แชร์

บทที่ 32 แผนการในใจ

ผู้เขียน: BigM00N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-22 22:39:15

ยามที่ชุ่ยเหมยได้พบกับหรงมามาเดิมทีนางก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใดด้วยรู้ดีว่าโม่ชิงเยว่ต้องการคนที่สามารถไว้ใจได้มาคอยช่วยดูแลอยู่ข้างกาย แต่เมื่อได้รู้ว่าหรงมามาได้รับการแนะนำมาจากผู้ใดทำให้นางอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้จนต้องสอบถามโม่ชิงเยว่ออกมาตามตรง

“ในเมื่อนางเป็นคนที่ท่านโหวพามา แล้วฮูหยินก็ยังยินดีที่จะให้นางมาอยู่ข้างกายอีกหรือเจ้าคะ” คำถามของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่พยักหน้า

“เขาจะมาไม้ไหนข้าเองก็อยากจะรู้ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องไปที่สกุลสุ่ยแล้ว ข้ากำลังขาดคนข้างกายที่จะคอยแนะนำเรื่องการคบค้าสมาคมกับบรรดาสตรีที่อยู่ในเรือนหลังของบรรดาขุนนางชั้นสูงพอดี เจ้าก็รู้ว่าเมื่อก่อนเพราะท่านแม่ชาติกำเนิดไม่สูง อีกทั้งท่านพ่อก็ไม่ได้ถือกำเนิดในแวดวงเดียวกันกับชนชั้นสูงเหล่านั้น ข้าจึงแทบจะไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของบรรดาสตรีที่เป็นชนชั้นสูงของแคว้นเหลียนดังเช่นบุตรสาวของแม่ทัพคนอื่นๆ เลย” โม่ชิงเยว่เอ่ยออกมาพลางจ้องมองด้านนอกหน้าต่างด้วยรอยยิ้มแล้วจึงได้เอ่ยต่อ

“คนสกุลสุ่ยมีแผนการเช่นไรกับข้า ตัวข้าเองก็อยากจะรู้เช่นกัน คิดจะเหยียบย่ำข้าเพื่อแก้แค้นให้สุ่ยอี้โหรวหรือว่าคิดจะใช้ข้าเป็นข้อต่อรองกับซ่งเหวินจิ้ง ไม่ว่าจะมีแผนการเช่นไรข้าคนนี้จะขอตอบโต้พวกเขาให้ถึงที่สุด โทสะที่ยังไม่ได้รับการระบายของข้ากำลังคุกรุ่นอยู่พอดี ในเมื่อพวกเขาคิดอยากจะเล่นงานข้า ข้าก็จะทำให้พวกเขานึกเสียใจที่คิดจะทำร้ายข้า” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ชุ่ยเหมยพยักหน้า

“นั่นสิเจ้าคะ กับฮูหยินผู้เฒ่าท่านก็แก้แค้นนางได้ไม่สะดวกนักเพราะคำว่ากตัญญู ส่วนคุณหนูซ่งยามนี้นางถูกขังอยู่ที่กรมอาญาท่านจะรังแกนางต่อก็ไม่ได้แล้ว ส่วนสุ่ยอี๋เหนียงสภาพของนางในยามนี้แค่ยามกินไม่ได้กิน ยามนอนไม่ได้นอนก็ถือว่าสาหัสแล้วแต่ทำไมแม้แต่ข้าที่เป็นแค่เพียงสาวใช้กลับยังรู้สึกว่ายังไม่สาสมใจเท่าไหร่เมื่อเทียบกับความยากลำบากที่ฮูหยินเคยได้รับ” คำพูดของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่ส่ายหน้า

“โทสะที่ยังไม่รับการระบายของข้าไม่ใช่โทสะที่มีต่อคนเหล่านั้น แต่ข้าหมายถึงโทสะที่มีต่อตนเองของข้าต่างหาก เป็นเพราะข้าโง่เขลาไม่รู้จักพึ่งพาความสามารถของตนเองคิดแต่จะพึ่งพาผู้อื่น ชีวิตของข้าก็เลยตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น แต่ยามนี้แม้ว่าจะคิดได้แล้วแต่ข้าก็ยังต้องพึ่งพาผู้อื่นอยู่ดี อย่างน้อยในยามนี้ก็ยังต้องอาศัยอยู่ที่จวนโหวแห่งนี้ ยังต้องอาศัยตำแหน่งฮูหยินของนิ่งอันโหวในการหาความมั่งคั่งให้ตนเอง ในใจของข้าจึงได้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง ในเมื่อจวนสกุลสุ่ยคิดอยากจะลองดีกับข้าในตอนนี้ ดังนั้นพวกเขาก็เตรียมตัวรองรับโทสะของข้าได้เลย” โม่ชิงเยว่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ

