การกลับบ้านหลังเลิกเรียนในวันธรรมดากลายเป็นไม่ธรรมดาอีกต่อไป เมื่อเขาทะลุมิติข้ามมาอีกโลกหนึ่ง กลับพบว่าคุณตาของตนเองที่เคยหายตัวไปเมื่อสิบปีก่อนเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน การเผชิญหน้าที่ไม่คาดคิด นำมาสู่การผจญภัยโลกใบใหม่
ดูเพิ่มเติมจีนกำลังเดินกลับบ้านด้วยความสบายใจดั่งเช่นทุกวัน ชีวิตวัยม.ปลายที่สนุกสนานกำลังรอเขาอยู่ วันปฐมนิเทศน์วันนี้ก็มีเพื่อนเยอะเสียด้วย นับจากนี้ไปรั้วชีวิตม.ปลายของเขาจะต้องสดใสอย่างแน่นอนเลยล่ะ ดวงตากลมโตมองเห็นร้านเก่าๆ ร้านนึงซึ่งทางเดินเส้นนี้ก็ถูกใช้ในการกลับบ้านเป็นประจำอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่เห็นเลยนะ ลองเข้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน มือขาวผลักประตูเข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"สวัสดีครับ มีใครอยู่ไหมครับ" เสียงทุ้มหวานเอ่ยถาม
"มีครับ สวัสดีครับหนุ่มน้อย" ผู้อยู่ด้านในเอ่ยสนทนาโต้ตอบกลับไป
"หมายถึงผมเหรอครับ" ไม่ถามเปล่ายังคงชี้นิ้วมาทางตนเองอีกด้วย นับว่าเป็นท่าทางว่าน่ารักทีเดียว
"ใช่ครับ ไม่ทราบว่าจะมาดูดวงหรือครับหนุ่มน้อย"
"เปล่าครับ พอดีผมไม่เคยเห็นร้านนี้มาก่อนเลยมาถามดูครับ"
"งั้นลองมาดูดวงสักหน่อยไหมครับ ไหนๆ ก็แวะเข้ามาในร้านของผมแล้ว" เสียงทุ้มถามพลางสับไพ่ยิปซีในมือรอ
"ลองดูก็ได้นะครับ"
จีนฟังคำอธิบายจากหมอดูหนุ่มด้วยความตั้งใจ มือขาวทั้งสองแนบอกตนเองพลางอธิฐานด้วยความซื่อสัตย์และหยิบไพ่ใบต่าง ๆ ออกมาจากใจที่ตนเองได้คิดดีและตัดสินใจเอาไว้ทั้งหมดแล้ว สีหน้าของหมอดูหนุ่มมีท่าทีหนักใจไม่น้อยเลยทีเดียว เขาเงียบไปนานจนจีนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับไพ่ของเขากันแน่นะ ชักจะใจไม่ดีเสียแล้วสิ
"มีอะไรหรือเปล่าครับ ผมเห็นคุณเงียบไปนานมากแล้ว" ดวงตากลมโตมีแววสั่นระริกด้วยความไม่มั่นคงทางอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
"ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงหยิบสัญลักษณ์เหล่านี้ขึ้นมา แต่ความหมายโดยรวมแปลว่าเธอจะต้องเดินทางไกลแสนไกล เดินทางไปในดินแดนที่ไม่มีใครรู้จักเธอและเธอก็ไม่รู้จักเขา ที่นั่นจะเต็มไปด้วยภยันอันตรายต่าง ๆ รออยู่มากมาย แต่จะมีคนมาคอยช่วยให้เธอปลอดภัยและเป็นคนสูงศักดิ์ นอกนั้นผมไม่สามารถทำนายให้ได้อีกแล้ว ถือว่าเป็นดวงที่ประหลาดมากจริงๆ ครับ"
"ครับ งั้นผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ"
เป็นไปไม่ได้หรอกนะที่เขาะจะต้องเดินทางไปไหนไกลแบบนั้น หรือว่าเขาอยากจะเป็นนักบินอวกาศงั้นรึ ไม่หรอก! เขาตั้งใจจะเป็นนักเขียนต่างหาก ยิ่งไม่มีทางเลยที่จะต้องเดินทางไกลมากขนาดนั้นหรือว่ามันมีความหมายอะไรมากกว่านั้นกันแน่นะ จีนยังไม่มีเวลาใช้ความคิดมากขนาดนั้นก็พลันเห็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเสียแล้ว
มันคือสิ่งที่เห็นเหมือนจะชินตา...
