แชร์

5.ส่งนางไปอาราม

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-21 20:39:44

ส่งนางไปอาราม

เจียวเหมยได้พาซินแสเจิ้งมาที่ห้องของเสวียนหนี่ ซิน

หยางที่กำลังเฝ้าดูอาการลูกน้อยอยู่ลุกขึ้นยืนมองคนทั้งสองด้วยแววตาประหลาดใจ ลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างบ่งบอกว่าเจียวเหมยไม่ได้ประสงค์ดีต่อนางสองแม่ลูกเป็นแน่ เจียวเหมยมองหน้าซิน

หยางวูบหนึ่งก่อนจะแสยะยิ้มอย่างสมเพชเวทนา

“ฮูหยินใหญ่ ท่านอาวุโสผู้นี้คือซินแสเจิ้ง ท่านพี่อนุญาตให้ข้าพาซินแสเจิ้งมาเพื่อตรวจดูดวงชะตาเสวียนหนี่”

“ตรวจดูดวงชะตา?”

“เจ้าค่ะ”

“ลูกข้าเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาเมื่อวาน ร่างกายยังไม่แข็งแรงพอ ข้ายังไม่อยากให้ใครมารบกวนนางในเวลานี้”

“ถ้าเสวียนหนี่ได้ตรวจดูดวงชะตา หากพบว่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับนางเราก็จะได้หาทางแก้ไขได้ทันท่วงที อีกอย่างท่านพี่ก็อนุญาตแล้วเชิญฮูหยินถอยไปก่อนเถิด” เจียวเหมยตัดความรำคาญ

“ไม่! ข้าไม่อนุญาต ซินแสผู้นี้เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด หากตรวจดูดวงชะตาให้เสวียนหนี่มั่วซั่วล่ะใครจะรับผิดชอบ เสวียนหนี่เป็นลูกสาวข้า ข้าไม่อนุญาตเด็ดขาด”

“แต่ข้าอนุญาต!”

ระหว่างที่ภรรยาทั้งสองกำลังโต้เถียงกันมู่เฉินได้เดินเข้ามา เขาตวาดซินหยางแล้วผายมือให้ซินแสเข้าไปใกล้ ๆ เตียงของบุตรสาว ซินหยางที่ไม่อาจเอ่ยคำโต้เถียงได้จึงจำใจต้องถอยให้อย่างไม่เต็มใจ ระหว่างที่ซินแสกำลังทำการตรวจดูโหงวเฮ้งและดวงชะตาให้เสวียนหนี่อยู่นั้น ซินหยางเริ่มใจคอไม่สู้ดี นางได้แต่ภาวนาขอให้ไม่มีเรื่องร้ายใด ๆ เกิดขึ้น จนกระทั่งซินแสตรวจดวงชะตาเสร็จเขาได้แสดงสีหน้าอึกอักส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจออกมาแรง ๆ คล้ายกับว่าเจอปัญหาใหญ่เข้าแล้ว

“ว่าอย่างไรซินแสเจิ้ง ดวงชะตาของเสวียนหนี่ต่อจากนี้จะดีหรือไม่ดีรีบพูดมาเถิด”

“เฮ้อ! ท่านฉู่ ข้าได้ตรวจดูโหงวเฮ้งกับดวงชะตานางอย่างละเอียดแล้วไม่ค่อยดีนัก ดวงชะตาของนางเป็นดาวกาลกิณีแก่ตระกูล ที่นางไม่สามารถพูดได้นั้นเป็นผลมาจากเคราะห์กรรมของตัวนางเอง ข้า... ไม่ทราบว่าหากพูดอะไรมากไปกว่านี้ท่านฉู่จะเอาผิดข้าหรือไม่”

“พูดต่อเถิดซินแสเจิ้ง”

