บทที่ 1 กุหลาบกับไฟ
ณ.ผับหรูใจกลางกรุงปารีสที่ตอนนี้เต็มไปด้วยนักท่องราตรียามค่ำคืน ที่กำลังต่างพากันโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเพลงที่ดีเจกำลังเปิดอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะบริเวณกลางเวทีที่ดูจะร้อนระอุที่สุด เพราะมีร่างของหญิงสาวที่สุดจะแสนเซ็กซี่ในชุดเกาะอกสีแดงสดกำลังเต้นโยกย้ายด้วยท่าทางที่สุดแสนจะยั่วยวน ทุกการเคลื่อนไหวของเธอเรียกเสียงเฮจากบรรดาหนุ่มสาวที่ต่างพากันส่งเสียงเชียร์เธอได้เป็นอย่างดี
“โรเซ่ โร่เซ่ โรเซ่” ยิ่งเสียงเรียกชื่อเธอดังมากเท่าไร หญิงสาวก็ยิ่งเพิ่มความยั่วยวนมากขึ้นเท่านั้น ทำเอาบรรดาหนุ่มๆ ที่อยู่แถวหน้าแทบจะเลือดกำเดาไหลเพราะความเซ็กซี่ของเธอ
โรส หรือที่ทุกคนเรียกด้วยชื่อโรเซ่ เธอคือหญิงสาวชาวไทยที่มีรูปร่างแสนจะเซ็กซี่ อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก ยิ่งรวมกับรูปร่างสูงโปร่งเหมือนนางแบบที่ช่วยส่งเสริมให้เธอดูดียิ่งขึ้น รวมกับหน้าตาที่สวยชนิดที่คนเดินผ่านยังต้องหันมอง ทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจของทั้งชายและหญิงได้ไม่ยาก
“ขอบคุณโรเซ่ที่รักของเรา ที่วันนี้ขึ้นมามอบความสุขให้กับพวกเราทุกคนเป็นการส่งท้ายก่อนที่เธอจะกลับประเทศของเธอ” เป็นเสียงของดีเจที่พูดขึ้นช่วงท้ายเพลงก่อนที่เพลงจะจบลง “ฉันหวังว่าเธอจะคิดถึงพวกเราและกลับมาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆ นะ ไม่งั้นพวกเราคงคิดถึงเธอแน่ๆ” โรสได้ยินดีเจพูดแบบนั้นเธอเลยเดินไปหาดีเจคนนั้นก่อนจะแย่งไมค์ของดีเจมาพูด
“อย่ามาโกหก พรุ่งนี้พวกนายก็ลืมฉันแล้ว” คำพูดของโรสเรียกเสียงเฮจากคนในร้านได้เป็นอย่างดี
หลังจากจบเพลงโรสก็ลงจากเวทีมานั่งที่โต๊ะของเธอ ที่มีเพื่อนๆ ของเธอนั่งรออยู่
“เซ็กซี่เป็นบ้า เชื่อมั้ยวันนี้ต้องมีผู้ชายกว่าครึ่งร้านที่อยากพาจะเธอกลับบ้าน” หนึ่งในเพื่อนของโรสพูดขึ้น “แต่พวกนั้นก็ต้องผิดหวังเพราะโรเซ่ของเราไม่เคยสนใจใคร” เพื่อนคนเดิมยังพูดต่อ
“ใช่ ยัยนี่เก่งเรื่องทำให้คนอยากแล้วจากไปเป็นที่สุด ฉันล่ะสงสารคนพวกนั้นจริงๆ” เพื่อนอีกคนของเธอพูด
“ถ้าเธอสงสาร ก็เก็บพวกนั้นกลับไปสิฉันยกให้” โรสพูด
“ที่พวกฉันพาเธอมาก็เพราะแบบนั้นนั่นแหละ”
“นี่พวกเธอเห็นฉันเป็นตัวล่อผู้ชายเหรอ” เธอถามแบบไม่ค่อยใส่ใจ
“เอาน่าถือว่าช่วยพวกฉันออมแรง พวกฉันจะได้มีแรงไว้ทำกิจกรรมที่มันสนุกๆ ว่าแต่เธอเถอะไม่สนใจทำบ้างเหรอ”
“ไม่” โรสพูดก่อนจะหยิบกระเป๋าเตรียมตัวที่จะกลับ “พวกเธอทำกันไปเถอะไอ้กิจกรรมอย่างว่า ระวังโรคกับระวังท้องด้วยก็แล้วกัน ฉันกลับก่อนนะเหนื่อยแล้ว” พูดจบโรสก็ลุกขึ้นเพื่อกลับห้องปล่อยให้เพื่อนๆของเธอสนุกกันต่อ แต่ระหว่างทางเดินที่จะออกจากร้านก็มีหนุ่มๆ เข้ามาชวนเธอให้ไปต่อตลอดทาง แต่ทุกคนก็ต้องผิดหวังเพราะเธอปฏิเสธไปอย่างไม่ใยดี
