สี่ปีผ่านไป
เมืองซิ่งชุน
“หลี่เจียวมิ่ง เก็บของได้แล้วลูก”
หลี่ชิวโหรวบอกเด็กชายวัยสามขวบครึ่ง ลูกชายตัวน้อยที่แสนน่ารักของเธอ
“เฉิงเจียวมิ่ง อย่าเรียกว่าหลี่เจียวมิ่ง”
เด็กชายรีบแย้ง เขาไม่อยากใช้แซ่ของผู้เป็นแม่ เพราะมักถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ ทั้งๆ ที่เขามีพ่อ พ่อของเขาเป็นถึงคุณหมอ มีชื่อว่าเฉิงอี้หยวน
“พี่ชอบให้ท้ายหลาน เดี๋ยวเขาก็สับสนหรอก”
หลี่ชิวโหรวมองค้อนบอกเฉิงอี้หยวน
“โหรวโหรว พี่บอกเธอกี่ครั้งแล้ว ให้มิ่งมิ่งเรียกพี่ว่าพ่อ เขาจะได้ไม่เป็นเด็กมีปัญหา อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วย”
เฉิงอี้หยวนนับจำนวนกระเป๋าเดินทางแล้วช่วยเด็กชายตัวน้อยถือกระเป๋า
“พี่ก็นะ เดี๋ยวไม่ได้แต่งงานพอดี”
หลี่ชิวโหรวส่ายศีรษะมองผู้ชายตัวใหญ่และผู้ชายตัวเล็กเดินตามกัน
เขาเคยขอเธอเป็นแฟน ทั้งยังขอแต่งงานแล้วหลายครั้ง แต่เธอก็ใจแข็ง ตอนนี้กำลังจะย้ายกลับไปที่เมืองจินไห่ อาจจะต้องพิจารณาอีกครั้ง
ทำให้เขาเสียโอกาสมีสี่ปี เธอคงต้องตัดสินใจครั้งใหญ่
........
เมืองจินไห่
“ไม่ต้องกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่แล้ว คุณอาคุณน้าอยู่ต่างประเทศจนลืมลูกลืมหลานล่ะ”
เฉิงอี้หยวนหัวเราะ พ่อแม่ของหลี่ชิวโหรวกับพ่อแม่ของเขาเป็นเพื่อนสนิทกันถึงขั้นชวนไปเที่ยวในประเทศและตอนนี้ก็ปักหลักอาศัยอยู่ต่างประเทศถาวรไม่ยอมกลับบ้าน
แถมยังสั่งให้เขาดูแลโหรวโหรวและมิ่งมิ่งให้ดีอีกต่างหาก
“ฉันเกรงใจพี่นี่นา”
หลี่ชิวโหรวพูดสายตาลังเลชัดเจน
“ยัยเด็กคนนี้” เฉิงอี้หยวนมองหญิงสาวแววตาอบอุ่น
“อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี จะต้องเกรงใจกันอีกหรือ”
เขาอุ้มหลี่เจียวมิ่งเดินเขาคอนโดของตัวเองอย่างรวดเร็ว
“โหรวโหรว ตามมาเร็วๆ”
เด็กน้อยตะโกนเรียกชื่อแม่จนเธออดขำไม่ได้
เด็กคนนี้คงเลือกแล้วว่าจะให้เฉิงอี้หยวนเป็นพ่อของเขา เพราะเขาไม่เคยถามถึงพ่อแท้ๆ ของตัวเองเลยสักครั้ง
........
บริษัทต้าเฉิง
“ยินดีต้อนรับเลขาอู๋กลับมาทำงานนะครับ”
ต่งเหอเก๋อกล่าวต้อนรับอู๋อี้ตันพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ให้
เธอเรียนจบและทำงานบริษัทที่สาขาฝรั่งเศสจนครบกำหนด โม่เหยี่ยนจึงอนุมัติให้เธอกลับมาทำงานสาขาใหญ่เมืองจินไห่
“ขอบคุณค่ะเลขาต่ง”
หญิงสาวผู้ซึ่งไม่ได้กลับมาเลยตลอดระยะเวลาสี่ปี ตอนนี้เธอดูสดใสมีมาดของหญิงสาวที่มั่นใจเต็มเปี่ยม การแต่งกายและการแต่งหน้าเปลี่ยนไปเป็นแฟชั่นทางฝั่งยุโรป
“สวัสดีค่ะ ประธานโม่”
โม่เหยี่ยนพยักหน้ารับเมื่ออู๋อี้ตันทักทาย
“หวังว่าเลขาอู๋จะช่วยเป็นกำลังในการพัฒนาบริษัทนะ”
เขาพูดเพียงเท่านี้ก็ออกไปคุยธุระข้างนอก
“ฉันไปด้วยไหมคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“เลขาอู๋ดูงานสำคัญที่ท่านประธานมอบให้เถอะครับ งานติดตามประธานคุยงานนอกสถานที่ผมทำเองก็พอ”
ต่งเหอเก๋อพูดกับหญิงสาว
“งานสำคัญหรือคะ”
“ใช่ครับ บริษัทจะมีโปรเจคใหม่ เลขาอู๋ช่วยคิดงานอีกคนดีกว่า คุณเพิ่งเรียนจบกลับมากำลังไฟแรง มุมมองต่างๆ อาจจะไม่เหมือนกับพนักงานที่ทำงานในประเทศมานาน”
“ได้ค่ะ”
หญิงสาวรับคำแล้วกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะของตน
........
