ตอนที่ 2
เจี่ยอวี้หลันหลับและตื่นสลับกันไปมา แต่มิอาจทราบได้ว่าวันเวลาผ่านไปกี่วันกี่คืนแล้วกันแน่ นางรู้เพียงเจ็บทุกครั้งที่นางหายใจเป็นเช่นไรนางซาบซึ้งแล้วในคราวนี้ แต่ถึงจะเจ็บปวดถึงเพียงนั้นในใจอยากยอมแพ้อยากตายไปเสียจะได้ไม่ต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้แม้แต่น้อย ภาพของจางหมัวมัวกับสองสาวใช้ เสี่ยวหมิ่นกับเสี่ยวเจี๋ยนั้นยังคอยกระตุ้นเตือนในใจของนางให้ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมตาย เพราะหากนางรอดไปได้ต่อให้ต้องขายตัวขายชีวิต นางก็จะยอมทั้งหมดขอเพียงให้นางได้แก้แค้น ให้นางได้เอาคืนสามแม่ลูกพวกนั้น กับอีกหนึ่งบุรุษใจดำเช่นมู่หรงจิ่ง นางอยากจะสั่งสอนให้เขารู้ว่าสตรีมิใช่ของตายไม่ใช่เครื่องมือให้เขาหลอกใช้ได้โดยง่าย หากนางไม่ยินยอมไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดมาหลอกใช้นางเป็นเครื่องมือให้สมหวังเด็ดขาด! กับอยากจะมีโอกาสสักครั้งไปถามบิดากันต่อหน้าว่าเหตุใดจึงไม่ช่วยเหลือนางปล่อยให้นางถูกหลอกและเกือบถูกสองแม่ถูกจับกรอกยาพิษได้อย่างไร?! นางอยากทราบจากปากของบิดาจริงๆ
“ฟื้นแล้วหรือ?”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น อยู่ไม่ไกลนี้นี่เองถึงจะยากเย็นแต่เจี่ยอวี้หลันนั้นก็พยายามกัดฟันฝืนลืมตาขึ้นมาจนได้ แล้วภาพใบหน้าของบุรุษผู้หนึ่งที่รูปงามราวกับหยกสลักก็ปรากฏแก่สายตาของนาง คิ้วเข้มและยาวราวกับกระบี่ปลายหางคิ้วเชิดเฉียงชี้ขึ้นเล็กน้อยนั้นขมวดอยู่แค่พองาม รับกับดวงตาหงส์ อย่างพอเหมาะพอดีกำลังจับจ้องตรงมาที่นางเขม็ง คล้ายกับเขากำลังพิจารณาสีหน้าของนางอยู่ว่านางคิดหรือต้องการสิ่งใด แต่เพราะเจี่ยอวี้หลันสติยังไม่มั่นคงจึงไม่แน่ใจว่าบุรุษตรงหน้านี้มีอยู่จริง หรือแท้จริงนางกำลังฝันเห็นจอมมารร้ายผู้ควบคุมขุมนรก หรือไม่ก็อาจเป็นราชาปีศาจร้ายมาล่อลวงนางกันแน่ เนื่องจากนางได้กลิ่นคาวเลือดจากบุรุษด้านข้างนี้รุนแรงอย่างยิ่ง มนุษย์ปกตินางเกิดมาสิบเจ็ดปียังไม่เคบพบเคยเห็นมาก่อนเลย
“พญายม?”
