อรุณรุ่งมาเยือน จูฟางหรงก็เตรียมตัวออกไปตามนัดหมาย วันนี้นางเลือกแต่งกายด้วยอาภรณ์สีอ่อนสบายตา ส่วนด้านในสวมใส่อาภรณ์ที่ทะมัดทะแมง เพราะจูฟางหรงต้องเผื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินในการเอาตัวรอด หากหลงโหย่วอี้ระแคะระคายขึ้นมา นางจะเลือกกลายเป็นปลาแล้วกระโดดลงแม่น้ำหนีเขาเสียเลย
“พระชายา งดงามมากเลยเพคะ”
จูฟางหรงเหลือบมองหน้าของเป่าชุน “เป่าชุน วันนี้เจ้าไม่ต้องตามไปปรนนิบัติข้าหรอกนะ”
เป่าชุนสลดลง “ทำไมหรือเพคะ เพราะว่าหม่อมฉันดูแลพระชายาไม่ดีหรือเพคะ”
“ดูเจ้าสิ” จูฟางหรงยิ้มบาง ร่างระหงลุกยืนเต็มความสูง มือเรียวคว้ามือของเป่าชุนมากุมไว้ จูฟางหรงไม่อยากให้เป่าชุนเอาชีวิตมาเสี่ยงกับตนอีกแล้ว “ไม่ใช่เช่นนั้นเสียหน่อย เมื่อคืนเจ้าก็เห็นว่าข้าลอบออกไปท่องราตรี เจ้าอยู่ที่นี่ทำลายหลักฐานให้ข้าได้หรือไม่”
เป่าชุนใจชื้น แท้ที่จริงจูฟางหรงก็มีภารกิจให้นางทำ “เพคะ”
“พระชายา รถม้าพร้อมแล้วเพคะ”
เสียงของนางกำนัลต้นห้องดังลอดเข้ามา จูฟางหรงรวบรวมลมหายใจจนแก้มโป่งพอง
“ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
จูฟางหรงผละห่างจากเป่าชุน นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้ออกไปเที่ยวชมความงามนอกราชวังอย่างไม่ต้องหลบซ่อน เพียงแต่การออกไปกับโหย่วอี้อ๋อง ทำให้นางประหม่าทั้งยังชวนอึดอัดไปบ้าง เพราะจูฟางหรงคร้านจะปั้นหน้าอ่อนหวานใส่เขา ช่างไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย
ช่างเถิด...ยิ่งอยู่กับเขาบ่อย ๆ ข้าก็จะยิ่งพิชิตใจเขาได้ไม่ใช่หรือ
มือเรียวถูกันจนเหงื่อเปียกชื้น เท้าเล็กเหยียบย่างไปตามเส้นทาง เพราะจูฟางหรงเอาแต่ก้มหน้างุด จิตใจและหัวสมองก็เต็มไปด้วยแผนการอยู่ตลอด เป็นเหตุให้นางไม่ทันระวัง จูฟางหรงชนแผ่นหลังของใครบางคนเข้าโครมใหญ่
“โอ๊ย!”
ร่างระหงเซถลา นางกำนัลรุดเข้ามาช่วยประคอง
“พระชายา ระวังเพคะ”
“ขอบใจนะ”
จูฟางหรงเหลือบตามองก็พบกับสีหน้าหม่นทะมึนของใครบางคน
“สตรีโง่ เจ้าไร้ตางั้นหรือ”
“ท่านอ๋อง ขออภัยเพคะ หม่อมฉัน…”
ไม่ทันเอ่ยจบ ร่างสูงก็สะบัดกายพรึบ ขึ้นรถม้าปล่อยให้จูฟางหรงอ้าปากค้างอยู่เช่นนั้น
โอ้โห มารยาททรามมาก
ไม่นานทั้งสองก็ต้องมานั่งประจันหน้ากันอยู่ในรถม้า ความเงียบเข้าปกคลุมจนชวนอึดอัด จูฟางหรงเหลือบเห็นลูกกวาดจึงตัดสินใจหยิบขึ้นมา หลงโหย่วอี้รับรู้ทุกการเคลื่อนไหวของนางเพราะเขาลอบสังเกตจูฟางหรงอยู่ตลอด แม้จะแสร้งไม่มองก็ตามที
ริมฝีปากสีกุหลาบแย้มยิ้มซุกซนประหนึ่งว่าตนกำลังได้รับของต้องใจ “ลูกกวาดนี่หม่อมฉันไม่ได้กินนานมากแล้ว ไม่คิดว่าบนรถม้าของท่านอ๋องก็มีด้วย”
“วางลง”
เปลือกตาบางกะพริบถี่ “ลูกกวาดนี่ไม่ได้มีไว้ให้กินหรือเพคะ”
“ข้าบอกให้วางลง” หลงโหย่วอี้เอ่ยเสียงเข้ม นัยน์ตาคมลดมองลูกกวาดในมือของจูฟางหรงที่ถูกคลี่กระดาษห่อออกจนหมด
“ท่านอ๋อง แค่ลูกกวาดเม็ดเดียวก็หวงงั้นหรือเพคะ อีกอย่างลูกกวาดนี่ก็ของชอบหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่วาง!”
