จะทำยังไง...เมื่อเขาดันไปตกหลุมรักผู้หญิงที่คิดว่าเป็นคู่ขาของเพื่อนรัก และจะทำยังไง เมื่อคำปฏิญาณของกลุ่ม เป็นห่วงมัดคอทำให้เขาต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ "เรื่องเดียวที่เราจะไม่ทำ ก็คือเอาผู้หญิงต่อจากเพื่อน ถึงแม้ว่าเพื่อนจะไม่เอาแล้วก็ตาม" วรายุ เหมบดินทร์...วาโย อายุ 26 ปี ทายาทโชว์รูมรถหรูนำเข้าและเป็นเจ้าของสนามแข่งรถชื่อดัง เฌอนารีน สิริวศินทร์...เฌอ อายุ 21
View More@SoSay Pub
ผัวะ!!
โอ๊ยยย...
“ของกู ไอ้สัส!!” ผมฟาดฝ่ามือลงกลางกระบาล ไอ้ยูตะ น้องชายตัวดีที่คลานตามกันมาเต็มแรงจนมันร้องลั่น เพราะมันทำเนียนล้วงมือเข้ามาในโหลคุกกี้สุดโปรดของผมโดยไม่ได้รับอนุญาต
“ขี้หวงฉิบหาย” มันค้อนขวับพลางลูบหัวตัวเองป้อยๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบหลังผู้หญิงที่นั่งถัดไปในตอนที่ผมยกมะเหงกขึ้นกลางอากาศ
“เมียจ๋า ไอ้เฮียแกล้งเค้า”
“โธ่ๆๆ น่ารักตายห่าละ ไอ้สัส!!” อาการผมแสดงออกชัดเจนว่าหมั่นไส้ขั้นสุด บีบเสียงซะขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ขนาด มิณ เป็นเมียมันแท้ๆ ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นศีรษะไปมาด้วยความเอือมระอา
“มึงก็รู้ว่ามันหวงขนาดไหน ไม่เคยได้แดกสักปี ยังจะอยากโดนด่า” นี่เป็นเสียงของ ไอ้หมอไวน์ นายแพทย์หนุ่มหล่อ เก่งรอบด้าน มากไปด้วยประสบการณ์และยังเป็นทายาทเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง ที่มีแต่นางพยาบาลแสนสวยพากันรุมล้อม ขนาดคนไข้สาวๆ ก็ยังแกล้งป่วยเพื่อมาหามัน
ส่วนผมก็หันมาสนใจโหลคุกกี้ในอ้อมกอดต่อ ปกติผมไม่ได้ชอบกินขนมอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่คุกกี้เนี่ย ผมจะได้กินแค่ปีละสองครั้งเท่านั้นเอง วันเกิดแล้วก็วันวาเลนไทน์ มันถูกส่งมาเกือบห้าปีได้แล้วมั้ง แรกๆ ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่พอได้ลองชิมกลายเป็นผมเฝ้ามันทุกปีเฉยเลย แล้วก็อย่าหวังว่าใครจะได้แตะ
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าใครส่งมาให้แล้วก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย เพราะผมกลัวว่าจะรับรักเธอไม่ได้น่ะสิ ผมชอบคุกกี้ของเธอแต่ไม่ได้แปลว่าผมต้องชอบเธอหรอกนะ ปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว
“มึงไม่อยากรู้จริงเหรอวะ ว่าใครส่งมา”
ผมละสายตาจากคุกกี้ชิ้นสุดท้าย มองไปยังต้นเสียง ไอ้แม็กซ์ เพื่อนอีกคนในกลุ่ม ที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย และมาดทะเล้นขี้เล่นของมัน ยังเป็นแรงดึงดูดสาวน้อย สาวใหญ่เข้าหาได้ดีมากๆ อีกด้วย
