หน้าหลัก / รักโบราณ / ตื๊อรักวาณิช / เหตุการณ์ปล้นสะดม ณ เขาเศียรมังกร 2

แชร์

เหตุการณ์ปล้นสะดม ณ เขาเศียรมังกร 2

ผู้เขียน: lianlian
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-24 07:17:05

ไป๋จิ้งเหอถอนใจอย่างหงุดหงิด เขาเพิ่งกลับมาจากการเดินทางไปฮามิเพื่อซื้อพรมเปอร์เซียและผ้าทอมือจากจากชาวเผ่าแถบนั้น มูลค่าที่เมื่อนำไปขายที่เมืองหลวงนั้นมีค่ามหาศาล แต่กลับถูกทำให้เสียเวลาโดยเหล่าที่ต้องการผลประโยชน์แค่เพียงหยิบมือ น่าตายนัก!

นับว่ายังดีที่เขาวางแผนไว้สองสามขั้นเสมอ หากเมื่อสองเดือนก่อนไม่ได้เปลี่ยนชุดกองกำลังของตนให้มีประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัยให้ดีขึ้นแล้วล่ะก็ ป่านนี้เขาคงกลายเป็นศพนอนไร้ลมหายใจแทนพวกโจรป่านี่แล้ว

"นายท่าน ระวัง!" เฉี่ยวเหม่ยเบิกตากว้าง เมื่อมีดโจรป่าคนหนึ่งเงื้อง่าอาวุธใส่เจ้านายของเขาจากด้านหลัง ไป๋จิ้งเหอปรายหางตาก่อนกระโดดหลบโดยสัญชาตญาณ แต่ปลายดาบกลับเชือดหัวไหล่ขวา แม้จะไม่ลึกนักแต่ก็เรียกโลหิตเขาได้มากพอดู โชคดียังเป็นของไป๋ไป๋จิ้งเหอเมื่อเฉี่ยวเหมยหมุนตัวกลับมาสกัดร่างโจรป่าคนนั้นเอาไว้ได้ด้วยการแทงทะลุจากด้านหลังได้ทัน

เฉี่ยวเหมยเอาเท้ายันร่างโจรออกจากดาบตนแล้วพุ่งไปประคองไป๋ไป๋จิ้งเหอ "นายท่าน...!" เฉี่ยวเหมยตาค้างเมื่อเห็นเลือดที่ทะลักออกมาจากบาดแผลนั้นกลายเป็นสีดำแทนที่จะเป็นสีแดงดั่งเลือดทั่วไป

"ข้ารู้แล้ว มีดของมันมีพิษ"

"ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องพาท่านออกไปเดี๋ยวนี้เลย"

"ไม่ต้องห่วงข้า สินค้าเหล่านั้นสำคัญกว่า" ไป๋จิ้งเหอกัดฟันทนความเจ็บปวด สิ่งใดที่เขาลงทุนลงแรงไปแล้วไม่มีวันที่จะให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์เด็ดขาด ถึงแม้เรื่องนั้นจะเกี่ยวพันถึงชีวิตของเขาก็ตาม

"นี่ใช่เวลาควรจะดื้อหรือไร?" เฉี่ยวเหมยทำหน้าเหนื่อยใจ เมื่อหันไปประเมินสถานการณ์รอบด้านก็เห็นว่าตอนนี้ฝ่ายโจรเสียคนไปเป็นจำนวนมากและเหลือที่ยังวิ่งพล่านไปมาแค่ราวๆ สิบกว่าคนเท่านั้น ในขณะที่คนของพวกเขายังเหลืออยู่เยอะกว่ามาก จึงตัดสินใจให้ลูกน้องอีกคนที่วางใจได้รับช่วงดูแลต่อ "อี้ปิง ข้าจะพานายท่านไปแล้ว เจ้าดูแลทางนี้แล้วข้าจะส่งข่าวไป!"