จูฟางหรงยัดลูกกวาดรสหวานเข้าปากด้วยความดื้อรั้น ดูสิว่าหากนางกินเข้าไปแล้วเขาจะง้างปากนางให้คายออกมาอย่างไร
หลงโหย่วอี้เบิกตากว้าง มือแกร่งคว้าไหล่เล็กจนจูฟางหรงตัวลอยหวือมานั่งขนาบข้างเขา ฉับพลันฝ่ามือหนาก็ประทับลงบนแผ่นหลังบางอย่างรวดเร็ว
อั๊ก!
แค่ก แค่ก
ลูกกวาดในปากของจูฟางหรงกระเด็นพุ่งออกไปนอกหน้าต่าง จูฟางหรงกระอักไอเสียจนหน้าแดงค่อนไปทางเขียว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนนางไม่ทันได้ตั้งมือรับ
“ทะ…ท่านอ๋อง ต้องทำถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ”
หลงโหย่วอี้ตวัดตามองฉับ เขาผลักร่างระหงลงไปกองบนพื้น
“เจ้าไม่มีสิทธิ์แตะต้องลูกกวาดนี่”
จูฟางหรงอยากกรีดร้องแต่ก็ต้องสงบอารมณ์ นางลากสังขารที่ยามนี้ประหนึ่งถูกเขาทรมานจนเจ็บระบมกลับไปนั่งตรงข้ามอีกฝ่ายดังเดิม ใบหน้างามเหยเกบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ จูฟางหรงสังเกตสีหน้าเย็นชาของหลงโหย่วอี้ด้วยความไม่พอใจ นางแอบเห็นบางอย่างในแววตาดุดันของเขา ไยเมื่อครู่ถึงดูวูบไหวพิกล
คนประหลาด ท่านมีปมกับลูกกวาดหรือ อ๋องป่าเถื่อน คนขี้งก!
“เป่าชุน กลับ!”เป่าชุนลุกพรวด ดีดกายเข้าหาจูฟางหรงอย่างรวดเร็ว “พระชายา ไม่ได้รับบาดเจ็บนะเพคะ”จูฟางหรงพยักหน้า “ข้าไม่เป็นไร”ผู้คนด้านนอกเมื่อเห็นนางระบำของหอไป๋หลิงวิ่งกระเจิงออกจากห้องพร้อมกลุ่มควันโขมง ทั้งยังล้มหน้าคว่ำไปบนพื้นกันระนาวก็ตื่นตระหนก บ้างโผล่หน้าออกมาจากห้องทั้งที่สวมอาภรณ์ไม่เรียบร้อยด้วยความสงสัย“เกิดอะไรขึ้น”เจ้าของหอคว้ามือหญิงคณิกาผู้หนึ่งไว้ นางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านเจ้าหอ ห้องพิเศษหนึ่งเกิดเรื่องเจ้าค่ะ ควันสีขาวนั่นหากผู้ใดสูดดมเข้าไปก็จะหมดสติกันทุกรายข้าอยู่ห้องข้าง ๆ ได้ยินเสียงอึกทึกเลยออกมาดู รู้เรื่องราวไม่มาก ตอนนี้หนีเอาชีวิตรอดก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ”เจ้าหอไป๋หลิงเบิกตาโพลง “ตายแล้ว หอไป๋หลิงของข้าเพิ่งเปิดตัวไม่นานเองนะ บัดซบจริงเชียว”นางหันรีหันขวาง เพราะยามนี้ชีวิตสำคัญที่สุด ทว่าคนตระหนี่เช่นเจ้าหอย่อมไม่อาจทิ้งทรัพย์สินมีค่าได้ สตรีร่างท้วมจึงวิ่งรี่เท่าที่จะเร็วได้ เที่ยวปลดล็อกช่องเก็บของทั้งหมด ก่อนหอบแก้วแหวนเงินทองออกมาพะรุงพะรัง“ท่านเจ้าหอ มัวทำสิ่งใดเจ้าค
