจ็ดก็ถูกหม่อมฉันบังคับ ท่านอย่าตำหนิเขาเลย และอย่าบอกเขาด้วยว่า หม่อมฉันพูด มิฉะนั้นต่อจากนี้เขาคงไม่รักเอ็นดูหม่อมฉันอีกเพคะ” ใบหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนแสดงความอดกลั้นไม่ใส่ใจ “ได้ เราเข้าใจแล้ว”…… เมื่อองค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกจากวังหลวง ก็ตรงไปที่คุกลับอีกครั้ง ครั้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status