"ข้าไม่ อั่ก..." ไม่ทันได้ปฏิเสธลูกน้องตัวดีก็พลันรู้สึกถึงพิษร้อนที่กัดไปถึงกระดูก ความเจ็บปวดพุ่งเข้าใส่จนเขากระอักเลือดและสลบไปในทันที

อี้ปิงพยักหน้ารับแข็งขัน เฉี่ยวเหมยจึงพาไป๋จิ้งเหอขึ้นหลังแล้วใช้วิชาตัวเบาพาเจ้านายของตนไปรักษาตัว ณ สถานที่ที่ใกล้ที่สุดทันที

สามวันต่อมา ในเมืองซีหนิง

สายลมอ่อนพัดโชย เวลานี้เพิ่งจะบ่ายคล้อยแต่กลับมีเมฆมืดครึ้มคล้ายกับว่าฝนกำลังตั้งเค้าและจะตกในไม่ช้า ร้านค้าแผงลอยริมถนนเริ่มเก็บของบางส่วนก่อนที่จะเสียหายเพราะสายฝน ทว่าคนเดินถนนกลับยังไม่น้อยลงราวกับว่าไม่เกรงกลัวฝนเอาเสียเลย

ท่ามกลางผู้คนที่ออกมาเดินถนนมีพี่น้องคู่หนึ่งปะปนอยู่ มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคุณหนูคุณชายจากตระกูลใหญ่ดีๆ สักตระกูลในเมือง ผ้าแพรเนื้อดี ลวดลายสดใสเข้ากับฤดูกาล ยังมีเครื่องประดับเต็มตัวนั่นอีก

"พี่ใหญ่ เรากลับบ้านช้าหน่อยได้หรือไม่ ข้าอยากไปซื้อน้ำตาลปั้นที่ข้างศาลเจ้าก่อน" เสียงเด็กชายเจื้อยแจ้วถามพี่สาวที่เดินจูงมือเขาอยู่

ผู้เป็นพี่สาวหันมองน้องชายตัวสูงแค่ครึ่งเอวแล้วหัวเราะ "มีอันใดไม่ได้กัน ถ้าอย่างไรเราแวะไหว้พระขอพรให้ท่านแม่ด้วยเลยเถอะ"

เด็กชายยิ้มร่า จับมือพี่สาวแน่นอย่างเปี่ยมสุขและชวนพี่สาวคุยระเรื่อยไปตามทาง

"พี่ใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ว่าพักนี้ที่ชานเมืองมีผีออกอาละวาดด้วย"

"โลกนี้มีผีที่ไหนกัน เจ้าโดนผู้อื่นหลอกเข้าแล้วล่ะ"

"เสี่ยวป๋ายไม่หลอกข้าหรอก" น้องชายเถียง เสี่ยวป๋ายที่พูดถึงคือสาวใช้ประจำตัวของเขานั่นเอง "นางเล่าว่า คนแถบชานเมืองระยะนี้กินไม่ได้นอนไม่ค่อยหลับกันเลยเพราะมีเสียงร้องของผีดังตั้งแต่พลบค่ำจนรุ่งสาง"

พี่สาวทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ น้องชายรีบเล่าต่อ

"พี่ใหญ่ ท่านลองคิดดูสิ ถ้าไม่ใช่ผีเหตุใดจึงร้องแต่ตอนกลางคืนกันเล่า"

"มีเหตุผล เล่าต่อสิ"

"และท่านทราบหรือไม่ว่าเสียงนั้นมาจากที่ใด"

"ที่ใด"

"จวนผู้ว่าเหลียงที่โดนประหารยกตระกูลเพราะข้อหากบฏเมื่อรัชกาลก่อนนั่นอย่างไร"

"หืม จริงรึ"

"จริงสิท่านพี่" น้องชายทำหน้าตาจริงจัง "ผู้คนต่างก็ลือกันว่า เป็นวิญญาณร้องทุกข์ ไม่ได้ไปผุดไปเกิดเพราะมีห่วง"

พี่สาวหยุดฝีเท้า ก้มมองน้องชายและเอานิ้วชี้แตะริมฝีปาก "อย่าพูดเรื่องอัปมงคลต่อเลย เดี๋ยวคืนนี้จะฝันร้ายเอาได้"

น้องชายเบิกตากว้างและรีบพยักหน้า ทำท่าเอามือปิดปากตนเองแน่นหนาว่าจะไม่พูดแล้ว พี่สาวยิ้มและพาเดินต่อ

"เราไปซื้อน้ำตาลปั้นกันเถอะ"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ตื๊อรักวาณิช   จงอางหวงไข่ 5

