โลกเดิมถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาจะฮุบกิจการคุณแม่ของเธอ เธอก็คงยังทำงานให้กับรัฐบาลอยู่ ไม่ต้องลาออกมาเพื่อหาทางมาดูแลทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลเหล่านั้นที่พ่อจอมละโมยกัยแม่เลี้ยงแสนเลวจ้องตาเป็นมันหรอก
วันๆ ต้องเล่นเกมส์กับคุณพ่อแสนโง่กับยายแม่มดนั่น ตอนนี้อยากตายอีกรอบจริงๆ ชีวิตใหม่เลวร้ายกว่ายายแม่มดกับลูกสาวนั่นเสียอีก จ้าวเหลียนเฟยตะโกนด่าทอเงยหน้าขึ้นตะโกนใส่ท้องฟ้า
"สวรรค์...ได้โปรด....ฟ้าช่วยผ่าเจ๊ที่ได้ไหมขอตายอีกรอบ เฮ้อชีวิตโคตรบัดซบ ส่งมาทั้งทีก็เจอสถานที่เฮงซวย ได้ผัวก็เฮงซวย ญาติผัวยิ่งเฮงซวยห่วยแตกเข้าไปใหญ่ โอ๊ยย"
เฉินมู่หยางเดินออกมานอกบ้านคว้าแขนเรียวเล็กที่ผอมแห้งกระชากเข้าตัวเองอย่างแรงก่อนจะบีบปลายคางของนาง แล้วเอ่ยอย่างรังเกียจปนเคียดแค้น
"คนที่ต้องกล่าวคำนั้นคือข้ามากกว่า แม่เลี้ยงเจ้าบอกดิบดีว่าเจ้าเป็นสตรีอ่อนโยน ไม่มีปัญหาเรื่องการเข้ากับเด็กๆ ได้ ข้าเสียไป3ตำลึงเพื่ออะไร เพื่อสตรีที่แต่งมาเพียงสิบวันก็แล้วสวมหมวกเขียวให้ข้าเช่นนั้นหรือ"
"อ่อยอ้าไออ้า (ปล่อยข้าไอ้บ้า) "
เฉินมู่หยางเหวี่ยงร่างบางผอมแห้งจนกระเด็น เขาเหวี่ยงแรงมากจึงทำให้นางล้มลงไปหัวเข้ากระแทกก้อนหินจนเลือดออก เฉินหยุนผิงร้องไห้จ้าออกมาทันทีที่เห็นบิดาตีคน เฉินโม่หวายรีบปลอบใจน้องสาว แต่เด็กน้อยกลับร้องไห้หนักขึ้น จนเฉินมู่หยางต้องเข้าไปอุ้มบุตรสาวปลอบจนนางเงียบไป
"ไสหัวไป...ข้าไม่ต้องการเจ้าแล้ว"
"ใบหย่าล่ะอยู่ที่ไหนเอามาสิ....ไล่เฉยๆ แบบนี้ข้าไม่ไป"
"อยากได้ใบหย่าเพียงนั้นเชียว"
"แน่นอน..มีใบหย่าก็หาผัวใหม่ได้ จะได้ไม่มีใครมาบอกทีหลังว่าข้ามีชู้อีก"
เฉินมู่หยางกำมือแน่น สตรีสารเลวคนนี้อยากไปจากเขาก็ไปเขาจะไม่รั้ง แต่นางกลับมาตั้งแง่ เช่นนั้นอย่าหวังเลย
"ค่าแรงทำงานปกติจ่ายที่20อีแปะต่อเดือน ข้าแต่งเจ้ามาด้วยเงิน13ตำลึงเจ้าก็ต้องทำงานให้ข้า เช่นนั้นก็เขียนสัญญาขายตัวแทนซะแล้วข้าจะให้ใบหย่ากับเจ้า"
"อะไรนะ!! เจ้าฝันกลางวันหรือไง ขายตัวหรือ เฮอะ...นี่ตาเฒ่าเฉินเจ้าสติดีหรือเปล่า อีกอย่างเงินสินสอดแค่3ตำลึง13ตำลึงมาจากไหนกัน"
"สินสอดของเจ้า3ตำลึง แม่เลี้ยงของเจ้าเพิ่งมาอ้อนวอนบอกว่าบิดาเจ้าป่วยหนักขอยืมข้าไปอีก10ตำลึงบอกว่าเจ้าจะเป็นคนชดใช้เองในส่วนนี้ หึ..แต่งเจ้ามายังไม่ทันได้เข้าหอเจ้าก็ทะเลาะกับบ้านใหญ่จนข้าต้องถูกแยกบ้าน เงินทองต้องสูญเสียไปเท่าไหร่ ยังมีหน้ามาปากดี"
"ตาแก่เฉิน เมื่อสักครู่เจ้าบอกว่าไม่ต้องการข้าแล้ว ได้ๆๆ .. งั้นใบหย่าข้าไม่เอาแล้วก็ได้ ข้ายินดีจะไปเองตามที่เจ้าต้องการ จบแล้วใช่ไหมต่างคนต่างไปได้แล้วนะ"
จ้าวเหลียนเฟยเดินเข้าไปเพื่อเก็บเสื้อผ้าที่เหมือนผ้าขี้ริ้วมากกว่าทันที เฉินมู่หยางวางบุตรสาวลงแล้วคว้าแขนนางเอาไว้ก่อนจะเอ่ย
"อย่าฝันกลางวัน ตอนแรกข้าให้เจ้าไปดีๆ แต่เพราะวาจาชั่วร้ายของเจ้าทำให้ข้าคิดได้ว่าเจ้าควรทำงานใช้หนี้ข้าทั้งหมด13ตำลึง ทำงานเดือนละ50อีแปะเจ้าต้องทำงานใช้หนี้ข้า4ปีกับอีก5เดือน ข้าให้เจ้าแค่สี่ปียังไม่มีเมตตาอีกหรือ"
"เจ้าตกเลขหรือไงอย่างมากก็3ปีเท่านั้น"
"ลืมบอกเจ้าไปข้าบวกดอกเบี้ยอีก2ตำลึงทั้งหมดเต้าต้องทำงานใช้หนี้ข้าสามปี เจ้ากินข้าวบ้านข้า นอนบ้านข้า หากเจ้าทำงารแบบไปกลับพกข้าวมากินเองค่าแรงเดือนละ30แต่เจ้ากินนอนที่นี่เพร่ะฉะนั้นค่าแรงเจ้าหักไปเดือนละ20อีแปะ"
"ดอกเบี้ยอะไรของเจ้าข้าแต่งมายังไม่ถึงครึ่งเดือนเลยนะไอ้แก่โรคจิตอัปลักษณ์ ตรรกะอะไรของเจ้า ขนาดบ้านขุนนางยังให้ที่หลับนอนกับอาหารสองมื้อเลย"
"พวกเขาได้เดือนละไม่ถึง30อีแปะ ตกลงเช่นนี้ทำงานใช้หนี้ข้าครบเจ้าก็ไปได้ ลงนามเถอะ"
"ข้าไม่ขายตัวโว้ยตาเฒ่า ไม่หย่าก็ไม่หย่าสิวะ นึกว่ากลัวหรือไง เหอะ"
จ้าวเหลียนเฟยโมโหจะตายแล้ว แต่มาอยู่ที่ยุคสมัยเจ้านายเป็นใหญ่ ตาแก่นี่เกลียดร่างนี้เข้าไส้อย่างน้อยก็ไม่ทำเรื่องอย่างว่ากับนางแน่ๆ
เช่นนั้นนางยอมเป็นเมียไอ้บ้านี่ดีกว่าเป็นทาสเกิดไม่พอใจเอานางไปขายต่อจะทำไง ดูแล้วไอ้นี่โรคจิตไม่น้อย เฉินมู่หยางเห็นนางคว้าเสื้อผ้าเดินออกไปนอกบ้านก็ตวาดเสียงดัง
"เจ้าจะไปไหน!! ข้าอนุญาตแล้วหรือ หึ หรือว่าจะไปหาชายชู้ของเจ้าอีกกันแน่"