แต่ครั้งนี้มันคือการปล้นชัดๆ
แบบนี้ต้องเข้าไปช่วยซะแล้ว
ไวเท่าความคิดด้วยความสูงที่มีมากถึงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ทำให้การวิ่งไปถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีอุปสวรรคอะไรมากนัก หมัดขวาถูกชกเข้าหน้าคนร้ายอย่างจัง ถึงชื่อของจีนจะเหมือนผู้หญิงแต่ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาเสียด้วย.....เพราะเป็นถึงกัปตันชมรมคาราเต้สายดำ เหตุการณ์แบบนี้เขาควรจะต้องแจ้งตำรวจให้มาจับคนร้ายเหล่านี้ไปรับโทษเสียให้เข็ด
"เก่งนักนะแก" มือข้างที่ว่างของคนร้ายหยิบปืนกระบอกสั้นขึ้นมา ปลดล็อคเซฟตี้แล้วลั่นไกยิงใส่ร่างของจีนกะทันที ถึงแม้ว่าจะหลบหลีกได้ทันแต่ด้วยจำนวนที่มากกว่าทำให้ไม่สามารถหลบได้ทุกนัดดั่งเช่นในละครหรือภาพยนตร์ที่เขาเคยดูอยู่ทุกวัน
"ช่วยด้วยค่ะ! มีคนถูกยิง! " เสียงหญิงสาวตะโกนขอความช่วยเหลือ ซึ่งเธอก็คือคนเดียวกับที่โดนโจรปล้นนั่นเอง ขาข้างหนึ่งก้าวพลาดส่งผลให้ร่างสูงโปร่งตกลงแม่น้ำทันที
ตูม!
ถึงแม้ว่าจะมีเสียงโหวกเหวกดังแค่ไหน ก็ไม่สามารถเข้าหูของเขาได้อีกแล้วในเวลานี้ ร่างสูงโปร่งถูกดูดเข้าฟองน้ำที่รวมตัวกันเป็นจำนวนมากในส่วนที่ลึกที่สุดของแม่น้ำสายนี้ โดยที่เจ้าตัวนั้นไม่ได้สติเลยแม้แต่น้อย หากจีนยังคงอยู่ในแม่น้ำนานกว่านี้...อีกไม่ช้าเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน แสงสว่างขนาดใหญ่กำลังล้อมรอบร่างกายของเขาเอาไว้จนมันหายไปจากแม่น้ำแห่งนั้น
"แค่กๆๆ " ร่างกายของจีนมีปฏิกิริยาทันทีที่รู้สึกตัว เขากระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับสายตาว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน
"ฟื้นแล้วหรือพะยะค่ะ ทานอาหารเสียหน่อย ท่านสลบไปหลายวันเลยทีเดียว" ร่างของชายที่ดูจากรูปลักษณ์แล้วอายุไม่ได้ต่างกับเขานั้นบอกด้วยท่าทางใจดี แต่เขาจะไว้ใจได้หรือไม่ ในเมื่อตอนนี้อยู่ที่ไหนยังไม่รู้เลย
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่ไว้ใจพวกข้าสินะ" ชายอีกคนหนึ่งที่ตัวสูงกว่าเดินเข้ามาด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย แสดงว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน นี่เขาถูกพลัดมาไกลถึงต่างประเทศเลยเหรอ ทำไมถึงมีแต่คนสีผมแปลกตาเช่นนี้
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้พูดด้วยวาจาหยาบคายหรือล่วงเกินแต่ท่าทีของจีนเองก็มีอาการสั่นเกร็งและหวาดระแวงอย่างชัดเจน เขาเข้าใจที่อีกฝ่ายพูดทุกคำแต่ไม่สามารถไว้ใจอีกฝ่ายได้เลย เขาเป็นใคร แล้วนี่มันที่ไหน แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่
