มือเย็นยะเยือกที่ไร้เนื้อหนัง บนหลังมือยังเต็มไปด้วยตุ่มใส เล็บยาวสีแดงน่ากลัว คืบคลานเข้าหาตัวนางทีละเล็กทีละน้อย มือข้างนั้นดึงเสื้อผ้าของนางขาดจนไม่เหลือชิ้นดี หลี่เฟิ่งเซียนตัวแข็งทื่อคล้ายโดนพิษขยับไม่ได้
มือที่มีเพียงกระดูกนั้นผลักนางด้วยความแรงชนิดที่นางคิดไม่ถึง ตัวนางล้มลงไปบนกองฟางเปียกชื้น มันทั้งเหม็นทั้งคัน นอกจากกองฟางนั้นแล้วรอบๆ มีแต่สิ่งปฏิกูล นางร้องขอความช่วยเหลือแต่อ้าปากไม่ได้ ทั้งห้องอับชื้นมีเพียงแสงสว่างสายหนึ่งส่องเข้ามาจากด้านบน
นางรู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่งับเบาๆ แถวปลายคาง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปตามผิวเนื้อวิ่งตรงไปที่ท้องน้อยของนาง ก่อนจะทำให้ผลท้อชมพูของนางสั่นระริกราวกับโดนไฟลวก สองมือที่มีแต่กระดูกตระกองกอดนาง บีบบังคับให้นางต้องแอ่นอกไปชิดโครงร่างผอมแห้ง ลิ้นชื้นแฉะเลียไปตามคอระหง วกกลับไปดูดริมฝีปากล่างของนางเบาๆ แต่นางยังรู้สึกเจ็บมาก
หลี่เฟิ่งเซียนกลัวจับใจ แต่ร่างนั้นยังคงกอดกัดนางต่อไป มันกัดริมฝีปากของนางจนเปื่อยก่อนจะผลักนางล้ม ฉีกกระชากตู้โตวของนาง ก่อนจะทาบทับลงไปบนหน้าอก นางรู้สึกถึงยอดถันชมพูที่กำลังเสียดสีกับโครงกระดูก ก่อนที่โครงกระดูกจะโน้มตัวลงมากัดที่ปลายหูของนางอย่างจัง ท่อนเนื้อแข็งบางอย่างเริ่มถูไถตรงระหว่างขาของนาง
ผลท้อที่ปกตินางเอาไว้ปลดปล่อยทุกข์เบา ยามนี้ผลท้อนั้นกำลังเปียกชุ่มไปด้วยคราบใส ยิ่งโครงกระดูกถูไถ ร่องผลท้อยิ่งปล่อยน้ำใสมากขึ้น จนกระทั่งร่างผอมแห้งกอดนางจนแน่นและกัดปลายหูของนางอย่างแรง ความเจ็บปวดวิ่งไปยังผลท้ออวบอูม เผาไหม้ร่องชมพูระหว่างขาของนางจนกลายเป็นเถ้าถ่าน รอยไหม้นั้นหอมกลิ่นเปลือกไม้จางๆ ตัวนางสั่นระริก อ้าปากหายใจหอบ เจ็บแสบในลำคอจนพูดไม่ได้
หลี่เฟิ่งเซียนสะดุ้งตื่นขึ้นมา หายใจหอบเหนื่อย เหงื่อเต็มตัว ทั้งหวาดกลัวและรู้สึกเสียวซ่านตรงท้องน้อย นางไอออกมาสองสามคำ จนนางมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เจ็บคอ หลี่เฟิ่งเซียนถึงมองไปทั่วห้องและเริ่มจดจำได้ว่านางไม่ได้อยู่ในคุกใต้ดินแล้ว นางนอนในห้องของสามี! นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางเพียงฝันไป!!
