LOGINเวลาเที่ยงครึ่งเมลานีก็ถือข้าวกล่องมาที่ตึกสำนักงานใหญ่ตามที่ชายหนุ่มสั่ง หญิงสาวกดลิฟต์ไปยังชั้นที่เคยมาพบเขาเป็นครั้งแรก ระหว่างที่กล่องสี่เหลี่ยมไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ กริชก็ยังไม่วายส่งรูปภาพเอกสารขอทุนของณัชชามาปั่นประสาทเธอ พอมาถึงชั้นที่เขาครอบครองอยู่ เลขาหน้าห้องก็ขออนุญาตไปรับประทานอาหารเที่ยง จากที่เมลานีตั้งใจจะยื่นถุงบรรจุกล่องข้าวให้กับเลขาของเขาไปจัดการก็เลยต้องเข้าไปด้วยตนเอง
“นี่ค่ะของที่ท่านประธานสั่ง” เมลานีไม่ได้ก้าวเข้าไปเกินกว่าขอบประตู เธอยื่นถุงข้าวกล่องออกมาตรงหน้า กริชกลับเอียงคอมองเฉย ครั้นหญิงสาวตาเป็นประกายกร้าวขึ้น เขาก็เลิกคิ้วเหมือนยียวน แต่อย่างไรก็ไม่ยอมลุกจากโซฟามารับกล่องข้าวจากมือเธอ
สายตาของคนทั้งคู่ประสานกันอย่างลองดีและไม่มีใครยอม ที่สุดก็เป็นเมลานีที่ต้องเดินเข้ามาหา หญิงสาววางกล่องข้าวตามสั่งไว้บนโต๊ะกลางแล้วเตรียมหมุนตัวกลับ
“นั่นอะไรที่อยู่ในมือเธอ” กริชเรียกไว้ก่อนแถมชี้ไปที่ข้าวอีกกล่องในมือหญิงสาว
“ข้าวของฉันค่ะ”
“เอามาดูก่อนซิ ข้างในเป็นอะไร”
“เหมือนกันค่ะ” เวลาพักกลางวันของพนักงานออฟฟิศช่างจำกัด แถมร้านอาหารตามสั่งก็คิวยาวเหยียด เมลานีจึงสั่งข้าวกล่องเมนูเดียวกันเพื่อประหยัดเวลารอคอย เธอแค่จะเอาอาหารมาส่งให้เขาแล้วกลับไปกินของตัวเอง รู้อยู่หรอกว่ากริชทำแบบนี้เพราะต้องการกลั่นแกล้งกัน
“เหมือนกันนี่ ใจตรงกันเหรอ” กริชทวนคำของหญิงสาวตาพราวระยับ
“ฉันรีบค่ะ ขอตัวไปกินข้าวก่อนนะคะ เป็นลูกจ้างต้องทำงานให้คุ้มค่าแรง เดี๋ยวจะโดนไล่ออกซะก่อน”
“ทัศนคติดีจัง แต่เธอยังไปไม่ได้ เอาข้าวกล่องของเธอมาดูก่อน ฉันจะเลือกว่ากล่องไหนน่ากินกว่า”
“คุณกริช” หญิงสาวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เธอใกล้จะประสาทเสียเต็มที
“นั่นไง เธอดูไม่ชอบมาพากล ดีไม่ดีจะใส่ยาเสน่ห์ในกล่องนี้หรือเปล่าถึงอยากให้ฉันกินนักหนา”
เมลานีสูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุดเพื่อระงับอารมณ์โกรธ เธอพบเขาครั้งแรกตอนอายุสิบสาม เขาคือผู้ชายที่น่าสงสาร เจออีกครั้งตอนอายุยี่สิบเขาเป็นผู้ชายที่พกพาเสน่ห์เข้ามาหลอกลวงให้ผู้หญิงหลงใหลได้ปลื้ม เกือบสามปีต่อมาพบกันครั้งนี้ กริชคือไอ้วายร้ายแถมกวนประสาทแบบผู้ชายสุภาพคนเก่าที่เธอเคยเพ้อฝันไม่มีทางทำได้
“ฉันจะใส่ยาเสน่ห์ให้คุณทำไมไม่ทราบ”
“ลืมไปแล้วจริง ๆ เหรอ ยังจะมาถามอีกก็ของมันรู้ ๆ กันอยู่”
“รู้ว่าอะไร” เมลานีลืมตัวยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเท้าสะเอว เหมือนเวลาที่เธอเคยยัวะเขาสมัยก่อน กริชขำจนหลุดคำถาม
“น่ารักเหมือนเดิมเลย มีแฟนใหม่หรือยังคะ”
คราวนี้เมลานีไม่สนข้าวทั้งสองกล่อง ถ้าเขาอยากได้ก็เอาไป เธอยื่นแขนวางข้าวที่หิ้วอยู่กระแทกบนโต๊ะ แต่กริชคว้าข้อมือกระตุกหญิงสาวให้ถลาเข้ามาบนตักจนเมลานีร้องวี้ด รีบใช้แขนบังหน้าอกไม่ให้สัมผัสใกล้ชิดเขา
“เปิดออก” เขากระซิบเสียงต่ำ เป่าลมร้อนผ่านใบหู
“ไม่”
“ฉันหิว”
“ไม่นะ อย่า” หญิงสาวร้องห้ามเมื่อรู้สึกได้ว่าเขาเริ่มคุกคามเข้ามาใกล้เต็มที
“อย่าอะไร โน่น เปิดฝาข้าวกล่องออก หิว” กริชแอบอมยิ้มที่เห็นหญิงสาวบนตักหน้าตาตื่นตูม เขายื่นแขนไปเปิดดูเป็นข้าวกะเพราหมูกรอบ ไข่ดาวทั้งสองกล่องอย่างที่เมลานีบอกไว้
“ฉันจะกลับไปทำงาน”
“กินดี ๆ ตรงนี้แหละ แล้วค่อยกลับ กล่องข้าวก็เปิดอ้าซ่าไปแล้ว”
เมลานีตัดปัญหาด้วยการพยักหน้า เธอหิว หากต้องหิ้วท้องรอเพราะความหยิ่งไปอีกหลายชั่วโมงคงต้องเป็นลมแน่ ตอนนี้เธอไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไป ความยากแค้นที่ผ่านมาทำให้เมลานีลดความดื้อรั้นที่จะพาตัวเองไปเจอความลำบากลง ชายหนุ่มปล่อยหญิงสาวลงมานั่งข้าง ๆ อย่างเสียดาย แต่ก็แปลกใจที่เมลานีหยุดความพยศลงไปเสียได้
“ฉันเอากล่องนี้ เยอะกว่าทั้งข้าวทั้งกับ” เขาพูดลอยหน้าลอยตาแล้วดึงกล่องตรงหน้าเมลานีสลับกับของตัวเอง หญิงสาวทำเพียงถลึงตาใส่ แล้วรีบตักข้าวเข้าปาก รีบกินให้หมดจะได้ไปให้พ้นจากตรงนี้เร็ว ๆ
โดยปกติหากไม่ไปสังสรรค์กับลูกค้าทางธุรกิจในห้องอาหารชั้นดี กริชมักจะกินข้าวกลางวันตามลำพัง แต่วันนี้มีหญิงสาวผิวบางมานั่งกินข้าวกล่องง่าย ๆ ด้วยกันบนตึกสูงใจกลางเมือง ผู้หญิงที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะหวนคืนมาในชีวิตอีกครั้ง
