ในงานเลี้ยงแห่งนี้ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนมากมายที่เข้าร่วมงาน แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้เอโลอีสอดสนใจไม่ได้คือ มีเพียงหน้ากากแค่สี่สีเท่านั้นที่ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยง เลือกที่จะสวมใส่
สีขาว สีแดง สีน้ำเงิน และสีดำ “หน้ากากแต่ละสีก็บ่งบอกได้ถึงตัวตนของผู้ที่สวมใส่ สีขาวคือพึ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก สีแดงคือมาที่นี่บ่อยและยังโสด สีม่วงคือมีคู่นัดหมายเอาไว้แล้ว ส่วนสีดำคือผู้คนที่มาที่นี่เพื่อต้องการคู่นอน..และพวกเขาคือลูกค้าวีไอพีของที่นี่ ส่วนใหญ่จะเป็นขุนนางที่ต้องการความสัมพันธ์แบบแค่คืนเดียวแล้วแยกทาง..อย่าไปยุ่งกับพวกหน้ากากสีดำเชียวหากเจ้ายังไม่มีจิตใจที่แข็งแกร่งพอ เพราะพวกเขาจะทำให้เจ้าเกิดความลุ่มหลงจนแทบบ้าอย่างแน่นอน” เลดี้เฟมกำลังอธิบายเพื่อให้เพื่อนตัวน้อยของเธอได้เข้าใจ “อา..ข้าเข้าใจแล้ว และจะพยายามหลีกเลี่ยงบุรุษที่สวมหน้ากากสีดำก็แล้วกัน” “หากจะเลือกก็เลือกชายหนุ่มที่สวมหน้ากากสีขาวหรือไม่ก็สวมหน้ากากสีแดงก็แล้วกัน อย่างน้อยพวกเขาก็นับได้ว่าเป็นเป็นพวกที่ไม่ได้ช่ำชองกับเรื่องการล่อลวงมากเท่าไหร่นัก” เอโลอีสพยักหน้า เพราะพึ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกเธอจึงต้องทำตามคำแนะนำของสหายอย่างเคร่งครัด..ว่าแต่ทำไมหน้ากากของเฟมถึงได้เป็นสีม่วงกันล่ะ “ก็ไม่ได้อยากจะทิ้งเจ้าเอาไว้กลางทางเท่าไหร่ แต่ว่าข้ามีนัดน่ะเอโลอีส” เฟมกล่าวออกมาพร้อมกับระบายยิ้มหวาน ถึงแม้ว่าที่นี่จะดูน่ากลัวแต่ทว่ามันไม่ได้อันตรายมากขนาดนั้นหรอกนะ เพราะที่นี่มีกฎที่ชัดเจน นั่นคือหากอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยก็ควรจะถอยออกมา หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดึงดันจะเข้าหาทั้งๆ ที่อีกฝ่ายถอยห่างแล้วละก็ จะถูกขึ้นบัญชีดำแล้วถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้อีกด้วย ฉะนั้นแล้วไม่มีอะไรที่เธอต้องกังวลเลย เฟมเชื่อว่าเอโลอีสจะต้องผ่านค่ำคืนที่แสนสวยงามนี้ไปได้อย่างแน่นอน “ขออภัยด้วยนะครับไม่ทราบว่าเลดี้มีบุรุษที่หมายตาเอาไว้รึยังครับ?” ขณะที่เฟมกำลังจะเดินจากไป ก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาเอโลอีสของเธอ.. ด้วยใบหน้าเช่นนั้นต่อให้ใส่หน้ากากเพื่อปกปิดใบหน้าส่วนบนแต่ทว่าหน้ากากขนนกสีขาวนั้นกลับไม่มีความสามารถมากพอที่จะปิดบังความน่ารักและงดงามจากใบหน้านั้นเลย สวยมากขนาดนั้นกลับกลัวว่าจะไม่มีชายหนุ่มเข้าหา..