วันนี้เพื่อนๆ พาโรสมาเลี้ยงส่งท้ายเพราะพรุ่งนี้เธอต้องกลับประเทศไทยหลังจากที่เรียนจบ เธอถูกพ่อขับไล่ไสส่งมาเรียนที่ฝรั่งเศสตั้งแต่อายุแค่สิบห้า จนตอนนี้เธออายุยี่สิบห้าพร้อมกับจบปริญญาโทเรียบร้อยแล้ว
“ที่บ้านจะเปลี่ยนไปขนาดไหนนะ” เธอคิด เพราะตั้งแต่ที่เธอถูกพ่อส่งมาอยู่ที่นี่เธอก็ไม่เคยได้กลับไปประเทศไทยอีกเลย
ณ.ห้องทำงานห้องหนึ่งในคฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพเมืองหลวงของประเทศไทย มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงโปร่งกำลังเดินด้วยจังหวะมั่นคงตรงมาที่โต๊ะทำงานที่มีชายวัยกลางคนกำลังนั่งทำงานอยู่ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ท่านเรียกผมเหรอครับ” ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานก่อนจะเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่
“ใช่ นั่งก่อนสิฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” ท่านอนุวัตรหรือก็คือท่านที่ชายหนุ่มเอ่อถามบอก ชายหนุ่มจึงนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ทันทีที่ชายหนุ่มนั่งลงท่านก็เริ่มพูดขึ้นทันที
“นายรู้เรื่องที่ลูกสาวฉันจะกลับมาแล้วใช่มั้ย” ท่านอนุวัตรเริ่มเข้าเรื่องทันที
“ทราบแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบ เพราะเขาเองก็ทำงานอยู่ที่นี้ต้องเขาออกบ้านหลังนี้บ่อยๆ เขาจะไม่รู้ข่าวเรื่องการกลับมาของลูกสาวท่านอนุวัตรได้ยังไง เพราะหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาคนที่บ้านต่างวิ่งวุ่นเพราะต้องจัดเตรียมห้องสำหรับคุณหนูของบ้านให้วุ่นวายไปหมด
“ฉันอยากให้นายไปเป็นคนดูแลลูกสาวฉัน” ทันทีที่ท่านพูดจบชายหนุ่มก็มองท่านอนุวัตรด้วยสีหน้าสงสัย
ทำไมเขาต้องไปดูลูกสาวของท่านด้วย ไม่ใช่ว่าเธอมีคนดูแลอยู่แล้วหรอกเหรอ เขาเคยได้ยินว่าป้านวนแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่คือคนที่ดูแลลูกสาวของท่านมาตั้งแต่เธอยังเล็กไม่ใช่เหรอ
“นายสงสัยใช่มั้ยว่าทำไมฉันถึงได้ให้นายไปดูแลลูกสาวฉัน” ดูเหมือนท่านอนุวัตรจะอ่านสีหน้าของชายหนุ่มออก
“ครับ ผมเคยได้ยินว่าป้านวนคือคนที่ดูแลคุณหนูมาตั้งแต่เธอยังเด็ก และป้านวนก็ดูดีใจมากที่คุณหนูจะกลับมา” ชายหนุ่มตอบคำถามตามที่เขาเข้าใจ
“นายรู้ใช่มั้ยว่าฉันเสียภรรยาไปหลังจากที่เธอคลอดลูกสาวฉันได้ไม่นาน” ชายหนุ่มพยักหน้า ท่านอนุวัตรเคยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง ภรรยาของท่านเสียชีวิตเพราะว่าท่านป่วยเป็นมะเร็ง ในตอนที่ภรรยาท่านตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งเป็นตอนที่ท่านตั้งท้องได้ประมาณสามเดือน แต่ท่านไม่ยอมรับการรักษาเพราะท่านกลัวว่าการรักษาจะกระทบเด็กในครรภ์ ท่านจึงรอให้คลอดลูกก่อนถึงค่อยทำการรักษา ถึงแม้หลังจากที่ท่านคลอดคุณหนูแล้วท่านจะรับการรักษาทันทีแต่อาการของท่านก็ทรุดมากแล้วทำให้การรักษาไม่ค่อยได้ผล ท่านจึงเสียงไปหลังจากคลอดคุณหนูได้แค่สามปี