“ไม่!!” ผมยืนยันคำตอบเสียงหนักแน่น
“ไม่อยากรู้จริงเหรอว้า~” ยัง...ไอ้แม็กยังเซ้าซี้ไม่เลิก
“ไม่เสือก!” ผมเน้นชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะยัดคุกกี้ชิ้นสุดท้ายเข้าปากตัวเอง
น่าแปลกที่ปีนี้มันถูกส่งมาก่อนวาเลนไทน์และมันยังเยอะกว่าทุกครั้งอีกด้วย เพราะปกติผมกินวันเดียวก็หมดแหละ แต่นี่เกือบอาทิตย์เพิ่งจะหมด จากนั้นผมจัดการปิดโหลแล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างดีก่อนจะปัดมือทำความสะอาดให้เรียบร้อย
ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วใช้เท้าแหวกทางไอ้พวกเวรทั้งหลายเพื่อเดินไปเปิดประตูห้อง VIP พวกผมมีสิทธิพิเศษกว่าคนอื่นๆ เพราะเจ้าของที่นี่คือ ไอ้ดิน รุ่นน้องคนสนิทและยังเป็นเพื่อนรักของไอ้ยูตะอีกด้วย
ความจริงผมมีเพื่อนรักอีกคน ไอ้ฟิวส์ มันหล่อแต่แม่งโคตรเงียบ…เงียบจนผมลืมไปเลยว่ามีมันอยู่ในห้องด้วย แต่ช่างพวกมันก่อนเหอะ...ตอนนี้ได้เวลานัดสำคัญแล้ว แต่พอประตูเปิดออกผมก็ต้องหยุดชะงักเพราะมีคนเดินสวนเข้ามาซะก่อน และก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้ธาม เพื่อนรักอีกคนของไอ้ยูตะ ส่วนผู้หญิงที่มันจูงเข้ามานั้น ก็ โรส คุณหนูแสนสวย ที่พิชิตใจเจ้าชายน้ำแข็งไปได้ในที่สุดนั้นเอง พากันไปเซอร์ไพรส์ห่าอะไรก็ไม่รู้...ไร้สาระ
ยังจะเสือกมายักคิ้วให้อีก มีความสุขกันเหลือเกินนะพวกมึง แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง กูจะรอสมน้ำหน้าไอ้พวกมีเมียทั้งหลาย เหอะๆ กูจะไม่เอาผู้หญิงคนไหนมาเป็นห่วงมัดคอแบบพวกมึงเด็ดขาด
ครืดดดด~ ครืดดดด~
ผมเดินผิวปากออกมาจากห้องอย่างสบายใจพลางล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงเลื่อนสไลด์รับสาย น้องผิงผิงคนสวย
[ผิง รออยู่ห้องแล้วค่ะ]
“อืม ไม่เกินสิบนาทีถึง”
ติ๊ด!
ผมวางสายยัดมือถือเก็บเข้ากระเป๋าเหมือนเดิมและไม่รอช้า บึ่งตรงไปยังเป้าหมายที่รอผมอยู่ตอนนี้ทันที อยากปลดปล่อยจะตายห่าอยู่แล้ว ผมชอบซื้อกินมากกว่าเอาเป็นตัวตน ขี้เกียจวุ่นวาย จ่ายเงินก็จบ และก็อีกแบบคือผมไม่ต้องเสียอะไรเลย ผู้หญิงถวายตัวให้ผมเองแบบน้องผิงผิงนี่ไง โทรตามผมยิกๆ เลย เด็กพวกนี้รู้จักข้อปฏิบัติในการร่วมเตียงของผมเป็นอย่างดี ถ้าขืนงี่เง่าขึ้นมาล่ะก็ ผมเขี่ยทิ้งแบบไม่ไยดีเหมือนกัน
@อพาร์ตเมนต์ JJ
ก๊อกๆๆ