เกือบสามปีแล้ว ทั้งที่ไม่เคยรู้ข่าวคราวไม่เคยติดตามถามหา แต่เขากลับจำเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ได้ทุกอย่าง เมื่อก่อนเขาจะไปกินข้าวกับเมลานีที่มหาวิทยาลัย เธอกินง่ายหรือสงสารเขาก็ไม่รู้เพราะเมื่อเขาบอกว่าจะเลี้ยงข้าว หญิงสาวมักสั่งกะเพราหมูกรอบไข่ดาวทุกครั้ง
“กินช้า ๆ เดี๋ยวก็สำลัก” กริชเป็นคนที่บอกว่าหิว แต่กลับอ้อยอิ่งอยากยืดเวลาของอาหารมื้อนี้ให้ยาวนานมากขึ้น
“ฉันอิ่มแล้วค่ะ ขอกลับไปทำงานก่อน” เมลานีเงยหน้าขึ้นบอก ปากของหญิงสาวแดงแจ๋เพราะความเผ็ด แต่ก็ต้องรีบกินให้หมดทั้งที่ฝืดคอจะแย่ เสียงหมุนฝาขวดน้ำพลาสติกดังขึ้นแล้วชายหนุ่มก็ยื่นมันมาตรงหน้าของเธอ
“ดื่มน้ำซะ”
เมลานีรับขวดน้ำมาจากมือใหญ่ มองหน้าเขาเหมือนจะถามหาแก้วหรือหลอด ชายหนุ่มเลิกคิ้วสายตาพราวระยับเมื่อเห็นว่าเธอรู้จักกินข้าวได้เร็วขึ้นบ้าง แต่คุณหนูเมลก็ยังไม่สามารถกระดกน้ำจากขวดได้อยู่ดี
“ที่นี่ไม่มีหลอด ไม่มีแก้ว”
เมลานีจึงจำใจฝืนกระดกน้ำจากขวดพอให้ชุ่มคอ เพื่อจะได้รีบออกไปจากห้องนี้เสียที หญิงสาวกวาดสายตามองหาฝาขวดน้ำเพื่อนำมาปิดขวดแล้วจะเอาไปทิ้ง
“วางไว้นี่แหละ กลับไปทำงานได้แล้ว”
“แต่ว่า” ถึงอย่างไรเธอก็เป็นแค่ลูกจ้างตัวเล็ก ๆ จะทิ้งเศษอาหารและขวดน้ำไว้ให้ประธานบริษัทเก็บทิ้งก็ดูไม่ใช่เรื่อง ท่าทีของหญิงสาวจึงลังเลอึกอัก
“ไม่ยอมไปซะงั้น อยากอยู่วางยาเสน่ห์ต่อหรือไง”
“ถ้าจะทำ คือวางยาเบื่อเท่านั้นแหละ”
เมื่อเมลานีออกไป กริชก็จัดการเอื้อมมือหยิบกล่องข้าวของหญิงสาวขึ้นมาเตรียมทิ้ง ข้าวหมดเกลี้ยงเพราะเธอคงจะหิวจริง ๆ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในกล่องคือไข่แดงเสี้ยวเล็ก ๆ ที่ค่อนข้างเหลว ส่วนด้านที่สุกเมลานีกินมันไปจนหมด เธอยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิมสักนิด
“ไข่แดงต้องสุกเหมือนเดิมเลยนะหนูเมล”
กริชจิ้มช้อนลงไปบนไข่ดาวในกล่องข้าวที่เขาเลือก แล้วไข่แดงเหลวก็ไหลเยิ้มเป็นลาวา...