“ถ้างั้นนายก็คงเคยได้ยินความร้ายกาจของลูกสาวฉันมาบ้างใช่มั้ย” ชายหนุ่มพยักหน้าเขาเองก็เคยพอได้ยินวีรกรรมของลูกสาวท่านมาอยู่บ้าง เห็นว่ามีชอบปัญหากับเพื่อนในโรงเรียนจนท่านต้องย้ายโรงเรียนให้จนแทบจะย้ายครบทุกโรงเรียนในกรุงเทพแล้ว สุดท้ายท่านเลยต้องส่งไปเรียนที่ฝรั่งเศส
“เพราะว่าเธอขาดแม่ตั้งแต่เด็กฉันเลยตามใจเธอจนกลายเป็นเด็กนิสัยเสีย อยากได้อะไรก็ต้องได้ อยากทำอะไรก็ต้องทำ ส่วนนวนเองก็รักคุณหนูของเธอมากจนไม่กล้าจะขัดใจ ส่วนคนอื่นก็ไม่มีใครกล้าขัดใจเธอเพราะกลัวความร้ายกาจของเธอ ถ้าฉันยังให้นวนดูแลต่อในอนาคตต้องเกิดปัญหายิ่งกว่านี้แน่ๆ ฉันเลยอยากให้นายช่วยดูแลเธอหน่อย ด้วยนิสัยอย่างนายน่าจะรับมือกับความร้ายกาจของลูกสาวฉันได้ ถือว่าฉันขอร้องก็ได้นะไฟ” ท่านอนุวัตรเรียกชื่อของชายหนุ่ม พร้อมกับมองเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง
ชายหนุ่มใช้เวลาคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบรับคำขอของท่านอนุวัตร
“ครับ” ชายหนุ่มตอบรับ เดิมที่เขาไม่อยากจะตอบรับหน้าที่นี้สักเท่าไร แต่เพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเขาไว้ถ้าไม่ได้ท่านป่านนี้ไม่รู้ว่าเขากับแม่จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
ชายหนุ่มนึกถึงอดีต เขาในวัยสิบห้าปีได้ถูกตำรวจจับข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยคนที่ถูกเขาทำร้ายร่างกายก็คือพ่อเลี้ยงสาระเลวของเขาเอง ในวันนั้นเขากลับบ้านหลังจากที่ทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนเสร็จ เขาเห็นแม่กำลังถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายเพราะแม่ของเขาไม่ยอมให้พ่อเลี้ยงเอาเงินเก็บที่เขาเก็บไว้สำหรับค่าเทอมไปกินเหล้าและเล่นการพนัน ไอ้หมอนั้นเลยทั้งทุบทั้งตีแม่ของเขาจนท่านลงไปนอนกองที่พื้นแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นท่านก็ยังคงกอดกระปุกเงินของเขาไว้แน่นไม่ยอมให้มันเอาไป และภาพนั้นก็ทำให้ความอดทนของเขาที่มีต่อพ่อเลี้ยงหมดลง
เขาเข้าไปผลักพ่อเลี้ยงที่กำลังจะยกเท้ากระทืบแม่ของเขาจนมันล้มลงที่พื้น ก่อนที่เขาจะขึ้นคร่อมมันแล้วกระหน่ำมัดใส่จนมันสลบไปแต่เขาก็ยังไม่หยุดต่อยมัน จนกระทั่งตำรวจที่ได้รับแจ้งความจากชาวบริเวณนั้นมาถึงและได้คุมตัวของเขาไป