พอสามคำนี้หลุดออกจากปากจิ้มลิ้มที่แห้งและแตกจนเป็นขุยเท่านั้นคิ้วกระบี่ของบุรุษที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จากแค่ขมวดเล็กน้อยแค่พองามพลันขมวดจนหัวคิ้วทั้งสองแทบจะชนกันที่ตรงหน้าผากของเขาขึ้นมาทันควัน
“อันใดนะ?” ซ่างกวนไท่ถามออกไปเพราะไม่แน่ใจว่าคนป่วยที่นอนกึ่งหลับกึ่งตื่นมาหกวันหกคืนนั้นได้สติหรือนางแค่ละเมอเท่านั้น แต่ฟื้นขึ้นมาคำแรกนางเอ่ยปากถามว่าเขาคือพญายมมันออกจะแปลกไปสักหน่อยกระมัง
“ท่านคือพญายมหรือเป็นผู้มีพระคุณเจ้าคะ”
เป็นครั้งแรกในชีวิตยี่สิบสามปีของซ่างกวนไท่เลยก็ว่าได้ที่เขารู้สึกหัวเราะไม่ได้จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออกเช่นนี้ อาจเพราะเขาหน้าตาคล้ายอดีตฮองเฮาผู้เป็นมารดามากกว่าพี่ชายเขาจึงรูปงามมาตั้งแต่ยังเด็กรูปงามราวกับเป็นราชาปีศาจ เคยถูกชื่นชมมาไม่น้อยจากสตรีแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกสตรีเข้าใจผิดว่าเขาคือพญายม
“คงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเจ้ากระมังแต่ความจริงคนส่วนมากเรียกเปิ่นหวางว่าปีศาจขาวน่ะนะ ผู้ใดอยู่ด้านนอกไปเรียกท่านหมอหยวนมาให้เปิ่นหวางหน่อย แจ้งกับเขาว่าคนป่วยได้สติแล้ว”
ประโยคแรกกล่าวประชดคนป่วย ประโยคต่อๆ ไปคือการเรียกหาท่านหมอเทวดาฝีมือฉกาจเช่นหยวนหย่งฉี แต่ประชดใครไม่ประชด ดันไปประชดคนป่วยเพิ่งฟื้น เจี่ยอวี้หลันจึงคิดว่าตนเองกึ่งฝันกึ่งตื่นอยู่เท่านั้น กว่าจะรู้ว่า ท่านพญายมหน้าหยกนั้นพูดประชดก็ผ่านไปอีกสองวันนั่นแหละ
“วันนี้รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างแม่นาง”
หลังจากมาถึงเสียนหยางได้เพียงหนึ่งวันของขบวนชินอ๋องซ่างกวนไท่ ข่าวใหม่และใหญ่ที่สุดในเสียนหยางจะเป็นเรื่องใดไปได้ หากมิใช่ข่าวที่ว่าที่เจ้าสาวของเฉินกั๋วกง มู่หรงจิ่งหนีงานวิวาห์แล้วไปกระโดดหน้าผาราวกับจะปลิดชีพตนเองและเพราะหน้าผาแห่งนั้นสูงชันยิ่งนักจึงคาดว่าคุณหนูรองหลู่น่าจะตายมากกว่าอยู่ ทว่าจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวว่านางตายจริงรอดตายแล้วหลบหนีไปที่ใดเสียแล้วกันแน่ แต่เรื่องนี้กลับทำให้จิ้งหนานโหว หรือ หลู่ฮั่นเหลียง นั้นถึงกับล้มป่วยติดเตียงพูดไม่ได้เดินยิ่งไม่ได้เลยทีเดียว คงไม่ต้องเอ่ยถึงฝ่ายเจ้าบ่าวเฉินกั๋วกงที่อับอายขายหน้าจนแทบไม่กล้าออกจากจวน เช่นนี้ทั้งซ่างกวนไท่และคนสนิทของเขารวมไปถึงเว่ยกั๋วกงมีหรือคาดเดาไม่ได้ว่าคนป่วยที่ได้ช่วยเอาไว้คือผู้ใดแต่รู้ก็ส่วนรู้จะพูดออกมาหรือเปล่ามันก็อีกเรื่อง
“ไม่เจ็บมากแล้วเจ้าค่ะท่านหมอ”
ถึงจะยังเจ็บปวดอยู่มาก และนางยังหายใจได้ไม่เต็มท้อง ทว่าอาการโดยรวมสำหรับเจี่ยอวี้หลันนั้นก็ดีขึ้นมากแล้วจริงๆ ไม่เจ็บทุกครั้งที่หายใจเข้าออกอีกแล้ว
“ช่วงนี้แม่นางต้องพยายามนั่งให้นาน ระหว่างนั่งและเดินให้ฝึกหายใจเข้าลึกและปล่อยออกสุด หรือเรียกว่าหายใจเต็มท้องให้บ่อยที่สุด สภาพภายในจะได้แข็งแรงโดยเร็ว” ด้วยอาการซี่โครงหักทิ่มปอดถึงจะปลอดภัยระบายเลือดออกหมดแล้วแต่ปอดก็ยังไม่หายดี
“ขอบคุณท่านหมอมากนะเจ้าค่ะที่ช่วยชีวิตของข้าเอาไว้” เจี่ยอวี้หลันขอบคุณท่านหมอผู้นี้จริงๆ หากไม่ได้เขานางที่บาดเจ็บหนักเพียงนั้นเช่นไรก็คงตายแน่นอน
“หากคิดขอบคุณคิดว่าแม่นางขอบคุณผิดคนแล้ว เพราะคนที่ช่วยแม่นางขึ้นมาและพามาให้ข้ารักษานั้นคือชินอ๋อง” หยวนหย่งฉีเอ่ยเสียงเรียบแต่ภายในใจก็อดจะสงสารสตรีตรงหน้าเสียมิได้หนีจากคนชั่วมาเจอปีศาจโดยแท้ยิ่งช่วงนี้มีเรื่องใหญ่และสตรีตรงหน้าอาจจะสามารถช่วยได้เขายิ่งเห็นใจนางจริงๆ
ชินอ๋อง?!...
