อย่างไรเสียชายชาติทหารมักหยิ่งในศักดิ์ศรี พวกเขาถือเอาหน้าตาเป็นหลักหากมีเรื่องทำให้เสื่อมเสีย ไม่ว่าในฐานะอนุหรือบ่าวรับใช้ก็ช่าง ขอแค่ออกไปจากความบัดซบนี้ได้นางก็ยอม คิดแล้วก็แค้นนักหากไม่ถูกติงเฉิงหลอกเงินไปเกือบหมดตัว ตนก็คงไม่อับจนหนทางถึงขั้นทำเรื่องน่าอับอายเสียศักดิ์ศรี
กระนั้นความเขินอายก็ยังคงมีมากนัก หากจะให้ใจกล้าขืนใจบุรุษทั้งที่สติครบถ้วนก็คงไม่อาจทำได้ หญิงสาวจึงเทยาที่ยึดมาได้กรอกปากบุรุษตรงหน้าในขณะที่เขาไม่ได้สติ ส่วนที่เหลืออีกเกินครึ่งนางจัดการกระดกรวดเดียวหมดขวด หลังจากดื่มเข้าความร้อนรุ่มบังเกิด ใจเต้นแรงกว่าปกติเริ่มหายใจไม่ออก กระทั่งจังหวะการเต้นของหัวใจหยุดลง
ในเวลาเดียวกันผู้หนึ่งจากไปอย่างไม่รู้ตัว ทว่าผู้หนึ่งกลับมาอย่างไม่ตั้งใจ กระนั้นก็ไม่อาจฝืนฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดที่ดื่มเข้าไปก่อนหน้าได้ ความนึกคิดและสมองขัดแย้งกับร่างกาย สองฝ่ายต่อต้านแต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับอาการกำหนัด สุดท้ายแล้วก็ถูกฤทธิ์ยาครอบงำ ทำตามความต้องการของร่างกายอย่างช่วยไม่ได้
หญิงสาวชาวบ้านแต่งกายด้วยชุดเก่า ๆ เมื่ออารมณ์ได้ที่อาการกำหนัดแทนที่ความเขินอาย นางจัดการถอดกางเกงชายผู้นั้นออกอย่างร้อนรน ก่อนจะถลกกระโปรงตนเองขึ้น แล้วนั่งทับแก่นกายร้อนฉ่า ตะบี้ตะบันโยกเข้าใส่แก่นกายแข็งขืนเพื่อให้สำเร็จความใคร่
ในกระท่อมหลังผุพังกลางป่า บุรุษร่างสูงใหญ่นอนหายใจเหนื่อยหอบ เขากัดฟันทนความอดสูระคนอับอายอย่างเหลือแสน แม้ร่างกายขยับไม่ได้ทว่าส่วนนั้นกลับตั้งตรง สตรีบ้านั่นเอาอะไรให้เขากินในตอนหมดสติกันแน่ ทั้งบัดนี้เจ้าตัวก็กำลังขึ้นขย่มบนตัวเขาอย่างบ้าคลั่ง ห้ามปรามอย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่เข้าหูอีกฝ่ายเอาเสียเลย
คอยดูเถอะ หากครั้งนี้รอดไปได้สาบานเลยว่าจะกลับมาฆ่าสตรีชั่วผู้นี้ให้ตายด้วยมือเขาเอง
หลี่มู่กวากล้ำกลืนฝืนทน ได้แต่อดทนอดกลั้นรอสถานการณ์อันน่าอับอายนี้ผ่านไปเสียที เขาเป็นถึงแม่ทัพแดนใต้ออกรบกรำศึกมานับไม่ถ้วน ทว่าบัดนี้เขากลับถูกสตรีบ้าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีไม่เหลือชิ้นดี
ความอัปยศครั้งนี้ข้าจะจำให้ขึ้นใจ...
