Nevermind : 13
ทำไมต้องรู้สึก
“เธอเก่งมากเลยนะแพรวา”
“ขอบคุณค่ะ”
“เรียนจบ ฝันว่าอยากทำงานอะไรล่ะ?”
“แพรยังไม่มีความฝันหรอกค่ะอาจารย์”
“อ้าว ทำไมถึงไม่คิดเรื่องอนาคต มีปัญหาอะไรหรือเปล่าจ้ะ”
อาจารย์ฟางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย อันที่จริงเรื่องอนาคตของฉันไปทางไหน ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันรู้แค่ว่าฉันจะต้องเรียนให้จบก็แค่นั้น ไม่เคยถามหาหรือเรียกร้องว่าอนาคตจะทำงานอะไร? หรืออยากเป็นอะไร มันไม่เคยมีอยู่ในหัวฉันเลยนับตั้งแต่วันที่โดนทำร้าย มันเหมือนกับว่าชีวิตฉันมันก็เท่านี้ จะเป็นยังไงก็ช่างขอแค่เรียนให้จบเป็นพอ อาจารย์ฟางสอนคลาสเรียนได้หนึ่งอาทิตย์แล้วล่ะ หนึ่งอาทิตย์ที่คุณองศากลับมาห้องบ้างนะ แต่เราก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลย ย้ำนะ ไม่ได้คุยเลย ถึงจะคุยแค่สองสามคำแบบว่าคุณองศาถามว่าเป็นยังไงบ้าง? แล้วก็จบ... ช่วงนี้คุณองศาดูติดสมาร์ทโฟนมากๆ ปกติแทบจะไม่หยิบด้วยซ้ำถ้าไม่มีเรื่องงาน
“พอดีแพรอยากตั้งใจเรียนก่อนน่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรนะ คนเราบางทีก็อยากคิดถึงแค่เรื่องเรียน เอาเป็นว่าตอนนี้แพรวาตั้งใจเรียนก่อน เรื่องงานค่อยว่ากันน่าจะดีกว่า จะได้ไม่กดดันตัวเองมากด้วย”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะอาจารย์”
ฉันยกมือไหว้อาจารย์ฟางที่พยักหน้ารับ ฉันก็ลอบมองใบหน้าสวยด้านข้างที่กำลังตรวจงานของนักศึกษาในห้องพักอาจารย์ที่เวลานี้ใกล้จะถึงเวลาที่ฉันต้องไปทำงานต่อ เอาจริงอาสาช่วยอาจารย์ก็เพราะว่าถือชีทงานมาส่ง จังหวะนั้นคือให้ฉันช่วยตรวจดูชีท ไหนจะเอ่ยชมฉันเรื่องเก่งภาษาอีก อาจารย์ฟางประเมินฉันสูงไปแล้ว ฉันแค่ขยันอ่านและเรียนรู้ด้วยตัวเองบ้าง บางทีเจอชาวต่างชาติสอบถามการมาเที่ยวฉันก็คุยบอกกับพวกเขาได้อย่างดีเยี่ยม จนเจ้าของภาษายังชมเลย แต่นั่นแหละถึงใครจะชมว่าฉันเก่งก็ใช่ว่าจะไม่พัฒนานะ ฝึกฝนให้เก่งเผื่อว่าสักวันอนาคตฉันอาจจะได้ไปทำงานที่ต่างประเทศก็ได้ แหะ ก็แค่ความฝันเท่านั้น ไม่มีปัญญาไปกับเขาหรอก
“เออ อาจารย์คะ หนูขอตัวก่อนนะคะพอดีต้องไปทำงานน่ะค่ะ”
“แพรวาทำงานประจำด้วยเหรอ?”
“ค่ะ ทำร้านกาแฟเฉพาะตอนเย็นค่ะ ส่วนช่วงบ่ายก่อนเข้างานที่ร้านกาแฟ แพรทำที่ร้านอาหารค่ะ”
“ลำบากขนาดนั้นเลยเหรอ มีปัญหาอะไรบอกอาจารย์ได้นะ” ฉันส่ายหน้าไปมาพลางยกมือไหว้อาจารย์ฟาง
“ไม่ลำบากหรอกค่ะ แพรทำงานตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ”
“งั้นก็สู้ๆ นะ อาจารย์เป็นกำลังใจให้” คนตรงหน้ายกกำปั้นชูให้ฉันพลางบอกให้สู้นะ ฉันจึงออกจากห้องพักอาจารย์นั่งรถเมล์ไปยังห้างสรรพสินค้า มาถึงร้านอาหารญี่ปุ่นฉันก็เปลี่ยนเป็นสวมเชิ้ตสีขาวของทางร้านและสวมหมวกแบบหมวกญี่ปุ่นสีขาวเช่นกัน ร้านอาหารญี่ปุ่นจะเป็นแบบโต๊ะเรียงกันเป็นแถวๆ มีห้องส่วนตัวด้วยนะแต่ต้องจองเท่านั้นถึงจะเข้าไปนั่งดื่มได้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นกลุ่มใหญ่ๆ วัยทำงานซะส่วนใหญ่จากที่ได้ทำมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม
“แพรไปช่วยในครัวหน่อยสิ”
“ค่ะผู้จัดการ” ฉันรับคำก็วิ่งเข้าไปด้านหลังเพื่อช่วยในครัวที่ดูเหมือนคนล้างจานจะไม่พอ ฉันก็เลยมาช่วยล้างจานและทำอาหารในแบบง่ายๆ เช่นทอดปลาหรือหั่นผักสำหรับทำอาหารญี่ปุ่น แน่นอนว่าฉันทำได้อย่างดีเยี่ยมจนเวลาล่วงเลยอีกครึ่งชั่วโมงก็จะหมดเวลางาน ฉันออกจากครัวมาช่วยภายในร้านที่พนักงานกำลังรับออร์เดอร์ตามโต๊ะ “สวัสดีค่ะรับอะไรดีคะ?”