แม่ของเขากลัวว่าเขาจะติดคุกจึงได้ติดต่อหาเพื่อนของพ่อแท้ๆ ของเขา ซึ่งก็คือท่านอนุวัตร ท่านอนุวัตรรีบมาที่โรงพักที่เขาถูกคุมตัวอยู่ทันที และช่วยเรื่องคดีของเขาโชคดีที่เขายังเป็นเยาวชนอยู่การจัดการอะไรก็เลยค่อนข้างง่าย และท่านยังช่วยจัดการเรื่องพ่อเลี้ยงสาระเลวของเขาให้มันได้รับโทษอีก นอกจากท่านจะช่วยเขาในเรื่องของคดีในวันนั้นยังไม่พอ ท่านยังช่วยส่งเสียให้เขาได้เรียนนังสือให้งานแม่ของเขาทำ ทำให้เขาได้มีที่อยู่ที่ดีๆ จนกระทั่งวันนี้เขาเรียนจบจนสามารถเปิดบริษัททนายความก็ยังคงได้รับการสนับสนุนจากท่านจนบริษัทของเข้าเติบโตขึ้นมาจนอยู่แถวหน้าของประเทศ
“ฉันขอบใจนายมาก แล้วเรื่องที่ฉันให้นายไปจัดการล่ะ ได้เรื่องมั้ย” ท่านอนุวัตรถามถึงเรื่องที่ดินที่ภูเก็ตที่ให้ชายหนุ่มไปจัดการ ถึงแม้ว่าเขาจะมีบริษัทของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบแต่เขาก็ยังคงทำงานให้ท่านอนุวัตรอยู่เหมือนเดิม
“เรียบร้อยแล้วครับ ผมส่งเรื่องให้ทนายพัชชาจัดการต่อแล้วครับ“ เขาตอบ
“ดี ขอบใจนายมาก” ท่านอนุวัตรบอก แล้วทั้งสองก็คุยเรื่องงานอื่นๆ กันอีกนาน
ตอนที่ 72 รอบแรก ลูกไม่น่าจะมา NC -จบ-หลังจากที่เขาปลดปล่อยทุกหยดเข้าในกายเธอ เสียงหอบหายใจยังสะท้อนในความเงียบของห้องนอน ร่างเปลือยเปล่าของโรสนอนพาดอยู่บนอกเขา ผิวเนียนนุ่มแนบแน่นไปกับแผ่นอกแกร่งที่ยังร้อนระอุจากไฟรักเธอกำลังจะเคลิ้มหลับ แต่เสียงทุ้มต่ำของคนใต้ร่างก็ดังขึ้นใกล้ใบหู พร้อมกับลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารด“รอบแรก… ลูกไม่น่าจะมานะโรส”“หืม” เธอขมวดคิ้วงัวเงีย ถามเสียงแหบไฟยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มที่โรสรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร เธอมองไฟที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และหื่นมาก“คงต้องต่อรอบสอง…” มือหนาเริ่มเลื่อนลูบไปตามต้นขาเธออย่างมีจังหวะ ก่อนจะล้วงเข้าไปในจุดที่ยังฉ่ำชื้นจากบทรักที่ผ่านมา“ไฟ…” โรสสะดุ้ง มือเล็กผลักอกเขาเบา ๆ “ไม่เอาแล้ว… ฉันเหนื่อย”“เหนื่อยก็แค่นอนเฉย ๆ เดี๋ยวฉันทำเอง” เสียงของเขาแหบพร่า แต่แฝงด้วยความอ่อนโยนอย่างเหลือเชื่อ “นะ… อดใจไม่ไหวแล้วจริง ๆ&rdqu
ตอนที่ 71 พิธีแห่งรักของเธอและเขา NCเสียงเพลงคลอเบา ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสวนสวยยามเย็นที่ถูกประดับด้วยผ้าโปร่งสีขาว ดอกกุหลาบสดเรียงรายทั้งสองฝั่งทางเดิน โคมไฟแขวนลอยระยิบระยับเมื่อแสงแดดอ่อนท้ายวันตกกระทบ สร้างภาพที่เหมือนความฝันแขกเหรื่อเริ่มทยอยเข้ามาจับจองที่นั่ง อนุวัตรในชุดสูทหรูยืนอยู่หน้าเวทีด้วยรอยยิ้มเปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจข้างพัชชา ที่แม้จะยังไม่เรียกกันว่าภรรยา แต่วันนี้โรสก็ไม่ได้กันเธอออกไป พัชชาเพียงยิ้มเงียบ ๆ ขณะมองบรรยากาศแห่งความสุข“เจ้าสาวมาแล้วค่ะ”เสียงพิธีกรกล่าวขึ้น ท่ามกลางเสียงฮือฮาเบา ๆ จากแขกในงานโรสในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดที่ปักลูกไม้ละเอียดทุกตารางนิ้ว เดินเยื้องอย่างสง่างามในอ้อมแขนของพ่อ เธอดูสวยที่สุดเท่าที่ทุกคนเคยเห็น ผมถูกรวบขึ้นหลวม ๆ ติดดอกไม้สีขาวที่ขับให้เธอดูอ่อนโยนในแบบที่เธอไม่เคยรู้ตัวมาก่อนไฟยืนรออยู่หน้าแท่นพิธี ดวงตาเขามีแต่ภาพของโรส เขากลั้นรอยยิ้มไว้ไม่ได้เลยตั้งแต่เธอก้าวขาแรกออกมาจากมุมโค้งต้นไม้เมื่อโรสเดินมาถึง ไฟยื่นมือออกไปรับจากพ่อของเธอ อนุวัตรสบตากับเขาเล็กน้อ
ตอนที่ 70 ว่าที่เจ้าสาวเสียงเรียกเข้า วีดีโอคอล ดังขึ้นบนหน้าจอมือถือของ “สิ” ที่ตอนนี้นั่งอยู่ในร้านกาแฟเล็ก ๆ พร้อมกับเอกสารการหย่าฉบับจริงที่เพิ่งรับมาเมื่อเช้า“ตายแล้ว เธอโทรมาเวลานี้ ต้องมีเรื่องเด็ด” สิพูดกับตัวเองก่อนจะกดรับสายภาพใบหน้าสวยจัดของโรสโผล่มาเต็มจอ พร้อมกับรอยยิ้มที่ผิดปกติชัดเจนนั่นมัน…ยิ้มคนมีความรักหนักมาก“อะไรของเธอ ยิ้มแบบนี้ อย่าบอกนะว่าคุณทนายทำอะไรเธอมาอีกแล้ว ว่ามารอบนี้จะอวดอะไรล่ะ”โรสหัวเราะเบา ๆ แล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ในห้องนอนของไฟ เธอกำลังอยู่บ้านเขา ที่ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเหมือนเป็น บ้านของเธอด้วย“ฉันมีเรื่องจะบอกแต่ห้ามกรี๊ด ห้ามร้องไห้ ห้ามอิจฉา เพราะฉันก็ยังงงอยู่เหมือนกัน”สิหรี่ตามอง “พูดมาขนาดนี้…อย่าบอกนะว่าท้อง”“ไม่ใช่ ยัยบ้า” โรสหัวเราะเสียงดัง “เขาขอฉันแต่งงานเมื่อคืนนี้เอง”สิเงียบไป 0.2 วินาที แล้ว“กรี๊ดดดดด ขอแต่งงานเหรอ พูดจริงใช่มั้ย โรสเล่าเดี๋ยวนี้”โรสหลุดหัวเราะกับรีแอคชั่นของเพื่อนที่ไม่มีฟิลเตอร์แม้แต่นิดเดียว ก่อนจะเอา
ตอนที่ 69 แค่เธออยู่ฉันก็ไม่กลัวโถงหน้าห้องฉุกเฉินเงียบสงัด มีเพียงเสียงนาฬิกาเดิน กับลมหายใจหนัก ๆ ของคนสองคนที่นั่งอยู่เคียงกันไฟนั่งกอดไหล่โรสไว้แน่น ขณะที่โรสก็จับมืออีกข้างของเขาแน่นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เธอไม่พูดอะไรแต่เขารู้ว่าเธอกำลังพยายามกลั้นน้ำตา“ไม่เป็นไรนะโรส แม่ฉันเข้มแข็ง”“ฉันรู้ แต่ฉันก็กลัวอยู่ดี”เสียงของโรสเบาราวกระซิบ น้ำเสียงเครือสะท้อนถึงความตกใจที่เธอพยายามกลืนมันลงไปไฟลูบแขนเธอเบา ๆ จูบหน้าผากเธอเพื่อให้เธอมั่นใจ… ทั้งที่หัวใจของเขาก็ไม่ต่างกันรออยู่เกือบชั่วโมง ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก และชายในชุดกาวน์สีขาวก็ปรากฏตัวขึ้น“พี่ธาม”โรสลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นพี่ชายของเธอ หมอธามถอดถุงมือออกขณะเดินมาหา ดวงตาสบตาน้องสาวและชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้างอย่างจริงจังแต่ไม่ตึงเครียด“แม่นายปลอดภัยแล้ว ฟื้นแล้วด้วย ตอนนี้ยังอยู่ในห้องสังเกตอาการ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ไม่มีภาวะอันตรายเฉียบพลัน”โรสถอนหายใจเฮือกแรงจนตัวโยนก่อนจะร