ผมยกมือขึ้นเคาะประตูห้องที่ผมเคยมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ประตูถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้องที่อยู่ในชุดนอนสุดแสนจะบางจนเห็นทุกอย่างที่อยู่ภายใต้ผ้าบางนั้น ฟันที่เรียงกันสวยกัดปากล่างตัวเองเบาๆ อย่างยั่วยวน พร้อมส่งสายตาเชิญชวนมาให้ ผู้หญิงอะไรยั่วเก่งชะมัด จิ๊ๆๆ กวางน้อยอยู่ตรงหน้า มีเรอะ…ที่เสืออย่างผมจะไม่ตะครุบ อยากขยี้จะแย่อยู่แล้ว
ปึงงงง
ทันทีที่ประตูปิดลง เธอก็พุ่งเข้าหมายจะจูบแต่ผมเบือนหน้าหนีซะก่อน ผมไม่ชอบจูบกับผู้หญิงแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ว่าเธอสะอาดแค่ไหนและผมก็ป้องกันตัวเองทุกครั้งไม่มีพลาด
เมื่อเธอพลาดเป้าหมายแรก ก็เบี่ยงไปที่ซอกคอผมแทน มือเล็กจัดแจงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของผมออกทีละเม็ดจนหมดแล้วลูบไล้ปัดป่ายไปจนทั่วแผงอกแกร่ง ผู้หญิงพวกนี้รู้หน้าที่เป็นอย่างดีโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไร
“อืม~”
ผมครางขึ้นในลำคอทันทีที่มือเล็กเลื่อนลงไปลูบคลำลูกชายผมที่มันคับแน่นอยู่ภายใต้กางเกงยีนส์ราคาแพงและตอนนี้มันพร้อมรบเต็มที่แล้วด้วย และผมคงจะได้ปลดปล่อยแน่ๆ ถ้าไม่ติดว่า เสียงเคาะประตูดังขึ้นซะก่อน
ก๊อกๆๆๆ
“ไม่ต้องสนใจ” ผมพูดขึ้นเสียงเข้มพลางดันร่างบางไปที่เตียงทันที ใครจะมาก็ช่างแม่ง ผมไม่สนทั้งนั้น แต่...
“ผิง! เปิดประตูให้พ่อหน่อย ทำอะไรอยู่” เสียงที่ดังมาจากด้านนอกทำให้เธอและผมหยุดการกระทำ หันขวับมองบานประตูแทบจะพร้อมกัน เสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจากปากคนใต้ร่างอย่างเลื่อนลอย แถมหน้าเธอยังถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“พะ...พ่อ ซวยแล้ววว”
“เวรเอ๊ย!” ผมสบถออกมาด้วยโทนเสียงไม่แตกต่าง แล้วผละออกจากร่างบางทันที ก่อนจะยกมือขึ้นยีผมอย่างหัวเสีย มาทำอะไรตอนนี้วะ ปัญหาเกิดแน่ๆ ถ้าพ่อยัยน้องผิงผิงนี่เข้ามาเจอสภาพเราสองคนแบบนี้ มีหวังโดนจับแต่งแหงๆ เสียงเคาะประตูก็ยังคงเร่งเร้าไม่หยุด
“หลบไหน” ผมถามเจ้าของห้องพลางจ้องหน้าเธอเขม็ง
“ละ...หลบไหนดีอะ อ๋อ ระเบียง...”
สิ้นเสียงลุกลี้ลุกลนของผิงผิง ผมก็พุ่งตัวออกไปนอกระเบียงด้วยความเร็วแสง โดยเธอยังตามมาจัดระเบียบผ้าม่านแล้วลงกลอนอย่างดี แต่ผมไม่ได้โล่งอกเลยสักนิด ถ้าไม่อยู่ในห้องนี้น่าจะปลอดภัยกว่า...ไวกว่าความคิดคือผมปีนระเบียงโดดข้ามไปห้องข้างๆ เรียบร้อยแล้ว
เฮ้ย!!!
ผมสะดุ้งโหย่งเมื่อหันมาจ๊ะเอ๋เข้ากับเจ้าของห้องที่ผมเพิ่งปีนข้ามมาถึงหมาดๆ เวรแล้วไง นึกว่าไม่มีคนอยู่ ซวยบรรลัยเลยกู
อร๊ายยยย...อุ๊บบบ!