เอโลอีสนี่ช่างกังวลในเรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ เฟมพยักหน้าเบาๆ เพื่อบอกกล่าวให้เอโลอีสลองพูดคุยและทำความรู้จักกับชายหนุ่มผู้นั้นดู “ยังไม่มีค่ะ พอดีว่าข้าพึ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ก็เลยยังประหม่าอยู่มาก” บุรุษผู้นั้นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาเองก็มาที่นี่ไม่บ่อยนัก อีกทั้งที่ผ่านมากลับไม่มีสตรีใดเลยที่ตรึงตาตรึงใจของเขาเช่นนี้ เพียงแค่เห็นเธอเดินเข้ามาจากด้านนอก สายตาของเขาก็ไม่อาจละไปจากเธอได้แม้แต่เพียงเสี้ยววินาที หรือว่าคืนนี้..เขาจะได้ค่ำคืนเร่าร้อนเหมือนกับสหายคนอื่นบ้างนะ “เช่นนั้นก็.ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” . . “.......” “เฮ้! ลูติน ที่ด้านล่างมีอะไรน่าสนใจนักหนา ข้าเห็นเจ้าจ้องมองมาพักใหญ่ๆ แล้วนะ” ซีโมนเดินเข้ามาหาแกรนด์ดยุคลูตินแห่งตระกูลอองดรีสหายรักของเขา.. “อ่า..เจ้ากำลังมองแม่หงส์ตัวน้อยนี่เอง..ขนาดใส่หน้ากากนางยังดูน่ารักน่าเอ็นดูมากทีเดียว สายตาลูตินของเรายังเฉียบแหลมเหมือนเดิมเลยแฮะ” ซีโมนขยับหน้ากากสีดำของเขาไปมาก่อนที่เขาจะจุดยิ้มที่มุมปาก “จะมองอย่างเดียวงั้นเหรอ? ไม่บ่อยนักที่จะมีแม่หงส์ขาวเดินหลงเข้ามาในดงห่านดำนะ..” ลูตินยกแก้วสุราขึ้นมาดื่ม เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มก่อนที่ริมฝีปากของลูตินจะยกสูงขึ้นมา “หากดูเฉยๆ ก็ไม่ใช่ข้าสิซีโมน” เมื่อกล่าวจบลูตินก็ถอดหน้ากากสีดำของเขาออกมาเผยให้เห็นถึงใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย ดวงตาทั้งสองข้างนั้นกลับมีสีสันที่ไม่เหมือนกัน เขาหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาเพื่อกุมดวงตาข้างหนึ่งเอาไว้ ฉับพลันดวงตาทั้งสองข้างก็กลับมาเป็นสีเดียวกัน ดูก็รู้ว่าสตรีผู้นั้นที่เดินเข้ามา นางช่างไร้เดียงสา ท่าทีประหม่าและร่างกายที่สั่นเทาเล็กน้อยในยามที่นางกำลังก้าวเดินเข้าไป่สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยมันช่าง..ปลุกเร้าสัญชาตญาณการล่าของเขาดีจริงๆ “นี่ถึงกับเผยท่าไม้ตายเลยอย่างนั้นหรือ ทุ่มเทไปหน่อยรึเปล่าลูติน” ซีโมนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจือปนไปด้วยเสียงหัวเราะ เมื่อเขาเห็นแกรนด์ดยุคกำลังสวมหน้ากากสีขาวลงไปบนใบหน้า “จะจับหงส์ทั้งทีก็ต้องลงทุนหน่อยสิซีโมน แล้วเรื่องนี้จะดีมากหากว่าเจ้าไม่เข้าไปยุ่ง” ซีโมนยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขายอมแพ้แล้ว “ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแผนการล่าของท่านแกรนด์ดยุคอย่างแน่นอนครับ อย่าขู่กันนักเลย นี่เพื่อนนะครับ” ลูตินไม่ได้กล่าวคำใด เขาถอดเสื้อตัวนอกที่ทำจากผ้าไหมออก ก่อนจะสวมทับเป็นเสื้อสีน้ำตาลราคาถูก..