“ด้วยชะตาของนางที่เป็นดาวกาลกิณีอาจทำให้ตระกูลฉู่ของท่านได้รับเคราะห์หนักถึงขั้นสูญสิ้นวงศ์ตระกูล ทุกคนในบ้านอาจจะมีอันเป็นไปและสิ้นชีพอย่างอเนจอนาถ”

“ขนาดนั้นเชียวหรือ! ล... แล้วข้าควรทำอย่างไรกับนางต่อไปดี” มู่เฉินมีสีหน้าเป็นกังวล

“วิธีแก้ก็มีอยู่ เพื่อป้องกันภัยวิบัติไม่ให้เกิดแก่ตระกูลฉู่ท่านต้องส่งนางออกไปอยู่อารามเพื่อชำระล้างความอัปมงคล”

“เหลวไหลสิ้นดี!” ซินหยางรีบพูดขัด นางไม่มีวันเห็นด้วยกับวิธีการนี้เด็ดขาด ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตนางก็จะขอขัดขวางไม่ยอมปล่อยบุตรสาวให้ไปตกระกำลำบากที่อารามบนเขาต้าซาน เด็กหญิงวัยเพียงแปดขวบจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรที่นั่นถึงแม้ว่าจะไม่ไกลกับจวนตระกูลฉู่มากแต่อาหารการกินและที่พักอาศัยยังไม่สะดวกพอ บุตรสาวของนางที่เคยใช้ชีวิตสะดวกสบายอยู่จวนตระกูลฉู่โดยมีมารดาคอยเป็นปราการป้องกันภัยจะไปอยู่ในที่แบบนั้นได้อย่างไรกัน

และที่สำคัญนางมีอายุเพียงแค่แปดขวบเท่านั้นเอง!

ซินหยางได้แต่ตำหนิสามีในใจเกี่ยวกับความไม่หนักแน่นของเขา บนโลกใบนี้ยังมีบิดาเช่นนี้อยู่อีกหรือ มู่เฉินหลงลาภยศห่วงแต่ส่วนได้ไม่ปรารถนาส่วนเสีย แม้กระทั่งลูกแท้ ๆ ที่เป็นสายเลือดตนเองหากไร้ซึ่งผลประโยชน์แล้ว เขาก็กล้าที่จะกระทำต่อนางเหมือนเป็นผักเป็นปลา

ถ้าหากนางสามารถย้อนเวลากลับไปได้เมื่อสิบกว่าปีก่อน หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรนางก็ขอยอมตายดีกว่าแต่งให้คนผู้นี้ ต่อให้ต้องถูกบิดาและมารดาตัดขาดให้ตายอย่างไรนางก็จะไม่แต่ง ทว่ายามนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนอีกแล้วเพราะเวลาไม่อาจหวนคืนกลับมาได้ มิหนำซ้ำนางยังมีลูกน้อยที่ต้องปกป้อง ซินหยางเคยคิดอยากมอบหนังสือหย่าให้เขาแล้วพาบุตรสาวกลับบ้านเดิม แต่คิดดูดี ๆ ที่นั่นก็คงไม่ยินดีต้อนรับนางอีก สตรีที่แต่งงานออกเรือนแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป บ้านเดิมของนางจึงไม่อยากรับนางกับลูกเข้าไปเป็นภาระ

“ข้าไม่ยอมให้ลูกไปเด็ดขาด”

“แต่ข้าเห็นด้วยกับซินแสเจิ้ง อารามจะเป็นที่ชะล้างความอัปมงคลเผื่อว่าบางทีนางอาจจะกลับมาพูดได้เหมือนเดิม หากเป็นแบบนั้นก็นับเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ ที่เจ้าขัดขวางแท้ที่จริงแล้วเจ้าไม่อยากช่วยลูกให้กลับมาพูดได้น่ะสิฮูหยินใหญ่ เจ้านี่มันเป็นแม่ประสาอะไร”

“ไม่ใช่! ไม่ใช่อย่างนั้นนะเจ้าคะ ข้าปรารถนาอยากเห็นนางเป็นปกติ ข้าเป็นห่วงนางจริง ๆ คนเป็นแม่ที่ไหนจะไม่ห่วงลูกตัวเอง”