"ไม่ต้องกลัวนะ กระรอกน้อยของข้า" ร่างสูงเดินมาใกล้ขอบเตียงแล้ววางมือหนาลูบกลุ่มผมนิ่มด้วยความอ่อนโยน มืออีกข้างที่ยังว่างดึงร่างสูงโปร่งเข้ามากอดไว้หลวมๆ เพื่อปลอบไม่ให้ตกใจกับสิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้ คีย์ใช้เวลาปลอบอีกคนเป็นเวลานานทีเดียวกว่าจะยอมกินข้าวและนอนพักนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดเดียว
"นอนนะ กระรอกน้อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันนะ" จีนพยักหน้าอย่างว่าง่ายแล้วยอมนอนแต่โดยดี
แกร๊ก!
"รัชทายาทไม่คิดจะบอกความจริงกับคุณชายเหรอ ปล่อยไว้นานแบบนี้ไม่ดีนะพะยะค่ะ" คนสนิทของคีย์เอ่ยเร่ง
"ข้ารู้ว่าควรทำยังไง ตอนนี้กระรอกน้อยเพิ่งมาถึงที่นี่และดูท่าว่าจะยังตกใจ รอพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยคุยกันดีกว่านะ"
"แต่ว่า..."
"เจ้าไม่ต้องห่วงไปหรอก ด้วยอำนาจของข้าแล้ว...ไม่มีใครพากระรอกน้อยไปไหนได้ทั้งนั้น กระรอกน้อยจะต้องเป็นของข้าแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น"
“เรื่องอื่นเดี๋ยวไปพูดคุยกันที่เมืองหลวง หลังจากทำงานเสร็จวันนี้จะต้องเตรียมตัวเข้าเมืองหลวงได้แล้ว ใกล้จะได้เวลาวันเกิดของไวท์”“พะยะค่ะ รัชทายาท”“แล้วข้าล่ะ รัชทายาท”“ท่านเป็นอาจารย์ของไวท์ ก็ไปเตรียมตัวเข้าเมืองหลวงสิแต่กลับไปตระกูลของตนเองก่อนแล้วค่อยเข้าเมืองหลวงมาใหม่”“พะยะค่ะ รัชทายาท”เขาเฝ้ามองเด็กคนนี้ตั้งแต่ได้รับหน้าที่ของนายหญิงที่ปกครองดินแดนแห่งนี้มา พบว่ามีความสามารถในการทำงานและการปรับตัวสูงมาก รวมถึงการฝึกซ้อมที่เห็นประจำในช่วงตื่นนอนขึ้นมานั้น เหมือนทำเป็นประจำมากกว่าจำใจทำเสียอีก“จะทะลุแล้วครับ มีอะไรหรือเปล่า” จ้องขนาดนี้เหมือนจะกินข้าวไม่ลงเลย มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า“ทำไมสวยขนาดนี้”“ว่ายังไงนะครับ” ใบหน้าหวานแดงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำชม รีบตักอาหารเข้าปากแถมไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายด้วย
“แต่สิ่งที่ข้าอยากจะบอกคือแม้แต่รัชทายาทเองก็โดนแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ถึงจะตามหายังไงมันก็จะเหมือนเดิมเพราะคนที่อยากเป็นใหญ่มีอยู่มาก จึงจะเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งให้มากขึ้นยังไงล่ะ ลูกศิษย์ของข้า” เอิรล์ฟาร์ดอนบอกพลางทำท่าครุ่นคิดเรื่องราวทั้งหมดไปด้วย“เล่ามาให้ละเอียดเลยดีกว่า