โรงเรียนคิงส์เฮาส์
โม่เหยี่ยนมาคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียน ทางบริษัทต้าเฉิงจะเปิดให้นักเรียนอนุบาลและประถมศึกษามาทัศนศึกษาตามกิจกรรมที่โรงเรียนจัดขึ้น จึงต้องมาพูดคุยเรื่องรายละเอียด
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น คุณครูชั้นอนุบาลหนึ่งจูงมือเด็กน้อยเข้ามาหาที่ห้อง
เด็กน้อยหน้าตาสดใส แววตาฉายแววความฉลาดเป็นตัวแทนของนักเรียนกล่าวขอบคุณโม่เหยี่ยนด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“ขอบคุณประธานโม่ที่ให้พวกเราเข้าไปดูที่บริษัทครับ”
เด็กชายตัวน้อยพูดประโยคที่คุณครูสอนมาอย่างคล่องแคล่ว
โม่เหยี่ยนสำรวจใบหน้าน่ารักไร้เดียงสาและแววตาของเด็กชายตัวน้อยที่มองมายังเขาด้วยความมั่นใจก็อดถามไม่ได้
“หนูชื่ออะไร”
เขาถามขึ้นเพราะถูกชะตาเด็กคนนี้เป็นพิเศษ
“ชื่อเฉิงเจียวมิ่ง”
“เฉิงเจียวมิ่ง ลุงจำได้แล้ว วันที่ไปบริษัท ลุงจะเลี้ยงขนมอร่อยๆ นะ แล้วก็หนูๆ ทุกคนด้วย”
เขากวาดสายตามองเด็กน้อยคนอื่นๆ พร้อมรอยยิ้ม
เด็กแต่ละคนเมื่อได้ยืนว่าจะมีขนมอร่อยกินก็ส่งเสียงร้องดีใจ
“หนูไม่ดีใจหรือ”
เขาเอ่ยถามหลี่เจียวมิ่งที่มีสีหน้านิ่งเฉย
“ดีใจ แต่มิ่งมิ่งได้กินขนมอร่อยทุกวันอยู่แล้ว”
เด็กชายตอบอย่างตรงไปตรงมาแววตาใสซื่อ
“ฮ่าฮ่า”
โม่เหยี่ยนหัวเราะเอ็นดู ยกมือหนาลูบศีรษะเด็กน้อย
“ลุงจะหาขนมอร่อยที่สุดในโลกมาให้นะ”
หลี่เจียวมิ่งได้ยินก็ยิ้มชอบใจ
“ขอบคุณครับคุณลุง”
........
บนรถคันใหญ่
ต่งเหอเก๋อมองผ่านกระจกหลังก่อนชวนเจ้านายตัวเองคุย
“ประธานโม่รักเด็กจังนะครับ น่าจะมีลูกไว้เป็นเพื่อนสักคนสองคน”
โม่เหยี่ยนปรายสายตาเย็นชามองนอกกระจกรถ
“ฉันชอบแค่เด็กฉลาด ถ้ามีลูกเป็นของตัวเองกว่าจะโตอาจไม่มีความอดทนพอ”
ถ้าเขากับหลี่ชิวโหรวยังอยู่ด้วยกัน ป่านนี้อาจมีลูกสองคนแล้วก็ได้
เขาคิดพลางถอนหายใจ
........