“ถ้าเจ้าห่วงลูกก็จงปล่อยนางไปอยู่ที่อาราม เมื่อนางหายแล้วข้าถึงจะอนุญาตให้นางกลับเข้าจวนตระกูลฉู่”

“ล... แล้วเมื่อไหร่กัน หากนางไม่มีทางหายเป็นปกติเล่า คงไม่ต้องอยู่ในอารามไปตลอดชีวิตหรอกหรือเจ้าคะ”

“สุดแล้วแต่วาสนา อย่างไรข้าก็ไม่ยอมให้ตระกูลฉู่ต้องถึงคราววิบัติเพราะนางเป็นอันเด็ดขาด ซินหยางข้าขอยื่นคำขาด! หากเจ้ายังกล้าพูดหรือขัดคำสั่งแม้เพียงครึ่งคำ ข้าจะสั่งโบยพวกเจ้าทั้งแม่ทั้งลูก”

การที่เขาเอาลูกมาข่มขู่สำหรับนางแล้วมักได้ผลดีเสมอ นางทรุดนั่งคุกเข่ากับพื้นมองคนเหล่านั้นจากไปโดยที่ไม่อาจช่วยเหลืออะไรบุตรสาวได้เลย

สองวันต่อมาหลังจากนั้น มู่เฉินรู้สึกเบิกบานใจยิ่งกว่าเดิม เขานำข่าวดีมาบอกเจียวเหมยว่าซีฮันอ๋องยินยอมเปลี่ยนตัวว่าที่สะใภ้แล้ว ทุกคนในจวนต่างมีความสุขชื่นมื่น มีเพียงฮูหยินกับลูกเท่านั้นที่ต้องทุกข์ตรม

เสวียนหนี่ถูกส่งตัวไปอารามบนเขาต้าซาน ในวันนั้นมีเพียงซินหยางที่ไปส่งบุตรสาวด้วยตัวเอง ตลอดเวลาที่เด็กหญิงอยู่ในอารามผู้เป็นบิดาไม่เคยมาเยี่ยมนางเลยสักครั้ง จะมีก็แต่ท่านแม่และท่านพี่ป๋อเหวินที่ติดตามมาบ้างเป็นครั้งคราว

จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มจะกลายเป็นเรื่องปกติ ซินหยางเหมือนจะทำใจได้บ้างแล้ว หลังหลุดพ้นจากความกังวลใจหลายอย่าง ในทางกลับกันนางรู้สึกโล่งใจอย่างน่าประหลาด บุตรสาวของตนไม่จำเป็นต้องหมั้นหมายกับบุตรชายของซีฮันอ๋อง ถ้าหากเป็นไปตามประสงค์ของผู้เป็นสามี เสวียนหนี่เองก็คงจะกลายเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งในกระดาน เพื่อให้เขาก้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จ

ไม่นานหลังจากนั้นดูเหมือนว่าทุกคนจะลืมเลือนเรื่องราวของท่านประมุขน้อยหุบเขาอูยา ไม่เว้นแม้แต่เสวียนหนี่ที่ไม่เคยมีใครเอ่ยถึงนางอีกเลย ราวกับว่านางเปรียบเสมือนบุคคลที่ตายไปจากใจของผู้คนแล้ว แม้แต่มู่เฉินยังเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตนเองยังมีบุตรสาวอีกคนที่ถูกเขาส่งตัวไปอยู่อารามบนเขาต้าซาน

แปดปีต่อมา

“เจ้ากินเยอะ ๆ นะ เสวียนหนี่”

ป๋อเหวินซึ่งติดตามฮูหยินใหญ่มาเยี่ยมเยือนน้องสาวที่อารามบนเขาต้าซาน เขาได้นำขนมที่นางชอบทานขึ้นมาฝากบนเขาด้วย ย้อนไปถึงวันนั้นเขายังคงรู้สึกผิดต่อนางยิ่งนัก