นางไม่ได้คิดว่าตนเองเก่งกาจอะไร เคยผิดพลาดจนเกือบตายมาแล้วเสียด้วยซ้ำ แต่ยามนี้นางได้รับบทเรียนแล้วว่าอย่าได้เป็นคนดีจนเกินไป อีกทั้งสกุลสุ่ยกับนางไม่มีทางจะญาติดีกันได้ ต่อให้พวกเขาไม่ได้ทวงถามเรื่องสุ่ยอี้โหรวแต่ในใจของพวกเขาย่อมจะต้องจดจำได้ว่าสุ่ยอี้โหรวอยู่ในการดูแลของนาง โม่ชิงเยว่ไม่มีทางคิดจะเอาอกเอาใจสกุลสุ่ยด้วยการทำดีต่อสุ่ยอี้โหรวแน่ สุ่ยอี้โหรวเคยปฏิบัติต่อนางเช่นไรนางย่อมจะต้องทำเช่นนั้นไม่มีคำว่าผ่อนปรนอย่างเด็ดขาด

ผ่านไปสามวันโม่ชิงเยว่ก็พร้อมที่จะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงที่สกุลสุ่ยจัดขึ้นแล้ว หรงมามาไม่เพียงเข้ามาช่วยเหลือและคอยแนะนำโม่ชิงเยว่เรื่องการวางตัวและการแต่งกาย นางยังช่วยโม่ชิงเยว่ดูแลและควบคุมคนในภายในจวนด้วย นางมาแค่เพียงสามวันแต่ก็สามารถช่วยเหลือโม่ชิงเยว่และชุ่ยเหมยได้หลายอย่าง วันที่โม่ชิงเยว่จะไปที่จวนสกุลสุ่ยนางยังมาช่วยโม่ชิงเยว่แต่งตัวอีกทั้งยังคอยกำชับชุ่ยเหมยและสาวใช้ที่จะติดตามไปอีกสามคนอย่างละเอียดลออ

“หากท่านกังวลว่าพวกข้าจะวางตัวไม่เหมาะสมเหตุใดท่านจึงไม่ติดตามฮูหยินไปด้วยตนเองเลยเล่า” เสียงชุ่ยเหมยที่ตั้งคำถามกับหรงมามาทำให้โม่ชิงเยว่อดยิ้มออกมาไม่ได้

“หากข้าสามารถติดตามไปได้ข้าคงไปกับเจ้าแล้ว แต่อย่างที่ข้าเคยบอกกับเจ้าไปสาวใช้ที่ติดตามฮูหยินไม่เพียงกิริยามารยาทงดงามหน้าตาต้องงดงามดึงดูดผู้คนด้วยจึงจะช่วยส่งเสริมบารมีของฮูหยินได้ คนแก่เช่นข้าหากติดตามไปจะทำให้ข้างกายของฮูหยินพลอยหม่นหมองไปด้วยเปล่าๆ” คำพูดของหรงมามาทำให้ชุ่ยเหมยส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยแต่หรงมามากลับเดินหนีไปสำรวจความเรียบร้อยของโม่ชิงเยว่แล้ว

“โชคดีที่ฮูหยินมีความงดงามเป็นทุนเดิม ไม่เช่นนั้นคงจะเลือกสาวใช้ผู้ติดตามได้ลำบาก” หรงมามาเอ่ยพึมพำออกมาด้วยความพึงพอใจ แน่นอนว่าสาวใช้ที่เลือกมาแต่ละคนจะต้องงดงามแต่จะต้องห้ามงดงามกว่าผู้เป็นนาย แต่โม่ชิงเยว่เดิมทีก็มีความงดงามเป็นทุนเดิมพอแต่กายด้วยเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับที่สุดแสนจะประณีตความงามของนางก็ยิ่งโดดเด่น

"เครื่องประทินโฉมเหล่านี้ฮูหยินสั่งทำด้วยตนเองหรือเจ้าคะ เหตุใดบ่าวจึงไม่เคยเห็น" หรงมามาเอ่ยถามพลางหยิบตลับแป้งที่โม่ชิงเยว่ออกคำสั่งให้ช่างฝีมือในจวนลองทำออกมาส่วนแป้งผัดหน้าที่อยู่ด้านในก็มีผงแป้งที่ละเอียดและหอมกรุ่นดึงดูดใจคนที่ชอบประทินโฉมอย่างหรงมามายิ่งนัก