คอนโดของเฉิงอี้หยวน
“มิ่งมิ่ง ที่โรงเรียนวันนี้เป็นยังไงบ้าง”
หลี่ชิวโหรวชวนลูกชายตัวน้อยคุย เธอมักให้เขาเล่าสิ่งที่พบเจอในแต่ละวัน
“วันนี้มีคุณลุงเจ้าของบริษัทมาที่โรงเรียน บอกว่าจะให้ขนมที่อร่อยที่สุดในโลกกับมิ่งมิ่งด้วย”
เด็กชายเล่าให้แม่ตัวเองฟังอย่างอารมณ์ดี
“อร่อยที่สุดในโลก ถูกคุณลุงหลอกแล้ว”
หญิงสาวหัวเราะกับลูกชาย มือบางหยิบถุงขนมยื่นให้เขา
“มิ่งมิ่งบอกไปแล้วว่าได้กินขนมอร่อยทุกวัน คุณลุงเลยจะเอาขนมอร่อยที่สุดในโลกมาให้”
เด็กน้อยคว้าถุงขนมแล้วหยิบเข้าปากรวดเร็ว
หลี่ชิวโหรวยิ้มชอบใจ ตั้งแต่ตั้งท้องมิ่งมิ่ง เธอก็หาขนมสำหรับเด็กที่อร่อยและมีประโยชน์ สุดท้ายก็เปิดบริษัทเพื่อนำเข้ามาขาย
แม้จะเป็นบริษัทขนาดเล็ก แต่ก็มีความสุขเวลาเห็นเด็กๆ ได้กินขนมที่รสชาติถูกปาก
“แล้วจดหมายที่โรงเรียนให้แม่เซ็นชื่อล่ะจ๊ะ”
เธอเปิดกระเป๋าเป้ของหลี่เจียวมิ่ง หาจดหมายขออนุญาตพานักเรียนไปทัศนศึกษานอกสถานที่
“อยู่ในช่องนั้น”
เด็กน้อยเคี้ยวแก้มตุ่ยชี้นิ้วที่ช่องซิปด้านข้าง
หลี่ชิวโหรวเปิดจดหมายออกมาอ่าน เธอชะงักแล้วเงียบเมื่อเห็นว่าลูกชายต้องไปดูงานที่บริษัทต้าเฉิง ใจนึกถึงโม่เหยี่ยนประธานบริษัทที่แสนใจจืดใจดำ
คนอย่างเขาคงไม่มาสนใจกิจกรรมนี้หรอก อีกอย่างเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าตัวเองมีลูกแล้ว
หลี่ชิวโหรวเซ็นอนุญาตแล้วจับจดหมายใส่ช่องซิปตามเดิม
........
บริษัทต้าเฉิง
บรรดาเด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาลจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบคนเดินจูงมือกันเข้ามาภายในบริษัท แต่ละคนมองสถานที่ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“พาเด็กๆ ไปที่ห้องประชุมก่อนเลยนะ แล้วค่อยแบ่งกลุ่มไปดูแต่ละแผนก”
อู๋อี้ตันบอกกับพนักงานที่ดูแลเด็กๆ มีคุณครูอีกหกคนคอยเดินประกบไม่ให้เด็กน้อยเดินแตกแถวหรือหลงทาง
ในห้องประชุมใหญ่ คุณครูได้ให้ตัวแทนนักเรียนออกมาทำการแสดงเพื่อขอบคุณผู้บริหารบริษัท
“เด็กคนนั้นคล้ายนายตอนเด็กเลยนะ”
สือเหว่ยเฟิง ผู้จัดการอาวุโสของบริษัทชี้นิ้วไปที่เด็กชายแล้วพูดกับโม่เหยี่ยน เขาเห็นโม่เหยี่ยนมาตั้งแต่เล็ก รู้สึกว่าเด็กบนเวทีมีความคล้ายกับชายหนุ่มที่นั่งด้านข้างอยู่หลายส่วน
“เด็กคนนั้นชื่อเฉิงเจียวมิ่ง เดี๋ยวพอโตขึ้นมาหน้าก็เปลี่ยนเอง”
โม่เหยี่ยนกล่าว นัยน์ตาคมมองเด็กน้อยด้วยความสนใจ
เด็กชายที่นิสัยร่าเริง กล้าแสดงออก ช่างเจรจา มีความโดดเด่นบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกรักใคร่เอ็นดู
