/ รักโบราณ / ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว / บทที่ 30 เฉียวซื่อเข้าวัง

공유

บทที่ 30 เฉียวซื่อเข้าวัง

작가: BigM00N
last update 최신 업데이트: 2025-05-22 22:25:45

มารดาเลี้ยงคิดเช่นไรเฉินเจียวเจียวไม่อาจจะรู้ได้ แต่สิ่งที่รู้ก็คือชีวิตในช่วงนี้ของนางนับว่ามีความสุขมากทีเดียว ได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในร่างของตนเอง ได้แก้ไขความผิดพลาดที่เคยเกิดในชีวิตของชาติก่อนและที่สำคัญได้กลับมาปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่าอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าไม่ว่านางจะทำอย่างไรก็ไม่อาจจะทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารอดพ้นจากความแก่ชราและความตาย แต่สิ่งที่นางทำได้ก็คือคอยปรนนิบัติพัดวีและทำให้ผู้อาวุโสของนางมีความสุขมากที่สุดเท่าที่นางจะสามารถทำได้

“เหตุใดช่วงนี้มารดาเลี้ยงของเจ้าจึงได้เข้าวังบ่อยครั้งขึ้น” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็ส่ายหน้า

“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันเจ้าค่ะ” เฉินเจียวเจียวเอ่ยตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก ไม่ว่าอย่างไรนางก็เคยเตือนเฉียวซื่อไปแล้วว่าแต่ละตำหนักของบรรดาพระสนมน่าจะมีคนของฝ่าบาทซุกซ่อนอยู่ มารดาเลี้ยงของนางไม่ใช่คนโง่ย่อมจะสามารถหลีกเลี่ยงการทำให้ฝ่าบาทไม่พึงพอพระทัยได้ทั้งคำพูดและการกระทำอยู่แล้ว

แน่นอนว่าทางด้านเฉียวซื่อที่เข้าออกวังบ่อยครั้งขึ้นย่อมจะต้องระมัดระวังทุกคำพูดและการกระทำของตนเองเป็นอย่างดี ช่วงนี้นางเข้าวังบ่อยขึ้นก็แค่เพียงอยากสานสัมพันธ์กับเฉียวกุ้ยเฟยให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นเพียงเท่านั้น ยามนี้ตำหนักในไม่มีฮองเฮาส่วนไทเฮาก็ถูกกักขังอยู่ในตำหนักเย็น อำนาจการปกครองทั้งหมดย่อมตกอยู่ในมือของเฉียวกุ้ยเฟยผู้นี้

แม้ว่าจะไม่ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทเทียบเท่าเต๋อเฟย แต่ความประพฤติและการวางตัวของเฉียวกุ้ยเฟยกลับเป็นที่ชื่นชมของฝ่าบาทเป็นอย่างมาก ทำให้อำนาจในมือของพระนางเฉียวกุ้ยเฟยไม่เคยถูกลิดรอนไปได้ แม้ว่าพระนางเต๋อเฟยจะมีทั้งพระโอรสและพระธิดาให้แก่ฝ่าบาทก็ตามที

“ขอบใจเจ้ามากที่หลายวันมานี้มาพูดคุยให้ข้าคลายความเบื่อหน่ายแถมยังมีข้าวของเหล่านั้นอีก” พระนางเฉียวกุ้ยเฟยเอ่ยพลางจ้องมองน้องสาวด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม น้องสาวมีจุดประสงค์เช่นไรนางย่อมพอจะคาดเดาได้ เพียงแต่นางไม่พูดออกมาพระนางก็ไม่คิดจะเปิดโปง อีกทั้งการที่น้องสาวแท้ๆ ที่เป็นถึงฮูหยินของจวนผิงกั๋วกงมาเยี่ยมเยียนก็ทำให้พระนางรู้สึกดีไม่น้อย

“ขอแค่ของขวัญเหล่านี้สร้างความสำราญพระทัยให้แก่กุ้ยเฟยได้หม่อมฉันก็ยินดี” เฉียวซื่อเอ่ยพลางจ้องมองไปทางของขวัญที่นางนำมา แม้ว่าจะไม่ใช่ของล้ำค่าอันใดแต่ก็ล้วนเป็นสิ่งของที่พี่สาวของนางเคยชื่นชอบก่อนที่จะเข้าวัง แม้ว่ายามนี้เฉียวกุ้ยเฟยจะมีข้าวของล้ำค่ามากมายแล้ว แต่ก็น่าจะยังคงคิดถึงข้าวของที่พระนางเคยโปรดปรานในกาลก่อนซึ่งภายในวังไม่น่าจะมี