“ข้าเคยเห็นในความฝัน จึงได้พยายามสั่งให้ช่างทำตลับใส่แป้งให้ข้า ส่วนผงแป้งด้านในข้าทดลองผสมดูจากส่วนผสมที่คิดว่าเหมาะกับใบหน้า ช่วงนี้ข้าทดลองใช้แล้วคิดว่าดีมากอีกไม่นานคงจะสามารถทำออกมาขายได้” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้หรงมามาเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

“ขายหรือเจ้าคะ ฮูหยินต้องการจะเปิดร้านขายเครื่องประทินโฉมหรือเจ้าคะ” คำถามของหรงมามาทำให้โม่ชิงเยว่พยักหน้า

“เป็นแค่แผนการเพียงเท่านั้น ข้ามีความรู้เรื่องส่วนผสมของเครื่องหอมและสมุนไพรก็เลยคิดว่าจะลองใช้ความรู้ที่มีมาหาเงินเข้ากระเป๋าดู” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ชุ่ยเหมยที่รู้ดีว่าแท้จริงแล้วโม่ชิงเยว่มีความรู้เรื่องการผสมสมุนไพรพิษเสียมากกว่ารีบสาบานกับตนเองในใจว่านางจะไม่เสี่ยงใช้เครื่องหอมของเจ้านายของตนแน่

“บ่าวได้ยินว่าฮูหยินมีความสามารถทางด้านการปักผ้าด้วย” เมื่อหรงมามาเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ก้มลองจ้องมองชุดที่นางสวมใส่ในวันนี้ เป็นชุดผ้าปักที่ทางสกุลเจียงส่งมาให้ผ้าที่ใช้ตัดเย็บล้วนมีลายปักโดยฝีมือการออกแบบลวดลายและฝีมือการปักของนางทั้งสิ้น

“ข้าปักผ้าได้ก็จริง แต่ไม่ใช่สิ่งที่ชื่นชอบ อันที่จริงสิ่งที่ข้าชื่นชอบข้าเองก็ยังไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่ายามที่ได้วุ่นวายกับส่วนผสมของสมุนไพรข้าจะรู้สึกว่ามีความสุขมากกว่า” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้หรงมามายิ้มออกมา

“ท่านไม่กังวลว่าหากผู้อื่นรู้ว่าท่านทำการค้าแล้วจะคิดรังเกียจท่านหรือเจ้าคะ” เมื่อหรงมามาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ส่ายหน้า

“เดิมทีผู้อื่นก็คิดดูถูกข้าที่มีมารดามาจากสกุลพ่อค้าอยู่แล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่ได้กังวลว่าจะถูกดูหมิ่นดูแคลนด้วยเรื่องเหล่านี้อีก ในทางกลับกันข้ามีความตั้งใจที่จะทำให้ผู้อื่นได้รู้สึกว่าคนทำการค้าไม่ใช่คนที่ควรดูถูกดูแคลน แต่คนที่ควรดูถูกก็คือคนที่เฝ้ารอแต่ความเมตตาจากผู้อื่นต่างหาก เมื่อก่อนข้าเองก็เคยเป็นเช่นนั้นแต่ยามนี้ไม่ใช่แล้วข้าไม่คิดจะปล่อยให้ตนเองกลายเป็นคนที่ถูกผู้อื่นดูถูกดูแคลนได้อีกแล้ว” โม่ชิงเยว่เอยพลางขยับตัวลุกขึ้นนางก้มลงดูการแต่งกายของตนเองแล้วก็ยิ้มออกมา สกุลสุ่ยตั้งใจจะเชิญนางไปด้วยแผนการใดนางเองก็สุดรู้ แต่ยามนี้นางเองก็ตั้งใจจะใช้สกุลสุ่ยเป็นสะพานให้นางได้ทำความรู้จักกับสตรีชั้นสูงเหล่านั้น ต่อให้วันนี้จะถูกพวกนางดูแคลนก็ไม่เป็นไรเพราะโม่ชิงเยว่ตั้งใจแล้วว่าอีกไม่นานนางจะต้องทำให้บรรดาสตรีเหล่านั้นยินดีจ่ายเงินเพื่อที่จะซื้อสินค้าของนางให้ได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status