เมื่อการแสดงของเด็กๆ จบลง พนักงานก็เข็นรถเข็นที่ใส่ขนมเค้กหลากหลายรสชาติ โม่เหยี่ยนได้โอกาสจึงเดินไปหาหลี่เจียวมิ่ง
“เฉิงเจียวมิ่ง” เขาเรียกชื่อเด็กชาย
“ลุงสั่งทำขนมเค้กอร่อยที่สุดในโลกมาให้แล้วนะ”
เด็กน้อยหันมองหน้าชายหนุ่มก่อนมองขนมเค้กบนรถเข็น เขาเห็นหน้าขนมเค้กเป็นรูปตัวการ์ตูนชื่อดังก็มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
“ขอบคุณครับคุณลุง”
หลี่เจียวมิ่งวิ่งไปกอดขาเขาเป็นการเอาใจ จากนั้นก็วิ่งไปหยิบขนมเค้กมากินกับเพื่อนๆ
โม่เหยี่ยนรู้สึกว่ามีกระแสความอบอุ่นวิ่งไหลผ่านหัวใจตอนที่ถูกเด็กชายกอด มือหนายกขึ้นมาลูบศีรษะเขาอย่างลืมตัว ก่อนปล่อยให้หลี่เจียวมิ่งวิ่งไปกินขนมที่ตนสั่งมา
“คิดไม่ถึงว่าประธานโม่ก็มีด้านที่รักเด็ก”
อู๋อี้ตันเดินถือจานขนมเค้กมายื่นให้เขา สายตาจับจ้องที่เด็กชายที่เพิ่งวิ่งออกไป
“ถ้าคุณนายไม่แท้ง อายุก็น่าจะเท่าเด็กคนนี้พอดี”
จ้าวเล่ออิ๋นเลขาอีกคนพูดขณะที่ยกน้ำดื่มมาเสิร์ฟ
โม่เหยี่ยนได้ฟังหน้าเปลี่ยนสีทันที เมื่อคิดว่าอดีตภรรยาสุดที่รักของตนอุ้มท้องให้ชายคนอื่น เขาก็โกรธจนแทบฆ่าคนได้ แต่เมื่อคิดว่าหากเป็นลูกของเขามาวิ่งเล่นอยู่รอบตัวก็คงมีความสุขไม่น้อย
ความรู้สึกสับสนเกิดขึ้นจนเขาต้องเดินออกจากห้องประชุม
“โหรวโหรว เหยียนเหยี่ยน”เสียงของมิ่งมิ่งดังขึ้นเรียกพวกเขาทั้งสองคนหลังพิธีเสร็จสิ้น“เรียกพ่อแม่แบบนี้ได้ยังไง ไม่น่ารักเลย”ซูเหม่ยบอกหลานชายตัวน้อย“พวกเขาแอบมาแต่งงานกันสองคน มิ่งมิ่งตัดขาดการเป็นพ่อแม่ลูกกับพวกเขาแล้ว”เด็กชายตัวน้อยใส่แว่นตาดำ เชิดหน้าใส่คู่บ่าวสาว“แอบตรงไหนกัน พ่อให้คนไปรับมิ่งมิ่งมานะ”โม่เหยี่ยนพยายามงอนง้อลูกชายเด็กชายมองลอดแว่น“น้องสาวอย่างน้อยหนึ่งคน แต่ถ้าแฝดด้วยก็ยิ่งดี”“ตกลง”โม่เหยี่ยนรับคำทันที“อะไร หมา
เมืองหมิงตูเมืองบนเขาขนาดเล็ก มีความเป็นชนบทค่อนข้างสูง คงเอกลักษณ์ท้องถิ่นอย่างเต็มเปี่ยมประชากรในเขตนี้จำนวนไม่มาก การคมนาคมขนส่งยังไม่สะดวกสบาย การเดินทางไปเรียนหรือไปโรงพยาบาลต้องใช้เวลานานโม่เหยี่ยนเดินทางมาเมืองนี้กับหลี่ชิวโหรวและต่งเหอเก๋อ เขาสำรวจรอบเมืองในเวลาสองวันก็สั่งต่งเหอเก๋อให้กลับจินไห่ไปเตรียมงานตามที่สั่งส่วนเขาและหลี่ชิวโหรวพักที่บ้านพักหลังไม่ใหญ่บนเนินเขา พื้นที่รอบบ้านเป็นสวนผักและสวนผลไม้ มีธารน้ำใสอยู่ไม่ไกล“ที่รักจะให้ทำผมอะไรบ้าง”ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าใกล้หญิงสาวตอนที่เธอกำลังเก็บผลไม้ข้างบ้าน“คุณสอนหนังสือได้มั้ย”หลี่ชิวโหรวถาม“แต่อย่าเลย คนอย่างคุณเดี๋ยวไปทำให้ค