เธอเอามือขึ้นปิดตาและกรีดร้องสุดเสียง ส่งผลให้ผมต้องพุ่งเข้าชาร์จ มือข้างหนึ่งส่งไปอุดปาก ส่วนแขนอีกข้างล็อกตัวเธอไว้แน่น พลางดันคนตัวเล็กกลับเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ ฝ่าเท้าถูกใช้เลื่อนประตูปิดสนิท เพราะกลัวห้องข้างๆ จะได้ยิน ถ้าความแตกเป็นเรื่องแน่
“อื้อออ อ่อยอะ” เธอส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอพลางดิ้นขลุกอยู่ในอ้อมกอดผม แรงเยอะซะด้วย เหอะ! แต่ผมแค่จะขอผ่านทางเพื่อออกจากที่นี่เฉยๆ เอง ไม่ได้จะทำร้ายใครสักหน่อย
“ชู่วววว์ เงียบ! ฉันจะปล่อยเธอ แต่อย่าร้องนะ” ผมบอกสาวน้อยในอ้อมกอดด้วยโทนเสียงที่อ่อนโยนที่สุด เพื่อไม่ให้เธอตกใจกลัวมากไปกว่านี้ และเหมือนเธอจะเข้าใจนะ ผมเห็นว่าเธอนิ่งเงียบ เลยค่อยๆ คลายมือออกแต่ยังไม่ทันหลุดดี ยัยตัวเล็กออกแรงผลักผมแล้ววิ่งไปที่ประตูพร้อมจะตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยดะ...อุ๊บบบ”
แต่ผมอาศัยช่วงขาที่ยาวกว่า ก้าวได้ไวกว่า ดึงเจ้าของห้องตัวน้อยเข้าสู่อ้อมกอดแน่นจนแผ่นหลังแนบชิดแผงอกแข็งแรง พร้อมยกมือขึ้นปิดปากไม่ให้เธอส่งเสียง และพาเธอถอยให้ห่างจากประตูมากที่สุด
“แม่งเอ๊ย! บอกให้เงียบ!!” ผมตะคอกเสียงลั่นด้วยความหงุดหงิด คือเธอแม่งไม่ฟังเลยและผมก็ไม่ใช่คนมีความอดทนขนาดนั้นไหม
“อื้อออ...อ่อย อื้ออออ” ยัง...ยังดิ้นไม่หยุด
“จิ๊! ทำไมดื้อจังวะ จับกดแม่งเลยดีมะ”
สิ้นเสียงผม คนตัวเล็กชะงักไปในทันที ยืนนิ่งแข็งทื่อไม่ไหวติง เหอะ! คำขู่ของผมได้ผลเฉย เล่นซะเหนื่อยเลย ผู้หญิงบ้าอะไรวะ แรงเยอะชะมัด
“เออ! เงียบได้สักทีซินะ ถ้าขืนยังดื้ออีกละก็ ฉันทำจริงๆ แน่!” ผมข่มขู่เธอหนักขึ้นไปอีก แต่บางทีก็อาจจะไม่ได้แค่ขู่ ถ้าเธอยังกระตุ้นอารมณ์ผมอยู่แบบนี้ ผู้หญิงอะไรตัวหอมเป็นบ้าหรือผมอาจจะแค่ค้างจากยัยน้องผิงผิงนั่น มันก็เลยมีแต่เรื่องอย่างว่าแล่นเข้าหัวผมเต็มไปหมด เวรจริงๆ ยิ่งกอดไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ ผมเลยปล่อยเธอให้เป็นอิสระและหันกลับมาจัดการติดกระดุมเสื้อตัวเองทันที วันนี้แม่ง ซวยสุดๆ ค้าง กู ค้างเหี้ยๆ
แกร่งงงง!!
เสียงโลหะบางอย่างตกกระทบพื้นจังหวะที่ผมเงยหน้าขึ้นจากกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้าย พบว่าเจ้าของห้องตัวน้อยยืนทำหน้าเหวออยู่ตรงซิงค์ล้างจานในโซนห้องครัวซึ่งไม่ไกลจากจุดที่ผมยืนเท่าไหร่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างจนแทบถลนออกจากเบ้าพร้อมจ้องหน้าผมนิ่ง
เดี๋ยวนะ...ท่าทางแบบนั้นเหมือนเธอตกตะลึงอะไรสักอย่าง หึ และผมว่าผมรู้นะ ว่าเธอกำลังตะลึงกับอะไร ผมขยับเท้าเข้าไปหาเธอ ก่อนจะหยุดในระยะประชิด แต่ดูเหมือนสติเธอจะเตลิดไปไหนต่อไหนแล้ว ผมค่อยๆ โน้มหน้าลงไปให้อยู่ระดับเดียวกันพร้อมเอ่ยแซวขึ้นแบบขำๆ
“ตะลึงในความหล่อของฉันขนาดนั้นเลยเหรอสาวน้อย หึ!”