“แพร” ผละใบหน้าจากกระดาษที่เตรียมจะจดเมนู ก็ต้องตกใจที่ใบหน้าหล่อมองฉันด้วยสีหน้ามึนงง
“อุ๊ยตาย... ไหนยัยเอมคุยนักคุยหนาว่าเธอมีเสี่ยเลี้ยง แต่ไหงมาทำงานเป็นพนักงานกระจอกๆ ที่ร้านอาหารล่ะ”
“พูดอะไร” พี่ตะวันเค้นเสียงแข็งใส่ยัยหมีที่ยักไหล่ไหว “ไม่เป็นไรนะแพร แพรเก่งอยู่แล้วพี่เอาใจช่วย”
“พี่ตะวัน!”
“งั้นพี่สั่งอาหารเลยนะ” ฉันส่งยิ้มให้กับพี่ตะวัน เขาก็ยังคงดีกับฉันเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ นั่นแหละ ผู้ชายคนนี้ไม่ควรมาคบกับยัยมารร้ายนี่เลยสักนิด ยื่นจดออร์เดอร์ของโต๊ะพี่ตะวันฉันก็เดินเข้าไปส่งให้ทางครัว เห็นว่ามีลูกค้าเข้ามาอีกหนึ่งคู่นั่งโต๊ะแถวหลังพี่ตะวันฉันก็รีบหยิบสมุดเมนูอาหารไปให้ลูกค้า
“สวัสดีค่ะรับอะไรดี...!”
ดวงตาของฉันเบิกกว้างซะยิ่งกว่าตอนเห็นพี่ตะวันกับยัยหมี เพราะผู้ชายที่จ้องฉันตาเขม็งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมลงมาสองเม็ดตามสไตล์ของตัวเอง หากแต่ว่าเขาไม่ได้มาคนเดียวนี่สิ ทำไมคุณองศาถึงได้มีอะไรเซอร์ไพร์สฉันอยู่เรื่อยตั้งแต่คุณธามและมาถึง...
“แพรวา นี่เธอทำงานที่นี่เองเหรอ?”
“อาจารย์ฟาง”
“อะไรฟาง” น้ำเสียงเข้มแหบพร่าเอ่ยถามอาจารย์ฟางที่ส่งยิ้มหวานให้กับคุณองศา หรือที่อาจารย์ฟางพูดก่อนหน้านั้นว่ามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งเป็นเพื่อนสมัยเด็กคงจะเป็นคุณองศาไม่ผิดแน่นอน ฉันรู้สิปกติคุณองศาควงผู้หญิงบ่อยก็จริง แต่หลังจากคุณนาตบหน้าฉันไป ก็ไม่เคยเห็นเขาควงผู้หญิงที่ไหนเลย “รู้จักหรือไง”
“อืม ฟางสอนแพรวาที่มหาลัยน่ะ” โลกมันกลมมากจริงๆ กลมจนฉันอยากให้มันเป็นสี่เหลี่ยมสามเหลี่ยมก็ได้ เรื่องที่ฉันมาทำงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่นคุณองศารู้ที่ไหนกัน พอเห็นแววตาที่จับจ้องมองมาราวกับบอกว่า ‘กลับไปเจอดีแน่’ ทว่าฉันกลับไม่ได้รู้สึกกลัวเรื่องที่เขาจะโกรธ
แต่หัวใจของฉันในตอนนี้ต่างหากที่มันเต้นแปลกๆ ยังไงบอกไม่ถูก พอรู้ว่าคุณองศากับอาจารย์ฟางเป็นเพื่อนกันและคุณองศาดูติดสมาร์ทโฟน แอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวมันเหมือนคุณองศาเอามือมาตบตรงหน้าอกซ้ายฉันอย่างแรงเลย แถมเขายังทำเหมือนไม่รู้จักฉันอีกต่างหาก คงจะไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันอยู่กับเขาสินะ คงไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขารู้จักเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างฉัน
แค่คิดก็... เจ็บแปลบที่หัวใจอีกแล้ว ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วยไม่เข้าใจเลยแพรวา
“แพรวาเป็นนักเรียนที่เรียนดีและเก่งมากเลยล่ะองศา”
“...” ฉันก้มหน้ามองเมนูแทนจะมองสบตากับเขา
“แต่แพรวาลำบากนิดหน่อย ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง เธอเก่งมากๆ เลยนะ”
ส่งยิ้มให้กับอาจารย์ฟางที่สั่งอาหารแทนคุณองศาที่นั่งกอดอกเอาแต่จ้องมาทางฉัน จำต้องหลบสายตาของเขาเสมอ ทั้งที่รู้ตัวเองดีว่ากลับห้องไปต้องเจอกับอะไรบ้าง ฉันก็แสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขาเหมือนกับที่เขาทำเหมือนไม่รู้จักฉัน เมื่อรับออร์เดอร์เรียบร้อยฉันก็ยืนรอเพื่อเอาอาหารไปเสิร์ฟตามโต๊ะต่างๆ หวังว่าพ่อครัวจะไม่สั่งให้ฉันเอาอาหารไปเสิร์ฟโต๊ะคุณองศา เวลานี้เขาคุยกับอาจารย์ฟางด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แววตาที่มองเธอช่างอ่อนโยนและดูปลาบปลื้ม สายตาแบบนี้ของเขาฉันแทบจะไม่เคยเห็น รอยยิ้มและการหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกไม่กล้าสบตาเธอตรงๆ ก็รู้ว่ามันคืออะไร...
“แพรเอาไปเสิร์ฟโต๊ะสี่”
“ค่ะ” ให้ตายสิ! ทำไมต้องเป็นฉันด้วยนะ ฉันยกถาดที่มีอาหารญี่ปุ่นและมีซุปมิโซะสองถ้วยใหญ่ก็ค่อยๆ พาตัวเองเดินมาถึงล็อกโต๊ะที่คุณองศากับพี่ตะวันนั่ง พี่ตะวันส่งยิ้มให้ฉันขณะที่เดินผ่านโต๊ะเขาหากแต่ว่าขาของฉันดันเดินไปชนกับขาของใครบางคนและใครบางคนไม่ต้องเดาให้มากนั่นคือยัยหมีและส่งผลให้ฉันเซล้มลงทันที
เพล้ง
“อะ โอ๊ย!”