ตอนที่ 68 ถึงเวลาเก็บกวาดห้องประชุมใหญ่ของบริษัทเต็มไปด้วยบรรยากาศกดดันเล็ก ๆ แม้จะเป็นเพียงการประชุมแผนกบริหารตามปกติ แต่วันนี้มีบางอย่างต่างออกไปโรส นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ด้านซ้ายคือพัชชา ด้านขวาคือผู้จัดการฝ่ายบัญชีการเงิน ชื่อว่า “คุณเอกชัย” ชายวัยสี่สิบที่อยู่กับบริษัทมานาน มีผลงานดี แต่ช่วงปีหลังกลับมีรายงานการเงินที่คลาดเคลื่อนหลายครั้งระหว่างประชุม ทุกอย่างดูปกติ จนกระทั่งโรสเปิดโปรเจคเตอร์แสดงข้อมูลบางอย่างขึ้นมา“ก่อนจะจบประชุม ฉันขอเพิ่มเรื่องหนึ่งค่ะ เรื่องความปลอดภัยของข้อมูลในบริษัทเรา”เสียงของโรสนิ่งเฉียบ แววตาเธอเย็นเฉียบขึ้นเรื่อย ๆ จนหลายคนเริ่มกลืนน้ำลาย“มีพนักงานระดับสูงคนหนึ่ง ส่งข้อความไปเตือนบุคคลภายนอก ให้หนีการตรวจสอบของฝ่ายกฎหมายที่เราส่งไป ทั้งที่บุคคลนั้นคือผู้ต้องสงสัยในคดีอาญา”เธอหันไปทางเอกชัยทันทีโดยไม่มีการอ้อมค้อม“และข้อความนั้น ก็ส่งออกจากเครื่องที่ล็อกอินชื่อของคุณค่ะ คุณเอกชัย”เสียงในห้องเงียบกริบ ทันใดนั้นหน้าของเอกชัยซีดเผือด เขาพยายามตั้งสติ“ผม...ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายบริษัทนะครับ ผมแค่ เขาแบล็กเมล์ผม ผมเคย ยักยอกเงินบริษัทไปใช้หนี้พนันนิด
ตอนที่ 67 ให้อภัยแสงไฟหัวเตียงสลัวอาบผิวของหญิงสาวที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงหลังอาบน้ำเสร็จ กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากแชมพูผสมกลิ่นกายของโรสลอยฟุ้งในอากาศ เธอกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมพลางบ่นเบา ๆ“พรุ่งนี้ฉันจะเข้าบริษัทแล้วนะ ทิ้งงานไว้นานขนาดนี้ ถ้าไม่รีบกลับไปทำ พัชชาคงจะปีนขึ้นเหยีบหัวฉันแน่ ๆ ”ไฟที่นั่งอยู่ข้างเตียง เงยหน้าขึ้นมองเธอ เขายิ้มนิด ๆ แล้วถามเสียงเบา“เธอยังโกรธพัชชาอยู่เหรออีก”โรสเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะวางผ้าขนหนูลง หันมานั่งพิงหมอนแล้วตอบอย่างหนักแน่น“ไม่หรอก เรื่องนั้นฉันไม่คิดอะไรแล้ว ไม่ได้แค้น ไม่ได้อยากทำลายเธอ แต่จะให้กลับไปยิ้มแย้มญาติดีด้วยน่ะ มันก็ยาก แล้วที่สำคัญ”เธอหันขวับไปมองเขา ตาคมมีแววเจ็บปนดื้อรั้น“ฉันไม่มีวันยอมรับเธอเป็นเมียใหม่ของพ่อ”ไฟพยักหน้าเบา ๆ เขาไม่พูดปลอบ ไม่พยายามโน้มน้าวอะไร เพราะเขารู้ว่าโรสไม่ต้องการคนชี้นำ เธอแค่อยากมีใครสักคนฟังและเข้าใจ ซึ่งเขาเลือกที่จะเป็น “คนนั้น”เขาขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะเอื้อมมือมาเกลี่ยผมเปียกของเธออย่างเบามือ แล้วพูดช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน“ไม่ต้องยอมรับใครก็ได้ แค่ยอมรับว่าฉันจะอยู่ข้างเธอ ไม่ว่ากับใคร ไม่ว่าเม