Special Talk : พี่กริชถ้าช่วงชีวิตของคนเราจะมีเพลงประจำของมันอยู่ ชีวิตผมก็คงเริ่มด้วยเพลงบลูส์อันแสนเศร้าสร้อย...ผมจึงใช้มันเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในใจ และทุกครั้งที่ผมขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ผมจะเห็นเด็กสาวแสนสวยคนหนึ่งที่นั่งมองผมอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางผู้คนที่แต่งตัวมาประชันกันในบาร์ราคาแพงสายตาของผมกลับกวาดไปตกลงที่เธอเท่านั้นผมจำเธอได้ดี แม้วันนี้เธอจะไม่ใช่เด็กน้อยผมเปียแต่เติบโตเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง ผมรอให้เธอเข้ามาหาเพื่อขอโทษกับสิ่งที่ทำร้ายผมในอดีต แต่เธอก็ไม่ได้ทำแบบนั้น นานวันเข้าจากที่เคยชินก็กลายเป็นผมที่เฝ้ารอให้เธอมานั่งฟังเพลงที่นี่ทุกคืน...และผมก็เลือกที่จะลงมือจัดการเธอผมเริ่มเกมด้วยความแค้นในจุดเริ่มต้น และเข้าสู่เส้นชัยด้วยความว่างเปล่าสามปีในมาเก๊า ผมอยู่กับความถวิลหาที่ไม่อาจเติมเต็ม แล้วกลับเมืองไทยอย่างคนไร้ชีวิตจิตใจ อุทิศพลังทั้งหมดเพื่อทำงาน ซมซานกลับไปโดดเดี่ยวในคอนโดหรูที่แสนเวิ้งว้างจนกระทั่งวันที่ผมได้ยินเสียงรับโทรศัพท์ของโอเปอเรเตอร์คนใหม่ ผมจึงเข้าใจว่าทำไมผมถึงเฝ้ามองหาเงาใครบางคนท่ามกลางฝูงชนอยู่ตลอดเวลาผมหันหลังไปยืมกีตาร์จากนักดนตรีในงานไมเนอร์
โซ่รักตอนพิเศษ โซ่รักวันเกิดของกริชเวียนกลับมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนต่างโหวตเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากไปทะเลอีกครั้งเพราะติดใจวิลลาริมทะเลที่เคยไปในอดีต ป้าละไมขออยู่เฝ้าบ้านเพราะกำลังติดซีรีส์อินเดียอย่างหนักหน่วง เจ้าของวันเกิดผู้เป็นทาสเมียและทาสลูกสาวโดยสมบูรณ์จึงไม่อิดออดที่จะเอาใจสองสาวต่างวัย เพียงแต่ระหว่างทางเขาพาทั้งเมลานี และหนูพายแวะที่วัดแห่งหนึ่งก่อน“แวะที่นี่ก่อนนะคะหนูเมล” จังหวัดเดิมที่เคยอาศัยเป็นทางผ่านก่อนไปทะเล และกริชตั้งใจพาลูกสาวกับเมลานีมาที่นี่อยู่แล้ว จึงถือโอกาสพิเศษนี้แวะเสียเลย“ไหว้พระเหรอคะ”“ค่ะ พี่เตรียมสังฆทานใส่รถมาแล้วด้วย ความจริงตั้งใจจะมาที่นี่ในวันเกิดนั่นแหละ อยากมาทำบุญ”“ทำไมไม่บอกล่ะคะ เมลจะได้ช่วยเตรียมของ” เมื่อเปิดท้ายรถก็พบว่าชายหนุ่มเตรียมเครื่องสังฆทานกล่องใหญ่มาแล้ว เขาเลือกของด้วยตัวเองแล้วนำมาใส่กล่องใส ไม่ใช่สังฆทานสำเร็จรูปที่มักจะใส่กระป๋องสีเหลืองตามแบบที่ร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์มักจะทำกัน“ครั้งหน้านะคะ เมื่อคืนวานพี่เห็นเมลเหนื่อย หมดเรี่ยวหมดแรงก็เลยสงสารไม่อยากกวน” เขาว่านัยน์ตาเยิ้ม สื่อความนัยที่เขาและเมลานีเท่านั้นถึง