เอิรล์ฟาร์ดอน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นมาขัดการซักถามและต้องการคำตอบที่ละเอียดกว่านี้เขาใช้พลังของตนเองในการบังคับให้อีกคนเปิดปากพูดออกมามากกว่าเดิม รังสีของแวมไพร์สูงศักดิ์ออกมาเป็นจำนวนมากทีเดียว แต่ว่าถ้านับตามอายุขัยกันแล้ว อายุขัยของเอิรล์ฟาร์ดอนนั้นมากกว่าจึงไม่ได้รู้สึกตกใจกับพลังแบบนี้สักเท่าไหร่นัก แต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังแหย่เด็กเล่นเสียมากกว่า“พะยะค่ะ รัชทายาท” รัชทายาทพยายามระงับอารมณ์เอาไว้เพราะขุนนางตรงหน้าไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลย แถมยังทำท่าเหมือนสนุกอยู่ด้วย แบบนี้ยิ่งน่าโมโหเข้าไปใหญ่“ระหว่างทางกลับมายังพระราชวัง เหมือนมีคนจงใจจะลอบสังหารลูกศิษย์ของข้า แล้วพวกข้ารับใช้สังเ
แต่จำเป็นต้องเข้าไปเรียนในโรงเรียนของจักรวรรดิทางเชื้อพระวงศ์ให้เป็นเรื่องราวเพื่อเข้ารับการทดสอบเหมือนกับคนอื่นที่ผ่านมา มันเป็นบททดสอบที่ยากแต่ทุกคนก็จำเป็นต้องผ่านไปด้วยกันให้ได้“วันนี้ออกไปซื้ออุปกรณ์สำหรับการเรียนเพิ่มกันเถอะขอรับ” เอิรล์ฟาร์ดอนชวน“ไปสิ จะได้ดูหนังสือด้วยว่าจะซื้ออะไรดี”“ข้าจะไปเตรียมรถม้าให้ขอรับ” เฟลิกซ์บอกพลางเดินออกไปล่วงหน้าเขาเดินออกมาให้คำสั่งแก่คัสซัสให้เตรียมรถม้าและให้คลาวน์ออกเดินทางไปพร้อมกัน รวมถึงตัวของเขาเองก็จะไปด้วยเช่นกัน แต่ทว่า...“ไม่ให้คำสั่งแก่ข้างั้นหรือ เอิรล์ทอม” เอิรล์สตุฟเฟลถามด้วยความสงสัย“ข้าเห็นว่าเป็นเพียงการออกไปซื้อของเท่านั้น แล้วมีผู้ติดตามคนสนิทออกไปสองคนกับอัศวินประจำวังอีกสองสามคนน่าจะเพียงพอแล้ว เพราะทางฝั่งของเอิรล์ฟาร์ดอนน่าจะมีเช่นกัน”“แต่การไปหลายคน...”“ท่านไวท์สั่งให้พ
“วันเกิดของผมมันคือสัปดาห์หน้าแล้วนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มบอกพลางยิ้มหวานเพราะว่าเขาไม่ได้บอกวันเกิดของตนเองมาก่อน ยังไงก็น่าจะมีแต่คนตกใจกันแน่นอน“เจ้าว่ายังไงนะ! สัปดาห์หน้างั้นหรือ!” มือหนาทุบโต๊ะด้วยความตกใจ ใครจะไปคาดคิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ คิดว่าอีกสักสองสามเดือนจะถึงเสียอีก ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดทันทีหลังจากได้ยินคำตอบ“ผมส่งเอกสารแจ้งวันเกิดไปพร้อมกับการทำงานแล้ว น่าจะมีประกาศออกมาเร็ว ๆ นี้ครับ”“ทำไมเจ้าทำอะไรไม่ปรึกษาข้าก่อน” เสียงทุ้มต่ำถอนหายใจออกเบา ๆ พยายามระงับอารมณ์โกรธของตนเองเอาไว้“ยังไงเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ จะช้าหรือเร็วพวกเขาจะต้องออกมาเคลื่อนไหวและหาทางกำจัดผมไปให้พ้นทางอย่างแน่นอน การประกาศวันเกิดออกมาครั้งนี้จะทำให้เริ่มคิดถึงจำนวนผู้ต้องสงสัยลดลงไปกว่าครึ่ง คนที่ให้ความสนใจกับวันเกิดจนเกินงามมีโอกาสสูงที่จะไม่หวังดี”“ข้าคิดว่าคนที่เงียบต่างหากที่ไม่อยากเปิดเผยตัว