นางมองไปที่หน้าต่าง ฟ้ายังไม่สาง แต่ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีเทาบ้างแล้ว ในห้องนอนยังคงมีแสงจากโคมไฟ แสดงว่ามีคนคอยดูแลตะเกียงน้ำมันด้านในโคมอย่างดี หลี่เฟิ่งเซียนยิ้ม นางคิดว่าต้องเป็นสามีของนางแน่ เขาช่างใส่ใจที่รู้ว่าตั้งแต่นางหนีออกมาจากคุกใต้ดิน
นางไม่อาจนอนในห้องมืดๆ ได้ในบางคราว ในช่วงเวลาที่นางจิตใจบอบบาง ใช่แล้ว แม้แต่นางก็มีช่วงเวลาบอบบาง ถึงช่วงเวลาอื่นนางจะเข้มแข็งไม่กลัวอะไร แต่มีบางคืนนางก็หวาดกลัวคืนมืดๆ เสียอย่างนั้น ช่างเป็นเรื่องประหลาดและทำให้นางรู้สึกรับตัวเองไม่ค่อยได้
นางมองไปรอบๆ ห้องเล็กๆ หลี่เฟิ่งเซียนมองไม่เห็นลู่มู่เฉิน
“มู่เฉิน มู่เฉิน” นางจึงเรียกออกไปสองคำ แต่ไม่มีใครตอบ ภาพที่เขากำลังยิ้มให้สาวน้อยในชุดขาวโผล่มาในความทรงจำอย่างกะทันหัน ทำให้นางแอบกลัว หลี่เฟิ่งเซียนจึงรีบลุกออกไปตามหาเขา
แต่เดินลงจากเตียงเพียงไม่กี่ก้าว นางก็รู้สึกว่าตรงระหว่างขาเปียกเมือกใสๆ เช่นเมื่อคืนอีกครั้ง
“มารดามันเถอะ นี่ข้าเป็นอะไรไป” นางสบถด่าตัวเอง
หลี่เฟิ่งเซียนรีบไปหยิบเศษผ้าของเขาเช็ดคราบพวกนั้น โยนผ้าที่ใช้แล้วทิ้งแถวนั้นไม่ได้สนใจ นางรีบร้อนออกไปทางประตูด้านหลังและเจอกับสามีของนางกำลังเดินผ่านร้านขายซาลาเปาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้ยืนมองแต่เดินผ่านไปอย่างเหม่อลอย
นางรีบตามไปแต่ยังไม่ทันเลี้ยวตรงมุมถนน รถม้าคันเดิมก็วิ่งมารับเขาเช่นเดิม สาวน้อยในชุดขาวก็ยังคงยิ้มหวานให้เขาเช่นเดิมไม่มีผิด แต่วันนี้เขาดูเหนื่อยล้าจนรอยยิ้มที่เขายิ้มตอบแทบจะไม่ใช่รอยยิ้ม รอยบุ๋มข้างแก้มไม่ปรากฏ เขาเพียงขยับมุมปาก คิ้วขมวดแน่น แต่หญิงสาวในชุดขาวก็วิ่งลงมารับเขาด้านล่าง ก่อนจะจูงมือเขาขึ้นรถม้าไปด้วยกัน
หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกว่ามีใครสักคนตั้งใจนำไหน้ำส้มมาทุบทิ้งแถวนั้น นางรู้สึกเปรี้ยวในใจ โกรธจนมือสั่นแต่ไม่กล้าเข้าไปแสดงตัว นางกลัวว่าหากนางเดินเข้าไปบอกพวกเขาว่านางเห็นที่พวกเขาสวมหมวกเขียวให้นางแล้ว มู่เฉินคนชั่วผู้นั้นมีความเป็นไปได้ว่าอาจยื่นใบหย่าให้นางตรงนั้นเลย!!
เดินหลี่เฟิ่งเซียนเดินกลับเข้าจวนราวกับร่างไร้วิญญาณ นางเดินกลับไปนอนในห้องของเขา สูดดมกลิ่นเปลือกไม้ของเขาปลอบใจตัวเองว่าเมื่อคืนเขายังดูหลงใหลนางมากเพียงนั้น บางทีหญิงสาวในชุดขาวอาจเป็น..เป็น..
นางหาคำแก้ตัวไม่ได้ สารเลวเอ๊ย!!!