แล้วเดินลงไปที่ด้านล่างในทันที . . “ไม่ทราบว่าเลดี้ดื่มได้ไหมครับ” เอโลอีสรับแก้วสุราในมือของชายเบื้องหน้ามาถือเอาไว้ บอกตามตรงว่าครั้งแรกเขาก็ดูดี แต่พอได้พูดคุยและทำความรู้จักกัน เขาพูดถึงเรื่องของตัวเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เล่าถึงเรื่องที่ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของกิจการใดบ้างและเขามีเงินมากมายแค่ไหน ซึ่ง..เธอไม่ได้ต้องการรู้เรื่องที่บ้านของเขาสักหน่อย เพราะยังไงในงานเช่นนี้จะมาหาว่าที่สามีหรือว่าที่ภรรยามันคงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ “ข้าขอตัวก่อนนะคะ พอดีข้าอยากจะเดินออกไปรับลมสักหน่อย” เอโลอีสเลือกที่จะบอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าเธอไม่คิดจะสานต่อกับเขา และเมื่อเห็นท่าทีที่เฉยชาของเธอชายผู้นั้นก็ส่งยิ้มแห้งๆให้เธอตามมารยาท “ครับ ข้าดีใจที่ได้พูดคุยกับเลดี้นะครับ” พูดคุยอะไรก่อน เขาพูดแต่เรื่องของตัวเองทั้งนั้นเลยต่างหาก เอโลอีสถอนหายใจเบาๆ เธอเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปที่ระเบียง..งานนี้มีคนหล่อเต็มไปหมด แต่กลับไม่มีใครที่มองแล้วทำให้ใจเต้นเลยสักคน หรือว่าเธอเป็นพวกเรื่องมากงั้นเรอะ..ไม่ได้การแล้วหากกลับเข้าไปในงานเธอควรเข้าหาชายหนุ่มสักคนที่เขาดูตรงใจ ไม่อย่างนั้นคืนนี้ได้กินแห้วอย่างแน่นอน “.....” สายลมในยามราตรีกำลังพัดผ่านร่างกายของเธอไป เสียงเปิดประตูดังออกมาจากทางด้านหลังและเมื่อเอโลอีสหันหลังกลับไปมองเธอก็พบเจอกับ..บุรุษท่านหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา “ไม่ทราบว่าข้ามารบกวนรึเปล่าครับ?” ตึกตัก..ตึกตัก เสียงหัวใจกำลังเต้นแรงและดังก้องอยู่ในหู “มะ..ไม่..ไม่ได้รบกวนเลยค่ะ”อา..ถ้อยคำที่อีกฝ่ายกล่าวออกมานั้นมันช่างเย็นชาและไร้เยื่อไยสิ้นดี จะว่าไปแล้วนั่นคือแกรนด์ดยุคอองดรีไม่ใช่หรือ..ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในจักรวรรดิ ตัวร้ายของนิยายเรื่องนี้ และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นางเอกของเรื่องต้องพบเจอกับความยากลำบากแกรนด์ดยุคผู้ไม่เคยมีความรักให้ใคร..เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับนางเอกของเรื่องด้วย ในความรู้สึกของท่านแกรนด์ดยุคมีเพียงความรู้สึกอยากเอาชนะพระเอกของเรื่องนี้เท่านั้นเองหมอนี่เป็นตัวร้ายที่ธงดำปี๋แบบสุดๆ เลย..อยากได้เพราะแค่อยากเอาชนะ ไม่ได้รัก..นั่นนางเอกนะโว้ยไม่ใช่สิ่งของที่แค่อยากครอบครองเอาไว้ก็แย่งมาน่ะในตัวนิยายบรรยายเอาไว้ถึงความหล่อเหลาของท่านแกรนด์ดยุคได้อย่างชัดเจน จุดเด่นของเขานั้นคือดวงตาที่มีสองสี..ที่เหมือนสุนัขไซบีเรียอะไรแบบนั้น คุณนักเขียนบรรยายเอาไว้ว่านั่นคือจุดด่างพร้อยที่กลับกลายมาเป็นจุดเด่นบนใบหน้า เพราะมันทำให้เขาดูลึกลับและน่าค้นหาเอโลอีสถอนหายใจเบาๆ คนแบบนั้นเธอไม่ควรไปยุ่งด้วยเลย จากนี้เธอต้องระวังให้มากหากเจอคนที่มีดวงตาคนละสีจะต้องหลีกหนีให้ไกลไปเลย!“ทำไมกันคะ..ทั้งๆ ที่ข้ารักท่านมากมายขนาดนี้แท้ๆ แต่ท่านกลับเหยียบย่ำความรั