ฝ่ายเจี่ยอวี้หลันนั้นนางยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดลึกซึ้งนักดังนั้นนางย่อมมิคาดมาก่อนเลยว่าผู้มีพระคุณของตนเองนั้นจะเป็นถึงชินอ๋อง ก่อนจะนึกไปถึงชื่อเสียงของชินอ๋องผู้นั้น ช่วงที่นางอายุเพิ่งจะเต็มสิบสามนั้นก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อยู่สองเหตุการณ์ในเสียนหยาง นั่นก็คืออดีตฮ่องเต้และหยวนฮองเฮานั้นถูกลอบปลงพระชนม์โดยองค์ชายรองหวังยึดครองราชบัลลังก์
และเหตุการณ์ที่สองไม่ห่างกันเพราะองค์ชายรองยังไม่ทันได้สมหวังเขาและพรรคพวกก็ถูกองค์ชายเจ็ดในขณะนั้นร่วมมือกับองค์ไท่จื่อที่เป็นพี่ชายแท้ๆ มีบิดาและมารดาเดียวกันจับกุมและประหารสิ้นในเวลาหนึ่งวันกับหนึ่งคืนหลายตระกูลใหญ่สูญสิ้น หลายพันชีวิตหรืออาจถึงหนึ่งหมื่นตายตก โลหิตเนืองนองที่หน้าประตูพระราชวังทิศตะวันตกซากศพมากมายกองสูงราวภูเขาจนใช้เวลาเผานานนับสิบวันจึงหมดสิ้น
ถึงจะเป็นการปราบกบฏองค์ชายรอง แต่การสังหารคนไม่เว้นแม้แต่เด็กแรกเกิดหรือสตรีตั้งครรภ์ก็ออกจะโหดเหี้ยมอยู่มาก ดังนั้นต่อให้นับจากนั้น ไท่ จื่อซ่างกวนโทวได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้และองค์ชายเจ็ดซ่างกวนไท่นั้นถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง แต่ชื่อเสียงด้านความเหี้ยมโหดนั้นกลับมิได้จางหายไปนับเป็นฮ่องเต้และชินอ๋องที่เหยียบซากศพและเลือดเนื้อคนขึ้นไปยืนบนจุดสูงส่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ของต้าเซี่ยเกือบห้าร้อยปีเลยก็ว่าได้ ในสายตาชาวบ้านจึงแอบตั้งฉายาให้ทั้งสองว่าคู่ปีศาจดำขาวนับแต่นั้นเป็นต้นมา
แต่เมื่อสองปีก่อนตอนที่เจี่ยอวี้หลันอายุครบสิบห้าปีและเพิ่งจะสูญเสียท่านปู่และท่านย่าไปนางจำได้ว่าชินอ๋องพากองทัพเฮ่ยหลงของเขาที่มีกำลังคนมากกว่าแสนนายนั้น เดินทางไปยังแคว้นเป่ยฉีเพื่อปราบปรามกบฎเผ่าหู่และเผ่ากั๋วเซาที่ฉวยโอกาสในขณะที่แผ่นดินต้าเซี่ยเปลี่ยนฮ่องเต้ใหม่คิดจะแยกตัวออกไปเป็นอิสระแล้วมิใช่หรือ และเขานั้นยังคงรั้งอยู่ที่เป่ยฉีหลังศึกปราบกบฎสองชนเผ่าจบลงมิใช่หรือ เหตุใดเขาจึงโผล่มาช่วยชีวิตของนางได้ ทว่าจะอย่างไรสุดท้ายชินอ๋องปีศาจขาวผู้นั้นเขาก็เป็นผู้มีพระคุณของนางอยู่ดีมิใช่หรือหากไม่ได้เขานางจะรอดชีวิตจนได้พบหมอเทวดาแช่หยวนผู้นี้ได้อย่างไร
