LOGINอาจจะไม่ใช่แค่ป้าละไมที่คิดว่าการทำงานกับกริชเป็นความโชคดี ณัชชาเองก็รู้สึกว่าการเข้ามาเป็นพนักงานของไพน์กรุ๊ป นั้นเป็นเรื่องที่แสนวิเศษเช่นกัน เพราะข่าวดีเรื่องทุนการศึกษาดูงานในต่างประเทศสำหรับพนักงานที่ผ่านการทดสอบและต้องการเรียนต่อในสาขาที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัท ณัชชาซึ่งเป็นคนรักเรียนย่อมมีความฝันลึก ๆ ว่าอยากไปเรียนต่อต่างประเทศสักครั้งในชีวิต
เมลานีเองก็ให้กำลังใจเพื่อนรักและมั่นใจว่าเพื่อนคงทำตามฝันได้ไม่ยาก หญิงสาวนั่งนึกอะไรเพลิน ๆ ก็มีคำสั่งจากผู้จัดการโชว์รูมว่าฝ่ายบุคคลเรียกตัวไปที่ตึกสำนักงานใหญ่ในเรื่องของเอกสารส่วนตัวให้รีบขึ้นไปพบด่วน
เมลานีแปลกใจเล็กน้อยเพราะเธอส่งเอกสารครบถ้วนแล้ว ยังไม่ทันได้เข้าไปในแผนก ผู้จัดการฝ่ายบุคคลก็รอเธออยู่ที่โถงลิฟต์ เดินนำเมลานีขึ้นไปยังลิฟต์อีกตัวหนึ่งและกดชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ครั้นประตูของกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เปิดออกหญิงสาวก็พอจะเดาได้ว่าเป็นชั้นของผู้บริหาร เพราะนอกจากโซฟารับแขกก็มีเพียงโต๊ะของเลขาหน้าห้อง เมลานีหันไปส่งสายตาเป็นคำถาม พนักงานรับโทรศัพท์อย่างเธอจำเป็นต้องขึ้นมาพบผู้บริหารด้วยสาเหตุใด
“ท่านประธานต้องการสัมภาษณ์เมลเพิ่มเติม” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลบอกได้เพียงเท่านั้น ความจริงตัวเขาเองก็งงงวยพอสมควร ถึงแม้ว่าจะเคยกำชับในที่ประชุมให้รีบจัดหาพนักงานตำแหน่งนี้ให้เร็วที่สุด แต่ก็คงไม่ถึงขนาดที่ประธานบริษัทเรียกเข้ามาคุยด้วยตนเองแบบนี้
“เมลไม่ได้เตรียมตัวมาเลยค่ะ” หญิงสาวบอกด้วยความกังวลใจ นึกว่าได้งานแล้วคงราบรื่น ใครจะคาดคิดว่าจะถูกสัมภาษณ์อีกรอบโดยผู้บริหารระดับสูง หากทำให้เขาไม่ชอบใจแล้วตกงานเธอกับลูกคงแย่แน่ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลมองสีหน้ากังวลใจของหญิงสาวแล้วก็ให้กำลังใจ
“เมลตอบเหมือนที่เคยมาสัมภาษณ์กับพี่นั่นแหละ ท่านประธานใจดี ไม่ต้องกลัวหรอก” พูดจบก็แจ้งเลขาหน้าห้องวัยราวสี่สิบที่ดูเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว ครู่เดียวสาวใหญ่คนสนิทของท่านประธานก็หันมาพูดกับเมลานีโดยตรง
“เชิญเข้าพบท่านประธานด้านในค่ะ”
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ผลักประตูเข้าไปสัมผัสอุณหภูมิเย็นเฉียบ ภาพวิวเมืองจากมุมสูงสะท้อนผ่านกระจก ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบกริบกำลังนั่งหมิ่น ๆ เหมือนอิงสะโพกไว้กับโต๊ะทำงาน มือของเขาถือแฟ้มเอกสารบาง ๆ เมลานีใจเหมือนจะหลุดออกจากอก เมื่อไล่สายตาจากนิ้วมือยาวเรียวขึ้นสู่ข้อมือที่มีนาฬิการาคาแพงสวมอยู่ ไล่ขึ้นไปยังต้นแขนกำยำ ไหล่กว้างตั้งตรง ลำคอแข็งแกร่ง จนกระทั่งถึงซีกหน้าคมเข้มที่อยู่ในความทรงจำไม่เคยจาง