“เรื่องการแต่งงานของลูกเลี้ยงของเจ้า เจ้าไม่ต้องกังวลหรอกฝ่าบาททรงมีพระเมตตาไม่มีทางหาคู่หมายที่ไม่ได้ความให้บุตรสาวของเจ้าแน่” เมื่อเฉียวกุ้ยเฟยเอ่ยออกมาตามตรงเช่นนี้เฉียวซื่อก็ถอดถอนใจออกมา แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“หม่อมฉันรู้ดีเพคะว่าฝ่าบาททรงมีพระเมตตา เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรหม่อมฉันก็อดรู้สึกสงสารเจียวเจียวไม่ได้ ก่อนหน้านี้นางเคยหมั้นหมายกับโซ่วอ๋องนับว่าเป็นการแต่งงานกับคนที่สูงศักดิ์กว่าจะไปที่ใดก็มีแต่คนยกย่องชื่นชม แต่ยามนี้เล่าแม้แต่เด็กสาวที่ยังอยู่ในพระตำหนักของเต๋อเฟยผู้นั้นในวันหน้าเจียวเจียวของข้าก็คงจะต้องคารวะในฐานะที่นางคือหนึ่งในชายาของท่านอ๋อง ดูจากความโปรดปรานของโซ่วอ๋องแล้วแม้ว่านางไม่อาจจะได้ครองตำแหน่งพระชายาเอกแต่ก็คงจะไม่พลาดตำแหน่งพระชายารอง” เมื่อเฉียวซื่อเอ่ยเช่นนี้เฉียวกุ้ยเฟยก็ขยับตัวนั่งในทันที

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ยังมีข้าอยู่ข้าไม่มีทางที่จะปล่อยให้ลูกเลี้ยงของเจ้าต้องได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นแน่ แล้วอีกอย่างแม้ว่าข้าจะไม่ค่อยชอบเต๋อเฟยเท่าใดนัก แต่นางก็เคยโปรดปรานลูกเลี้ยงของเจ้าถึงขั้นนั้น นางไม่มีทางทำให้ลูกเลี้ยงของเจ้าต้องได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจหรอก” เมื่อเฉียวกุ้ยเฟยเอ่ยเช่นนี้เฉียวซื่อก็ส่ายหน้า

“พระนางเต๋อเฟยย่อมจะไม่รังแกนางแต่ผู้อื่นเล่า ก่อนหน้านี้โซ่วอ๋องถึงขนาดบุกไปต่อว่านางต่อหน้าธารกำนัลเพียงเพราะคำยุแยงเพียงไม่กี่คำของเด็กสาวผู้นั้น ไม่มีสิ่งใดช่วยรับประกันว่าวันหน้าโซ่วอ๋องจะไม่หลงเชื่อคำยุแยงอีก ผิงกั๋วกงผู้เป็นสามีข้าเพื่อรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทแม้แต่บุตรสาวคนเดียวก็จำต้องทอดทิ้งให้อยู่ในการดูแลของหม่อมฉัน จนใจที่หม่อมฉันคนนี้ไม่มีความสามารถใดๆ มีเพียงพระนางเพียงเท่านั้นที่หม่อมฉันจะสามารถเข้าขอทูลขอความช่วยเหลือได้” เมื่อเฉียวซื่อเอ่ยเช่นนี้เฉียวกุ้ยเฟยก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง

“หรือว่าเจ้า…” เมื่อเฉียวกุ้ยเฟยเอ่ยเช่นนี้เฉียวซื่อก็รีบตัดบทในทันที นางไม่แน่ใจว่ายามนี้คนของฝ่าบาทได้ยินไปมากน้อยเพียงใดแต่นางก็ไม่อาจจะทำให้พี่สาวของตนเองได้รับความยากลำบากได้ ที่นางเอ่ยไปเมื่อครู่นี้ก็แค่เพียงหวังว่าคำพูดของนางจะไปถึงหูของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้เพียงเท่านั้น

“หม่อมฉันไม่กล้าอาจเอื้อมทูลขอการแต่งงานที่สูงเกินเอื้อมให้แก่เจียวเจียว ขอเพียงแค่คู่ครองที่ไม่ด้อยไปกว่าโซ่วอ๋องได้หรือไม่เพคะ” เมื่อเฉียวซื่อเอ่ยเช่นนี้เฉียวกุ้ยเฟยก็ทอดพระเนตรมองน้องสาวของตนเองด้วยสายพระเนตรรู้ทัน คู่ครองที่ไม่ด้อยไปกว่าโซ่วอ๋องก็พอมีแต่การที่น้องสาวของนางออกหน้ามาเอ่ยด้วยตนเองเช่นนี้ที่จริงแล้วนางคงจะมุ่งหวังคู่ครองที่ดีที่สุดต่างหาก คู่ครองที่ดีที่สุดในแคว้นต้าเยียนในยามนี้นอกจากฝ่าบาทที่เป็นโอรสสวรรค์แล้วก็มีเพียงองค์รัชทายาทเพียงเท่านั้น