ดังนั้นเจี่ยอวี้หลันนั้นจึงคิดว่าหากพบหน้าชินอ๋องผู้นั้นนางจะต้องขอบคุณเขาให้ดีถึงเขาคือปีศาจนางก็จะกราบปีศาจเป็นเจ้านาย เพราะพอนางรอดชีวิตมาได้แน่นอนว่าต้องคิดถึงความแค้นก่อนเป็นอันดับแรกเพราะตั้งแต่ที่ตัดสินใจกระโดดหน้าผา ก็คิดเอาไว้แล้วว่าหากจบชีวิตไปความรักความแค้นจะจบลงเพียงแค่นางจากไป แต่หากนางรอดชีวิตมาได้แน่นอนแค้นนี้นางย่อมคืนไปให้ทั่วทุกตัวคน!
และในอีกหลายวันต่อมาเจี่ยอวี้หลันก็ได้พบหน้าชินอ๋อง ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดคราวที่นางเพิ่งได้สติจึงสับสนว่าอีกฝ่ายคือคนจริงๆ หรือพญายมอยู่ในขุมนรก ก็เพราะซ่างกวนไท่ผู้นี้มีกลิ่นอายสังหารเข้มข้นไม่พอเขายังมีกลิ่นคาวของโลหิตลอยอยู่รอบกายสูงใหญ่อ่อนๆ ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเจี่ยอวี้หลันคิดไม่เองหรือไม่แต่นางคล้ายจะเห็นวิญญาณคนตายอยู่ข้างกายชินอ๋องผู้นี้อีกด้วย เมื่อยามที่เขามาทรงนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเตียงของตนเองจึงแอบหวาดกลัวอยู่บ้าง
“ผู้แซ่เจี่ยขอบคุณชินอ๋องที่ช่วยชีวิตเพคะ” แต่ครู่เดียวนางก็มองข้ามสิ่งที่เห็นไปเสีย ผลนี้อาจเกิดจากนางเกือบตายกระมังจึงบังเอิญได้เห็นวิญญาณคนตายแต่ก็แค่ผีล่องลอยไปมานอกจากน่ากลัวก็ทำอันตรายนางมิได้อยู่ดี
“ผู้แซ่เจี่ย? เจ้ามิใช่แซ่หลู่หรอกหรือ?” ซ่างกวนไท่เอ่ยเรียบๆ ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกไป
แต่คนถูกถามแค่เขาเปิดปากเจี่ยอวี้หลันก็พลันกระจ่าง เขารู้แจ้งถึงตัวตนที่แท้จริงของนางนานแล้วหรืออาจรู้แต่วันแรกๆ ก็เป็นไปได้ สมกับเป็นชินอ๋องปีศาจขาวผู้พิทักษ์ฉางตี้ฮ่องเต้ซึ่งเป็นปีศาจดำจริงๆ
“หลู่อวี้หลิงผู้นั้นตายจากไปตั้งแต่เมื่อสิบกว่าวันก่อนที่หน้าผาแห่งนั้นแล้วเพคะ ที่อยู่ตรงหน้าชินอ๋องนี้ จึงเป็น เจี่ยอวี้หลัน นั่งไม่เปลี่ยนชื่อยืนไม่เปลี่ยนแซ่” นางกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงแน่วแน่แววตามั่นคงยิ่ง
“ดี!”