“ไง หนูเมล” เขาวางแฟ้มในมือลง เงยหน้าขึ้นมายิ้มร้ายกาจ จนหญิงสาวขาอ่อนซวนเซ ฝีเท้าก้าวถอยหลังหวังจะออกไปจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“จะหนีไปไหน ถ้าเธอออกไปจากห้องนี้ มีคนเดือดร้อนเพราะเธอแน่”
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ คุณกริช” เมลานีถามออกมาด้วยความวิตกทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ก็นี่มันบริษัทของฉัน เธอคิดถึงกันจนต้องตามมาอยู่ใกล้ ๆ เลยสินะ” กริชเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา ต้อนหญิงสาวถอยจนหลังแนบไปกับประตู วางแขนข้างหนึ่งไว้ไม่ห่าง จับจ้องดวงตากลมโตที่ไหวระริก แวววับจนแทบลืมหายใจ
“ฉันจะลาออก” เมลานีรีบหวีดเสียงขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงใบหน้าของอีกฝ่ายที่เข้ามาใกล้
“จะทำอะไรก็คิดถึงคนที่พาเธอมาสมัครงานหน่อยนะ ณัชชาใช่ไหมเพื่อนของเธอน่ะ”
“เพื่อนฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วย ฉันจะลาออกเอง คุณคงไม่รังแกพนักงานเพียงเพราะเขาเป็นเพื่อนกับคนที่คุณเกลียดหรอกใช่ไหม” เมลานีโต้กลับด้วยเสียงที่เกือบสั่น หวังให้กริชคิดได้ว่าเพื่อนสนิทไม่เกี่ยวข้องกับความแค้นของเธอและเขา
“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว แต่เพื่อนของเธอทำงานในฝ่ายบุคคล เขาน่าจะรู้ว่านโยบายของบริษัทคือไม่รับพนักงานที่มีประวัติของครอบครัวเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รู้ไหมเมลานีว่าเพื่อนเธอใช้ตำแหน่งพนักงานของบริษัทเซ็นรับรองใบสมัครของเธอ ฮึ?”
“ฉันขอให้ณัชทำ ถ้าจะเอาเรื่องก็ควรทำกับฉันคนเดียว”
“เรื่องอะไร ผิดก็ว่ากันไปตามผิด”
“อย่ามารังแกกันให้มากเกินไปนักนะคุณกริช”
“อยู่กันสองคนอยากจะเรียกพี่กริชเหมือนเดิมก็ได้นะ เผื่อเธออยากจะรำลึกความหลัง” มือใหญ่เลื่อนเข้ามาเกือบสัมผัสใบหน้าอ่อนหวานอย่างไม่อาจห้ามใจ แต่เมลานีใช้ฝ่ามือของเธอปัดออกอย่างรวดเร็วจนเกือบจะกลายเป็นการตีหลังมือของอีกฝ่าย
“กรุณาสุภาพและให้เกียรติดิฉันด้วยค่ะท่านประธาน อย่าคิดว่าฉันเป็นแค่พนักงานเล็ก ๆ แล้วจะทำอะไรก็ได้”
ชายหนุ่มสำรวจหญิงสาวตรงหน้า เกือบสามปีที่ไม่ได้พบกัน รูปลักษณ์ภายนอกของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด ทว่าเขากลับรู้สึกถึงความอ่อนล้าจนถึงกับขมขื่นด้วยซ้ำในแววตาคู่งาม
“ทำไมไม่เรียนต่อให้จบ” เขาถามเสียงอ่อนลง
“มันจะเป็นเรื่องส่วนตัวของดิฉัน และตำแหน่งงานที่สมัครก็ไม่ได้ระบุว่าต้องจบปริญญาตรี แต่ถ้าท่านประธานคิดว่าคุณสมบัติของฉันยังไม่เพียงพอ ฉันก็พร้อมที่จะลาออก”