หลังจากนางปฏิบัติจนเสร็จกิจก็ฟุบลงหมดสติไปทันที หลี่มู่กวาไม่สามารถทำอะไรได้เขาจึงกัดฟันปล่อยอีกฝ่ายนอนทับบนตัวเขาอยู่เช่นนั้น คิดอยากจะผลักออกแต่ไร้เรี่ยวแรงช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงบางอย่าง ใบหูเริ่มซับสีเมื่อส่วนนั้นยังคงแข็งค้างอยู่ภายในกายสาว จะเดินหน้าต่อก็ไม่ได้ กระนั้นจะถอยหลังก็ไม่ได้เช่นกัน
ด้วยเพราะท่อนล่างเปลือยเปล่ากันทั้งคู่ ชายหนุ่มจึงฮึดสู้งัดเอาแรงเฮือกสุดท้ายดึงเสื้อคลุมของหญิงสาวที่กระจัดกระจายเต็มพื้นขึ้นมาคลุมตัวพวกเขาไว้ มิใช่เพราะความเห็นใจแต่จะให้เขานอนเปลือยท่อนล่างทั้งอย่างนั้นก็ใช่เรื่อง ในเมื่อทำอะไรไม่ได้แม่ทัพหนุ่มได้แต่นอนรอ รอว่าเมื่อไรสตรีบ้าจะตื่นขึ้นมาแล้วลุกไปจากตัวเขาเสียที
ด้วยความอ่อนล้าจากพิษบาดแผล รวมไปถึงการถูกวางยาและการกระทำขืนใจของสตรีแปลกหน้า ทำให้หลี่มู่กวาหลับไปทั้งที่อะไร ๆ ในตัวเขาทั้งสองยังคงสอดประสานกันอยู่เช่นนั้น
ไม่นานนักร่างแน่งน้อยค่อย ๆ ลืมตาตื่น พยายามปรับสายตาให้รับกับความมืดที่มีแสงจากดวงจันทร์ส่องเข้ามาได้แค่เล็กน้อย กระนั้นสติก็ยังกลับมาไม่ครบถ้วน รู้สึกปวดหัวและอึดอัดไปหมด โดยเฉพาะเบื้องล่างมันเจ็บและแสบราวกับร่างกายถูกฉีกเป็นเสี่ยง ๆ
แต่แล้วพลันใบหน้างามกลับแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อสติมาครบถ้วนรับรู้ว่าความรู้สึกเจ็บแสบนั้นเกิดจากอะไร ทั้งคนที่นางกำลังนอนกอดอยู่นั้นคือใคร
หญิงสาวกลั้นใจดึงแขนที่โอบกอดตนออกอย่างเบามือ ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นให้จุดนั้นหลุดออกจากกันได้ในที่สุด กระนั้นก็อดจะร้องด้วยความเจ็บเสียมิได้
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย” มีนถึงกับสบถออกมาอย่างเหลืออดรู้สึกอายเหลือแสน ท่านผู้นั้นให้เธอมาที่นี่ในตอน... เช่นนั้นเธอก็กลายเป็นคนหื่นกามข่มขืนผู้ชายน่ะสิ
โอ๊ย อยากจะบ้าตาย เจ้าแห่งปรโลกท่านบ้าไปแล้วหรืออย่างไร ถ้าจะให้เป็นตัวประกอบคนนี้อย่างน้อยก็ควรจะให้โผล่ตอนอื่นไม่ได้หรือไง
เมื่อลุกออกจากตัวบุรุษได้สำเร็จ มีนจึงรีบจัดการกับเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เธอก็รู้อยู่หรอกว่าตนเองถูกส่งมาที่ไหน แต่มันผิดคาดตรงที่ไม่ใช่สิ่งที่คิดเอาไว้ตั้งแต่แรก คราวนี้เกิดจากอะไร ท่านผู้นั้นเข้าใจผิดหรือว่าผิดที่กลไกทำงานพลาดอีกกันแน่
ในตอนที่กำลังสับสนพลันความทรงจำของร่างเดิมได้เข้ามาแทนที่ เรื่องราวทั้งหมดไหลเวียนเข้ามาในหัวไม่หยุด ตอนนี้เธออยากจะย้อนกลับไปในตอนที่ท่านผู้นั้นให้เธอเลือกไปเกิดเหลือเกิน จะตอบไปอย่างชัดเจนว่าต้องการเป็นผู้ใด จะได้ไม่เกิดเรื่องเข้าใจผิดเช่นนี้
มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ เพื่อความแน่ใจมีนจึงเพ่งมองอีกฝ่ายผ่านความมืดอีกครั้ง ไม่แน่ว่าเธออาจจะตาฝาดคิดไปเองก็ได้
เมื่อตกลงกันได้คนทั้งสี่ได้เริ่มพูดคุยในเรื่องอนาคต โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย พวกนางยังคงต้องรับหน้าที่สำคัญในหอฮวาเหมย ทั้งกิจการส่วนตัวก็อยู่ที่นี่ ไม่สามารถติดตามจิ้งกังไปอยู่เมืองหลวงด้วยกันได้ จึงตกลงกันว่าจะหาจวนขนาดกลางไว้สักหลัง แล้วย้ายไปอยู่ด้วยกัน เมื่อใดจิ้งกังว่างเว้นจากการทำงานค่อยกลับมาเป็นครั้งคราวอีกทั้งอดีตคณิกาทั้งสามมิได้ห้ามให้เขามีภรรยาเพิ่ม แต่มีข้อแม้ภรรยาใหม่ของเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สมบัติของพวกนาง ต่างคนต่างอยู่ ทว่าจิ้งกังนั้นคิดว่าเขาคงไม่แต่งภรรยาเพิ่มอีกแล้ว เหตุผลมีเพียงข้อเดียวคือเขาไม่ต้องการมีภาระเพิ่ม แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับครอบครัวใหญ่ที่แสนจะวุ่นวายทว่าในตอนที่คนทั้งสี่กำลังหยอกล้อต่อกระซิกในห้องส่วนตัว ประตูห้องก็ได้เปิดออกพร้อมกับมีสาวใช้นางหนึ่งถือถาดของว่างเข้ามา ทันทีที่สตรีนางนั้นเห็นจิ้งกัง นางก็ได้รีบวางของแล้วคุกเข่าขอร้องให้เขาช่วยเหลืออย่างน่าสงสาร“ท่านองครักษ์ ท่านจำข้าได้หรือไม่ ข้าหลิวซือซือคนที่เดินทางไปเมืองหน้าด่านไปพร้อมกันอย่างไรเล่า”“อ๋อ จำได้แล้ว เจ้าคือหลิวซือซือที่ตามไปด้วยเมื่อคราวนั้นเอง”ชายหนุ่มวางท่าเมินเฉย เบื้องบนมีลู่
ในยามนี้เมื่อนายเหนือหัวไม่ยอมออกจากตำหนัก จิ้งกังองครักษ์คนสนิทจึงกลายเป็นผู้ดำเนินการต่าง ๆ แทนอ๋องซิงเยี่ยนไปโดยปริยาย งานเล็กน้อยมักจะเป็นเขาที่ต้องออกไปทำแทนอยู่เสมอถึงแม้จะเป็นงานจุกจิกไปสักหน่อย ทว่าเจ้าตัวกลับเต็มใจและภูมิใจที่ท่านอ๋องมิได้ลืมตน ด้วยวันทั้งวันเอาแต่ขลุกอยู่กับพระชายา อย่างน้อยก็ได้มอบภารกิจให้ตนไปทำแก้เบื่อบ้างแต่ใครเลยจะรู้ว่าการที่เขาถูกสั่งให้ไปทำภารกิจเมืองเห่อเป่ย ด้วยหอฮวาเหมยคือหนึ่งในกิจการอย่างลับ ๆ ของท่านอ๋อง เบื้องหน้าคือหอนางโลมทว่าเบื้องหลังคือหน่วยข่าวกรอง เมื่อท่านอ๋องไม่เสด็จไปตรวจงานด้วยตนเอง ผู้ที่ต้องเข้าไปตรวจความเรียบร้อยจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคนสนิทของพระองค์ทว่าตอนนี้จิ้งกังกำลังประสบปัญหา ตัวเขานั้นเกิดพลาดพลั้ง ทำอดีตดาวเด่นนางคณิกาที่ตอนนี้ผันตัวเป็นผู้ดูแลนางคณิกาท้องอย่างไม่ตั้งใจ คนเดียวก็ช่างเถิด แต่นี่ดันท้องพร้อมกันหมดสามคน ทำเอาเขาต้องปวดหัวหาทางออกที่ดีไม่ได้ตัวเขานั้นมิได้รังเกียจที่ได้อดีตคณิกามาเป็นภรรยา ด้วยอยู่ตัวคนเดียวไม่มีครอบครัวให้ต้องกังวลถึงหน้าตาวงศ์ตระกูล ก็เพราะเป็นเช่นนี้อย่างไรเล่า ที่ผ่านมาถึงได้ใช้ชีวิ