    ส่วนตงเทียนก็หันไปคุยหยอกล้อกับสาวน้อยในแปลต่อ "ซือเซียน เจ้ารู้หรือไม่ อาจารย์ปู่ของตงเกอเคยบอกว่า คนเราได้มาพบพานกันก็เพราะมีวาสนาต่อกัน ตงเกอว่า ที่เราได้พบกันก็คงเพราะมีวาสนาต่อกันเช่นที่อาจารย์ปู่บอกแน่ๆ"อ้อแอ้...อ้อแอ้...เสี่ยวเซียนตัวน้อยร้องตอบตงเกอเกอ..."อ้อ...เราอาจจะมีด้ายแดงผูกกับนิ้วแบบที่ศิษย์พี่เจี๋ยบอกก็ได้"หมิงเสวี่ยอดอมยิ้มกับภาพที่เห็นไม่ได้ ใจหนึ่งก็น่ารักน่าเอ็นดู แต่ใจหนึ่งก็อดหวาดหวั่นมิได้ว่าว่าที่พ่อตาของเขาช่างน่ากลัวเหลือเกิน...เอาน่า...เรื่องในอนาคต อย่าเพิ่งคิดมากไปดีกว่า อีกอย่าง ตงเอ๋อร์ก็ยังเด็กนัก ยังคงไม่รู้ความเท่าใด เอาไว้โตกว่านี้ อาจจะเปลี่ยนใจก็เป็นได้ตงเทียนยังคงหยอกล้อกับซือเซียน จนกระทั่ง...เจ้าของบ้านผู้หวงบุตรสาวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เดินเข้ามา"ตงเทียน...""ขอรับ!""ได้เวลาออกเดินทางแล้ว""ข้าคิดว่ายังเหลืออีกครึ่งชั่วยามนะขอรับ" ตงเทียนเงยหน้าขึ้นเถียง อีกตั้งครึ่งชั่วยาม เขาคุยกับซือเซียนได้อีกหลายเรื่องเลยนะ ทั้งเรื่องนกยวนยาง หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า แล้วก็อะไรต่อมิอะไรตั้งมาก"ได้เวลาซือเซียนกินนมแล้ว" ไป๋จิ้งเหอก้าวเข้ามาใกล้อีกเพื

  • ตื๊อรักวาณิช   จงอางหวงไข่ 4

    "อันที่จริงบาดแผลข้าก็เกือบหายขาดแล้ว เพียงกินยาตามเวลาต่อไปก็จะหายดีเอง" ผู้เฒ่าเอ่ย "ที่รั้งอยู่นานก็เพราะเป็นห่วงฮูหยินของเจ้ากับแม่นางจิงที่ตั้งครรภ์ทั้งคู่แต่ไร้คนคุ้มกัน เวลานี้เจ้ากับเฉี่ยวเหมยก็กลับมาแล้ว สมควรที่ข้าจะกลับสำนักเสียที""ศิษย์ขอบคุณอาจารย์ บุญคุณในครั้งนี้ศิษย์จะไม่มีวันลืม" ไป๋จิ้งเหอคุกเข่าให้ผู้เป็นอาจารย์อา"ฮูหยินของเจ้าก็มีบุญคุณต่อข้า เช่นนี้แล้วก็แล้วกันไปเถอะ" ผู้เฒ่าซานยื่นมือไปรั้งให้จิ้งเหอลุกขึ้น "ดูแลภรรยากับลูกๆของเจ้าให้ดี พวกเขานับเป็นสมบัติล้ำค่าที่เจ้าไม่อาจหาจากที่ใดได้" ผู้เฒ่าซานวางมือบนไหล่กว้าง "รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีๆ หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีก""ขอรับ" ไป๋จิ้งเหอยิ้มบาง แต่ในใจนั้นรวดร้าว เพราะรู้ดีว่าเขาไม่อาจรักษาหนึ่งในสมบัติล้ำค่านั้นได้เสวี่ยเอ๋อร์...ข้ามิอาจฉุดรั้งเจ้า...และเจ้าก็ไร้ซึ่งใจจะอยู่กับข้า...สองวันถัดมา อาจารย์และศิษย์หลานก็พร้อมจะออกเดินทางกลับ แต่ตงเทียนกลับวิ่งไปหาซือเซียนน้อยตั้งแต่รุ่งสาง แม้จะทำได้แค่นั่งมองสาวน้อยที่กำลังหลับอยู่ก็ตามเขากำลังรอ...รอว่าเมื่อนางตื่นขึ้น เขาจะเอ่ยคำลากับนาง"ซือเซียน ไว้เจ้าโตข