“แพร / แพรวา”
ฉันรีบเอามือลูบแขนซ้ายตัวเองที่ซุปมิโซะร้อนๆ ลวกมาที่แขนของฉันถึงจะไม่มากแต่มันร้อนมาจนฉันร้องไห้ออกมา ฉันรู้สึกเจ็บปวดและแสบร้อนไปหมด มองพี่ตะวันที่รีบมาดูแผลน้ำร้อนลวกให้ฉันโดยมีอาจารย์ฟางที่ช่วยเอาน้ำเย็นจะราดบนแผลน้ำร้อนลวก
“ไม่ได้ครับ ห้ามเอาน้ำแข็งราด” พี่ตะวันห้ามอาจารย์ฟาง
หากแต่ว่าสายตาของฉันมองคุณองศาที่ใบหน้าหล่อเหลาแลดูตกใจและจะลุกจากเก้าอี้แต่เขาก็ไม่ทำ... พอเห็นว่าเขาไม่ห่วงใยกัน เห็นว่าเขาไม่สนใจที่ฉันเจ็บตัวก็ทำให้เจ็บหนึบที่หัวใจอีกครั้ง
“ต้องเปิดน้ำไหลผ่านเนื้อที่โดนน้ำร้อน เดี๋ยวพี่พาไปนะแพร”
“ฮึก ค่ะ” พี่ตะวันประคองฉันให้ลุกขึ้นยืนทั้งที่อาหารที่ถือมากระจัดกระจายเต็มพื้น พี่ตะวันพาฉันเดินไปยังครัวแต่สายตาของฉันก็เหลือบไปมองคุณองศาที่มองอาจารย์ฟางซึ่งเธอดูตกใจมาก ทำไมถึงไม่มาช่วยแพรล่ะคะ? เรียกร้องมากไปมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะแพรวา ช่างมันเถอะ คุณองศาคงไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องของเราจริงๆ เรื่องที่ฉันกับเขาเรารู้จักกันและอยู่ด้วยกันมานานหลายเดือน
พอพี่ตะวันปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ฉันเรียบร้อยก็พบว่ามีอาการเจ็บและแสบร้อนมากๆ ไหนจะผิวหนังตรงแขนซ้ายที่ไม่ถึงข้อศอกและไม่ถึงข้อมือมันกลายเป็นผิวหนังแดงแบบแห้งๆ เมื่อทำงานต่อไม่ไหวฉันก็เลยโทรหามุกว่าคงเข้าไปทำงานไม่ได้เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย เพื่อนก็ตกใจถามว่าเป็นอะไรมากไหมฉันก็เลยบอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยกัน เนื่องจากฉันยังตื่นกลัวและรู้สึกแสบผิวหนัง
“ขอบคุณพี่ตะวันมากเลยนะคะที่มาส่งแพร” ฉันหันไปขอบคุณพี่ตะวันที่จู่ๆ เขาก็ทิ้งยัยหมีไว้ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นและอาสามาส่งฉันที่หน้าคอนโดของคุณองศา
“แพรมีเสี่ยเลี้ยงจริงๆ เหรอครับ?” คำถามของพี่ตะวันทำให้ฉันเงียบ สงสัยคงไม่แปลกเพราะคอนโดที่มาส่งหรูหราเกินกว่าคนอย่างฉันจะมีปัญหาอยู่ด้วยซ้ำไป
“แพรขอผ่านนะคะ” เลือกที่จะไม่ตอบพี่ตะวันซึ่งเขาก็ถอนหายใจราวกับว่าไม่ต้องถาม คำปฏิเสธของฉันคงจะจริง แต่ไม่จริงก็ตรงที่คุณองศาไม่ได้เป็นเสี่ยไง “พี่ตะวันไม่ต้องห่วงนะคะ แพรดูแลตัวเองได้”
“พี่รู้”
“...”
“แต่ถ้าแพรต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่ ขอให้บอกพี่ พี่พร้อมมาช่วยแพรเสมอ” เขาคนนี้ก็ยังคงเป็นผู้ชายที่ดีกับฉันเสมอจริงๆ จำต้องส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับเขาที่วางมือบนศีรษะฉันและลูบไปมา “อย่าลืมทำความสะอาดแผลนะ ผิวหนังจะได้ไม่เป็นตุ่มพอง”
“ค่ะ” ตอบพี่ตะวัน “แพรซุ่มซ่ามเอง ถึงได้เจ็บตัวแบบนี้”
“แพรไม่ได้ซุ่มซ่าม” พี่ตะวันกดเสียงต่ำจนฉันขมวดคิ้วอย่างมึนงง พอจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ซุ่มซ่ามและรู้ว่ายัยหมีเป็นคนทำ ฉันไม่คิดว่าพี่ตะวันจะเห็นหรอกนะ “พี่จะจัดการคนที่ทำให้แพรต้องเจ็บตัวเอง”
“พี่ตะวันไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้นะคะ”
“พี่ว่าหมีทำเกินไปครับ”
“คุยกันดีๆ นะคะ”
“ครับ”
ฉันลงจากรถของพี่ตะวันที่ขับออกจากหน้าคอนโด พาตัวเองขึ้นมายังชั้นบนก็เห็นคนของคุณองศาที่มองฉันด้วยสีหน้าตกใจคงเห็นว่าแขนฉันโดนอะไรมาถึงได้ถามไถ่อย่างห่วงใย ต่างจากเจ้านายของพวกเขาที่แทบจะไม่สนใจฉันด้วยซ้ำ มาถึงห้องก็ค่ำแล้ว ก็เลยเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย ผมที่ควรมัดก็ปล่อยสยายกลางแผ่นหลังเพราะแขนแทบยกไม่ขึ้น เลยเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ตัวเดียวเท่านั้น เดินมานั่งที่ริมกระจกที่มองเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิดลงตามกาลเวลา
ในหัวก็เอาแต่คิดไปถึงร่างสูงที่นั่งมองฉันโดยไม่ตกใจสักนิดที่เห็นฉันเจ็บตัว ทำไมต้องไปนึกถึงคุณองศาด้วยก็ไม่รู้สิ พอนึกทีไรก็ทำให้ร้องไห้อีกแล้ว ที่ร้องไห้เพราะเจ็บนั่นแหละ ไม่ได้เสียใจเลยสักนิด... ไม่เลย
“แพรวา” ใบหน้าของฉันที่ซุกลงกับหัวเข่าที่ชันขึ้น เงยหน้าหันไปมองตามเสียงเรียกก็เห็นร่างสูงคุ้นตามือขวาถือถุงอะไรบางอย่างเดินมาหยุดตรงหน้าและนั่งขัดสมาธิ คุณองศาไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เพียงแต่ว่าการกระทำของเขามากกว่าที่ทำให้ฉันลอบมองใบหน้าหล่อเหลาที่มองตำแหน่งแขนของฉันที่ถูกดึงไปดูอย่างเบามือ คุณองศาวางแขนฉันบนหน้าขาเขาและหยิบอะไรบางอย่างจากถุงพลาสติก “เภสัชบอกว่าให้ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ”
“...” พูดพร้อมเอาสำลีสีขาวชุบน้ำเกลือและเช็ดตรงแผลโดนน้ำร้อนลวก
“ต้องทายาแล้วก็พันแผล พรุ่งนี้ฉันจะเปลี่ยนผ้าให้ใหม่”
ริมฝีปากของฉันกัดเข้าหากันทันทีที่มองคุณองศากำลังทำความสะอาดแผลและหยิบครีมอะไรบางอย่างมาทาให้ จากนั้นใบหน้าของของเขาก็โน้มลงจนริมฝีปากเกือบจะแตะแผล ฉันมองการกระทำของเขาที่ค่อยๆ เป่าลมเพื่อให้ยาซึมเข้าผิวเนื้อ ไม่พูดอะไรเลย ไม่ต่อว่าและไม่โกรธ คุณองศาเอาผ้าพันแผลพันรอบแขนฉันจนมาถึงข้อมือก็เอาพลาสเตอร์ยาแบบใสติดเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
“มียาแก้ปวด ถ้าปวดก็บอกฉันจะให้ได้เธอกิน”
“ฮึก แล้วตอนแพรโดน ทำไมคุณองศาไม่ช่วยแพรล่ะคะ?” เอ่ยถามทั้งที่น้ำเสียงสั่นเครือ ฉันยกหลังมือขวาปาดน้ำตาตัวเองที่ไหลรินไม่ขาดสาย พร้อมเสียงสะอื้นที่พร้อมบอกว่าตัวเองรู้สึกแย่แค่ไหน “หรือไม่อยากให้อาจารย์ฟางรู้ว่าเรารู้จักกัน”
“...”
“เงียบทำไมล่ะคะ ตอบแพรมาสิ!” ฉันทุบมือลงบนแผงอกแกร่ง “พอเป็นพี่ตะวันทำไมเขาถึงช่วยแพร แล้วคุณองศานั่งทำอะไรอยู่คะ ฮึก”
“อย่าพูดถึงมัน”
“ไม่จริงเหรอคะ พี่ตะวันรีบช่วยแพรทันทีที่เห็นว่าแพรเจ็บ เขาเป็นคนดีมากๆ ดีกับแพรเสมอต่างกับคุณองศา”
“บอกให้หยุด!”
“แพรไม่หยุด ฮือ พี่ตะวันบอกกับแพรว่าถ้าแพรเดือดร้อนให้ไปอยู่กับเขาได้ แพรจะปะ... อื้อ!”
คุณองศาประคองแก้มฉันไว้และแน่นอนว่าเขาปิดปากฉันด้วยริมฝีปากแดงคล้ำที่ร้อนแรง ดวงตาของฉันเบิกกว้างขึ้นทันทีมือนิ้วมือที่จิกลงบนเสื้อเชิ้ตสีขาวจนยับยู่ยี่ คุณองศากดแนบจูบบดคลึงจนฉันปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้มขณะที่เขาถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า
“มาจูบแพรทำไม” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขาดห้วง “ไหนบอกว่าแพรเป็นแค่น้องสาว”
“...”
“แล้วมาจูบแพรทำไม!”
“เธอไม่มีสิทธิ์ไปอยู่กับใครทั้งนั้น ตราบใดที่ชีวิตของเธอเป็นของฉัน แพรวา” คุณองศาจ้องฉันตาเขม็ง มุมที่ดูโมโหและโกรธของเขาเพิ่งจะเคยเห็น ดีที่เขาไม่ได้ทุบตีฉันเหมือนกับที่เขาทำกับผู้หญิงคนอื่น พอเขาเห็นว่าฉันร้องไห้คุณองศาก็สงบสติอารมณ์ของตัวเอง “เจ็บหรือเปล่า?”
“...” ฉันไม่คิดจะตอบเขาด้วยซ้ำ จนกระทั่งฝ่ามือหนาช้อนปลายคางฉันให้เงยหน้าสบตากัน
“แล้วใครใช้ให้เธอไปทำงานที่ร้านอาหาร”
“ตารางเรียนแพรว่างถึงเย็นค่ะ” ทั้งที่เมื่อกี้ยังใส่อารมณ์กับเขาอยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นลูกแมวน้อยที่พอเจ้านายพูดดีด้วยก็คล้อยตามในทันที “แพรอยากหาเงินก็เลยไปทำ”
“เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าขาดเหลืออะไรให้หยิบเงินไปใช้ได้เลย”
“แต่แพรอยากทำงานเก็บเงินเป็นของตัวเองนี่คะ ถ้าเอาของคุณองศาจะเรียกว่าเงินเก็บเหรอ?” เถียงเขาทั้งน้ำตา ใบหน้าหล่อเหลาก็เงียบไม่พูดอะไร นิ้วโป้งปาดน้ำตาของฉันออกด้วยความอ่อนโยน
“เลิกไปทำงานที่ร้านอาหาร ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่ได้ทำที่ร้านกาแฟด้วย”
“คุณองศา”
“นี่คือคำสั่ง กล้าขัดหรือไง?”