ซ่อน 2“งั้นมีรางวัลให้ผัวที่น่ารักคนนี้ไหมล่ะคะ” เสียงห้าวแหบพร่าแต่แววตาของเขากลับเปิดเปลือยความต้องการอันร้อนแรงขึ้นมาทันที ฝ่ามือร้อนผ่าวอีกข้างถลกกระโปรงทรงเอสั้นแค่เข่าของหญิงสาวขึ้นมาแล้วประกบมือลงไปบนเนินเนื้อสามเหลี่ยมอวบอิ่ม บีบเคล้นเบา ๆ แบบจาบจ้วงแต่ก็เร้าใจ“พี่กริช เดี๋ยว” เมลานีเสียงสั่นเมื่อเขาบีบเคล้นที่ความเป็นหญิงของเธออย่างเอาแต่ใจ แต่แล้วก็ต้องซบหน้าลงกับอกและใช้มือจิกไหล่กว้างไว้เป็นหลักยึดเมื่อถูกนิ้วเรียวยาวกรีดลงไปในร่องเนื้ออันไวต่อสัมผัส เมื่อพบติ่งเนื้อนิ้วสากระคายก็กดคลึงหมุนวนจนเรียกน้ำชุ่มฉ่ำออกมาได้สำเร็จ“ดื้อกับพี่นัก คนดื้อต้องถูกลงโทษให้หนัก”“อ๊ะ” ความเสียวแปลบเกิดขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางที่ชุ่มฉ่ำ เขาหงายมือและงอนิ้วขึ้นด้านบน ควงคว้านจนเจอกับจุดที่ทำหญิงสาวครางกระเส่า จากนั้นจึงเพิ่มจำนวนนิ้วสอดเข้าไปเพื่อจัดการกับคนดื้อ ช่องทางของเธอแม้จะชุ่มฉ่ำแต่ก็ยังคับแน่นจนอึดอัด ชวนให้อยากจะเอาตัวตนของเขาสอดใส่เข้าไปแทนที่ในตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดเมลานีเสียวซ่านไปทั้งสรรพางค์กาย เลื่อนมือข้างหนึ่งมารั้งข้อมือที่รังแกเธอไม่หยุดหย่อนไว้ แต
ซ่อน 1ตั้งแต่ย้ายไปบ้านหลังที่เตรียมไว้ ข้าวของต่าง ๆ ของเมลานีและหนูพายรวมถึงป้าละไมเพิ่งย้ายเสร็จเรียบร้อย ส่วนกริชที่ข้าวของส่วนตัวของเขาน้อยมาก กลายเป็นเมลานีต้องคอยดูคอยซื้อหาเสื้อผ้าใหม่ ๆ ให้กับเขาอยู่เสมอ พอเธอถามเขาก็บอกว่าขี้เกียจเก็บของจากคอนโดเก่า แต่จริง ๆ หญิงสาวเคยแวะไปที่คอนโดของเขาก็ไม่ได้มีเสื้อผ้าเครื่องใช้เหลืออยู่เท่าไรนัก และด้วยความที่มัวแต่วุ่นวายกับการตกแต่งบ้านหลังใหม่ เมลานีจึงเพิ่งมีโอกาสที่จะเข้าไปเก็บของให้หมดเสียที เพราะรู้ว่ากริชเองก็มัวแต่ยุ่งกับการขยายสาขาหญิงสาวหยิบคีย์การ์ดของคอนโดจากลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเตรียมไปเก็บของให้เขา คอนโดของกริชทำเลดี และราคาแพงลิบลิ่ว เมลานีเคยเสนอให้เขาปล่อยเช่าหากไม่ต้องการอยู่ด้วยตนเอง แต่ชายหนุ่มอ้างว่ากลัวคนเช่าจะทำให้คอนโดของเขาเละเทะ และกริชก็ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นสมบัติของลูกเสียมากกว่า“พี่กริชคะเมลกำลังออกไปเก็บของที่เหลือในคอนโดให้นะคะ” หลังจากสตาร์ตรถและขับมาได้ครู่หนึ่งหญิงสาวก็โทรแจ้งเจ้าของสินทรัพย์ให้ทราบ“ฮะ ไม่ เมลไม่ต้องไป” ปลายสายดูร้อนรนขึ้นมาทันทีจนหญิงสาวแปลกใจ“ทำไมคะ ก็ในเมื่อพี่กริชยุ่ง