จ้าวเหลียนเฟยหันกลับมาพร้อมกับเท้าเอวมองหน้าเขาจริงจัง แม่งน่าดีดสักทีจริงๆ ให้ตายเลยพับผ่าสิน่า
"นี่ตาแก่ เจ้าบอกว่าน้ำบ้านเจ้าไม่มีส่วนของข้า อาหารบ้านเจ้าข้าก็ห้ามแตะ หิวก็ไปหากินเองเช่นนั้นข้าก็กำลังจะไปหากินไง หรือเจ้าจะสละเนื้อตัวเองให้ข้าสักมื้อกัน หึ ยากจกแล้วยังวางท่า มิใช่ว่าเมียเก่าทนนิสัยหยุมหยิมปากสุนัขขอวเจ้า กับทนนิสัยเห็นแก่ตัวของญาติเจ้าไม่ไหวแล้วหนีไปหรอกหรือ ตกน้ำหายสาบสูญอะไรกัน หลอกลวงทั้งเพ เพ้ย"
สองแม่ลูกเอ่ยจนจ้าวคังก็เริ่มลังเล ใช่นางแต่งออกไปแล้วมีสิทธิ์อันใดมาวุ่นวาย แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยต่อคนที่ไปตามเฉินหยวนก็มาถึง เขาได้ยินแล้วว่านางปีศาจนั่นกอดกับบุรุษอื่นที่ไม่ใช่เฉินมู่หยาง วันนี้เขาจะเอานางให้ตาย"ไหนๆๆ นางตัวดีจ้าวเฟยเฟยอยู่ที่ใด กล้าคบชู้สู่ชายหรือ แม้ว่าหลานชายข้าจะอัปลักษณ์แต่เจ้าก็แต่งมาแล้ว เห็นสกุลเฉินของข้าเป็นอะไร"เฉินหยวนเดินกร่างเข้ามาในศาล จ้าวเฟยเฟยคุกเข่าอยู่ก็หัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปหาเฉินหยวน "อาสามของสามีท่านมาแล้วหรือ""หึ เจ้าถึงกับพาบุรุษมาเดินโอบกอดกันที่ตำบลยังมีหลานชายข้าในสายตาหรือไม่"เฉินมู่หยางหันมาเผชิญหน้ากับเฉินหยวนช้าๆก่อนจะเอ่ย"อาสาม ข้าพาภรรยามาเดินเล่นซื้อของเหตุใดถึงไม่ได้ นางมิได้คบชู้กับผู้ใดทั้งนั้น"เฉินอี้เห็นหลานชายโกนหนวดเคราแล้วก็ยิ่งให้โมโห ไอ้เด็กนี่หน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก แล้วอย่างไรเล่าคนอื่นไม่เคยเห็นใบหน้านี้ถ้าเขาไม่ยอมรับ มันก็ไม่ใช่คนสกุลเฉิน จึงกล่าวออกไป"หลานชายข้า เจ้าหรือช่างน่าขันเจ้าเป็นใครกันแน่ มาหลอกลวงหลานสะใภ้ของข้า"ซุนเต๋อฉายเดินมากลางโถงก่อนจะเอ่ยกับเขา"เฉินหยวน หลี่อี้ และพวกเจ้า