“แล้วจะให้แพรทำอะไรล่ะคะ เวลาว่างแพรก็อยากได้เงิน” ฉันงอแงใส่คนตรงหน้าที่ก่อนหน้านั้นสีหน้าดูบูดบึ้งมาตอนนี้กลับเผยรอยยิ้มออกมาที่เห็นฉันดีดดิ้นงอแง “ให้แพรทำนะคะ สัญญาว่าจะไม่ทำให้ตัวเองเจ็บตัว”
“แน่ใจ”
“ค่ะ” พยักหน้างึกๆ แต่คุณองศาก็ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่า ‘ไม่’
“แล้วที่เป็นอยู่ตอนนี้ระวังตัวดี?”
“หลังจากนี้ไงคะ แพรจะระวัง สาบานค่ะ” ยกมือขึ้นชูเป็นเชิงว่าสาบานให้ฟ้าผ่า ไม่ดีกว่า...
“เดี๋ยวฉันมีงานให้เธอทำ ไม่ต้องทำที่ร้านอาหารแล้ว”
“โธ่ ไม่ฟังแพรเลย” บ่นอุบคุณองศาคงได้ยินถึงวางมือบนศีรษะฉันและยีไปมา “ว่าแต่คุณองศารู้จักกับอาจารย์ฟางด้วยเหรอคะ”
“อืม เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเด็ก”
“แล้ว...” พอได้ฟังจู่ๆ คำถามบางอย่างก็ผุดขึ้นมา เลือกที่จะไม่ถามออกไป “อาจารย์ฟางเก่งแล้วก็สวยมากเลยค่ะ”
“ใช่ ฟางเก่งแล้วก็สวยด้วย” คุณองศาพูดถึงอาจารย์ฟางเขาก็กระตุกยิ้มมุมปาก นั่นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินในชีวิตของคุณองศาขึ้นมาทันที ตอนที่อาจารย์ฟางมาฉันก็ไม่ได้คิดอะไรนะ มาตอนนี้ฉันเริ่มคิดแล้วสิ “ก็ไม่คิดว่าโลกจะกลมตรงที่ฟางไปสอนเธอเนี่ยล่ะ”
“แพรก็คิดแบบนั้นค่ะ” ใช่ คิดแบบเดียวกับคุณองศานั่นแหละว่าทำไมเขาถึงมีเรื่องเซอร์ไพร์สฉันอยู่ตลอดเลย
“ฉันไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องของเราหรอกนะ”
“คะ?” หลุดจากภวังค์ความคิดมองสบตากับคุณองศาที่เอื้อมมือมาเกี่ยวเส้นผมฉันเหน็บข้างใบหู
“ตอนนั้นแค่ตกใจที่เธอกับฟางรู้จักกัน”
“...”
“ขอโทษที่ทำให้เธอเสียใจ” แค่เพียงคำว่าขอโทษก็ทำให้ฉันเผยรอยยิ้ม “แต่เรื่องที่หมอนั้นชวนเธอไปอยู่ ห้ามไปเด็ดขาดหรือถ้าเธอหนี ฉันก็จะตาม”
“แพรไม่ไปหรอกค่ะ แค่ประชดคุณองศาเฉยๆ”
“ประชดฉันเรื่องอะไร?”
“ก็เรื่องที่ทำเป็นเมินแพรไงคะ” คุณองศาหัวเราะกับสิ่งที่ฉันพูดออกไปและมันคือเรื่องจริงไง “ขอบคุณนะคะ ที่ใจดีกับแพร ทำแผลให้”
“เดี๋ยวไม่ทำเธอก็งอนอีก”
“แพรเปล่างอนนะคะ” ไม่ได้งอนสักหน่อยทำไมต้องกล่าวหากันด้วยก็ไม่รู้สิ ฉันเผยรอยยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่มองหน้าฉันนิ่งและไม่พูดอะไรอีกแล้วสิ คุณองศาเอื้อมมือมาประคองแก้มฉันและใช้ปลายนิ้วโป้งลากไล้เบาๆ แต่อบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจเลยล่ะ ฉันมองคุณองศาที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนที่เขาจะโค้งตัวลงมาช้อนตัวฉันในท่าเจ้าหญิง “ว้าย!”
แผ่นหลังของฉันกระทบกับเตียงนอนโดยมีคุณองศาคร่อมฉันไว้อยู่ โดยการชันเข่าบนเตียง ฉันตกใจไม่น้อยแต่ดันรู้แค่ว่าหัวใจของตัวเองตอนนี้เต้นถี่รัวเมื่อมือของคุณองศาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองทีละเม็ดอย่างใจเย็น
“ฉันห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลยแพรวา”
“...” ลอบกลืนน้ำลายขณะมองกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้าย จากนั้นคุณองศาก็ถอดเสื้อเชิ้ตออกจนเผยให้เห็นร่างกายเปลือยเปล่ากำยำและแข็งแกร่ง
“สั่งฉันหยุดได้นะ”
“คะ?”