“ไม่ใช่วุฒิหรอกที่ไม่พอ แต่เป็นเรื่องของจริยธรรมอย่างอื่นมากกว่า” ชายหนุ่มหมุนตัวออกห่าง หรี่ตามองหญิงสาว ในหัวเต็มไปด้วยแผนการ
ร้ายกาจ“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าจะลาออก” เมลานียืนยันทั้งที่เสียงสั่น
Special Talk : พี่กริชถ้าช่วงชีวิตของคนเราจะมีเพลงประจำของมันอยู่ ชีวิตผมก็คงเริ่มด้วยเพลงบลูส์อันแสนเศร้าสร้อย...ผมจึงใช้มันเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในใจ และทุกครั้งที่ผมขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ผมจะเห็นเด็กสาวแสนสวยคนหนึ่งที่นั่งมองผมอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางผู้คนที่แต่งตัวมาประชันกันในบาร์ราคาแพงสายตาของผมกลับกวาดไปตกลงที่เธอเท่านั้นผมจำเธอได้ดี แม้วันนี้เธอจะไม่ใช่เด็กน้อยผมเปียแต่เติบโตเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง ผมรอให้เธอเข้ามาหาเพื่อขอโทษกับสิ่งที่ทำร้ายผมในอดีต แต่เธอก็ไม่ได้ทำแบบนั้น นานวันเข้าจากที่เคยชินก็กลายเป็นผมที่เฝ้ารอให้เธอมานั่งฟังเพลงที่นี่ทุกคืน...และผมก็เลือกที่จะลงมือจัดการเธอผมเริ่มเกมด้วยความแค้นในจุดเริ่มต้น และเข้าสู่เส้นชัยด้วยความว่างเปล่าสามปีในมาเก๊า ผมอยู่กับความถวิลหาที่ไม่อาจเติมเต็ม แล้วกลับเมืองไทยอย่างคนไร้ชีวิตจิตใจ อุทิศพลังทั้งหมดเพื่อทำงาน ซมซานกลับไปโดดเดี่ยวในคอนโดหรูที่แสนเวิ้งว้างจนกระทั่งวันที่ผมได้ยินเสียงรับโทรศัพท์ของโอเปอเรเตอร์คนใหม่ ผมจึงเข้าใจว่าทำไมผมถึงเฝ้ามองหาเงาใครบางคนท่ามกลางฝูงชนอยู่ตลอดเวลาผมหันหลังไปยืมกีตาร์จากนักดนตรีในงานไมเนอร์
โซ่รักตอนพิเศษ โซ่รักวันเกิดของกริชเวียนกลับมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนต่างโหวตเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากไปทะเลอีกครั้งเพราะติดใจวิลลาริมทะเลที่เคยไปในอดีต ป้าละไมขออยู่เฝ้าบ้านเพราะกำลังติดซีรีส์อินเดียอย่างหนักหน่วง เจ้าของวันเกิดผู้เป็นทาสเมียและทาสลูกสาวโดยสมบูรณ์จึงไม่อิดออดที่จะเอาใจสองสาวต่างวัย เพียงแต่ระหว่างทางเขาพาทั้งเมลานี และหนูพายแวะที่วัดแห่งหนึ่งก่อน“แวะที่นี่ก่อนนะคะหนูเมล” จังหวัดเดิมที่เคยอาศัยเป็นทางผ่านก่อนไปทะเล และกริชตั้งใจพาลูกสาวกับเมลานีมาที่นี่อยู่แล้ว จึงถือโอกาสพิเศษนี้แวะเสียเลย“ไหว้พระเหรอคะ”“ค่ะ พี่เตรียมสังฆทานใส่รถมาแล้วด้วย ความจริงตั้งใจจะมาที่นี่ในวันเกิดนั่นแหละ อยากมาทำบุญ”“ทำไมไม่บอกล่ะคะ เมลจะได้ช่วยเตรียมของ” เมื่อเปิดท้ายรถก็พบว่าชายหนุ่มเตรียมเครื่องสังฆทานกล่องใหญ่มาแล้ว เขาเลือกของด้วยตัวเองแล้วนำมาใส่กล่องใส ไม่ใช่สังฆทานสำเร็จรูปที่มักจะใส่กระป๋องสีเหลืองตามแบบที่ร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์มักจะทำกัน“ครั้งหน้านะคะ เมื่อคืนวานพี่เห็นเมลเหนื่อย หมดเรี่ยวหมดแรงก็เลยสงสารไม่อยากกวน” เขาว่านัยน์ตาเยิ้ม สื่อความนัยที่เขาและเมลานีเท่านั้นถึง
