บ่อยครั้งที่ฉันชอบกลับไปฟังคำพูดของผู้เขียนเพราะมันให้ภาพชัดกว่าคำโปรยบนปกหนังสือ
เวลาติดตามสัมภาษณ์ของอาจิณ ผมมักเจอบทพูดที่มาจากหน้าที่หลายแห่ง เช่น บทสัมภาษณ์สั้น ๆ บนหน้าของสำนักพิมพ์หรือคอลัมน์วรรณกรรมในนิตยสาร ซึ่งรายการเหล่านั้นมักเน้นเรื่องที่มาของพล็อต วัสดุอ้างอิง และนักเขียนที่เขาอ่านตอนเด็ก บทสัมภาษณ์แบบนี้ให้ความรู้สึกเป็นทางการแต่ได้ใจความ รู้ว่าจุดประกายเกิดจากประสบการณ์เล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันหรือหนังสือเล่มหนึ่งที่เปลี่ยนมุมมอง
อีกมุมที่ชอบคือการฟังแบบบันทึกวิดีโอสั้น ๆ บนช่องที่เชิญนักเขียนมาพูดคุย ผมเห็นว่าเสียง น้ำเสียง และการอ่านตอนสั้น ๆ ของอาจิณทำให้แรงบันดาลใจที่เขาเล่าออกมามีสีสัน เช่น
บทเพลงหรือภาพยนตร์ที่เขายกมาพูด ช่วงนั้นรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น ชื่อเพลงหรือภาพยนตร์สำคัญ ถูกย้ำจนเข้าใจว่ามันเป็นแหล่งพลังงานของงานเขียน
นอกจากนั้น คำพูดเล็ก ๆ ในคำนำหรือตอนท้ายเล่มก็ถือเป็นการให้สัมภาษณ์แบบลายลักษณ์อักษร—ตรงและอบอุ่น ผมชอบที่บางครั้งคำอธิบายสั้น ๆ ในหน้าสุดท้ายบอกเล่าทั้งทฤษฎีการเขียนและความทรงจำส่วนตัว ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกับผู้เขียนมากขึ้น แล้วก็มีช่วงเวลาที่ได้เห็นเขาตอบคำถามจากผู้อ่านในงานลงนามซึ่งให้รายละเอียดแบบเป็นกันเอง นี่แหละทำให้การตามรอยแรงบันดาลใจของอาจิณสนุกกว่าแค่การอ่านชื่อคนที่กล่าวถึง