จากวันนั้นจนถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านไปแปดปีแล้ว เสวียนหนี่น้อยได้เติบโตเป็นหญิงสาวอายุย่างสิบเจ็ดปีแล้ว ใบหน้างดงามหมดจด รูปร่างงามสง่าผิวพรรณผ่องใสประหนึ่งไข่มุก ริมฝีปากแดงระเรื่อโดยธรรมชาติ เรือนผมดำขลับตรงยาวดั่งแพรไหม แม้นางจะพูดไม่ได้แต่นางก็ได้แม่ชีที่อารามคอยสั่งสอนให้นางรู้จักตัวหนังสือ บางครั้งเสวียนหนี่จะใช้วิธีการสื่อสารโดยใช้ภาษามือให้ผู้อื่นเข้าใจ แต่หากเป็นคนที่นางไว้ใจและสนิทมากเป็นพิเศษนางก็จะเขียนตัวอักษรใส่ฝ่ามือให้อ่าน

นางแย้มยิ้มให้พี่ชายแล้วอ้าปากงับขนมผักกาดไปเต็มคำ ป๋อเหวินเห็นน้องสาวร่าเริงดีเขาเองก็ยิ้มตาม ทว่าเมื่อนางดึงมือเขามาวาดตัวอักษรลงกลางฝ่ามือป๋อเหวินก็มีสีหน้าหดหู่ขึ้นมาทันที

‘อร่อยมากเลยเจ้าค่ะท่านพี่’

‘ข้าคิดถึงท่านพี่กับท่านแม่ที่สุดเลย’

เสวียนหนี่เขียนตัวอักษรบรรยายถึงรสชาติของขนมผักกาดลงฝ่ามือเขาและอ้อนเป็นประโยคคิดถึง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาวันนี้นางอาจจะได้ใช้การพูดสื่อสารกับเขาแทนการเขียน เสวียนหนี่ผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ดุจหยกขาวไม่ได้คิดกล่าวโทษอันใดเขาเลยแม้แต่น้อย นอกจากไม่กล่าวโทษแล้วนางยังปลอบประโลมยามที่เขาโทษว่าเป็นความผิดตนเองด้วยซ้ำไป หากยามนั้นเขามีสติและคิดผลเสียที่จะตามมา ไม่เอาแต่ขี้ขลาดตาขาวเขาก็คงไม่หลงเชื่อคำซูหนี่ง่าย ๆ

“หากอร่อยก็กินให้เยอะ ๆ หน่อย พี่เอาขนมขึ้นเขามามากมายเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ มีขนมกุ้ยฮวา เซาปิ่ง ขนมเปี๊ยะ และนี่ขนมทังหยวน” เขาบอกนางพลางดันกล่องขนมที่ทำจากไม้รูปทรงสี่เหลี่ยมเข้าไปใกล้ ๆ แต่ซินหยางกลับดันกล่องไปไว้ที่เดิมแล้วทำหน้าดุป๋อเหวินทีเล่นทีจริง

“ให้นางค่อย ๆ กินเถิดป๋อเหวิน ดูสิ! นางกินจนเต็มกระพุ้งแก้มแล้วเดี๋ยวก็สำลักกันพอดี”

“ข้าเห็นนางกินเก่งแบบนี้ก็ดีใจมากไปหน่อยขอรับ”

“จงอย่าลืมไปว่าร่างกายนางไม่ค่อยแข็งแรง หากนางกินมากไปก็อาจไม่สบายเอาได้ เห็นใจแม่ชีที่ต้องเหนื่อยเฝ้าดูอาการนาง”

“เข้าใจแล้วขอรับ”