ไม่ใช่แค่ไอจีหรอกนะที่แจ้งเตือนเด้งไม่หยุด แต่ไลน์ก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน ดีที่ฉันตั้งสั่นไว้ ไม่งั้นละก็...ไม่อยากคิดเลย หนวกหูตายแน่ แค่รูปนิดเดียวเอง ตื่นเต้นไรกันนักหนา อย่าว่า...แต่พวกนั้นเลย ฉันเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้พวกนั้นหรอก ฮึ่ยๆ โมเมนต์แบบนี้ไม่ได้มีกันง่ายๆ นะบอกก่อน แลดูบ้าผู้ชายจริงจังมาก ถ้าวันหนึ่งเขาหายไปจากชีวิตฉัน...ฉันต้องตายแน่ๆ เลย แต่มันยังมาไม่ถึง ช่างไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้ฉันมีความสุขก็พอ….ครืดดด~ ครืดดดด~~โอ๊ะ!ฉันสะดุ้งโหยงพร้อมกับปล่อยมือถือที่อยู่ๆ มันก็สั่นจากสายเรียกเข้าของใครบางคนหลุดมือด้วยความตกใจป๊อกกโอ๊ยยย…และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือองศาที่มุมมือถือตกลงไปกระแทกนั่นคือใจกลางหน้าผากของคนบนตักพอดิบพอดี...ร่างหนาร้องลั่นด้วยความเจ็บก่อนจะดีดตัวขึ้นนั่งจ้องหน้าฉันอย่างเอาเรื่องพลางยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ“หนูขอโทษค่ะ เจ็บมากไหม หนูขอโทษ” ฉันรีบเอ่ยบอกเขาแบบร้อนรน แล้วเอามือขึ้นลูบรอยแดงตรงหน้าผากเขาเบาๆ อีกสักพักมันต้องปูดขึ้นเป็นลูกมะนาวแหงๆ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่นา แต
ปังๆๆ สวบๆๆๆ ปัง ปัง หวืออออระหว่างที่ฉันกำลังทำหน้าที่แม่บ้านแม่เรือนอย่างขะมักเขม้นอยู่นั่น ทั้งเสียงปืน เสียงวิ่ง เสียงหวอก็ยังคงดังสนั่นหวั่นไหวลั่นห้อง ให้ตายเถอะ...นึกว่าล้างจานอยู่ในสนามรบก็ไม่ปาน แต่เสียงเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ฉันตกใจได้เท่ากับเสียงเอะอะโวยวายของคนหัวร้อนที่ควบคุมอยู่ในโลกของความเป็นจริงนี้หรอก“นั่นๆ กูโดนเข้าแล้วสัส ไอ้แม็กซ์ ไอ้เหี้ย มาช่วยกูก่อน”และยังไม่พอนะ….ยังคงมีเสียงเอะอะโวยวายของอีกหลายคนตามมาด้วย คาดว่าน่าจะประมาณสี่คนได้ถ้ารวมเฮียวาโยด้วยก็เป็นห้า คิดดูเหอะ...เล่นกันห้าคน แล้วคือเสียงทุกคนก็ดังประสานกันแบบ...เสียงในเกมนี่เบาไปเลย แล้วคือ...สารพัดสัตว์มาเดินป้วนเปี้ยนในห้องฉันเต็มไปหมดแล้วเนี่ย[ไอ้สัส!! กูก็จะตายแล้วเนี่ย ไอ้เหี้ยดิน เก็บหาส้นตีนอะไรนักหนาปืนอ่ะ มาช่วยพวกกูก่อน][อ้าววว เฮีย อ่อนเองอย่าพาลดิวะ]คือมันจำเป็นต้องจริงจังขนาดนี้ไหม ฉันเช็ดไม้เช็ดมือหลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยพลางเหลือบตามองคนหัวร้อนที่นั่งหน้ายุ่งเป็นยุงตีกันอยู่บนโซฟา ท่าทางกระฟัดกระเฟียดสุดๆ สายตายั