‘พระชายาองค์รัชทายาท’ หากได้เป็นแล้ววันหน้าก็คงจะได้เป็นฮองเฮา ส่วนพระนางนั้นในฐานะที่ไม่มีทั้งโอรสและธิดาก็คงจะได้เป็นแค่เพียงไท่เฟยชราที่ไร้ที่พึ่งพิง แต่ถ้าหากพระนางสามารถผลักดันหลานสาวของตนเองเข้าวังและสามารถครอบครองตำแหน่งใหญ่ในรัชกาลหน้าได้ ชีวิตในวัยชราของพระนางก็คงจะไม่ย่ำแย่เท่าใดนัก

“เทศกาลหยวนเซียวปีนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงขึ้นในวัง เจ้าพาบุตรสาวของเจ้ามาเป็นแขกของข้า ส่วนเรื่องคู่ครองของนางเจ้าไม่ต้องรีบร้อนนางยังมิได้เข้าพิธีปักปิ่นเลยมิใช่หรือ สำหรับข้าแล้วนางก็นับว่าเป็นหลานสาวของข้าคนหนึ่ง บอกกับนางว่าไม่ต้องรู้สึกอ่อนด้อยและเกรงกลัวว่าผู้ใดจะรังแก เรื่องการถอนหมั้นนางมิใช่คนผิดไม่จำเป็นต้องเกรงกลัว” …ส่วนนางจะสามารถคว้าโอกาสเรื่องคู่ครองที่สูงศักดิ์ได้หรือไม่ก็คงจะแล้วแต่โชคชะตาและพระเมตตาของฝ่าบาท

แม้ว่าประโยคหลังพระนางไม่ได้เอ่ยออกมาแต่เฉียวซื่อกลับเข้าใจข้อนี้เป็นอย่างดี แม้ว่าในใจของนางจะไม่อยากให้เฉินเจียวเจียวเข้ามารับความทุกข์ยากในวังหลวง แต่นางก็ทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้ผู้อื่นมาดูแคลนบุตรสาวของนาง โดยเฉพาะโซ่วอ๋องผู้นั้นสักวันเขาจะต้องเสียใจที่หันไปเลือกเด็กสาวเจ้ามารยาผู้นั้นแทนที่จะเลือกบุตรสาวของนาง

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 72 บทส่งท้าย

    หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงเฉินฮองเฮาจึงได้ปลีกตัวกลับตำหนักอันหนิงไปก่อนเหลือเพียงหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ที่ทรงเรียกน้องชายเข้ามาตักเตือนเป็นการส่วนพระองค์โดยมีองค์ชายทั้งสองประทับอยู่ด้วย“จนถึงยามนี้แล้วเจ้าก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือ น้องรองพระชายาของเจ้าผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้งดงาม รูปร่างก็ใหญ่โตแต่สิ่งที่นางมีเหนือผู้อื่นก็คือความจริงใจ แม้ว่าจะดุดันและไม่ช่างเอาอกเอาใจแต่เจ้าก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังตัวและคอยคาดเดาอารมณ์ของนาง นางโกรธเจ้าก็รู้ นางโมโหเข้าก็แค่ถูกด่าหลังจากถูกโบยตีไม่กี่ทีนางก็กลับไปเป็นปกติแล้ว” หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสพลางถอนพระปัสสาสะออกมา“ในขณะที่คนงามส่วนใหญ่กลับซับซ้อนมากกว่านั้นภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มของพวกนางมีความคิดมากมายซุกซ่อนอยู่ภายในใจ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางจะคาดเดาความคิดของนางได้แน่ น้องรองเจ้าโชคดีแล้วที่ได้โม่หลันเป็นพระชายา อย่าได้คิดหาเศษหาเลยแล้วทำให้ชีวิตของตนเองต้องตกต่ำอีกเลย” เมื่อหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้โซ่วอ๋องที่คุกเข่าขอรับผิดอยู่ตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“เสด็จพี่! แล้วพระองค์ทรงไม่เคยหวั่นไหวบ้างเลยหรือ มีคนงามมาอยู่ตรงห