นางจางนั่งลงร้องไห้เงินเยอะเพียงนั้นจะเอามาจากที่ใดกัน กระทั่งจ้าวเฟยเฟยค่อยๆลุกขึ้น เฉินมู่หยางเข้ามาประคอง นางเดินไปหาจ้าวอี้หรูพร้อมกระซิบข้างหูเช่นกัน"ว่าที่สามีเจ้าต้องจ่ายเงินให้ข้า น้องหญิงเจ้าบอกว่าจะดูแลเขาอย่างดี ตอนนี้ได้เวลาแสดงความจริงใจของเจ้าแล้ว""จ้าวเฟยเฟยนางสตรีชั่วช้า คอยดูเถอะข้าไม่จบแน่ๆ หึสามีเฒ่าเจ้าไม่มาเจ้ากลับมาโอบกอดกับบุรุษนอกบ้าน ข้าจะทำให้เจ้าถูกใส่กรงถ่วงน้ำ""ไอ้โย่ว ข้ากลัวจัง ไม่ต้องห่วงยังมีอีกคนที่ข้ายื่นคำร้อง จ้าวคังบิดาแสนดีของเจ้าไง"นางจางทรุดลงปิดหน้าร่ำไห้ราวกับถูกใครเข่นฆ่า เงินจำนวนห้าสิบตำลึงหรือนางจะไปเอามาจากที่ใด บุตรชายกำลังรอหนังสือรับรองอยู่ แต่ใต้เท้าให้จ่ายวันนี้ ที่สำคัญไอ้ลูกเนรคุณนี่ไปยืมเงินนั่นมาตอนไหนกัน"อาอี้ เจ้าไปยืมเงินนางมาเมื่อไหร่กัน""ท่านแม่ ข้า ข้ายืมมาเมื่อสองเดือนก่อนขอรับ""แล้วที่นางแพศยานี่พูดหมายความว่าอย่างไร ข้าจะตายเจ้าไม่มีเงินมาซื้อโลงศพน่ะห๊ะ""คือว่า คือ โอ๊ย ท่านแม่ท่านทำอะไรน่ะ"นางจางลุกมาได้ก็ทุบตีบุตรชายไม่ยั้ง ปากก็ด่าเขาไม่หยุด"ไอ้สารเลว ไอ้คนอกตัญญู เจ้ากล้าแช่งข้
เสียงสะอื้นขาดช่วงราวกับอัดอั้นจนไม่อาจกล่าวออกมาได้ ชาวบ้านที่มาดูการไต่สวนสงสารนางอย่างจับใจ "พ่อแบบไหนกัน ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูก เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง แต่บิดาของสตรีคนนี้เลวเหลือเกิน""ใช่ๆ ดูเหมือนจะเป็นคนนั้นที่ยืนอยู่ด้านข้าง ที่ถูกนางฟ้องร้องอีกคน"ปึงๆๆๆ ฮั่วเทียนฉีเคาะโต๊ะให้ชาวบ้านเงียบจากนั้นก็เอ่ยถาม"แล้วอย่างไรต่อ จากนั้นเจ้าเอาเงินที่ไหนให้เขายืม""นางไม่มีเงินแต่อ้างว่าให้บุตรชายข้ายืมเงิน เพ้ยนางแพศยานี่โกหกกระทั่งท่านขุนนาง"นางจางเอ่ยทะลุกลางปล้อง จ้าวเฟยเฟยซ่อนยิ้มก่อนจะเงยหน้า น้ำตาที่เปื้อนแก้มนวลเรียกความสงสารจากคนน้อยใหญ่ที่มาดูการพิพากษาไม่น้อย เสียงพูดปนเสียงสะอื้นเอ่ยแก่คนด้านบน"ใต้เท้า ข้าขออนุญาตท่านพูดคุยกับนางได้ไหมเจ้าคะ"ฮั่วเที่ยนฉีมองไปยังนางจางก่อนจะเอ่ย" เด็กๆตบปากนางสิบทีโทษฐานที่เอ่ยแทรกกลางขณะที่ข้าไต่สวน ส่วนเจ้าจ้าวเฟยเฟยมีเรื่องอันใดจะคุยกับนางก็รอให้ลงโทษนางเสร็จก่อน"เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! นางจากเลือดกบปาก หลี่อี้เห็นมารดาถูกตบกลับไม่ยื่นมือมาขอร้องเพื่อช่วยเหลือ น้ำหนักของเขาในใจอาจารย์สำนักศึกษาที่ตามซุน