“ข้าไม่ได้อยากได้ของของเจ้า ข้าแค่อยากรู้ว่าลิปสติก รองพื้น คุชชั่น หรือแม้แต่เซรั่มทาผิว เจ้าเอามาจากไหนกันแน่ เจ้าทำอย่างไรถึงได้มีของในอนาคตพวกนี้ได้” หรูเฉินเหมยยิงคำถามรัวเร็วเสียจนอีกฝ่ายฟังแทบไม่ทัน นางที่โหมทำงานหนักอดนอนมาหลายวัน ไม่คิดว่าการงีบแค่แป๊บเดียวตื่นมาก็อยู่บนรถม้าที่กำลังเดินทางมาแคว้นเป่ยเสียแล้ว“อย่าบอกนะว่าท่าน... ไม่ใช่คนของที่นี่” ไป๋เหลียนถึงกับยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ มิใช่ว่าองค์หญิงแคว้นฉู่คือคนที่ทะลุมิติมาเหมือนกันหรอกนะ“ใช่แล้วข้าไม่ใช่คนของที่นี่ ไม่กี่วันก่อนข้าเผลอวูบหลับไปนิดเดียว อยู่ ๆ ก็มีเสียงเหมือนนาฬิกาหมุน ตื่นมาก็มาอยู่ที่นี่เสียแล้ว พอข้าได้เห็นของเหล่านี้มันก็เหมือนกับแสงสว่าง อย่างน้อยข้าก็มีเจ้าที่มาจากอนาคตเป็นเพื่อน”“เสียงนาฬิกาหมุนหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว มิหนำซ้ำมันยังมีเสียงแปลก ๆ แทรกเข้ามา เหมือนจะเป็นเสียงใครบางคนพูดว่า ดึงผู้อื่นอีกแล้ว ประมาณนี้แหละ พอข้ารู้สึกตัวก็อยู่ในขบวนส่งตัวแล้ว แล้วเจ้าเล่าเจ้ามาได้อย่างไร” ถึงตอนนี้ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ที่นี่ก็ดูจะคุ้นตานัก โดยเฉพาะชื่อว่าที่สวามีขององค์หญิงที่ตนเข้ามาสวมร่าง“ข
ข้าคือสตรีผู้ทะลุมิติเข้ามาในการ์ตูนมังงะเรื่องหนึ่งที่ชื่นชอบ ก่อนจะเข้ามาในโลกแห่งการ์ตูน ชีวิตเก่าก่อนไม่ค่อยจะดีนัก เติบโตมากับการเป็นเด็กวัด ต่อสู้ดิ้นรนหาเลี้ยงตนเองอย่างแสนยากลำบาก จนวันหนึ่งเกิดเรื่องประหลาดขึ้นกับชีวิตอันน่าบัดซบ กลายเป็นจุดเปลี่ยนชะตานับตั้งแต่นั้นมาข้ากลายเป็นหลี่ไป๋เหลียนฮูหยินตราตั้งขั้นหนึ่ง เป็นแม่ค้าอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเป่ย ไม่มีผู้ใดสามารถลอกเลียนแบบสินค้าของข้าได้ จึงกลายเป็นสินค้าที่ผูกขาดไปโดยปริยายจากเด็กวัดที่มีเงินติดกระเป๋าไม่กี่พัน บัดนี้กลายเป็นสตรีผู้ร่ำรวยที่ไม่รู้ว่าจะใช้เงินอย่างไรหมด นอกจากจะมีเงินและอำนาจพอตัวแล้ว ไป๋เหลียนก็ยังมีครอบครัวอบอุ่นที่นางใฝ่ฝันถึงมาตลอด แม่สามีที่ใจดี สามีก็ดียิ่ง และลูก ๆ ที่น่ารักทั้งสามใช่แล้วท้องอันใหญ่โตของนางเมื่อคราวนั้น ได้เบ่งคลอดบุตรชายทั้งสามออกมาได้อย่างปลอดภัย กระนั้นก็ทำเอานางเกือบตายในวันคลอดเช่นกัน ด้วยเกือบหมดแรงในตอนเบ่งเจ้าลูกคนเล็ก ดีที่รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายขึ้นมาได้บุตรทั้งสามแสบซนเสียจนนางต้องปวดหัวทุกวัน ไม่รู้ว่าได้นิสัยผู้ใดมา ทั้งท่านย่า บิดา ก็เอาอกเอาใจกันเหลือเกิน ไม่มีผู้ใดห