จูฟางหรงเหลือบมองตาแก่นี่…ข้ามีค่ามากกว่าเงินง่อย ๆ นั่นของเจ้าตั้งเท่าใด ชิ!“ไปบอกเจ้าหอ ว่าคืนนี้ นางระบำคนนี้ เป็นของข้าแล้ว”จูฟางหรงได้ยินก็อยากกรีดร้อง เพราะนางวางแผนแล้วว่าจะเข้ามาหาข่าวสำคัญ หากได้แล้วก็จะเร่งปลีกตัวออกห่าง ดูเหมือนว่าเรื่องราวกำลังยุ่งเหยิงไม่เป็นท่า นับตั้งแต่นางก้าวเท้าเข้ามายังห้องพิเศษแสนโกโรโกโสที่เต็มไปด้วยโลกีย์คาวคลุ้งนี่อยากจะบ้าตาย ชาติที่แล้วตาแก่นี่เป็นไก่หรือไงนะหลงโหย่วอี้ผุดลุกโดยไม่รู้ตัว เขาเขม้นมองจูฟางหรงประหนึ่งจะกระชากวิญญาณออกจากร่างเจ้าเมืองฉางฝูเลิกคิ้วหนึ่งฝั่ง “สุลต่าน ท่านเป็นอะไรงั้นหรือ”เฉินกงเห็นท่าไม่ดีก็กระตุกชายอาภรณ์ของผู้เป็นนายเพื่อเตือนสติ หากไม่ทำเช่นนี้นายของเขาต้องพังหอไป๋หลิงจนเหลือเพียงชื่อแน่ “ท่านอ๋อง”จูฟางหรงประสานสายตากับเขา ยิ่งเห็นอีกฝ่ายแทบคลั่งนางก็ยิ่งสาแก่ใจ จูฟางหรงเดินเข้าใกล้เจ้าเมืองฉางฝูเพื่อเบี่ยงความสนใจจากอาการผีเข้าของหลงโหย่วอี้คนโง่ ครั้งนี้ท่านต้องขอบคุณข้า หากไ
ร่างระหงย่างกรายออกไปเบื้องหน้าแช่มช้า ทุกคนต่างหยุดมองนางเป็นตาเดียว ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นสุลต่านตาค้าง จูฟางหรงเองก็ไร้เวลาให้ตริตรองมากนัก ในเมื่อตัดสินใจแล้วย่อมไม่อาจหันหัวเรือกลับจอมปีศาจ มิน่าเล่าข้าถึงไม่เห็นเขา ที่แท้ก็ปลอมตัวเป็นตาแก่เคราเฟิ้มนี่เองจูฟางหรงเหลือบมองแววตาคมกริบที่ยังเขม้นตนแทบไม่กะพริบ เปลือกตาบางหลุบลงนอบน้อม จากนั้นหมุนกายประจันหน้ายิ้มหวานให้กับเจ้าเมือง ภายใต้รอยยิ้มหวานละมุนกลับมากล้นไปด้วยความรู้สึกหมื่นพันจูฟางหรงอยากทิ่มดวงตาของโคแก่ตรงหน้าให้มืดบอดนัก กล้าดีอย่างไรแทะโลมนางได้ไม่อายฟ้าดินครั้นลอบเสมองไปอีกด้าน ก็ทันเห็นบุรุษอีกคนกำลังกัดฟันกรอด จูฟางหรงไม่กลัวเขาหรอก นางจะเล่นละครเป็นหญิงคณิกาให้ใครบางคนโมโหจนกระอักโลหิตตายไปเสียข้าอยากรู้นักว่าท่านจะทนเห็นชายาของตนเองคลอเคลียชายอื่นได้จริงหรือ โหย่วอี้อ๋องแขนเรียววาดลวดลายขึ้นกลางอากาศ ดนตรีเริ่มบรรเลงเป็นจังหวะ จูฟางหรงร่ายระบำได้อย่างงดงามยิ่งนางอ่อนช้อยหวานหยดประหนึ่งนางเซียนเท่าใด ความเดือดด
คิ้วสวยเคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม จูฟางหรงขบปากตนเองแผ่วเบาพลางครุ่นคิด เป่าชุนก็มองตาที่เหลือกขึ้นทั้งยังกลอกไปมาของจูฟางหรงจนตัวโก่ง ไม่รู้ว่านางกำลังคิดทำสิ่งใดอยู่กันแน่เสียงสุลต่านคนนี้คุ้นหูข้าจริง“เรื่องเคร่งเครียดเพียงนี้ไว้ค่อยคุยก็แล้วกัน ข้าว่าเราหาความสำราญด้วยการชมระบำกันก่อน ท่านสุลต่านว่าดีหรือไม่”“ตามแต่ท่านเจ้าเมืองสะดวกขอรับ”จูฟางหรงได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ก็นึกบางอย่างออก“อาเป่าเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่เงียบ ๆ จนกว่าข้าจะกลับ เข้าใจหรือไม่”“พี่หรง ท่านกำลังคิดทำสิ่งใด”“ไว้ข้าจะมาอธิบายคราวหลัง จำไว้หากเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องวิ่งให้สุดชีวิต แล้วไปหาเช่ารถม้ากลับจวนก่อนข้าได้เลย หากใครถามก็บอกเพียงว่าข้าจะกลับพร้อมท่านอ๋อง”จูฟางหรงยัดถุงเงินให้เป่าชุน ดูเหมือนแผนการชมดอกไม้ไฟบนระเบียงสูงต้องล้มเลิกเสียแล้ว เพราะยามนี้จูฟางหรงต้องการอิสรภาพมากกว่า ถ้าไม่มีสิ่งใดผิดพลาด นางต้องได้ข้อมูลสักอย่างมาแน่ต่อให้เป่าชุนนึกปฏิเสธก็ไม่อาจขัดใจผู้เป็นนาย นางจึงต้องพยักหน้าด้วย