เอโลอีสปรายสายตาไปจ้องมองใบหน้าของท่านลูเซียน ดูเหมือนว่าเขาจะอายุมากกว่าเธอหลายปีมากทีเดียว เพราะการแสดงออกของเขามันดูอบอุ่นเป็นผู้ใหญ่“วันนี้ข้าช่างโชคดียิ่งนักที่ตัดสินใจกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพราะว่ามันทำให้ข้าได้พบเจอกับเลดี้..”เธอหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วยกแก้วสุราขึ้นมาดื่ม ในระหว่างที่เอโลอีสกำลังดื่มสุราในแก้วนั้น สายตาของลูตินก็จับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากของเธอที่กำลังเผยอออก..ช่างเป็นสตรีที่สามารถทำให้จุดเดือดของเขามันต่ำลงอย่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ“ข้าเองก็เช่นกันค่ะ แต่ว่านี่ดึกมาแล้วเพราะอย่างนั้นในวันนี้ข้าคงจะต้องขอตัวกลับก่อน..”นี่คงเป็นการจากลาที่น่าเสียดายมากทีเดียว“พรุ่งนี้เลดี้จะมาที่นี่อีกไหมครับ”เอโลอีสครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่เธอจะตอบเขาด้วยรอยยิ้มที่แสนยินดี“หากการมาที่นี่ทำให้ข้าได้พบเจอท่านลูเซียน แน่นอนว่าข้าจะมาที่นี่อีกแน่นอนค่ะ”ลูตินเอื้อมมือไปจับมือของเอโลอิสเอาไว้ เรานั่งอยู่ตรงข้ามกัน..นั่นจึงทำให้เขาโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่ด้านหลังฝ่ามือของเธออย่างช้าๆ“เช่นนั้นข้าจะรอคอยการพบกันครั้งต่อไปของเรานะครับ”อา..ความหล่อของเขามันกระแทกตาจนตาแทบบอด อีกทั้งในยามนี้
บุรุษเบื้องหน้ากำลังจ้องมองหน้าเธอด้วยแววตาที่เรียบเฉย เขาดูเย็นชาและเข้าถึงยากมากพอสมควร..แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอไม่สามารถหันมองไปทางอื่นได้..คือเสียงหัวใจของตัวเองที่มันกำลังเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง“เช่นนั้นข้าขอยืนตากลมตรงนี้สักครู่จะเป็นการรบกวนเลดี้ไหมครับ”ถึงแม้ว่าใบหน้าของเธอนั้นจะอยู่ภายใต้หน้ากากขนนก แต่ทว่าลูตินยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงเรือนแก้มที่กำลังขึ้นเป็นสีกุหลาบ..นี่คือสถานการณ์ที่เขาชินชาซะแล้วละสิ สตรีมากมายต่างมีท่าทีที่ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นักเมื่อพวกนางกำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขาเขินอายและประหม่า..อีกเดี๋ยวดวงตาคู่นั้นคงจะต้องมองเขาด้วยความหลงใหลอย่างแน่นอน“ด้วยความยินดีค่ะ”เอโลอีสก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมกับขยับไปยืนอยู่ข้างๆ ระเบียง“พึ่งมาที่นี่ครั้งแรกอย่างนั้นสินะครับ เลดี้ดูประหม่ามากๆ เลย”เธอส่งยิ้มจางๆ ให้เขา“ค่ะ ข้ามาที่นี่เพราะมีเพื่อนแนะนำมา อีกทั้งข้าได้ยินถึงชื่อของงานเลี้ยงหน้ากากที่แสนจะน่าตื่นเต้นมาตั้งนานแล้ว”สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอสบายใจได้เลย คือเหล่าตัวเอกของเรื่องนี้ไม่มีวันมาที่นี่อย่างแน่นอน ทั้งนางเอก นางร้ายและพระเอกของเรื่อ