ซ่างกวนไท่คิดเอาไว้แล้วว่าช่วยชีวิตซากศพวันนั้นเขาจะต้องได้ใช้ประโยชน์ ทว่าก็ไม่คิดว่าตนเองจะได้ใช้ประโยชน์จากนางเร็วถึงเพียงนี้ ลางสังหรณ์ของเขาช่างแม่นยำเกินไปแล้ว…
“เปิ่นหวางจะไม่อ้อมค้อม ชีวิตของเจ้าเปิ่นหวางเป็นคนช่วย ดังนั้นเปิ่นหวางจึงเป็นดังเจ้าชีวิตของเจ้า แต่เปิ่นหวางมิใช่คนใจคอคับแคบ หากเจ้าช่วยงานของเปิ่นหวางนับจากนี้ นอกจากจะได้ตอบแทนบุญคุณแล้ว หากเจ้ามีแค้นที่อยากชำระเปิ่นหวางจะช่วยเจ้าให้สมหวังเอง”
ซ่างกวนไท่เป็นคนประเภทใดนอกจากตัวของเขาคงมีเพียงพี่ชายที่อายุมากกว่าเขาอยู่สามปีที่รู้ ดังนั้นก่อนจะมาพบ เหยื่อ ของเขาในวันนี้ย่อมศึกษามาดิบดี จึงเอ่ยออกไปอย่างใจกว้าง หึ! คนเช่นชินอ๋องปีศาจขาวแห่งต้าเซี่ยเคยใจกว้างหรือไม่ล้วนมีแต่เขาเท่านั้นที่รู้แจ้ง!
ตอบแทนบุญคุณอย่างนั้นหรือ?…
แน่นอนว่าเจี่ยอวี้หลันคิดเอาไว้แล้วสำหรับตอบแทนบุญคุณปีศาจขาวตรงหน้าของนางผู้นี้ แต่มิคาดว่าชินอ๋องจะหยิบยื่นโอกาสให้นางได้ชำระแค้นมาด้วย คำว่าชำระแค้นนี้ทำเอาดวงตาเมล็ดซิ่งแวววาวด้วยความยินดีขึ้นมาทันใด เพราะที่นางอดทนจนผ่านประตูผีมาได้ล้วนมาจากแรงแค้นที่ตนเองถูกคนที่รักและไว้ใจหักหลังทั้งสิ้น!
แค้นยิ่งกว่าแค้นอัดแน่นอยู่ภายในหัวอก เช่นนี้พอได้ฟังว่าตนเองจะได้ชำระแค้นเร็วกว่าที่นางคาดเอาไว้ ต่อให้งานทดแทนบุญคุณที่ชินอ๋องจะเรียกร้องนั้นสุดท้ายเป็นการให้นางสละชีพ เจี่ยอวี้หลันก็ยินดีอย่างยิ่ง!
“เชิญชินอ๋องกล่าวสิ่งที่ประสงค์จะให้ผู้แซ่เจี่ยทดแทนบุญคุณได้เลยเพคะ” เจี่ยอวี้หลันถามออกไปเสียงอ่อน แต่ในใจของนางนั้นเตรียมรอรับเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องค่าตอบแทนเป็นการให้นางไปตาย แลกกับการที่เขาจะแก้แค้นแทน นางก็ยินยอมแล้วจริงๆ
“แต่งงานเป็นพระชายาเอกของเปิ่นหวาง”
“!!!”
ตอนพิเศษวันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ฤดูกาลยังคงเคลื่อนผ่านไปตามวัฏจักรของโลกา หลังจากวันที่ซ่างกวนไท่จัดการให้เจี่ยอวี้หลันได้นำโลหิตคนชั่วไปเซ่นไหว้หลุมศพของบรรพบุรุษสกุลหลู่ได้สิบห้าวันก็ได้ออกเดินทางไปยังแคว้นอิ๋งโจวทันที เนื่องจากบ้านเมืองไม่สงบสุขชาวประชาย่อมยากจะอยู่เย็น กินอิ่มนอนอุ่นไปได้ โดยการเดินทางนั้น เจี่ยอวี้ หลันนั้นได้ตัดสินใจไม่นำเชลยแค้นทั้งสามไปด้วย นางทอดทิ้งคนชั่วให้ค่อยๆ ตายลงช้าๆ ภายในคุกคุมขังของฉางตี้ฮ่องเต้เพราะนางอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ปล่อยให้พวกมันทุกข์ทรมานกันไป ส่วนนางเลือกจะไปเสวยสุขกับบุรุษของนางแทน ความรู้สึกผิดและติดค้างคนสกุลหลู่ของนางจางหายไปตั้งแต่วันที่นำโลหิตพวกมันไปเซ่นไหว้แล้วทิ้งอดีตอันเจ็บปวดให้ค่อยๆ ตายไปพร้อมกับคนกระทำถูกต้องที่สุดแล้ว...ช่วงแรกที่ไปถึงก็ไม่ได้ทุกข์ยากดังที่ซ่างกวนไท่กล่าวเอาไว้ อยู่ต่อไปอีกห้าเดือน อิ๋งโจวก็ส่งข่าวดีกลับไปที่เสียนหยาง ข่าวดีที่ว่าพระชายาเจี่ยตั้งครรภ์แล้ว ฉางตี้ฮ่องเต้ดีใจอย่างยิ่งจากอิ๋งโจวมาเสียนหยางห่างกันอยู่เจ็ดร้อยลี้ ดังนั้นจากที่แต่แรกซ่างกวนไท่คิดจะรั้งอยู่อิ๋งโจวเพียงสองถึงสามปีก็เปลี่ยนเ
ตอนที่ 35 || ตอนอวสานอีกหลายวันต่อมา หลังจากซ่างกวนไท่จัดการหลายสิ่งหลายอย่างเรียบร้อย เตรียมแต่จะเดินทางไปอิ๋งโจว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะพาเจี่ยอวี้หลันไปพบคนที่ติดค้างนางและครอบครัวสกุลหลู่เสียทีผ่านไปร่วมห้าเดือน คนที่สมควรตายก็ตายไปหมดแล้วคนที่ต้องถูกเนรเทศก็เนรเทศไปจนสิ้น ใครต้องถูกขายไปเป็นทาสไปเป็นนางคณิกาก็ถูกขายไปจนสิ้น แต่ยังคงเหลืออีกสามชีวิตที่ถูกคุมขังมายาวนานร่วมครึ่งปีเงาร่างของบุรุษที่เคยหล่อเหลาปรากฏแก่สายตาของเจี่ยอวี้หลันเป็นคนแรก มอมแมมและซูบผอมอีกทั้งยังเหม็นเน่าจากบาดแผลที่คงถูกทรมานทุกวันจนไม่หลงเหลือสภาพของ เฉินกั๋วกงผู้ทรนงในอดีตแม้สักส่วน แต่นางก็ยังจดจำได้ว่ามันผู้นี้คือใคร“ไม่เจอกันนานเลยนะ มู่หรงจิ่ง”เสียงหวานดังกังวานไปทั่วคุกใต้ดินแห่งนี้ทั้งที่เจี่ยอวี้หลันก็เพียงเอ่ยด้วยโทนเสียงปกติแท้ๆ ไม่นานเสียงโซ่ตรวนก็ดังขึ้นบ้างบ่งบอกว่าเจ้าของร่างที่นอนขดตัวอยู่นั้นรับรู้ถึงการมาของนางแล้ว“ใคร?” ถามขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง“แย่จริง ไม่พบกันแต่ไม่เท่าไหร่เฉินกั๋วกงก็ลืมเปิ่นหวางเฟยเสียแล้ว”“หลิงเอ๋อร์!”พอมีสติรับรู้ได้มู่หรงจิ่งถึงกับกระชากโซ่ตรวนเพื่อจะพุ่ง
