“คุณพ่อไปออกรอบกับก๊วนเพื่อนไงครับคุณแม่” เมื่อเห็นมารดาพยักหน้ารับรู้แล้วยอมกินข้าวแต่โดยดี ชายหนุ่มจึงได้แต่ลอบถอนหายใจแผ่ว ก่อนจะลงมือกินข้าวไปเงียบ ๆ
หลังจากดูแลให้มารดากินยาและส่งเข้านอนเรียบร้อยแล้ว อัครัฐก็กลับเข้าไปพักผ่อนในห้องของตัวเองบ้าง ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าแล้วเข้าไปยืนใต้ฝักบัว ปล่อยให้สายน้ำเย็นฉ่ำไหลอาบไปทั่วร่างตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า หวังให้มันชะล้างความหม่นหมองและความเคียดแค้นที่เกาะกุมใจ
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ครอบครัวที่อบอุ่นของเขาต้องมาพังทลายลงในชั่วพริบตา!
เมื่อได้รู้ข่าวว่าน้องสาวเพียงคนเดียวเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายที่บอสตัน ทำให้เขาต้องรีบบินกลับจากอังกฤษเพื่อมาจัดการงานศพแทนบิดามารดาที่เสียใจจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร เพิ่งเผาศพน้องสาวผ่านไปได้ไม่กี่วัน บิดาก็ต้องมาเสียชีวิตจากไปอีกคนเพราะโรคหัวใจกำเริบ มารดาของเขาเจอความสูญเสียติดกันถึงสองครั้งสองครา สภาพจึงเป็นอย่างที่เห็น ราวกับว่าท่านลบความทรงจำเกี่ยวกับการตายของคนในครอบครัวออกไปจากสมอง ท่านยังคิดเสมอว่าบุตรสาวคนเล็กกับสามีไม่ได้จากไปไหน ยังคงอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยกัน
“คุณพ่อไปออกรอบกับก๊วนเพื่อนไงครับคุณแม่” เมื่อเห็นมารดาพยักหน้ารับรู้แล้วยอมกินข้าวแต่โดยดี ชายหนุ่มจึงได้แต่ลอบถอนหายใจแผ่ว ก่อนจะลงมือกินข้าวไปเงียบ ๆหลังจากดูแลให้มารดากินยาและส่งเข้านอนเรียบร้อยแล้ว อัครัฐก็กลับเข้าไปพักผ่อนในห้องของตัวเองบ้าง ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าแล้วเข้าไปยืนใต้ฝักบัว ปล่อยให้สายน้ำเย็นฉ่ำไหลอาบไปทั่วร่างตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า หวังให้มันชะล้างความหม่นหมองและความเคียดแค้นที่เกาะกุมใจไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ครอบครัวที่อบอุ่นของเขาต้องมาพังทลายลงในชั่วพริบตา!เมื่อได้รู้ข่าวว่าน้องสาวเพียงคนเดียวเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายที่บอสตัน ทำให้เขาต้องรีบบินกลับจากอังกฤษเพื่อมาจัดการงานศพแทนบิดามารดาที่เสียใจจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร เพิ่งเผาศพน้องสาวผ่านไปได้ไม่กี่วัน บิดาก็ต้องมาเสียชีวิตจากไปอีกคนเพราะโรคหัวใจกำเริบ มารดาของเขาเจอความสูญเสียติดกันถึงสองครั้งสองครา สภาพจึงเป็นอย่างที่เห็น ราวกับว่าท่านลบความทรงจำเกี่ยวกับการตายของคนในครอบครัวออกไปจากสมอง ท่านยังคิดเสมอว่าบุตรสาวคนเล็กกับสามีไม่ได้จากไปไหน ยังคงอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยกัน
ช่วงหัวค่ำ พราวนภาเฝ้ารอสายจากนฤบดินทร์อย่างใจจดใจจ่อ ตอนแรกหญิงสาวคิดจะโทรศัพท์ไปหาเขาเองแต่ก็กลัวว่าชายหนุ่มจะกำลังยุ่งอยู่ แต่รอแล้วรอเล่าชายหนุ่มก็ยังไม่ติดต่อมา จนกระทั่งผ่านไปครึ่งชั่วโมง นฤบดินทร์ก็วิดีโอคอลเข้ามา“ทำไมวันนี้พี่ดินโทร. มาช้า” เธองอแงใส่เขาเล็กน้อย“ซ้อมมวยกับแมทธิวติดพันน่ะ รอพี่อยู่ละสิ ขอโทษที ไม่คิดว่าจะคิดถึงพี่ขนาดนี้” ชายหนุ่มพูดไปยิ้มไปพลางถอดเสื้อชุ่มเหงื่อออก อวดแผงอกที่ดูแน่นขึ้นกว่าเดิม ทว่าพราวนภาไม่มีเวลามาชื่นชมซิกซ์แพ็กของเขาเพราะร้อนใจเรื่องอาจารย์พิเศษคนใหม่“พี่ดินจำผู้ชายที่พราวเจอในร้านคิตตี้ได้ไหม”“อืม ทำไมหรือ อย่าบอกนะว่าเจอมันอีก” น้ำเสียงของชายหนุ่มไร้ความขี้เล่นหยอกเย้าเมื่อได้ยินเธอเอ่ยถึงผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง“ใช่ เขามาเป็นอาจารย์พิเศษที่มอ วันนี้พราวเพิ่งเข้าคลาสที่เขาสอนมา” พราวนภาเล่าให้เขาฟังด้วยสีหน้าเป็นกังวล แต่คนฟังอย่างนฤบดินทร์กลับเครียดยิ่งกว่า“มันชื่ออะไร นามสกุลด้วยนะ สะกดมาให้พี่หน่อย”
“จริงสิ วันนี้ตอนที่เดินในร้านคิตตี้ จู่ ๆ พราวก็ผุดไอเดียหนึ่งขึ้นมาได้ละ” พราวนภาเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับอาณาจักรเท็ดดี้แบร์ที่ตนอยากทำด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขจนคนฟังอย่างนฤบดินทร์ได้แต่ยิ้มตามไปด้วย“น่าสนใจดีนะ พราวอยากทำก็ทำสิ พี่ออกทุนให้ก็ได้” จู่ ๆ ก็ได้ยินเขาพูดมาแบบนี้จึงทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึง เพราะการทำร้านลักษณะนี้ นอกจากต้องเสาะแสวงหาสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกแล้ว ยังต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับทางต้นสังกัดอีกด้วย“โห ไม่ไหวมั้งพี่ดิน น่าจะต้องใช้ทุนหลายล้านเลยนะ ไม่ไหวหรอก”“มันต้องค่อยเป็นค่อยไป อาจจะเริ่มจากประเภทสินค้าก่อนก็ได้ เช่นว่าพราวอาจจะขายตุ๊กตากับกล่องดนตรีก่อน แล้วค่อยขยับขยายไปประเภทอื่น”“พี่ดินอย่ามาจุดไฟความหวังให้พราวสิ พราวอุตส่าห์ล้มเลิกความคิดไปแล้ว พราวเกรงใจพี่ด้วย เงินไม่ใช่น้อย ๆ”“พราวอย่าลืมสิว่าพี่ได้เงินจากคดีนั้นมาตั้งเกือบสิบล้านนะ ตอนนี้มันนอนนิ่งอยู่ในบัญชีไม่ได้เอาออกไปใช้อะไรจนปลวกจะแทะอยู่แล้วมั้ง มาช่วยพี่ใช้เงินบ้างก็ได
แต่พอคิดถึงภาระหน้าที่หลังเรียนจบที่ต้องไปช่วยบิดาบริหารกิจการเครื่องสำอางแบรนด์เอเอ็นเอสและในเครือแล้ว รอยยิ้มเมื่อครู่ก็เจื่อนลงทันทีใช่ว่าพราวนภาไม่ชอบหรือไม่อยากทำธุรกิจของครอบครัว เธอรักมันเช่นกันเพราะเครื่องสำอางเป็นสิ่งที่เห็นและสัมผัสมาตั้งแต่จำความได้ เธอรักในสีสันและทึ่งในมหัศจรรย์ของการแต่งหน้า การได้ช่วยงานบิดาเป็นสิ่งที่หญิงสาวเต็มใจทำเป็นอย่างยิ่งพราวนภาตัดใจเรื่องอาณาจักรเท็ดดี้แบร์ในฝันแล้วเลือกซื้อเครื่องเขียนจำนวนหนึ่งเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ แต่พอเปิดกระเป๋าออกดู กลับพบว่ากระเป๋าสตางค์ของตนหายไปแล้ว“เฮ้ย! กระเป๋าตังค์หาย” พราวนภาหน้าตื่นเพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กับตนมาก่อน“ขอโทษนะคะพี่ กระเป๋าตังค์หนูหาย ขอเดินไปดูในร้านก่อนนะคะเผื่อจะทำตกเอาไว้” เธอรีบหันไปบอกกับพนักงานแคชเชียร์แล้วเดินย้อนกลับไปตรงบริเวณที่ตนยืนอยู่เมื่อครู่ทันทีหญิงสาวรื้อดูในกระเป๋าสะพายอีกครั้ง ทุกอย่างอยู่ครบหมดมีเพียงกระเป๋าสตางค์เท่านั้นที่หายไป เธอพยายามหลับตานึกว่าครั้งสุดท้ายที่ตนเห็นมันคือเมื่อไร ก่อนจะสะดุ้งตกใจ
“คุณพ่อเขาไม่พูดหรอกแต่เขาจะคอยดูอยู่ห่าง ๆ แม่เองก็เหมือนกัน แม่จะไม่ห้ามหรือบังคับหนูหรอกนะว่าต้องทำตัวอย่างนั้นอย่างนี้เพราะถือว่าโต ๆ กันแล้ว ดินน่ะแม่ก็เห็นเขามาตั้งแต่เด็ก แม่คิดว่าเขาก็เป็นผู้ชายที่ใช้ได้คนหนึ่งเลยละ ส่วนหนูเองแม่คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะแม่เลี้ยงหนูมาแม่ย่อมรู้ดีที่สุดว่าลูกสาวแม่เป็นคนยังไง”“ขอบคุณค่ะคุณแม่ หนูพราวรักคุณแม่ค่ะ” พราวนภากอดจันทร์เจ้าอย่างออดอ้อนเช่นที่เคยทำเมื่อครั้งเป็นเด็ก รุ้งจันทราเห็นอย่างนั้นจึงเดินเข้ามากอดด้วยอีกคน“หนูรุ้งก็รักคุณแม่ รักพี่พราว”ช่วงหัวค่ำ พราวนภานั่งดูข่าวกับคุณยายเพราะจันทร์เจ้าพาบุตรสาวคนเล็กเข้านอน ขณะที่กำลังนั่งดูอยู่นั้น โทรศัพท์ของหญิงสาวก็สั่นครืดคราด เธอรู้ทันทีว่าใครโทร. มาจึงรีบหยิบมากดรับพร้อมกับเดินขึ้นห้องนอนของตนทันที“วันนี้มานอนบ้านแม่หรือ” เสียงทุ้มถามทันทีที่เธอกดรับสาย พราวนภายิ้มกว้างที่นฤบดินทร์ช่างเอาใจใส่ แค่เขาเห็นว่าสภาพห้องของเธอเปลี่ยนไป เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอมานอนบ้านมารดา“ใช่แล้ว เอา
“พราว! กลับมาแล้วหรือ”อภัสราตะโกนเรียกพราวนภามาแต่ไกล เจ้าของชื่อจึงหยุดเดินแล้วยืนรอให้เพื่อนที่กำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม แต่พออีกฝ่ายมาถึง เจ้าตัวกลับแบมือมาตรงหน้า พราวนภาจึงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย“ของฝากไงละ แกไปบอสตันมาทั้งทีไม่คิดจะมีของฝากให้เพื่อนบ้างเลยหรือ” อภัสรายังคงแบมือในท่าเดิม พราวนภาจึงยิ้มกว้างแล้วพูดว่า“มีสิ ไม่มีได้ยังไง เอาไว้เจอเก้าก่อนแล้วค่อยให้พร้อมกัน”“หวังว่าคงไม่ใช่เครื่องสำอางนะ” อภัสราพูดกลั้วหัวเราะ“บ้าสิ บ้านฉันทำเครื่องสำอางขายแล้วแกจะให้ฉันซื้อเครื่องสำอางมาฝากแกเนี่ยนะ” พราวนภาอดขำไม่ได้“แต่พูดก็พูดเถอะ อเมริกามันไม่ค่อยมีของอะไรที่เป็นเอกลักษณ์พอจะซื้อเป็นของฝากได้เลยเนอะ แกว่าไหม เพราะถ้าเป็นพวกเสื้อผ้า กระเป๋าอะไรพวกนี้ก็มีขายในไทยหมดแล้ว แถมราคาที่โน่นบางรัฐยังแพงกว่าที่ไทยด้วยซ้ำ ไม่เหมือนญี่ปุ่นหรือจีนที่มองปุ๊บก็รู้เลยว่าเป็นสินค้าของที่นั่น” พราวนภานึกถึงต