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

    เฉินฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเยียนทรงสิริโฉม เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ได้รับความรักและความให้เกียรติจากสวามีจนสตรีทั่วแคว้นต่างโจษจันกันไปจนทั่ว สตรีทุกนางล้วนริษยาในความพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุขของพระนางนาง พระนางประสูติพระโอรสสองพระองค์พระธิดาหนึ่งพระองค์แม้ว่าจะทรงมีพระชันษามากแล้วความงามของพระนางก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึง“นี่ใช้คำว่ารักและให้เกียรติได้อย่างไรกัน ต้องใช้คำว่ารักและเคารพมากกว่า” หลี่เทียนหลงองค์รัชทายาทแคว้นต้าเยียนเอ่ยกับพระอนุชาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา“รักหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่เคารพและเกรงกลัวข้าขอยืนยันว่าเป็นความจริง เสด็จพี่ทรงทอดพระเนตรดูขุนนางที่ไม่รู้จักตายนั่นสิ พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวโฉมงามให้เสด็จพ่อ แถมยังโอ้อวดว่าทั้งร่างกายและจิตใจบุตรสาวของเขาล้วนงดงามพิสุทธิ์หาผู้ใดเทียม ช่างไม่ดูเสียบ้างว่ายามนี้สีพระพักตร์ของเสด็จพ่อซีดเซียวเสียยิ่งกว่าไก่ในโถน้ำแกงเสียอีก” หลี่เทียนเฮ่าผู้เป็นองค์ชายรองเอ่ยกับพระเชษฐาด้วยน้ำเสียงซุกซน โดยไม่สนพระทัยหลี่เทียนหรูพระขนิษฐาพระองค์เล็กที่ในยามนี้หลบไปนั่งอยู่กับบรรดาสตรีในจวนผิงกั๋วกงแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลหยวนเซี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 70 เพลิงโทสะ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษกไปเพียงไม่กี่วัน เฉินเจียวเจียวก็ต้องสวมชุดไว้ทุกข์ให้แก่จ้าวไทเฮา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เพลิงพิโรธของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ผู้เป็นราชบิดาของสามีก็ยังทำให้นางอดใจสั่นไม่ได้“เจ้าลูกเลว! หากเจ้าไม่ส่งคนไปบอกยามนี้พระนางก็คงจะยังทรงดำเนินชีวิตได้ตามปกติ” พระสุรเสียงที่ทรงตรัสออกมาทำให้เฉินเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ทางด้านข้างขององค์รัชทายาทไม่กล้าเงยหน้าขึ้น“ลูกก็แค่คิดว่าไม่ควรจะหลอกลวงพระนางอีกต่อไป”“ยังไม่สำนึกอีก! หลี่ไท่หลงนางคือเสด็จย่าของเจ้านะ นางคือแม้แท้ๆ ของข้า และก็เป็นนางที่ผลักดันจนข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จวบจนทุกวันนี้” ถ้อยคำนี้ของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงเต็มไปด้วยกระแสอารมณ์อันเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว เฉินเจียวเจียวที่ก้มหน้าอยู่อดเหลือบมองสวามีของตนเองที่ยามนี้เงยหน้าขึ้นไปทุ่มเถียงกับพระราชบิดาของตนเองไม่ได้“แต่ก็เป็นพระนางที่วางแผนปลิดชีพพระมารดาของลูก เป็นพระนางที่ยึดครองพระราชอำนาจของเสด็จพ่อไปตั้งนานหลายปี แล้วก็เป็นพระนางที่สนับสนุนสกุลจ้าวให้ทะเยอทะยานและก้าวล้างพระราชอำนาจของเสด็จพ่ออยู่หลายครั้ง ลูกเข้าใจในความรักความผูกพัน