ตอนที่ 34หลังผ่านค่ำคืนวสันต์ของคู่สามีภรรยาไปเพียงสามวัน ซ่างกวนไท่ก็ควบคุมทหารไปอิ๋งโจว เพื่อจับกุมโซ่วอ๋องกับกองกำลังที่ซ่องสุมมากว่าห้าปีโดยเมืองหลวงเป็นฉางตี้ฮ่องเต้กับแม่ทัพจี จีหยวนโจว ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ขององครักษ์ชั้นในปกป้องเสียนหยางเป็นผู้จับกุมเส้นสายของโซ่วอ๋อง แน่นอนว่าต้องมีสกุลมู่หรงกับสกุลหลู่รวมอยู่ด้วย เจี่ยอวี้หลันอยู่ภายในตำหนักชินอ๋องรับฟังอย่างสงบนางรอเพียงซ่างกวนไท่กลับมา เพราะเขารับปากกับนางแล้วว่าจะให้นางลงมือแก้แค้นด้วยตนเอง เจี่ยอวี้หลันเชื่อเขา นางจึงรออย่างใจเย็น กบฎของโซ่วอ๋องคราวนี้นับเป็นการถอนรากถอนโคนอย่างแท้จริง หากกล่าวว่าเมื่อครั้งกบฎองค์ชายรอง ซากศพ เผาไหม้ร่วมเดือน ครั้งนี้ก็แทบไม่แตกต่างและยิ่งเป็นเช่นนี้ ชื่อเสียงในด้านโหดร้ายของปีศาจดำและขาวจึงยิ่งโด่งดัง ในอดีตเจี่ยอวี้หลันยังเด็ก โลกของนางขณะนั้นมีเพียงสีขาวกับสีดำ จึงมองว่าสองพี่น้องซ่างกวนทั้งเหี้ยมโหดและอำมหิต ทว่าบัดนี้นางผ่านอะไรมามาก จึงไม่ได้ตัดสินเพียงขาวหรือดำ ถูกกับผิด แต่เจี่ยอวี้หลันมองจากมุมมองของความเป็นจริงจึงค่อยเข้าใจ แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นฉางตี้ฮ่องเต้หรือชินอ๋อง พวกเขาล้
ตอนที่ 33กล่าวจบซ่างกวนไท่ก็งอนิ้วชี้เคาะลงไปที่ปลายจมูกโด่งเรียวงามของ ‘ตัวแสบ’ เบาแสนเบา ก่อนที่จะขยับจับร่างแน่งน้อยในอ้อมแขนวางลงบนเตียงด้วยท่วงท่าอ่อนโยน และทะนุถนอมราวกับเจี่ยอวี้หลันนั้นเป็นไข่ในหิน ก็เพราะเขารักนางถึงเพียงนี้ จะไม่ถนอมได้อย่างไรไหว“ข้าจะถนอมเจ้า ให้เจ็บปวดน้อยที่สุด แต่เจ้าก็ต้องสัญญาว่าจะไม่ดื้อดึงเช่นคราวก่อน”กล่าวพลางคร่อมกายอยู่เหนือร่างแน่งน้อย ตาจ้องตาแสนอ่อนหวาน ราตรีเข้าหออาจผ่านมาเป็นเดือน แต่ราตรีนี้กลับกรุ่นกลิ่นหวานล้ำไม่แตกต่างจากราตรีของคู่วิวาห์ใหม่เลยแม้แต่น้อยทั้งน้ำเสียง สัมผัส และสายตาที่ซ่างกวนไท่ส่งมาให้ทำเอาเจ้าของร่างแน่งน้อย หัวใจเต้นเร็วและแรงจนสะท้านสะเทือนไปทั้งหัวอก นางลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ความใจกล้าที่เคยมีคล้ายจะมลายหายไปกับสายตาเว้าวอนอ่อนหวานเสียแล้ว“พะ...เพคะ”“เด็กดี ราตรีนี้ขอแค่เจ้าปล่อยไปตามอารมณ์กับข้าเป็นผู้นำก็พอ จากนั้นทุกอย่างจะดีเอง” กลีบปากล่างของเจี่ยอวี้หลันเม้มเป็นเส้นตรงด้วยความประหม่าและกังวลอยู่เล็กน้อย“ปล่อยกายและใจให้สบาย ไม่ต้องกังวลสิ่งใด และอย่าได้เขินอายมากไป เพียงเพราะเจ้าต้องเปลือยกายต่อหน้าข้