หลี่เฟิ่งเซียนยอมรับว่านางหึงหวงเขายิ่ง บางสิ่งในอกแทบจะเผาไหม้นางเพราะความริษยา มือของเขาควรเป็นนางผู้เดียวที่สามารถจับจูงได้ นางตัดผมของเขาไปตั้งมากมายเขายังมีโอกาสได้พบเจอสาวน้อยน่ารักเช่นนั้นอีกหรือ
เวลาผ่านไป อาหงนำอาหารเช้าและเสื้อผ้าของนางมาให้ที่ห้อง นางกลืนไม่ลงสักคำ จึงได้แต่มองโจ๊กอุ่นๆ และลุกขึ้นไปเปลี่ยนชุด ครั้งหนึ่งเขาเคยนำโจ๊กเช่นนี้มาเอาใจนางด้วย แต่ยามนี้เขาไม่สนใจนางแล้ว อาหงเองก็ไม่อาจอยู่ดูแลนางได้ เพราะต้องไปเรียนมารยาทกับเหล่ามาม่าที่ทางวังหลวงส่งมา อาหงได้แต่บอกให้นางรีบไปรับหยวนหยวนมาอยู่เป็นเพื่อน
หลี่เฟิ่งเซียนถึงพึ่งนึกได้ว่านางทิ้งยู่ยี่ไว้เป็นบ่าวนอกจวนหลายวันแล้ว นางจึงตัดสินใจว่าจะรีบไปรับยู่ยี่มาอยู่ด้วย เพราะการที่ยู่ยี่ไม่อยู่ทำให้นางอึดอัดกับการใช้ชีวิตเป็นคุณหนูใหญ่ อยากหาใครสักคนที่พูดคุยกันตรงๆ ก็ไม่มี
สาวใช้ในจวนแม่ทัพหลี่ต่างถูกท่านย่าฝึกมาอย่างดี ไม่มีผู้ใดกล้าพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมา แม้แต่บ่นนางสักครั้งก็ยังไม่มีใครกล้า ด้วยความเสียใจที่สามีทิ้งให้นางนอนฝันร้ายคนเดียวอยู่ทั้งคืน หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกคิดถึงยู่ยี่มากเป็นพิเศษ
“ข้าเป็นผู้ชายเหตุใดจะมองไม่ออกว่าเขาหวั่นไหวกับท่านแทบแย่ แต่พยายามเก็บอาการ ข้าไม่รู้ว่าท่านกับเขาผิดใจอันใดกัน แต่ลองพูดคุยกับเขาตรงๆ เขาย่อมต้องเข้าใจท่านอยู่แล้ว” จ้าวเหลียงให้คำแนะนำหลี่เฟิ่งเซียนหัวใจระส่ำไม่เป็นจังหวะ นางทำเรื่องเลวร้ายไปมากมายเช่นนั้น ยังจะมีเรื่องเข้าใจผิดอันใดอีก แต่หากเป็นดั่งที่จ้าวเหลียงพูดจริง นางควรทำเช่นไรดี อยากลองพูดคุยจริงจังกับเขาสักครั้ง แต่ก็กลัวว่าหากเขาตอบว่าชื่นชอบหญิงในชุดขาวผู้นั้น นางควรทำอย่างไร แต่หากเขาชอบนางอย่างที่จ้าวเหลียงพูดจริงๆ และนางปล่อยไปเช่นนี้ ดีแล้วแน่หรือ“ข้าต้องไปก่อนนะ” พูดแล้วหลี่เฟิ่งเซียนก็เดินออกจากห้องพักของจ้าวเหลียงทันที อยากรีบไปหาสามีของตัวเองเพื่อพูดคุยให้รู้เรื่องนางไปรอเขาที่หน้าประตูจวน เพียงไม่นานก็เห็นรถม้ากำลังใกล้เข้ามา นางรอจนกระทั่งรถม้าจอด เขาเปิดประตูออกมา นางคล้ายว่าไม่ได้เห็นเขามาหลายวันมาก คิดถึงเขาจนอยากวิ่งเข้าไปกอด แต่นางไม่กล้าหลี่เฟิ่งเซียนพบว่าเขากำลังมองมาที่นางเช่นกัน คล้ายว่าเขาจะขมวดคิ้วและทำหน้าโกรธ จู่ๆ นางก็กลัวที่จะเข้าไปหาเขา จึงเลือกที่จะหนีออกมาอย่างรวดเร็วลู่มู่เฉินรู้สึกเจ็
หลี่เฟิ่งเซียนเดินออกไปจากห้องนานแล้ว แต่เขายังคงนั่งมองมือซ้ายของเขา เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่วันนั้นตัดสินใจหักมือข้างนั้น คิดอีกที หากเขาไม่ทำเช่นนั้นคงไม่สามารถรอดมามีความสุขเช่นนี้ได้ แต่ความสุขเช่นนี้ดีแน่แล้วหรือ เขาคิดกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้นทั้งคืน บ่าวชายที่มาช่วยเขาเช็ดตัว เขาก็จำหน้าไม่ได้หลังจากเรื่องวันนั้น หลี่เฟิ่งเซียนก็หลบหน้าเขา แต่มีหยวนหยวนส่งน้ำแกงปลาและน้ำแกงไก่มาให้เขาทุกเช้า