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 69 พระชายาองค์รัชทายาท

    พิธีอภิเษกขององค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บุรุษของจวนผิงกั๋วกงเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกันอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ เฉินเจียวเจียวแต่งกายอย่างดงามสวมมงกุฎหงส์และผ้าคลุมหน้าที่ปักลวดลายอันวิจิตรนั่งเกี้ยวเข้าวังหลวงอย่างยิ่งใหญ่ การแต่งงานในชาตินี้นับว่าเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่กว่าในชาติที่แล้ว คนที่รอรับนางลงจากเกี้ยวก็ไม่ใช่คนเดิม นางจึงไม่กล้าตั้งความหวังต่อชีวิตการแต่งงานเท่าใดนัก ไม่คาดหวังก็ย่อมจะไม่ผิดหวัง เรื่องนี้นางสามารถเรียนรู้มาจากชาติที่แล้ว ในชาตินี้ชีวิตของนางจึงถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข“ฮู่ว ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันโดยไม่ต้องปีนกำแพงเสียที” องค์รัชทายาทเอ่ยหลังจากที่ใช่คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาอันแวววาว แล้วจึงได้เอ่ยถ้อยคำชื่นชมออกมาอย่างที่ควรจะเป็น“เจ้างามมาก” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้นางอดยิ้มออกมาไม่ได้ฝ่าบาททรงประทานงานเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้มาร่วมงานภายในวัง แต่เพราะเขามีฐานะเป็นถึงองค์รัชทายาทจึงไม่ต้องออกไปคารวะสุรามงคลให้แก่ผู้ใด ยามนี้ภายในห้องหอจึงมีเพียงเขาและนางเพียงเท่านั้น

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 68 ฝันร้ายของโซ่วอ๋อง

    พิธีปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ของจวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท ย่อมมีเจ้าหน้าที่จากกรมพิธีการมาช่วยเหลือในการดำเนินพิธี เฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าฮูหยินผู้เต็มไปด้วยโชคลาภทั้งหลายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พวกนางช่วยหวีผมให้พร้อมคำอวยพรอันเป็นมงคลปิ่นแรกที่ปักลงมาบนมวยผมคือปิ่นพระราชทานจากเฉียวกุ้ยเฟย ตามมาด้วยปิ่นของพระนางเต๋อเฟย และบรรดาพระสนมที่เฉินเจียวเจียวเคยพบ ฮูหยินผู้เฒ่าจวนผิงกั๋วกงและฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลหยวนนำปิ่นมาปักลงบนมวยผมของเฉินเจียวเจียวด้วยตนเอง ต่อมาก็เป็นสตรีอาวุโสในจวนและสตรีอาวุโสที่มีความสัมพันธ์กันดีกับจวนผิงกั๋วกงเมื่อเสร็จสิ้นพิธีปักปิ่นเฉินเจียวเจียวก็ลูกขึ้นคารวะขอบคุณอย่างเต็มพิธีการสามครั้งแล้วจึงเข้าสู่งานเลี้ยง เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ที่ได้รับหน้าที่ถือพานใส่หวีและปิ่น ต่างรีบจับจูงนางกลับเรือนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มีคุณหนูจากหลายจวนที่มีความสัมพันธ์อันดีมาร่วมแสดงความยินดีด้วย แน่นอนว่าคนที่มาย่อมขาดหวังฮุ่ยหลิงและองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูไม่ได้เหตุการณ์ปราบกบฏสกุลเจ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าในชาติที่แล้ว ในชาตินี้เซียว

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 67 พบหน้า

    เมื่อบ้านเมืองสงบสุขชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประชาก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นไปตามยถากรรมของโลก ในเมื่อหลินชิงเหมยไม่สามารถทนรับความบอบช้ำของร่างกายไม่ไหว นางจึงได้ตายจากไปในที่สุด ในตอนที่นางจะตายนางยังเคยอดสงสัยไม่ได้ว่า หากนางไม่ทะเยอทะยาน หากนางไม่คิดจะร่วมมือกับสกุลจ้าวชีวิตของนางจะต้องจบลงเช่นนี้ไหม น่าเสียดายที่ต่อให้นางสงสัยมากเพียงใดก็ไม่อาจจะทำอันใดได้แล้วแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่นางกลับรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า การตายเช่นนี้กลับดีมากแล้ว เพราะในความฝันของนาง นางเคยต้องเผชิญกับความตายที่น่ากลัวกว่านี้ ทั้งถูกทุบตี ทั้งถูกรุมย่ำยีแถมยังถูกทารุณกรรมจนไม่เหลือสภาพความเป็นคน อยากตายก็ไม่ได้ตาย ลืมตาขึ้นมาในแต่ละวันต้องร้องไห้ทุกครั้งที่พบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ การถูกโบยจนตายน่าจะเป็นการตายที่สวรรค์ปรานีสำหรับนางมากแล้ว นี่คือความคิดสุดท้ายในห้วงความนึกคิดของนาง ตอนที่โซ่วอ๋องมารับร่างที่ไร้ลมหายใจของนางจึงได้เห็นว่าแม้ในยามหลับบนใบหน้าของนางก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่หลินชิงเหมยตายแล้ว โซ่วอ๋องจะทุกข์ใจหรือไม่เฉินเจียวเจียวไม่ได้ให้ความสนใจอีกแล้ว เรื่องราวในกาลก่อนราวกับ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status