“แต่จะหยุดให้หรือเปล่า ก็อีกเรื่อง”
“รักมากที่สุด” ในที่สุดคำที่ฉันอยากฟังก็ออกมากจากริมฝีปากแดงคล้ำ ดวงตาของฉันเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาทันที“แพรก็รักเฮียองศาค่ะ”====================เสียงคลื่นทะเลสาดซัดเข้าฝั่งเมื่อฉันยืนกอดอกมองสายน้ำและทรายที่เหยียบอยู่ บ้านพักริมทะเลของเฮียองศาเวลานี้เราได้มาพักผ่อนหลังจากที่ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย เคยบอกว่าคงจะไม่ได้ที่นี่อีกสุดท้ายฉันกลับยืนมองมันอยู่ตรงนี้ ขณะที่ยืนลูบแขนตัวเองเพราะลมทะเลในตอนเช้าค่อนข้างหนาว ผ้าแพรสีน้ำเงินก็ถูกคลุมจากด้านหลัง หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ถึงแม้อายุจะนับไปเรื่อยๆ ใบหน้าของเขาก็ยังคงหล่อเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ราวกับว่าสตาฟมันเอาไว้“เข้าไปข้างในดีไหม หนาวตัวเย็นเลย”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรอยากอยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวลูกเผลอวิ่งลงทะเล” ฉันกับเฮียองศามองเด็กผู้ชาหนึ่งคนที่กำลังนั่งเล่นก่อกองทรายเป็นรูปปราสาท ‘เด็กชายพายุ โยคินวาณิชย์สกุล’ อายุ 5 ขวบ ลูกชายคนแรกของเราสองคนที่หน้าตาเหมือนฉันแต่นิสัยคล้ายพ่อ คิดดูว่าพายุเป็นเด็กฉลาดมากและก็มีมุมที่อ่อนโยนเหมือนกันฉันแค่นิดเดียวนะ นิดเดียวจริงๆ“งั้นเดี๋ยวเฮียไปดูลูกก่อน” พูดจบก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาลูกชายที่พอเห็นพ่อก
พูดจบก็จูงมือฉันขึ้นรถขับออกจากคาสิโน ไม่สิ ผับของเฮียก็ตรงมายังเส้นทางที่ไปบริษัทรถของเขานี่นา ฉันจำได้ดีเลยว่าเราเจอกันวันนั้นที่ฉันเก็บกระเป๋าเงินให้เฮียได้และหลังจากนั้นเราก็ได้เจอกัน ได้อยู่ด้วยกันจนมาถึงปัจจุบันนี้ รถของเฮียจอดลงที่หน้าบริษัทของเขาที่มีรถหรูราคาแพงโชว์เรียกลูกค้าระดับสูงๆ กันทั้งนั้น ฉันเดินตามเฮียองศามายังด้านข้างบริษัทมองเข้าไปข้างในก็ยิ่งมึนงงหนักไปอีกก็แค่ร้านกาแฟกับเค้กไม่ใช่เหรอ? เพิ่งจะรู้ว่าตรงนี้มีร้านกาแฟด้วย ตอนเจอกับเฮียยังเห็นเป็นร้านขายของที่ระลึกอยู่เลยมาตอนนี้กลับกลายเป็นร้านกาแฟและเค้กไปด้วย มีคนเข้าไปในร้านค่อนข้างเยอะอาจเพราะตรงนี้เป็นย่านติดกับการค้าหลากหลายไหนจะมหาลัยอีก ไหนจะบริษัทอีกทำเลตรงนี้คือดีมากเลยนะ“มองไปข้างบนสิ” เฮียองศาให้ฉันมองขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง แน่นอนว่าความรู้สึกก็เหมือนกับตอนที่มองป้ายผับของเฮียองศา ฉันหันไปมองเฮียที่จูงมือพาฉันเข้ามาในตัวร้านและมีพนักงานสองคนเห็นเฮียก็รีบมาต้อนรับ “นี่แพรวา เมียฉัน”“ค่ะคุณองศา”“เมียฉันเป็นเจ้าของร้านกาแฟนี้”“ฮะ เฮียคะ มันไม่มากไปเหรอคะ?” ฉันบีบฝ่ามือหนาแน่นจนเฮียองศาหันมายิ้ม“ชื่อร้า
พูดจบก็โน้มมาบดขยี้จูบบนกลีบปากฉันราวกับห่างหายมานานจนมันทับถมกลายเป็นความต้องการอย่างมากล้น เฮียผละจูบออกให้ฉันได้หายใจอารมณ์เวลานี้พลุ่งพล่านจนฉันไปไม่เป็นได้แต่หอบหายใจหนัก ขณะที่มือของฉันก็เลื่อนไปกอบกุมความเป็นชายของเฮียองศาเวลานี้มันอยากออกมาสูดอากาศข้างนอกแต่เฮียก็ยังคงไม่ได้ยอมให้มันออกมาสักที ไล่จูบมาถึงทรวงอกพลางครอบครองยอดอกฉันด้วยอุ้งปากที่ร้อนระอุ นั่นทำให้ฉันเสียวจนจิกนิ้วเท้าบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบแน่น ริมฝีปากร้อนไล่มาถึงหน้าท้องแบนราบจากนั้นก็ยกขาข้างหนึ่งของฉันพาดบ่าสิ่งที่เฮียกำลังทำฉันรู้ดีถึงได้จิกเส้นผมหนานุ่ม ณ เวลานี้เฮียกำลังตักตวงความหอมหวานจากกลางกายสาวอย่างมูมมาม พอทำจนพาฉันไปถึงสวรรค์ชั้นที่เท่าไหร่ฉันไม่อาจรู้ได้ ฉันก็มองสบตากับเขาพลางย่อตัวนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขาพลางรูดกางเกงยีนส์ของเฮียลงมาพลางกางเกงในซึ่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ตีโดนแก้มฉันเบาๆ“แพรกินเฮียบ้างนะคะ” ฉันมองสบตากับเฮียองศาที่กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อฉันใช้มือประคองความเป็นชายที่ใหญ่ยาวของเขาซึ่งเวลานี้กำลังแข็งและดิ้นไปมาในมือของฉัน จากนั้นฉันก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปสูดเอากลิ่นสาบเข้ามาในปดให้ได้มากที่สุ