ซินหยางมักจะมาเยี่ยมเยือนเสวียนหนี่แล้วนอนค้างที่อารามเป็นบางครั้ง แต่หน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในจวน ทำให้นางไม่สามารถเจียดเวลามาได้ทุกวัน นางได้รับอนุญาตให้มานอนค้างที่อารามได้เพียงแค่สามวันต่อเดือนเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นมู่เฉินยังคงแสดงอาการท่าทางเหมือนไม่พอใจ สาเหตุเพราะเจียวเหมยที่ชอบเอาเรื่องมาบ่นให้เขาฟังอยู่ตลอดว่าตนเองต้องทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในจวนแทนฮูหยินใหญ่ จนทำให้นางนั้นรู้สึกเหนื่อยเกินไปจึงไม่มีเวลาได้อบรมสั่งสอนซูหนี่เกี่ยวกับการวางตัวให้เหมาะสมเพื่อเตรียมตัวเป็นสะใภ้ที่ดี

หากซินหยางขอไปนอนค้างที่อารามบ่อย ๆ นางก็ต้องรับภาระแทนทั้งหมด เพราะทุกอย่างที่ฮูหยินทำล้วนมีแต่เรื่องน่าเบื่อหน่ายทั้งสิ้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   17.มาถึงไวกว่าที่คิด

    มาถึงไวกว่าที่คิด“ท่านประมุขจะกลับเข้าหุบเขาอูยาตอนนี้เลยหรือขอรับ”หลีเหว่ยถามขึ้นในขณะที่หงอี้เฉินกระโดดขึ้นหลังม้า เขามองมายังสหายเพียงหนึ่งเดียวของเขาแล้วทอดมองทางคดเคี้ยวเบื้องหน้า นี่ก็เป็นเวลาเก้าวันแล้วที่เขาออกจากหุบเขาอูยามาเพื่อทำการธาราบำบัดตามคำแนะนำของผู้เป็นอาจารย์ น้ำตกเล็ก ๆ แห่งนี้คือแหล่งน้ำบริสุทธิ์ชั้นยอด เหมาะแก่การใช้บำบัดร่างกาย ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและยังรู้สึกผ่อนคลายไปในตัว อีกทั้งอี้เฉินยังชอบวิธีการบำบัดร่างกายด้วยวิธีนี้เป็นพิเศษเพราะเขาต้องการฝึกจิตใจให้สงบไปพร้อมกัน เขาเชื่อว่าผู้มีสติดีเท่านั้นจึงจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี“นี่เพิ่งจะเก้าวันเองนะขอรับท่านอาจารย์”ผู้ติดตามหนุ่มหันไปสอบถามความคิดเห็นของโม่โฉว เขาพยักหน้าช้า ๆ คล้ายจะบอกว่าเห็นด้วยกับอี้เฉิน โม่โฉวรู้นิสัยอี้เฉินดีว่าถึงเขาทัดทานไว้ให้อยู่ต่ออี้เฉินก็จะไปตามใจปรารถนาอยู่ดี จะมีผู้ใดค้านเขาได้บ้าง ในเมื่อเขาเป็นคนที่ตัดสินใจแล้วมั

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   16.จับกด

    จับกดย่างเข้าสู่ชุนเทียนกลีบบุปผาร่วงหล่นอำลาต้นสู่พื้นดินเผยให้เห็นยอดอ่อนใบใหม่ที่กำลังจะแตกออก สีของยอดอ่อนนั้นแลดูเขียวขจีน่าชื่นชมไม้บางชนิดได้ทิ้งใบแต่คงไว้ซึ่งดอกที่กำลังบานสะพรั่งทิวทัศน์งามแต่งแต้มด้วยสีสันสรรสร้างโดยธรรมชาติบรรยากาศบริเวณนี้น่าชื่นชมไม่ยิ่งหย่อนไปจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าตามจินตนาการของผู้คน กลิ่นอายลมหวนพัดโชยมาคละคลุ้งกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ทำให้เพียนเพียนสูดหายใจไปเต็มปอดเสวียนหนี่มองเด็กหญิงตัวน้อยแล้วอดที่จะแย้มยิ้มตามไม่ได้ ตอนที่นางอายุเท่าเพียนเพียนนั้น ถึงแม้จะเติบโตในชนบทแต่ทว่าทิวทัศน์รอบกายไม่ได้สวยงามมากมายเพียงนี้ ในยุคโบราณผืนป่ายังคงความอุดมสมบูรณ์ในขณะที่บ้านเกิดของเสวียนหนี่ในยุคปัจจุบันเริ่มมีการตัดต้นไม้มาสร้างตึกรามบ้านช่องจนเขาบางลูกกลายเป็นเขาหัวโล้นไปแล้ว“เพียนเพียน”“เจ้าคะ”“อีกเพียงร้อยลี้ก็จะถึงจุดหมายปลายทางของพวกเราผ่านเขาลูกนั้นไปก็เข้าเขตหุบเขาอูยาแล้ว”