“ไป๋เหลียนเจ้า ไม่ได้เป็นอะไรหรือไม่ใช่ว่าเจ้าถูกพิษ” อารมณ์เศร้าโศกเสียใจเมื่อครู่มลายหายไปสิ้น ฮูหยินหลี่ปราดเข้าหาสะใภ้ทำหน้าราวกับคนเห็นผี พูดจาตะกุกตะกัก คิดว่านางตายไปแล้วเสียอีก“ข้าไม่ได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ เมื่อครู่แค่แกล้งเล่นละครตบตาหว่านปิง เลือดนี้ก็เป็นแค่น้ำเปล่าผสมสีเท่านั้นอย่าได้กังวลไป ขอโทษที่ทำให้ท่านแม่ตกใจนะเจ้าคะ”“ไม่เป็นไร เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แม่ผิดเองที่เลี้ยงนางมาแบบตามใจ” ที่หว่านปิงนิสัยเสียและโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากตนเช่นกัน“มันเป็นที่ตัวนางเองต่างหาก ท่านแม่ทำดีที่สุดแล้วขอรับ”“พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรถ้วยยานี้มีพิษ” บุตรชายและสะใภ้อยู่กับตนมาตั้งแต่แรก แล้วเอาเวลาไหนไปตรวจสอบ หรือว่าจะรู้เรื่องหว่านปิงวางยามาตั้งแต่แรก“ท่านแม่ลืมไป๋เหลียนนางมีความสามารถเรื่องทดสอบพิษขอรับ” “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แม่เหนื่อยแล้วขอนอนพักสักหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องห่วงแม่มีอะไรก็ไปทำเถอะ” เลี้ยงมาตั้งนานนางเองก็รักอีกฝ่ายเหมือนลูก อย่างไรก็ทำใจไม่ได้ง่าย ๆ กระนั้นฮูหยินหลี่ก็ไม่อาจจะให้อภัยได้ทั้งหมด อิจฉาริษยายังพอทน แต่การที่วางแผนฆ่าทำลายผู้อื่นมันเกินจะ
ในเมื่อเหยื่อเอาตัวเข้ามาถึงที่มีหรือนางจะปล่อยไปง่าย ๆ ดี! เช่นนั้นก็ตาย ๆ ไปพร้อมกันเสีย หว่านปิงจัดการยกถ้วยยาในมือฮูหยินหลี่ให้พี่สะใภ้ทันที ทั้งยังยิ้มกว้างตั้งตารอให้อีกฝ่ายดื่มยาให้หมดไป่เหลียนรับถ้วยยานั้นไว้ ดีที่นางมีหลี่มู่กวาคอยบังสายตาทั้งยังช่วยเบนความสนใจไปอย่างอื่น นางจึงอาศัยช่วงที่แม่สามีสั่งสอนบุตรชายแอบเก็บไว้ในมิติวิเศษ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีผสมอาหารใสน้ำเปล่า รีบซดเข้าปากในตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกต ไม่นานนางก็พ่นน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปเมื่อครู่ออกมา“แคก ๆ” ทันทีที่พ่นน้ำสีแดงออกจากปาก หญิงสาวก็ได้ซบหน้าลงบนไหล่สามี พร้อมกับแสร้งไอเป็นระลอก ถ้วยยาในมือร่วงหล่นตกพื้นแตกกระจาย สร้างความตกใจให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์“สะใภ้ข้าเป็นอะไร”“น้องหญิง”“ท่านพี่ยานั่นมีพิษเจ้าค่ะ แคก ๆ” สิ้นคำร่างบางทรุดฮวบหมดสติไปทันที ไม่อยากจะคิดเลยว่าตัวเองจะการละครได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่แม่สามีก็ยังมองไม่ออก“ยาพิษหรือ หว่านปิงเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้ากล้าวางยาท่านแม่” ชายหนุ่มตวาดลั่นไม่สนหน้าผู้ใด อย่าว่าแต่ภรรยาที่การละคร แม้แต่ตัวเขาเองก็แสร้งเล่นละครไม่ต่างกัน กระนั้นอารมณ์ที่ส่งออกไ