เขาเองแม้จะเริ่มคิดถึงนางมากแต่ไม่กล้าไปหานางที่ห้อง เพราะความอับอายที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งต้องถูกจู่โจมอย่างสิ้นท่า ไร้การต่อต้านแม้นางจะพูดว่านางเป็นคนผิด แต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่ หากวันนั้นเขาไม่ยินยอมจริงๆ นางตัวเล็กเพียงนั้นจะถึงขั้นขืนใจเขาได้หรือ เขาประเมินความต้องการของเขาผิดไป ไม่นึกว่าจะต้องการนางมากถึงขั้นขาดสติ ปล่อยให้เรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้นต่อมาลู่มู่เฉินยังได้ยินพ่อบ้านพูดว่านายหญิงผู้เฒ่าร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะจู่ๆ หลี่เฟิ่งเซียนก็กลับไปเที่ยวหอเข่อซินอีกแล้ว ท่านพ่อบ้านขอให้เขาช่วยพูดกับคุณหนูใหญ่ว่าไม่ควรไปเที่ยวสถานที่เช่นนั้นอีกเพราะนางแต่งงานแล้วแต่เมื่อเขาเดินไปถึงหน้า
หลี่เฟิ่งเซียนหันไปมองแท่งหยกที่นางกำไม่มิดนั้น กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ตัดสินใจยกก้นขึ้นและจับท่อนหยกร้อนของเขาถูไปมา ยามนี้ผลท้อของนางเต็มไปด้วยน้ำแห่งความสุขแล้ว‘เพียงลูบคลำเจ้านี่ ข้าก็สามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้แล้วหรือ’ นางสงสัย จำได้อาหงบอกว่าเช่นนี้นางจะเจ็บน้อยลงลู่มู่เฉินรู้ทันทีว่านางคิดจะทำอะไร ถึงเขาจะอยากให้นางทำ และต้องการมากเพียงใด แต่มโนสำนึกของเขาและความตั้งใจของเขายังคงทำให้เขามีแรงจะดึงสติกลับมาได้“อย่า อย่าทำเช่นนี้” เขาขอร้องอย่างร้อนรน“เจ้าไม่อยากเสียใจภายหลังหรอกนะ เชื่อข้าเถิด เฟิ่งเอ๋อร์” เขาอ้อนวอนนาง แต่หลี่เฟิ่งเซียนใช้มือข้างหนึ่งยันเขาไว้ บังคับไม่ให้เขาลุกขึ้นหนีไปไหน มืออีกข้างของนางก็จับแท่งหยกร้อนนั่นถูไปมาที่ร่องกลีบดอกไม้ของนาง ก่อนที่นางจะออกแรงดันตัวเองลงไป หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกได้ถึงความดุดันของท่อนหยางร้อนลวกของเขาที่กำลังดุนดันเข้าไปในร่องกลีบดอกท้อ“พอแล้ว ขอร้อง อย่าทำเช่นนี้ อย่า” เสียงต่ำแหบพร่าของเขาขอร้องให้นางหยุด ในขณะที่อีกใจหนึ่งของเขากำลังรอให้นางดันตัวลงมากอดรัดเอ็นอุ่นนั้นไว้ เพียงแค่นางถูไถโลมเล้าเคล้าคลึงไปมา ความนุ่มลื่
เขาพลิกตัวอยากจะกระโดดหนีลงไปด้านล่าง แต่เพียงแค่เขาเอียงตัวนางก็ใช้เท้าเล็กๆของนางเหยียบลงมาที่ไหล่ของเขา ดันให้เขาพลิกตัวประชันหน้ากับนางตรงๆ เขาอยากมีแรงมากกว่านี้เพื่อดันเท้านั้นให้หลุด น่าเสียดายที่วันนี้เขาอ่อนแอมากกว่าทุกที เขายังได้รับบาดเจ็บจากการทดลองยาอยู่ และภาพภรรยาตัวเปลือยเปล่า งดงามจนเขาตกตะลึง ลืมว่าต้องหนีสองมือถูกมัดไว้พ่ายหลัง ยิ่งดันให้ช่วงสะโพกแอ่นขึ้น ท่อนหยกร้อนของเขาชูชันแสดงตัวอย่างกับต้องการบอกให้นางรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร มันชูชันสูงใหญ่ดั่งเสาค้ำสวรรค์ก็ไม่ปาน หลี่เฟิ่งเซียนตาโต จ้องมองหัวใจสั่นไหว ลู่มู่เฉินงอขาและพยายามหนีบเจ้านั่นเอาไว้ แต่ยามนี้มันขยายใหญ่จนปิดไม่มิด ภาพที่นางอ้าขาเหยียบไหล่เขาเอาไว้ แม้งดงามจนเขาถอนสายตาไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในฐานะบุรุษผู้หนึ่ง อย่างไรเขาก็ไม่อาจรับตัวเองได้ เขาอ้าปากเพื่อหายใจ หลับตาแน่นเพื่อลดทอนความอับอายในใจหลี่เฟิ่งเซียนมองดูเจ้าสิ่งนั้นแล้วตกใจไม่น้อย ในใจนางนึกถึงตอนเขาป่วยและนางเช็ดตัวให้เขา มันยังเล็กมากเท่านิ้วเท้าหัวแม่โป้ง แต่ยามนี้มันชูชันจนแทบจะใหญ่เท่าข้อมือของนาง! หลี่เฟิ่งเซียนเริ่มหายใจไม