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   15.ทิ้งเด็กไว้แล้วไปต่อ

    ทิ้งเด็กไว้แล้วไปต่อถึงแม้มารดาของเด็กจะยังไม่มาตามนัด แต่ถานถานและเสวียนหนี่ไม่อาจทนรอจนฟ้าสางได้ถานถานควบเกวียนเข้ามาในตลาด พอถึงแหล่งชุมชนเขาอุ้มเด็กลงจากเกวียนแล้วปล่อยให้นางยืนโดดเดี่ยวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ตรงนั้นด้วยความสงสารเสวียนหนี่พยายามขอร้องเขาแต่ถานถานก็ไม่คิดจะใจอ่อน“พื้นฐานจิตใจของท่านข้าคิดว่าไม่ใช่คนใจร้าย”“เจ้าจะไปรู้ดีกว่าข้าได้อย่างไร”“ท่านไม่สงสารนางหรือเจ้าคะ”“ไม่ ออกเดินทางได้แล้ว เราเสียเวลามามากพอแล้ว”“...”เขาบอกให้นางขึ้นเกวียนแล้วตนเองก็เข้าไปนั่งประจำที่ของตน ก่อนจากไปเสวียนหนี่ไม่ยอมละสายตาจากเด็กน้อยที่กำลังยืนร่ำไห้ชีวิตต่อจากนี้ไปจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ ที่เสวียนหนี่ทำได้คือช่วยให้นางมีลมหายใจต่อ แต่เสียใจที่ไม่อาจช่วยได้ตลอดรอดฝั่งเกวียนของทั้งสองออกจากจุดนั้นไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่โรงพนัน เสวียนหนี่ชะเง้อมองเข้าไปข้างในเห็นผู้คนม

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   14.รับบทคนขุดสุสาน

    รับบทคนขุดสุสาน“โมโหขนาดนี้อย่าบอกนะว่าเจ้าจะช่วยนาง”ถานถานดึงแขนเสวียนหนี่เข้ามากระซิบกระซาบถามเป็นครั้งที่สอง“ตาแก่ถาน ท่านพอจะช่วยลูกของนางได้หรือไม่เจ้าคะ”“เหอะ อย่าฝัน”หลังอาทิตย์อัสดงที่สุสานบรรพชนตระกูลผิง“เจ้าบ้าไปแล้วรึ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดยังจะแส่หาเรื่องอีก”เขาตำหนินางด้วยน้ำเสียงที่เบาพอสมควร บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดวังเวง ท้องฟ้ายามนี้สิ้นแสงไปได้ระยะหนึ่ง เสียงสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืนดังหวีดหวิวน่าหวาดกลัวในขณะที่ทั้งสองเดินตามทางรกร้างแคบ ๆ เสวียนหนี่เกาะชายผ้าชายแก่ไว้เพราะรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก ทุกย่างก้าวของนางสั่นเครือเกือบจะก้าวต่อไปไม่ไหวสำหรับถานถานไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นกลัวอะไรเลยเพราะในบางวันที่เขาเข้าป่าไปหาตัดไม้ก็มักจะนอนกลางป่ากลางเขาเป็นเรื่องปกติไม่ว่าจะในสุสานหรือพงไพรล้วนบรรยากาศอึมครึมไม่แพ้กัน สัตว์ป่าที่ส่งเสียงน่ากลัวใ