ไม่นานรถก็เคลื่อนมาจอดหน้าเจคลีน ความจริงจะเรียกตลาดสดก็ได้นะ แต่มันคือซูเปอร์มาเก็ตที่รวมของสดทุกอย่างไว้ในห้องแอร์ แตกต่างจากตลาดสดนิดหนึ่ง ถ้าเป็นคนทำกับข้าวกินเองจะต้องรู้จักที่นี่เป็นอย่างดีเลยแหละ ฉันเองก็มาแทบจะทุกวัน แต่เฮียวาโยเคยมาเดินที่แบบนี้ด้วยเหรอ อย่างเขาจำเป็นต้องมาจ่ายตลาดเองด้วยเหรอฉันเหลือบมองคนที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถด้วยความสงสัย และเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาหันกลับมามองฉันเหมือนกัน ความจริงฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายสักเท่าไหร่ แต่คิดว่า...เขา คงจะอยากด่าฉันว่านั่งบื้ออะไรอยู่ ทำไมไม่ลง แน่ๆ เลย ฉันต้องเซฟตัวเองก่อน รีบหันกลับมาปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองแบบรีบๆ แล้วเปิดประตูลงจากรถเดินตามแผ่นหลังกว้างนั่นไปทันที คนอะไร...ดุชะมัดฉันสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อจู่ๆ มือหนาของเฮียวาโยก็เอื้อมมาสอดเข้าใจกลางฝ่ามือฉันแล้วออกแรงบีบน้อยๆ พอให้มันไม่หลุดจากกัน ขาฉันหยุดกึกทันทีจ้องไปที่มือของเราสองคนแบบอึ้งๆ ก่อนจะเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนหันข้างให้ฉันในจุดที่อยู่ห่างเพียงช่วงแขน“ขาสั้น เดินช้าชะมัด” เขาพูดขึ้นพลางส่ายหน้าไปมาแบบหงุดหงิด แล้วสา
ฉันละสายตาจากจุดที่ตัวเองเดินวนไปวนมาเมื่อครู่นั้นกลับมามองถุงกระดาษในมือหนาของคนที่เพิ่งขึ้นมานั่งอยู่หลังพวงมาลัยหมาดๆ ถูกยื่นมาอยู่ในระดับสายตาพอดิบพอดี“อะไรเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามเสียงแผ่ว สายตาก็ยังคงจ้องอยู่ที่ถุงกระดาษนั่นไม่ลดละ ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แต่ไม่กล้าเงยหน้ามองคนที่ยื่นถุงกระดาษนี่มาให้ต่างหาก ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้ายังไง ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง มัน...มันแบบ ไม่รู้จะเริ่มยังไง…“ดูเอาเอง” คำตอบสั้นๆ ห้วนๆ หลุดออกมาจากปากเฮียวาโยพร้อมกับยื่นถุงกระดาษนั่นเข้ามาใกล้ขึ้นจนแทบจะชนหน้าฉันอยู่แล้วฉันรับมันมาแล้วเปิดออกดู พร้อมกับตาที่เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ เพราะข้างในนั้นมันคือยาคุมกำเนิด ต้นเหตุของการเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบหน้าร้านขายยานั่นเอง แสดงว่าที่เฮียวาโยเข้าไปร้านขายยาเมื่อกี้เพราะไปซื้อยาคุมนี่มาให้ฉันงั้นเหรอ ใบหน้าฉันร้อนผ่าวๆ ไปหมด ใจก็เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ มันเริ่มเหมือนเรา สองคน...เอ่อ..หมายถึงฉัน กับ เฮียวาโยน่ะ มัน...เอ่อ...เหมือนเราเป็นแฟนกันเลยเนอะ งื้ออออ...แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงฉันต้องตายก่อนแน่ๆแต่..เดี๋ยวนะ ทำไมในถุงกระดาษถึงมียาคุมสองแบบล่ะ อันหนึ่งค