ตอนพิเศษขอบคุณเธอที่เข้ามาในชีวิต / ขอบคุณเขาที่มอบทุกอย่างให้ ====================“เรามาแต่งงานกัน แพร”“...”“ฉันพูดจริงนะ” คุณองศาเดินมาหยุดตรงหน้าฉันพลางจับมือฉันที่วางอยู่ไปกุมไว้ กระทั่งพลุไฟเย็นหมดลงคุณองศาก็ดึงก้านมันออกวางไว้บนโต๊ะ บีบมือฉันแน่นพลางโน้มลงมากดจูบอย่างแนบแน่น “ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง ถึงจะมีเธออยู่ข้างๆ กันไปตลอดชีวิต”“ตะ แต่ว่าการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วแพรคิดว่าคุณองศาอาจจะเจอใครที่ดีกว่า...”“ไม่มีใครดีมากกว่าเธอ” เขาส่ายหน้าไปมาราวกับบอกว่าไม่มีใครดีเท่าฉัน “ฉันเลือกแล้ว”“แพรยังไม่พร้อมนี่คะ” ตอบคุณองศาซึ่งเขาก็ไม่ได้โกรธฉันหรอกนะ เขายังยิ้มเอ็นดูฉันอีกต่างหาก “แพรเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตของตัวเองในแบบที่แพรไม่เคยได้ใช้ แล้วแพรกลัวว่าถ้าแต่งงานไปแพรอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้”“สองปีที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอ?” มันก็พอนั่นแหละ “หรือเธอไม่อยากแต่งกับฉัน”“ไม่ใช่นะคะ! แพรอยากแต่งกับคุณองศาค่ะ แต่ว่า...”“แต่อะไรอีกล่ะ เธอเนี่ยแต่ๆ บ่อยมาก”“แพรขอเวลาคิดได้ไหมคะ?” เอาจริงไม่ได้อยากปฏิเสธคำขอแต่งงานของคุณองศา ถึงตกใจพอตั้งสติได้ก็ดีใจเป็นบ้าเลยล
เช้าของวันที่ 31 ธค. คุณองศาขับรถมาส่งฉันที่ร้านกาแฟซึ่งปานก็รออยู่พร้อมพี่วิทย์ พอให้หลังคุณองศาฉันก็ให้ปานกับแฟนหนุ่มกลับไป แค่ฝากซื้อของก็เกรงใจจะแย่ คุณองศามาส่งฉันบอกว่าจะแวะไปทำธุระให้พ่อของเขา เขาน่ะจำวันเกิดตัวเองได้จริงปะเนี่ย? วันเกิดคุณองศาจำง่ายสุดเลยนะดูเขาแบบไม่ได้สนใจเลย เหมือนลืมว่าเที่ยงคืนของวันที่ 1 มค. ฉันจะเซอร์ไพร์สวันเกิดเขา จะมาทำหน้างงไม่ได้นะขอบอก ฉันขอให้คุณองศาแวะซื้อพลุไฟเย็นมาด้วยทางบ้านพักอนุญาตให้จุดแบบไม่มีเสียงเพราะงั้นก็เลยต้องใช้พลุไฟเย็นแทน เอาจริงฉันอยากจุดตอนที่วันปีใหม่ได้เริ่มอะไรใหม่ๆ แต่เริ่มใหม่กับคนดีคนเดิมอะนะ ฉันเข้ามาในห้องครัวร้านพี่รันที่ตอนนี้ปิดวันหยุด ก็จัดการทำคัพเค้กเจ็ดชิ้นตกแต่งด้วยมาการองโยเกิร์ตสตอร์วเบอรี มีน้ำตาลแบบวงกลมสีทองและสีเงิน ส่วนตกแต่งหน้าคัพเค้กฉันก็จะทำเป็นครีมสีชมพูทำเป็นดอกกุหลาบ ซึ่งทำคัพเค้กใช้เวลาก็ประมาณบ่ายนิดๆ ก็คงเสร็จ“ปานซื้อเทียนเป่าไม่ดับมาด้วยเหรอเนี่ย?” ขืนให้คุณองศาเป่าไม่ดับบอกเลยว่าคัพเค้กคงไม่ได้กินแต่ถูกโยนทิ้งและกระทืบมากกว่า เขาน่ะคงไม่ชอบอะไรแบบนี้ดีนะที่สั่งซื้อเทียนแท่งยาวเรียวคล้ายเทียนเ
Nevermind : 38Happy birthday & Happy new year II Part 2“ส้มเต็มต้นเลยแหะ” คุณองศาเอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือไปจับลูกส้มที่สุกกำลังน่ากิน ฉันหยิบตะกร้าขึ้นมาเพื่อเลือกส้มกลับบ้านพักได้โดยชั่งตามน้ำหนัก ตอนนี้เราอยู่ตรงกลางสวนที่มีผ้าปูสำหรับไว้ปิกนิก คุณองศาสั่งเครื่องดื่มและเค้กส้มซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องเค้กส้มเลยล่ะ “เปรี้ยวหรือเปล่า?”“เดี๋ยวแพรเก็บเอาไปชั่งจ่ายเงินแล้วค่อยลองชิมดูค่ะ” ตอบโดยไม่มองหน้าเขาฉันก็เลือกส้มเต็มตะกร้าก็เอาไปชั่งที่เขามีไว้สำหรับแพคส้มกลับบ้านซึ่งเป็นแพคเกจที่น่ารักมากๆ เมื่อได้ถุงกระดาษที่ติดโล้โก้ของสวนฉันก็เดินกลับมาที่ปิกนิกเห็นคุณองศามองผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นพนักงานของที่สวนเอาเครื่องดื่มกับเค้กมาเสิร์ฟ ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าเขาและเอียงอายแถมยังคุยอะไรกันสักอย่างซึ่งฉันไม่ได้ยินหรอกนะ “มาแล้วค่ะ”“เค้กมาพอดี” พนักงานผู้หญิงมองฉันพลางเดินออกจากตรงนี้ ฉันมองเค้กส้มที่น่ากินกับชาเขียวเย็นที่คุณองศาสั่งให้ราวกับรู้ว่าเป็นของโปรดของฉัน “เสียค่าส้มไปเท่าไหร่ เอาเงินฉันไป”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรมีเงิน” ตอบคุณองศาโดยไม่มองหน้าเขาตักเค้กส้มกินซึ่งอร่อยขึ้นชื่อจริงๆ“อยากถ