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   13.เจ้าสาวผี

    เจ้าสาวผีเข้าสู่วันที่สิบของการออกเดินทาง เสบียงที่นำติดตัวมานั้นเริ่มร่อยหรอเต็มที เสวียนหนี่ก้มลงมองถุงผ้าที่นางห่อเสบียงแล้วมองไปรอบ ๆ ข้างทางที่ผ่านมานั้นไม่มีลำธารหรือบ่อน้ำให้เห็น เป็นเพราะเส้นทางที่เขาพามาไม่ได้สะดวกอย่างเช่นที่เขาได้บอกไว้ก่อนหน้าฉะนั้นการหาเสบียงเพิ่มจึงเป็นปัญหาหลักของการเดินทางครั้งนี้“ตาแก่ถาน ข้ากระหายน้ำ”“แถวนี้ไม่มีน้ำหรอก อดทนอีกหน่อย พ้นจากตรงนี้ไปราวยี่สิบลี้น่าจะมีน้ำตกถ้าข้าจำไม่ผิด”“ยี่สิบลี้เลยหรือเจ้าคะ”ในขณะที่เสวียนหนี่กำลังหดหู่สิ้นหวังสายตาของนางเหลือบไปเห็นป่าไผ่ข้างทาง นางชี้มือไปที่ป่าไผ่พร้อมบอกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ“ตาแก่ถาน นั่นป่าไผ่เจ้าค่ะ”“ป่าไผ่แล้วอย่างไร”“ข้าหิวน้ำ ในต้นไผ่มีวุ้นสามารถกินแก้กระหายได้”“เจ้าก็ว่าไปเรื่อยคุณหนูอย่างเจ้าจะไปรู้เรื่องของป่าได้อย่างไร”เขาหัวเราะนางอย่างขำขัน แต่ก็ยังดึงบังเหียนบังคับล่อให้หยุดเมื่อจอดสนิทแล้วเสวียนหนี่กระโดดลงมาจากเกวียน&nb

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   12.ผ่านด่านเมืองหลวง

    ผ่านด่านเมืองหลวงเช้าวันรุ่งขึ้น เสวียนหนี่ตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงร้องของสัตว์บางชนิดนางลุกขึ้นจากเตียงไม้ไผ่ผุพังในกระท่อมของถานถานแล้วเดินออกมาขยี้ตาดูที่หน้ากระท่อมนั้นถานถานกำลังจูงล่อมาหนึ่งตัว ล่อตัวนี้ลักษณะดี แข็งแรงเหมาะแก่การใช้เป็นพาหนะในการแบกขน เจี่ยนถานถานมัดมันไว้กับเสาหน้าบ้านแล้วเดินมาดื่มน้ำดื่มท่าให้หายเหนื่อย“ท่านเอามันมาจากที่ใดเจ้าคะ”“ซื้อมา”“เอาเงินจากไหนไปซื้อมา”“ก็ปิ่นปักผมกับต่างหูนั่นอย่างไรอ้อมีแหวนด้วย”“ปิ่นและต่างหูของข้าท่านเอาไปตอนไหน”“ตอนเจ้าหลับ”คราวนี้เป็นเสวียนหนี่บ้างที่เป็นฝ่ายกัดฟันกรอดอย่างเหลืออดนางอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ แต่ก็ระงับสติได้ทันกลัวว่าถานถานจะไม่พานางไปหุบเขาอูยาเขายังดื่มน้ำในถุงหนังสัตว์อย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนในขณะที่เสวียนหนี่ตอนนี้โมโหสุดขีดเพราะได้กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวโดยสมบูรณ์ความต

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status