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อื้ออออ”ทุกอย่างเป็นไปตามอารมณ์ที่ปะทุขึ้นระหว่างเราสอง ถึงเธอจะไม่มีประสบการณ์ยังไงเรื่องแบบนี้มันธรรมชาติมันก็จะพาไปจนได้ ผมขยับเอวเข้าออกเร็วขึ้น แรงขึ้น มือไม้ก็ลูบไล้ปัดป่ายไปทั่วเรือนร่างเนียนขาว ไร้ร่องรอย จากการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทุกส่วนในร่างนี่เป็นของผม ทุกจุดที่ปากผมลากผ่านก็จะมีร่องรอยปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนเหมือนกัน และก็จะไม่มีใครได้แตะต้องร่างกายนี้อีกนอกจากผม“อื้อออ อ๊ะ ฮะ...เฮียยยวาาา อื้อออ”“อืมมม ทำไมแน่นแบบนี้วะ...หนู”เสียงเนื้อกระทบกันปนกับเสียงครางระงมลั่นห้อง ร่างเล็กสั่นกระเพื่อมไปตามแรงกระแทก ผมพยายามอย่างที่สุด ที่จะไม่ให้ใส่แรงไปเต็มที่ เพราะตัวเธอเล็กมาก เล็กจนผมไม่กล้าทำแรงกลัวเธอจะบอบช้ำ ทั้งๆ ที่อารมณ์ผมมันพุ่งจนทะลุปรอทไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่เจ้าของร่าง แม่ง..ก็ตอดรัดผมแน่นซะเหลือเกิน“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อื้ออ เฮียยยขาาา อ่า...ย”“หนูอย่ารัดเฮียแน่น อืมมม”ความร้อนระอุแผ่ไปทั่วทั้งร่างผมและร่างหนูเฌอ เม็ดเหงื่อผุดออกเต็มไปหมด อุณหภูมิจ
“ผมถอนจูบออกพลางเอาลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองที่ยังมีความหวานติดอยู่ด้วยความเสียดาย แต่ถ้าไม่หยุดก่อนมีหวังยัยตัวเล็กตรงหน้าขาดใจตายก่อนแน่ ร่างเล็กโน้มตัวลงมาเอาหน้าซบไหล่ผมจนรู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างชัดเจน บวกกับอาการหอบจนตัวโยนเพราะผมเล่นสูบอากาศจากตัวเธอออกมาจนแทบหมด จะช็อกไหมล่ะนั่น...ใจเต้นแรงขนาดนี้ แต่ก็นะ...ไม่เคยมีใครตายจากจูบซะหน่อย เหอะ...เด็กน้อยจริงๆ“อื้อออ”ผมอดไม่ได้ที่จะซุกหน้าลงบนซอกคอขาว ที่พอหันไปก็ดันอยู่ในระดับสายตาพอดี บวกกับกลิ่นพีชหอมอ่อนๆ จากตัวเธอที่ลอยมาปะทะเข้ากับจมูกผมและไหนจะเสียงครางหวานนั่นอีก ทุกอย่างมันทำให้ผมไม่สามารถหยุดการกระทำตรงหน้าได้อีกแล้ว มีแต่จะปล่อยให้มันเป็นไปในแบบที่ควรจะเป็นก็เท่านั้นมือผมเลื่อนขึ้นค่อยๆ รูดซิปด้านหลังชุดเดสแขนกุดสีเทาของหนูเฌอลงจนสุด ความไม่เป็นประสาของคนตัวเล็กตรงหน้า ทำให้ผมแทบคลั่ง ไม่อยากเชื่อเลย ปกติผมแทบไม่เคยเล้าโลมให้ใครแบบนี้ด้วยซ้ำ ผมเลื่อนมือขึ้นมาวางตรงไหล่เล็กทั้งสองข้างก่อนจะกระซิบบอกร่างเล็กที่อยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มเสียงแหบพร่า“หนูเฌอ เฮียข
Comments