“อื้ม พะ พอแล้วค่ะ” ดันใบหน้าหล่อเหลาให้ถอนจูบออก ให้ตายสิแพร! จะขาดใจจริงๆ นะ“คิดถึงเธอแทบบ้าแล้วแพร” คุณองศาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากล้น ฉันเองก็เหมือนกันนั่นแหละแต่ว่าเล่นจูบจนเกือบจะพรากวิญญาณฉันมันก็ไม่ไหวนะ “ฉันจะตายจริงๆ นะถ้าเธอไม่ยอมให้สักที”“งั้นก็ตายไปเลยค่ะ” เค้นเสียงแข็งใส่เขาพลางเดินไปปิดแก๊สที่น้ำเดือดจนควันขึ้นแล้ว “ถ้าแพรอยาก แพรจะทำ”“...”“แต่ถ้าแพรไม่ แพรก็จะไม่ให้คุณองศาทำค่ะ”บอกเขาเด็ดขาดถึงจะมีเสี้ยวหนึ่งที่ดันอยากทำกับเขาเหมือนกับที่เขาคลั่งขนาดนี้ ฉันก็ไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะบอกไว้ก่อน คุณองศาน่ะต้องโดนฉันทรมานเรื่องนี้ไปอีกสักพักจนกว่าฉันจะใจอ่อน อย่างน้อยก็ให้สมกับที่เขาเคยเผลอใช้คำพูดไม่ดีกับฉันมาตลอดที่เราอยู่ด้วยกัน ถึงจะมาง้อก็ใช่ว่าจะใจอ่อนเรื่องที่เขาอยากทำมันใจจะขาดตอนนี้ฉันเดินนำเขาอยู่นะ... หลังจากที่เดินตามเขามาตลอด ถึงเวลาที่คุณองศาต้องเดินตามกันบ้างเช้านี้ฉันนั่งเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองกับคุณองศาที่มีแค่ไม่กี่ชุด เขาคงไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาค้างที่นี่เกือบครึ่งเดือนล่ะมั้งคงคิดว่าถ้าหากเจอฉันและฉันจะกลับไปกับเขามันก็ไม่
Nevermind : 38Happy birthday & Happy new yearหลังจากที่คุณองศาเข้ามาในไร่กับฉันเพราะต้องการมาเป็นแมวเฝ้าเจ้าของ แถมเป็นแมวที่ดุเอามากๆ จนพี่รันเห็นยังขำเลยกระทั่งคุณองศาเดินเข้าไปในบ้านและเห็นรูปแต่งงานของพี่รันจากที่หน้าตาบูดบึ้งก็ยิ้มหน้าบาน แถมคุยกับพี่รันเรื่องไร่สตอร์วเบอรีอีกต่างหาก เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างรวดเร็วสมกับเป็นคุณองศาหลายร้อยหน้าเลิกงานฉันกับคุณองศาก็มาที่ตลาดนัดคนเดิน เพราะพรุ่งนี้ฉันไม่ต้องไปทำงานคุณองศาบอกว่าเช้าก็เก็บเสื้อผ้าไปที่บ้านพักรีสอร์ทบนเขาได้เลย เขาจองเรียบร้อยเห็นบอกว่าคืนหนึ่งก็ปาเข้าไปเกือบคืนจะสามหมื่นอะ คิดดูว่าต้องอยู่ที่นั้นอีกสามวันจนถึงวันเคาน์ดาวน์ปีใหม่และวันเกิดคุณองศาเลย ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันเกิดตัวเองหรือรู้ก็ไม่แน่ใจ คุณองศาดูไม่ได้สนใจว่ามันเป็นวันเกิดตัวเอง รู้แค่ว่าจะไปพักผ่อนกับฉัน ไหนจะพาไปเที่ยวอีกซึ่งฉันอยู่ที่นี่มาสองปียังไม่เคยไปเที่ยวทั่วจังหวัดเลยด้วยซ้ำ“อืม อันนี้อร่อยอะแพร” หันไปคุณองศาที่กำลังใช้ไม้จิ้มจิ้มไส้อั่วกินซึ่งเขาให้ชิม ไม่ได้ให้กินจนหมดถ้วยนะดูหน้าแม่ค้าสิทำหน้าจะร้องไห้แล้ว “ชิมจนอิ่มเล
“เฮ้อ อยากจะบ้าตาย” คุณองศาเดินไปนอนบนเตียงต่อตามเดิม ฉันก็เลยพาตัวเองมานอนบ้างแต่ยังไม่ได้นอนหรอกนะเอาแต่จ้องตากันนั่นแหละ “ไม่อยากจะคิดว่าสองปีที่เธอหนีฉันมาจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้มากแค่ไหน”“แพรไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรน่ะป้องกันตัวเองเสมอ” ตั้งแต่คุณองศามาอยู่ด้วยกันมีดที่เคยใช้ป้องกันตัวก็ไม่ได้อยู่ใต้หมอนอีกต่อไป ราวกับว่าเขาคือที่พักพิงและคอยปกป้องฉันจากเรื่องที่มันไม่ดี สบายใจมากเลยล่ะ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันอยู่ตรงนี้กับเธอ”“...”“จะอยู่กับเธอ ดูแลเธอไปจนวันตาย” คำพูดของคุณองศาทำให้ฉันเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันใจ “เราสองคนจะไม่มีวันพรากจากกันอีก”หลายวันผ่านไปเหลืออีกแค่ไม่กี่วันก็จะเป็นวันสิ้นปีที่คุณองศาหาที่พักเพื่อพาฉันไปพักผ่อน ตั้งแต่มีเขาเข้ามาในชีวิตบอกเลยว่าฉันกลับมามีความสุขอีกครั้งและเป็นความสุขที่เขาเป็นคนทำให้ด้วยนะ คุณองศาช่วงนี้เห็นบอกว่ามีธุระต้องไปจัดการแทนคุณพ่อของเขาที่โทรมาหาบอกว่าให้ทำธุระคือการไปดูแลรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ฉันเพิ่งจะรู้ว่าพ่อของคุณองศามีหุ้นส่วนอยู่เห็นว่ากำลังจะซื้อขาดเลย เขาก็เลยไม่ได้มานั่งเฝ้าฉันที่ร้านบ่อยๆ ซึ่งมันดีม