ซ่อน 2“งั้นมีรางวัลให้ผัวที่น่ารักคนนี้ไหมล่ะคะ” เสียงห้าวแหบพร่าแต่แววตาของเขากลับเปิดเปลือยความต้องการอันร้อนแรงขึ้นมาทันที ฝ่ามือร้อนผ่าวอีกข้างถลกกระโปรงทรงเอสั้นแค่เข่าของหญิงสาวขึ้นมาแล้วประกบมือลงไปบนเนินเนื้อสามเหลี่ยมอวบอิ่ม บีบเคล้นเบา ๆ แบบจาบจ้วงแต่ก็เร้าใจ“พี่กริช เดี๋ยว” เมลานีเสียงสั่นเมื่อเขาบีบเคล้นที่ความเป็นหญิงของเธออย่างเอาแต่ใจ แต่แล้วก็ต้องซบหน้าลงกับอกและใช้มือจิกไหล่กว้างไว้เป็นหลักยึดเมื่อถูกนิ้วเรียวยาวกรีดลงไปในร่องเนื้ออันไวต่อสัมผัส เมื่อพบติ่งเนื้อนิ้วสากระคายก็กดคลึงหมุนวนจนเรียกน้ำชุ่มฉ่ำออกมาได้สำเร็จ“ดื้อกับพี่นัก คนดื้อต้องถูกลงโทษให้หนัก”“อ๊ะ” ความเสียวแปลบเกิดขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางที่ชุ่มฉ่ำ เขาหงายมือและงอนิ้วขึ้นด้านบน ควงคว้านจนเจอกับจุดที่ทำหญิงสาวครางกระเส่า จากนั้นจึงเพิ่มจำนวนนิ้วสอดเข้าไปเพื่อจัดการกับคนดื้อ ช่องทางของเธอแม้จะชุ่มฉ่ำแต่ก็ยังคับแน่นจนอึดอัด ชวนให้อยากจะเอาตัวตนของเขาสอดใส่เข้าไปแทนที่ในตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดเมลานีเสียวซ่านไปทั้งสรรพางค์กาย เลื่อนมือข้างหนึ่งมารั้งข้อมือที่รังแกเธอไม่หยุดหย่อนไว้ แต
ซ่อน 1ตั้งแต่ย้ายไปบ้านหลังที่เตรียมไว้ ข้าวของต่าง ๆ ของเมลานีและหนูพายรวมถึงป้าละไมเพิ่งย้ายเสร็จเรียบร้อย ส่วนกริชที่ข้าวของส่วนตัวของเขาน้อยมาก กลายเป็นเมลานีต้องคอยดูคอยซื้อหาเสื้อผ้าใหม่ ๆ ให้กับเขาอยู่เสมอ พอเธอถามเขาก็บอกว่าขี้เกียจเก็บของจากคอนโดเก่า แต่จริง ๆ หญิงสาวเคยแวะไปที่คอนโดของเขาก็ไม่ได้มีเสื้อผ้าเครื่องใช้เหลืออยู่เท่าไรนัก และด้วยความที่มัวแต่วุ่นวายกับการตกแต่งบ้านหลังใหม่ เมลานีจึงเพิ่งมีโอกาสที่จะเข้าไปเก็บของให้หมดเสียที เพราะรู้ว่ากริชเองก็มัวแต่ยุ่งกับการขยายสาขาหญิงสาวหยิบคีย์การ์ดของคอนโดจากลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเตรียมไปเก็บของให้เขา คอนโดของกริชทำเลดี และราคาแพงลิบลิ่ว เมลานีเคยเสนอให้เขาปล่อยเช่าหากไม่ต้องการอยู่ด้วยตนเอง แต่ชายหนุ่มอ้างว่ากลัวคนเช่าจะทำให้คอนโดของเขาเละเทะ และกริชก็ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นสมบัติของลูกเสียมากกว่า“พี่กริชคะเมลกำลังออกไปเก็บของที่เหลือในคอนโดให้นะคะ” หลังจากสตาร์ตรถและขับมาได้ครู่หนึ่งหญิงสาวก็โทรแจ้งเจ้าของสินทรัพย์ให้ทราบ“ฮะ ไม่ เมลไม่ต้องไป” ปลายสายดูร้อนรนขึ้นมาทันทีจนหญิงสาวแปลกใจ“ทำไมคะ ก็ในเมื่อพี่กริชยุ่ง