  • ตื๊อรักวาณิช   จงอางหวงไข่ 3

    "อ๊ะ ศิษย์พี่" ตงเทียนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นไป๋จิ้งเหอเข้ามา "มีธุระอันใดหรือเปล่าขอรับ?""เจ้ากำลังจุมพิตบุตรสาวข้ารึ?..." ไป๋จิ้งเหอเพ่งสายตามองไปยังมือของตงเทียนที่มีมือซือเซียนโอบจับอยู่แน่นด้วยความขุ่นเคือง"ขอรับ" เขาตอบซื่อๆ "ข้าเพิ่งรู้ว่าเด็กทารกตัวหอมขนาดนี้" ทั้งนุ่มนิ่ม ทั้งหอม มิน่าใครได้สัมผัสเด็กทารกถึงหลงรัก"อ่อ เช่นนั้นรึ?" เขาสืบเท้าเข้ามาใกล้ "จริงสิ ได้ยินว่าอาจารย์เรียกหาเจ้าอยู่น่ะ"หมิงเสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ หุบยิ้มแทบไม่ทัน เจ้าจิ้งจอกนี่โกหกมดเท็จชัดๆ!!"ท่านอาจารย์เพิ่งนอนพักไปนี่ขอรับ" เด็กน้อยเลิกคิ้ว "ท่านตื่นเร็วยิ่ง ทั้งๆ ที่ยาที่ท่านหมอให้ จะทำให้ท่านอาจารย์หลับไปถึงหนึ่งชั่วยาม""อาจจะมีธุระด่วนกระมัง เจ้ารีบไปเถอะ" เขาเอ่ยทั้งยื่นแขนไป "ส่งนางให้ข้าอุ้มแทนก็แล้วกัน""ไม่เป็นไรมิได้ขอรับ ข้าอุ้มเป็นแล้ว เดี๋ยวจะพานางไปที่เปลเอง" ตงเทียนยิ้มตอบ เขาชักชอบสัมผัสนุ่มนิ่มของซือเซียนเสียแล้วสิ"เจ้ายังอุ้มไม่คล่องนัก ส่งมาเถอะ" เสียงเขายะเยือกขึ้นทุกที"ท่านเองก็เพิ่งเป็นพ่อคนได้ไม่กี่วัน ก็อุ้มไม่คล่องเช่นกัน" ทำไมเขาทำท่าเหมือนถูกแย่งคนรักแบบนี้นะหมิงเสว

  • ตื๊อรักวาณิช   จงอางหวงไข่ 2

    "หลับแล้ว" เด็กสาวกระซิบ แล้วส่งซือเสียนให้กับจื่อหนี่ "เอาล่ะ เซียนเซียนน้อยของแม่ มานี่นะ"นางฟ้าน้อยของนางราวกับรู้ว่าจะได้กินนมมารดา นางโบกมือและอ้าปากรอจนตัวสั่น "เป็นสาวเป็นนาง ระวังกิริยาบ้างสิ นางฟ้าของแม่"นางดุไปเช่นนั้น แต่พอพิจารณาปากคอคิ้วคางของลูกสาวนางเหมือนมารดาราวพิมพ์เดียวกัน...แล้วจะให้เรียบร้อยได้อย่างไร"ขอให้เจ้าเติบโตอย่างดี..." หมิงเสวี่ยพูดเสียงเบาราวกระซิบ "...งดงามและมีความสุขดังที่บิดาตั้งชื่อให้ ส่วนท่านแม่ของเจ้าดีแต่ทำเขาเสียใจ เจ้าอย่าได้ดำเนินรอยตามแม่นะ เข้าใจหรือไม่?"ร่างเล็กส่งเสียงอ้อแอ้คล้ายรับคำ เมื่อใบหน้าเล็กผละจากอกแม่ นางก็ก้มลงจูบแก้มนวลอย่างอาลัยอาวรณ์...แม่รักเจ้าทั้งสองเหลือเกิน...หมิงเสวี่ยร้องเพลงกล่อมเบาๆ และอุ้มนางหมายจะเดินไปริมหน้าต่าง หางตาก็พลันเห็นแขกตัวน้อยที่ยืนด้อมๆ มองๆ อยู่ข้างประตู"อ้าว ตงเอ๋อร์ มาดูน้องหรือ?" หมิงเสวี่ยร้องทัก"...จะรบกวนพวกเขาหรือไม่?" ใบหน้าเล็กแดงเรื่อเล็กน้อยอย่างประหม่า"ไม่หรอก เข้ามาก่อนสิ"ตงเทียนเดินเข้ามาอย่างเก้ๆ กังๆ เขาไม่เคยเห็นทารกน้อยแรกคลอดมาก่อน จึงมองซือเสียนในแปลอย่างสนใจและอยากรู้ย

  • ตื๊อรักวาณิช   จงอางหวงไข่ 1

    หลังจากทานอาหารเสร็จ ระหว่างที่จื่อหนี่กำลังอธิบายวิธีการดูแลเด็กแฝด ก็มีสาวใช้มารายงานว่าเจ้าตัวน้อยทั้งสองร้องโยเยอีกครา"เพิ่งจะกินนมหลับไปมิใช่หรือ?" หมิงเสวี่ยถาม แต่ก็รีบรุดออกไปทันที"คงจะถ่ายเบาหรือไม่ก็หนัก" จื่อหนี่บอกขณะช่วยประคองหมิงเสวี่ย "เด็กทารกก็แบบนี้เจ้าค่ะ ขับถ่ายแต่ละครั้งยังไม่เป็นเวลา""อ้อ..." หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ ก่อนรีบรุดไปยังห้องเด็กที่ต้นเสียงยังร้องโยเยอยู่"ที่แท้ก็ซือเซียนคนสวยนี่เอง" หมิงเสวี่ยมองเด็กน้อยที่ถูกวางบนเตียงและกำลังแก้ปมผ้าอ้อม "กินเยอะก็ฉี่เยอะน่ะสิ"ราวกับนางรู้ว่ามารดาไม่ชอบเด็กงอแง ซือเซียนน้อยก็ค่อยๆ หยุดร้องไห้ เพียงแต่ส่งเสียงอ้อแอ้ออกมาเท่านั้น ผู้เป็นแม่ยิ้มหวาน ยิ่งเทใจรักลูกคนนี้มากขึ้นไปอีก นางช่วยแม่นมเช็ดทำความสะอาดแล้วจึงมองวิธีการผูกผ้าอ้อมอย่างถูกวิธี"คราวหน้าขอข้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้นางบ้างนะ" หมิงเสวี่ยลูบศีรษะน้อยที่มีผมนุ่มลื่นมือ"ได้เจ้าค่ะ" แม่นมพยักหน้า ก่อนหันเห็นจื่อหนี่อุ้มซือเสียนมาทางหมิงเสวี่ยสาวน้อยของนางตื่นแล้ว มือน้อยๆ โบกทักมารดาไปมาราวกับจะอ้อนขอให้หมิงเสวี่ยอุ้มนางหน่อย"คุณชายก็ฉี่เหมือนกันเจ้าค่ะ""ซ

  • ตื๊อรักวาณิช   ผูกพัน 3

    เขาชะงักเมื่อเห็นหมิงเสวี่ยเข้ามาในห้อง "เสวี่ยเอ๋อร์ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่"จื่อหนี่กลับเป็นฝ่ายเดินไปหาเขา "นายท่าน ออกไปสักครู่ก่อนนะเจ้าคะ" นางว่าพลางทำมือคล้ายขอเด็กน้อยไปอุ้มไว้เอง ดวงตาใสนั้นกระพริบปริบๆ ใส่เขาระรัวคล้ายจะบอกความนัยบางอย่าง"เข้าใจแล้ว" เขาส่งซือเซียนให้กับจื่อหนี่ จากนั้นจึงเดินออกไปจากห้อง"คนนี้คือคุณหนูซือเซียนเจ้าค่ะ" จื่อหนี่ยิ้มบอก ก่อนจัดท่าทางให้หมิงเสวี่ยอุ้มให้ถูกต้องหนูน้อยได้กลิ่นนมก็แทบไม่รอให้หมิงเสวี่ยเปิดหน้าอก มือเล็กจิ๋วตะกายเสื้อจนหมิงเสวี่ยหลุดหัวเราะออกมา "หิวมากเลยเหรอสาวน้อย ดูทำเข้าสิ" หมิงเสวี่ยยิ้มกว้างออกมาพลางเปิดเสื้อออกซือเซียนน้อยที่ตอนนี้มองเห็นเพียงภาพขาวดำ นางเห็นลานนมอยู่ตรงหน้าก็พยายามไล่งับยอดอกมารดา"โอ๊ย!"จื่อหนี่รีบเข้ามาดู "ไม่ได้นะ อย่าให้ดูดแบบนี้นะ" นางว่าพลางเอานิ้วก้อยสอดเข้ามุมปาก บังคับให้สาวน้อยคายยอดอกออกมา"ทำไมหรือจื่อหนี่?""ไม่อย่างนั้นจะเจ็บมากเจ้าค่ะ"หมิงเสวี่ยฟังแล้วสะดุ้ง "แล้วต้องทำอย่างไรเล่า""ต้องทำแบบนี้..." จื่อหนี่ใช้ฝ่ามือประคองศีรษะน้อยของคุณหนูซือเซียนที่อดกินนมกำลังร้องไห้จ้า แล้วอยู่ๆ นางก็ก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status