ในงานเลี้ยงแห่งนี้ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนมากมายที่เข้าร่วมงาน แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้เอโลอีสอดสนใจไม่ได้คือ มีเพียงหน้ากากแค่สี่สีเท่านั้นที่ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยง เลือกที่จะสวมใส่สีขาวสีแดงสีน้ำเงินและสีดำ“หน้ากากแต่ละสีก็บ่งบอกได้ถึงตัวตนของผู้ที่สวมใส่ สีขาวคือพึ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก สีแดงคือมาที่นี่บ่อยและยังโสด สีม่วงคือมีคู่นัดหมายเอาไว้แล้ว ส่วนสีดำคือผู้คนที่มาที่นี่เพื่อต้องการคู่นอน..และพวกเขาคือลูกค้าวีไอพีของที่นี่ ส่วนใหญ่จะเป็นขุนนางที่ต้องการความสัมพันธ์แบบแค่คืนเดียวแล้วแยกทาง..อย่าไปยุ่งกับพวกหน้ากากสีดำเชียวหากเจ้ายังไม่มีจิตใจที่แข็งแกร่งพอ เพราะพวกเขาจะทำให้เจ้าเกิดความลุ่มหลงจนแทบบ้าอย่างแน่นอน”เลดี้เฟมกำลังอธิบายเพื่อให้เพื่อนตัวน้อยของเธอได้เข้าใจ“อา..ข้าเข้าใจแล้ว และจะพยายามหลีกเลี่ยงบุรุษที่สวมหน้ากากสีดำก็แล้วกัน”“หากจะเลือกก็เลือกชายหนุ่มที่สวมหน้ากากสีขาวหรือไม่ก็สวมหน้ากากสีแดงก็แล้วกัน อย่างน้อยพวกเขาก็นับได้ว่าเป็นเป็นพวกที่ไม่ได้ช่ำชองกับเรื่องการล่อลวงมากเท่าไหร่นัก”เอโลอีสพยักหน้า เพราะพึ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกเธอจึงต้องทำตามคำแนะนำของสหายอย่างเคร่
“...ให้ตายสิเจ้าคือความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของข้าเลย”ฉันไม่ค่อยเข้าใจที่แมวส้มเบื้องหน้ากำลังพูดเท่าไหร่นัก..อันที่จริงมันไม่น่าเข้าใจตั้งแต่ที่ฉันพบเจอเจ้าแมวส้มตัวอ้วนนี่พูดได้แล้วไหม..ถึงแม้ว่าไม่อยากยอมรับแต่ว่า..ดูเหมือนฉันจะตายแล้วละสิ ตอนเด็กๆ ฝันเอาไว้ซะไกลแต่พอโตขึ้นมากลับเป็นได้เพียงแต่พนักงานบริษัทเท่านั้น ฉันทำงานมากกว่าสิบสองชั่วโมงต่อวันเพื่อให้รายได้ที่หามามันเพียงพอต่อรายจ่าย..และแน่นอนว่ามันเหนื่อยมากๆไหนใครมันบอกว่าทำงานจนตายไม่มีอยู่จริงไงวะ!!“ดะ..เดี๋ยวก่อนนะ คือว่าฉันแน่ใจว่าตัวเองเสียชีวิตเพราะทำงานหนัก แล้ว..นี่มันคืออะไรกันคะ”แมวอ้วนตัวนั้นยกเท้าหน้าขึ้นมากอดอกเอาไว้“นี่แม่หนูเคยได้ได้ยินเรื่องของการพาดวงวิญญาณผู้ล่วงลับเดินทางไปยังอีกมิติหนึ่งรึเปล่า?”ฉันชะงักเล็กน้อยก่อนจะเริ่มทำความเข้าใจในคำกล่าวของแมวส้มที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้า..พุงน้อยๆ นั่นขอจกสักทีได้ไหมนะ“อย่าได้มองข้าด้วยสายตาแบบนั้น..อีกทั้งห้ามเอามือสกปรกของเจ้ามาแตะต้องตัวข้าด้วย!!”ราวกับว่าเจ้าแมวอ้วนตัวนั้นอ่านใจได้เลย“ฉันเคยอ่านนิยายค่ะ..มีการสวมร่างเยอะแยะจะตายไปทั้งในเกมและในนิยาย หร