ผมเปียตั้งแต่ฝึกฝนถักเปียกับสายไฟอยู่พักใหญ่จนมั่นใจว่าถูกต้อง กริชก็เริ่มลองถักผมยาวเหมือนแพรไหมของเมลานี ครั้งแรก ๆ เขาเกร็งมากเพราะกะน้ำหนักมือไม่ถูก กลัวจะทำให้หนังศีรษะของภรรยาหลุดติดมือมาด้วย แต่เมลานีก็คอยสอนคอยบอกจังหวะ ไม่นานเขาก็ถักเปียได้สวยและเป็นระเบียบจนอยากจะลองถักให้ลูกสาวดูบ้างพอได้ทำ ก็กลายเป็นกิจวัตรที่ทุกวันมานี้กริชจะต้องถักผมเปียให้หนูพายทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน เวลาลูกและเมียชมว่าทำได้สวย เขาภูมิใจกับมันมากกว่าการได้รับรางวัลนักบริหารดีเด่นของวงการยานยนต์เสียอีก“สวยสุด ๆ ไปเลยลูกสาวพ่อ”“พ่อกิด ไม่ใช่แบบนี้ โน โน” หนูพายเอียงศีรษะข้างซ้ายที ข้างขวาที แล้วไปเขย่าแขนคนเป็นพ่อให้จัดการแก้ไข“อะไรคะ”“ไม่สวย จะเอาแบบที่คุณแม่ทำให้ค่ะ”“แต่ปกติพ่อก็ถักเปียแบบนี้ให้นี่คะลูก” กริชบอกอย่างเอาใจลูกสาวตัวน้อยในชุดนักเรียน“หนูชอบแบบใหม่มากกว่าค่ะ” หนูพายทำปากยื่น “พ่อกิด ทำใหม่ค่ะ”“ทำ...ทำแบบไหนดี” คนเป็นพ่อเริ่มเลิ่กลั่ก กว่าเขาจะสำเร็จวิชาถักเปียก็เสียสายไฟไปหลายขด หนูพายกลับเบื่อเปียของเขาเสียง่าย ๆ กลัวเหลือเกินว่าไอ้แบบใหม่ที่ลูกสาวว่ามันจะทำให้เขาต้องกุมขมับและซื้อ
บ้านใหม่ 1กลิ่นดอกโมกหอมอ่อน ๆ โชยกรุ่นทำให้อากาศยามเช้ายิ่งสดชื่น สนามหญ้าเขียวสบายตาที่ถูกดูแลอย่างดีมีละอองน้ำจากหยาดฝนที่เพิ่งทิ้งช่วงไปตอนเช้ามืดพร่างพรมไปทั่วครั้งหนึ่งกริชไม่ชอบบ้านเพราะพื้นที่กว้างขวางทำให้คนตัวคนเดียวอย่างเขายิ่งโดดเดี่ยว แต่พอรู้ว่ามีความรักและมีลูกสาว เขาก็ซื้อบ้าน ซื้อไว้รอตั้งแต่เมลานีบอกให้เขาตัดใจใต้ต้นสนริมทะเลเขาซื้อบ้านที่มีสนามหญ้ากว้างไว้ให้ลูกวิ่งเล่น และปลูกต้นโมกที่ลูกสาวเคยมอบให้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันไว้รอบรั้ว ตกแต่งบ้านตามความชอบที่เมลานีเคยเพ้อฝันให้ฟังในสมัยเธอยังเป็นนักศึกษา ถ้าหลังกลับมาจากมาเก๊า เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อสร้างไพน์กรุ๊ป หลังกลับมาจากทะเลอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสวันนั้น เขาก็อุทิศความหวังทั้งหมดลงมาที่บ้านหลังนี้ สร้างมันทีละส่วนอย่างตั้งใจ เหมือนกับที่เขารอคอยเมลานีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คล้ายหวังอยู่ลึก ๆ ว่าเขาจะได้มีโอกาสเปลี่ยนบ้านที่เป็นแค่โครงสร้างให้กลายเป็นบ้านที่หมายถึงครอบครัวอย่างแท้จริงและเมื่อวันนั้นมาถึง หญ้าก็เขียวขจี ดอกโมกก็ส่งกลิ่นหอมขจรขจาย…กริชจรดศีรษะลงหอมแก้มนุ่มของลูกสาวตัวน้อยที่ขอแยกห้องนอนไปแล้ว เมื่อ