ผมเปียตั้งแต่ฝึกฝนถักเปียกับสายไฟอยู่พักใหญ่จนมั่นใจว่าถูกต้อง กริชก็เริ่มลองถักผมยาวเหมือนแพรไหมของเมลานี ครั้งแรก ๆ เขาเกร็งมากเพราะกะน้ำหนักมือไม่ถูก กลัวจะทำให้หนังศีรษะของภรรยาหลุดติดมือมาด้วย แต่เมลานีก็คอยสอนคอยบอกจังหวะ ไม่นานเขาก็ถักเปียได้สวยและเป็นระเบียบจนอยากจะลองถักให้ลูกสาวดูบ้างพอได้ทำ ก็กลายเป็นกิจวัตรที่ทุกวันมานี้กริชจะต้องถักผมเปียให้หนูพายทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน เวลาลูกและเมียชมว่าทำได้สวย เขาภูมิใจกับมันมากกว่าการได้รับรางวัลนักบริหารดีเด่นของวงการยานยนต์เสียอีก“สวยสุด ๆ ไปเลยลูกสาวพ่อ”“พ่อกิด ไม่ใช่แบบนี้ โน โน” หนูพายเอียงศีรษะข้างซ้ายที ข้างขวาที แล้วไปเขย่าแขนคนเป็นพ่อให้จัดการแก้ไข“อะไรคะ”“ไม่สวย จะเอาแบบที่คุณแม่ทำให้ค่ะ”“แต่ปกติพ่อก็ถักเปียแบบนี้ให้นี่คะลูก” กริชบอกอย่างเอาใจลูกสาวตัวน้อยในชุดนักเรียน“หนูชอบแบบใหม่มากกว่าค่ะ” หนูพายทำปากยื่น “พ่อกิด ทำใหม่ค่ะ”“ทำ...ทำแบบไหนดี” คนเป็นพ่อเริ่มเลิ่กลั่ก กว่าเขาจะสำเร็จวิชาถักเปียก็เสียสายไฟไปหลายขด หนูพายกลับเบื่อเปียของเขาเสียง่าย ๆ กลัวเหลือเกินว่าไอ้แบบใหม่ที่ลูกสาวว่ามันจะทำให้เขาต้องกุมขมับและซื้อ
บ้านใหม่ 1กลิ่นดอกโมกหอมอ่อน ๆ โชยกรุ่นทำให้อากาศยามเช้ายิ่งสดชื่น สนามหญ้าเขียวสบายตาที่ถูกดูแลอย่างดีมีละอองน้ำจากหยาดฝนที่เพิ่งทิ้งช่วงไปตอนเช้ามืดพร่างพรมไปทั่วครั้งหนึ่งกริชไม่ชอบบ้านเพราะพื้นที่กว้างขวางทำให้คนตัวคนเดียวอย่างเขายิ่งโดดเดี่ยว แต่พอรู้ว่ามีความรักและมีลูกสาว เขาก็ซื้อบ้าน ซื้อไว้รอตั้งแต่เมลานีบอกให้เขาตัดใจใต้ต้นสนริมทะเลเขาซื้อบ้านที่มีสนามหญ้ากว้างไว้ให้ลูกวิ่งเล่น และปลูกต้นโมกที่ลูกสาวเคยมอบให้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันไว้รอบรั้ว ตกแต่งบ้านตามความชอบที่เมลานีเคยเพ้อฝันให้ฟังในสมัยเธอยังเป็นนักศึกษา ถ้าหลังกลับมาจากมาเก๊า เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อสร้างไพน์กรุ๊ป หลังกลับมาจากทะเลอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสวันนั้น เขาก็อุทิศความหวังทั้งหมดลงมาที่บ้านหลังนี้ สร้างมันทีละส่วนอย่างตั้งใจ เหมือนกับที่เขารอคอยเมลานีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คล้ายหวังอยู่ลึก ๆ ว่าเขาจะได้มีโอกาสเปลี่ยนบ้านที่เป็นแค่โครงสร้างให้กลายเป็นบ้านที่หมายถึงครอบครัวอย่างแท้จริงและเมื่อวันนั้นมาถึง หญ้าก็เขียวขจี ดอกโมกก็ส่งกลิ่นหอมขจรขจาย…กริชจรดศีรษะลงหอมแก้มนุ่มของลูกสาวตัวน้อยที่ขอแยกห้องนอนไปแล้ว เมื่อ