ตอนที่ 32รถม้าถึงตำหนักแล้วซ่างกวนไท่เป็นผู้ลงไปก่อน เขารอรับเจี่ยอวี้หลันอยู่ด้านล่าง ส่งนางจนถึงตำหนัก อยู่ร่วมมื้อกลางวันกับนางแล้วจึงบอกให้นางพักผ่อน“มื้อค่ำเจ้ารับไปก่อนได้เลยนะเจี่ยเอ๋อร์ ข้าอาจกลับมาไม่ทัน”“ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวเจี่ยเอ๋อร์ไปส่ง”“ไม่ต้องหรอกเจ้าพักเถิด”“เพิ่งกินอิ่ม ให้เจี่ยเอ๋อร์เดินไปส่งเถิดเพคะ”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า”ภาพสองสามีภรรยาพูดจาด้วยดี สายตาที่มองกันนั้นคงไม่ต้องเอ่ยถึง ทุกคนที่รับใช้ชินอ๋องเห็นแล้วต่างตื้นตัน ที่บัดนี้นายท่านของพวกตนนอกจากเหน็ดเหนื่อยและวุ่นวายกับงานราชกิจมากล้น พอกลับถึงตำหนักก็ยังมี ความสุข รอคอยอยู่“อย่าลืมดื่มยานะเจี่ยเอ๋อร์”“เพคะ”มองส่งเรือนกายสูงใหญ่ขึ้นรถม้าจนหายเข้าไปด้านใน เจี่ยอวี้หลันก็ยังคงยืนรอจนรถม้าเคลื่อนพ้นไปจากหน้าประตูตำหนัก นางจึงกลับเข้าสู่ตำหนักมู่หรงจิ่งที่แอบซุ่มดูอยู่ทำได้เพียงกำหมัดกัดฟัน เพราะไม่มีโอกาสจะเข้าใกล้สตรีซึ่งเขามั่นใจว่านางคือหลู่อวี้หลิง อยากได้นางกลับคืนใจแทบขาด ทว่ามิอาจเอื้อมถึง ทำเอาคนที่อยากได้สิ่งใดก็ต้องได้คับแค้นใจยิ่ง“หึ! มีข้าอยู่ ยังจะคิดเพ้อฝัน สมควรตายจริงๆ”มีหรือคนเช่นซ่างก
ตอนที่ 31นางเองก็ตอบรับเขากลับไปทุกคำขอเช่นกัน และที่ตอบรับออกไปนางมั่นใจแล้วทั้งหมดจึงได้อนุญาตเขาออกไป ไม่มีเลยแม้เสี้ยวลมหายใจที่เจี่ยอวี้หลันจะไม่แน่ใจและลังเล“มันจะเจ็บมากนะ”“เพคะ”สิ้นเสียงหวานตอบรับท่อนลำแข็งขึงจึงถูกกดแทรกลงมา เริ่มแรกแค่ตึงก่อนจะเริ่มเจ็บราวกับร่างกายถูกฉีกกระชาก ใบหน้าหวานค่อยๆ เปลี่ยนสีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเม็ดโต แต่นางกลับไม่กรีดร้องออกมาแม้เพียงครึ่งคำ เจ็บหนักเข้านางจึงเอื้อมมือขึ้นไปดึงลำคอแกร่งให้เขาก้มลงมาจุมพิตนางทันทีเท้าเรียวสองข้างยกขึ้นโอบกอดรอบสะโพกแกร่งแล้วออกแรงกดให้ชายหนุ่มรับรู้ว่านางต้องการให้เขาเดินหน้าเข้ามาให้จบในคราวเดียวปึก!“อื้อ!”“เจี่ยเอ๋อร์!”ซ่างกวนไท่มิคาดคนตัวเล็กจะใจเด็ดถึงเพียงนี้ตัวตนของเขามิใช่ธรรมดาแรกเข้าไปในคราวเดียวเช่นนี้นางบาดเจ็บไม่น้อยแน่นอน“มะ…มิเป็นไรเพคะ เจี่ยเอ๋อร์ทนไหว”เจ็บก็เจ็บมันคราวเดียวไปเลย เจี่ยอวี้หลันคิดเช่นนั้น เพราะนางไร้เดียงสานักยังไม่รู้แจ้งว่ามันไม่ได้จบสิ้นเพียงแค่ตัวตนของซ่างกวนไท่เข้าไปสุดความยาว แต่นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นนะสิ!“เจ้าตัวโง่งม เจ้าทำตนเองบาดเจ็บด้วยเหตุอันใด”ซ่างกวนไท่กล่าว