ตั้งแต่จูฟางหรงก้าวเท้าเข้ามาในหอไป๋หลิง นางได้ลอบสำรวจไปแล้วกว่าค่อนหอ แต่ยังไม่พบร่องรอยของหลงโหย่วอี้สักเสี้ยวหรือข้าจะคิดผิด ช่างเถอะ ๆ เขาไม่อยู่ก็ดี สบายใจอีกเปลาะ จะได้เที่ยวเล่นให้หนำใจนางไม่เห็นเขาก็นับเป็นเรื่องถูกต้อง ในเมื่อหลงโหย่วอี้แต่งกายเป็นพ่อค้าต่างแคว้น ซ้ำยังเสริมหนวดเคราประหนึ่งสุลต่าน ระยะไกลเพียงนั้นถ้านางจำได้ก็คงเปรียบดั่งเทพเซียนแล้วกระมังเป่าชุนส่งสายตาเว้าวอนให้จูฟางหรง เพราะนางถูกบรรดาสตรีนัวเนียอยู่ไม่ห่าง ไม่รู้ว่าขนบนแขนลุกชันจนได้กลายเป็นร่วงกราวไปแล้วหรือไม่จูฟางหรงขบขันเมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของเป่าชุน นางเองก็ไม่อยากให้ใครยุ่มย่ามเวลาแห่งความสุขมากนัก ที่จูฟางหรงอ้าแขนรับสตรีเหล่านี้เข้ามาก็เพื่อบดบังตัวตนให้แนบเนียนขึ้นอีกหน่อยเพียงเท่านั้นยามนี้มาถึงห้องส่วนตัวแล้ว เช่นนั้นควรเริ่มแผนการไต่ระเบียงชมดอกไม้ไฟมันเสียตอนนี้เลยดีกว่า“มาเถิดคนงาม พวกเจ้ามาร่ำสุราเป็นสหายข้าหน่อยเร็ว” จูฟางหรงยกกาสุราขึ้นเหนือศีรษะ สตรีร่างอรชรก็ใช้หน้าอกใหญ่ตู้มแย่งเบียดกันเพื่อเข้าหานาง
“พระชายา จะพบท่านอ๋องที่ใดพ่ะย่ะค่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามจากด้านนอกจูฟางหรงหลุดจากภวังค์ นางเหลือบซ้ายแลขวาเพื่อหาหนทาง ก่อนจะสะดุดเข้ากับหอนางโลมสุดตระการตา ความคิดอยากเข้าไปเที่ยวชมสักครั้งก็ผุดขึ้น“เช่นนั้นข้าจะลงตรงนี้เลย”จูฟางหรงจูงมือเป่าชุนให้ลงจากรถม้าด้วยกัน จากนั้นจึงหันไปกำชับ “เจ้ากลับไปก่อนได้เลย”สารถีเหลอหลา “พระชายา แต่หากกระหม่อมกลับไปแล้ว…”“อะไรกัน ก็ข้าบอกว่ามาหาท่านอ๋องไม่ใช่หรือไง ขากลับข้าจะกลับพร้อมท่านอ๋อง”ครั้นได้ยินที่จูฟางหรงเอ่ยเขาจึงวางใจ “ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”รถม้าจึงเคลื่อนตัวกลับไปทิศทางเดิมอีกหน เป่าชุนจึงเริ่มเกิดความเป็นกังวลขึ้นมา“พระชายา แต่หากเราไม่ได้กลับไปพร้อมท่านอ๋อง จะเป็นอย่างไรเพคะ”“เป่าชุน เจ้าคิดมากไปหน่อยแล้ว เห็นนั่นหรือไม่”จูฟางหรงยู่ปากไปยังหอสูงตระหง่าน ซึ่งประดับไปด้วยแพรผืนโปร่งหลากสี และโคมไฟสว่างไสวนับไม่ถ้วน ผู้คนที่เดินเข้าออกก็ล้วนแล้วแต่เป็นบุรุษ ซ้ำสตรียังแต่งกายน้อยชิ้น บางรายยืนโอบกันไม่อายฟ้าดินเป่าชุนผงะ มือเล็กยกขึ้นปิดตาทันควัน เพราะเผลอไ