‘อารมณ์ไหนเนี่ย’หลี่ชิวโหรวบ่นในใจ มือเรียวจูงเขาเข้าห้องนอนแล้วหยิบเสื้อผ้าในตู้เพื่อจะแต่งตัวให้เขาเธอหยิบเสื้อใส่ให้เขาอย่างคล่องแคล่ว แต่เมื่อสายตามองผ้าเช็ดตัวที่พันตรงบริเวณเอว ก็มีอาการลังเลเล็กน้อย“ใส่กางเกงกับกางเกงในเอง”หญิงสาวหน้าแดงระเรื่อออกคำสั่งชายหนุ่ม“ไม่เอา งั้นก็ไม่ใส่”โม่เหยี่ยนทำท่างอนเดินไปนั่งบนเตียง ในหัวเริ่มคิดประมวลผลอย่างหนัก ถ้าเขาแกล้งเธอมากกว่านี้ พอเธอรู้ความจริง นอกจากจะง้อไม่สำเร็จ เขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดอีกด้วยเพราะฉะนั้น โอกาสมีแค่ครั้งนี้จากนั้นค่อยไปขอไถ่โทษสำนึกผิดทีหลังหลี่ชิวโหรวทำหน้าหงุดหงิด หยิบกางเกงแล้ววางลงบนเตียง ขณะที่กำลังชั่งใจจะช่วยโม
“มิ่งมิ่งเลือกชุดว่ายน้ำได้หรือยัง”หลี่ชิวโหรวถามลูกชายแต่สายตากลับเหลือบมองผู้ชายตัวโตที่ยืนข้างเขา“มิ่งมิ่งเลือกชุดคู่ จะได้เหมือนกับพ่อ” “เหอะ ไม่เลือกชุดคู่กับแม่ล่ะ”เธอก้มหน้าถามมิ่งมิ่ง มือเรียวบีบแก้มเด็กชายด้วยความหมั่นไส้“ไม่ต้องห่วง ผมเลือกให้เอง”โม่เหยี่ยนยกแขนมาโอบไหล่เธอ“เลือกให้คุณด้วย”“ไม่ต้อง ฉันเลือกของฉันเองได้”หลี่ชิวโหรวปัดมือของเขาออกแล้วเดินไปบริเวณชุดว่ายน้ำสตรียังไม่ทันที่เธอจะเลือกชุดได้ โม่เหยี่ยนก็ให้มิ่งมิ่งวิ่งมาบอกเธอว่าพวกเขาเช่าชุดเรียบร้อยแล้ว
“คุณไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นเลย”โจวฟางฟางนั่งเอนศีรษะซบไหล่ของซ่งเวย มือของคนทั้งสองกุมกันแน่น“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเพื่อคุณเลย ขอผมทำบ้างนะ”ซ่งเวยพูดออดอ้อนหญิงสาว“คุณทำเพื่อฉันกับลูกหลายอย่าง ฉันไม่ได้ตาบอดใจบอดจนมองไม่เห็นนะ”โจวฟางฟางบอกเสียงหวาน“คุณอุ้มท้องลู่ลู่ เลี้ยงดูมาดีขนาดนี้ ทั้งยังไม่คิดหาพ่อเลี้ยงให้เธอ ผมทำดีกับคุณมากขนาดไหนก็ไม่พอกับความดีของคุณ”โจวฟางฟางอมยิ้มกับสิ่งที่เขาพูด ดวงตากลมใสมองหน้าเขา“คุณอยากได้ของขวัญอะไรหรือคะถึงปากหวานขนาดนี้”ซ่งเวยเห็นสายตาที่เป็นประกายของโจวฟางฟาง ในใจก็สั่นควบคุมไม่ได้ เขากระซิบบอกเธอให้ได้ยินกันแค่สองคน
“มิ่งมิ่งจะไปหาพ่อ”เด็กชายร้องเสียงดัง เขาเบะปากทำท่าจะร้องไห้ “ไม่ต้องไป เขาเป็นพ่อของเราจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้”ซูเหม่ยปรายสายตา พูดประชดอดีตลูกเขยของตน หลี่ชิวโหรวส่งเสียงทันใด“แม่ แม่กำลังกล่าวหาว่าหนูมีชู้อยู่นะ” ซูเหม่ยตกใจรีบปฏิเสธทันที“เปล่า ลูกสาวแม่ออกจะดี จะไปมีชู้ได้ยังไง มิ่งมิ่งก็ไม่ใช่ลูกชู้”เธอลูบผมหลานชายปลอบใจเขา “มิ่งมิ่งจะหาพ่อ ฮือ”