แต่ครั้งเข้าไปในห้องของตัวเองและเห็นพวกรูปต่างๆ ที่อาหงวาดขึ้นเพื่อการเรียนรู้เหล่านั้น ในใจนางเกิดความรู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมเข้าหอกับนาง เพราะหญิงแพศยานั่น!!...พวกเขาไปถึงไหนกันแล้ว!! มิน่าเขาถึงได้เชี่ยวชาญมาก เพียงจูบก็ทำให้นางสามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้ เขาอาจจะเคยทำกับผู้อื่นมาก่อน เขาถึงทำเช่นนั้นได้อย่างเชี่ยวชาญ นางยอมไม่ได้ นางต้องรีบรวบหัวรวบหางเขา!! ทนรอให้เขายินยอมด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว!!หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปถึงหน้าห้องของเขา เห็นว่าด้านในยังมีแสงไฟอยู่ นางผลักประตูเข้าไปไม่บอกกล่าวไม่เคาะประตู“เจ้า เจ้าเข้ามาได้อย่างไร” ลู่มู่เฉินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขากำลังใส่เสื้อผ้า นางก็ผลีผลามเข้ามา เขาตกใจ รีบร้อนใส่เสื้อให้เรียบร้อย แต่เชือกผูกเอวอยู่บนโต๊ะ เขายืนอยู่ใกล้เตียงนอน จึงทำได้เพียงใช้มือจับสาบเสื้อคลุมตัวยาวเอาไว้หลี่เฟิ่งเซียนเห็นว่าเขายังแต่งตัวไม่เรียบร้อย แผนในใจของนางผุดขึ้นมาเป็นร้อยแผน คำพูดของอาหงดังก้องอยู่ในหู‘หากเจ้าทำให้เขาภูมิใจมากพอ เขาจะเอ็นดูเจ้ามากขึ้น’นางหันไปปิดประตูลงกลอน ยังเดินไปปิดหน้าต่างที่เขาแง้มเอาไว้รับลมด้วย“เจ้า เจ้า
เรื่องราวในคืนนั้น ความหอมหวานที่เขากอดกกนาง รสจูบ ความนุ่มนิ่มนุ่มนวล ทุกอย่างทำให้เขาไม่กล้าเดินไปที่เตียงนั่น แม้บนเตียงนั้นจะเปลี่ยนผ้าปูผ้าห่มใหม่ทั้งหมดแล้วก็ตาม เขายังคงรู้สึกว่ากลิ่นหอมหวานจากตัวนางยังคงติดอยู่ที่จมูก'ตัวเจ้าหอมมาก' คำพูดของหลี่เฟิ่งเซียนลอยมา นางเคยพูดชมเขาเช่นนั้นหลายครั้งแล้ว เขาไม่แน่ใจว่านางได้กลิ่นอันใดทั้งที่บนตัวเขามีแต่กลิ่นยา เขาเองก็อยากจะบอกกับนางว่า 'ตัวเจ้าหอมน่ากินมาก' เพราะบนตัวของนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกไม้ผสมกลิ่นบางอย่างคล้ายหนิวหน่าย[1] ต้มผสมน้ำผึ้ง เป็นอาหารของชาวอิ่นตู้ที่เขาเคยได้ลิ้มลองเมื่อครั้งยังท่องเที่ยวไปทั่ว มันอร่อยและหอมติดจมูก ดังนั้นเมื่อเขาได้กลิ่นนี้จากตัวนาง เขาจึงรู้สึกน้ำลายสอ อยากจะกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่า เสียดายก็แต่เขาพูดออกไปเช่นนั้นไม่ได้ ในที่สุดลู่มู่เฉินก็ดึงผ้าห่มจากเตียงและลงไปนอนบนพื้นแทน เขาไม่รังเกียจที่จะนอนบนพื้นเพราะเขาเคยนอนในที่ที่ลำบากมากกว่านี้ พื้นแข็งๆที่ทำจากไม้ขัดมันอย่างดี ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการนอนหลับของเขาลู่มู่เฉินนอนหลับด้วยความยากเย็นเพราะมัวแต่คิดถึงนาง ในขณะที่หลี่เฟิ่งเซียนแทบ