“ข้าจะถามเพียงคำถามเดียว หากใดจึงได้เลือกที่จะรับใช้รัชทายาท เพราะเหตุใด แล้วหลังจากนี้ตั้งใจจะทำอันใดต่อไป” คำถามเดียวที่ยาวขนาดนี้ น่าจะเหมือนสามคำถามมากกว่า ทุกคนคิดในใจและพากันมองหน้าด้วยสายตาแบบเดียวกันแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา“ข้ามาเพราะมีคำสั่งจากท่านไวท์ขอรับ หากได้รับการอนุญาตจะมาคอยรับใช้และดูแลรัชทายาทขอรับ”“ข้าเลือกมาด้วยตัวเอง เพราะอยากกลับมารับใช้องค์รัชทายาทครั้นเก่าก่อน และจะคอยรับใช้ตลอดอายุขัย”หลังจากคำตอบของทั้งสองแล้ว ใบหน้าหวานใช้เวลาคิดไตร่ตรองอยู่นานจนทำให้ทุกคนในห้องต่างพากันลุ้นไปด้วยว่าจะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง เพราะเป็นคำถามที่ค่อนข้างตอบยากทีเดียว“ทั้งสองคนจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาดูแลพวกเราที่บนตำหนักแต่จะมีเจ้านายคนละคนกัน เจ้าที่ตอบเพราะว่าข้าเป็นคนสั่งจงมาทำงานกับข้า ส่วนเจ้าอีกคนข้าจะให้มาคอยดูแลรับใช้รัชทายาท ส่วนเรื่องตำแหน่ง...ข้าจะตัดสินใจอีกครั้ง บอกชื่อมาสิ”“ทำไมกระรอกน้อยถึงให้ค
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“เข้ามา”“ท่านพี่ พวกเราจะกลับเขตปกครองของพวกเราสองคนแล้ว เลิกจะมาลาพะยะค่ะ” คลาสบอกพลางทำความเคารพ“ใช่พะยะค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราขอตัว” ครอสบอกแล้วทำความเคารพเช่นกัน“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าได้คำตอบของหัวใจจากคนที่ตนเองรักแล้วจะไปเริ่มต้นใหม่หรอกหรือ” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาแล้วเงยหน้ามองฝาแฝดด้วยสายตาเรียบนิ่ง“พะยะค่ะ ข้าได้คำตอบจากคนที่ข้ารักแล้ว / พะยะค่ะ ข้าได้สิ่งนั้นมาแล้ว” ทั้งสองตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เจ้าชายทั้งสามต่างพยักหน้าให้กันแล้วต่างคนต่างไปทำหน้าที่ของตนเองต่อไป ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสวนหลังวังเขาจะไม่รับรู้ แต่มันเป็นเรื่องที่ไวท์จะต้องพูดและตัดสินใจด้วยตนเองจากนี้ไปทั้งคลาส ครอส น่าจะเริ่มเข้าใจและตัดใจได้ในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ไวท์พูดค่อนข้างเด็ดขาดและชัดเจน ไม่มีช่องว่างให้คนอื่นแทรกเข้าไปได้เลยตอนที่ได้ยินคำพูดออกจา
ความคิดเห็น