จ้าวเฟยเฟยเรียกคนที่มามุงดู หนึ่งในนั้นคือซุนเต๋อชิวน้องชายซุนเต๋อฉายจากสำนักศึกษาเต๋อถัง จ้าวเฟยเฟยล้วงอกเสื้อก่อนจะหยิบกระดาษออกมาคลี่ สองมือบางจับมุมกระดาษด้านบนสะบัดเบาๆราวกับกำลังสลัดผ้าเช็ดหน้าก่อนจะยื่นไปด้านหน้าแล้วกวาดแขนไปด้านซ้ายจากนั้นก็กลับมาด้านขวาช้าๆ น้ำเสียงกังวานของนางเอ่ยขึ้น"ทุกท่าน ได้อ่านแล้วใช่หรือไม่ ตอบข้าหน่อยเจ้าค่ะว่านี่เขียนสิ่งใด"ชาวบ้านคนหนึ่งแต่ตัวคล้ายบัณฑิตแต่เป็นอีกสำนักก้าวออกมาแล้วเอ่ยตอบนาง"เป็นสัญญากู้ยืมเงินจากคนที่ชื่อหลี่อี้ เขียนว่าข้าหลี่อี้ ขอยืมเงินจ้าวเฟยเฟยเป็นจำนวนยี่สิบตำลึง ภายในสองเดือนนับจากวันนี้จะคืนนางสามสิบตำลึงพร้อมดอกเบี้ย""ใช่ๆ ข้าก็อ่านได้เช่นนั้นเช่นกัน พ่อหนุ่มเจ้าชื่อหลี่อี้หรือเปล่า"หลี่อี้หน้าดำเป็นก้นหม้อ ก่อนจะขาวซีดราวกับกระดาษ เขาเขียนมันเอง นางเอากำไลกับปิ่นและจี้หยกไปจำนำเอาเงินให้เขา แต่ไอ้คนรับจำนำบอกว่าเงินทองควรชัดเจน เขากลัวนางจะเปลี่ยนใจจึงเขียนสัญญานั่นและลงนาม แต่นางนี่อ่านหนังสือไม่ออกเขาจึงไม่กังวล เหตุใดวันนี้นางกลับรู้จักเอาสัญญานี่ออกมา หลี่อี้ไม่ยอมเขาจึงเอ่ยกลับไป"เจ้ารู้ไหม
เฉินมู่หยางขับเกวียนเคลื่อนเข้ามาจนถึงประตูเมือง เขาควักเงินจ่ายค่าเข้าเมืองหกอีแปะ จ้าวเฟยเฟยพยายามจดจำรายละเอียดของผังเมือง กระทั่งเขาเอาเกวียนไปผูกยังบริเวณที่รับฝากก่อนจะอุ้มนางลงจาเกวียน จ้าวเฟยเฟยหน้าแดงเพราะตรงนั้นมีคนไม่น้อย หลายคนน่าจะเป็นคนรู้จักกันกับเขาจึงได้เอ่ยกระเซ้า"ไอ้หยา พวกเจ้าดูสิวันนี้พี่มู่หยางเช่าเกวียนมาเลยเชียว""แหม่ๆๆ...สตรีที่ทำให้พี่ใหญ่ของเราถึงกับทะนุถนอมได้คงเป็นอาซ้อของพวกเราใช่หรือไม่""ฮ่าๆๆๆ พี่มู่หยางแนะนำอาซ้อให้พวกเรารู้จักสักหน่อยเถอะขอรับ"ทั้งหมดเป็นนายพรานที่เคยร่วมกันล่าหมีป่าเมื่อครั้งที่อาละวาดจนทำร้ายชาวบ้านตายไปสามคนและบาดเจ็บอีกมากมาย คนที่ให้เฉินมู่หยางแนะนำจ้าวเฟยเฟยคือหลิวเยี่ยนฉาง เขามาจากหมู่บ้านชุยเจียงซึ่งต้องข้ามเขาไปครึ่งวันถึงจะสามารถถึงหมู่บ้านนี้ได้ เฉินมู่หยางจูงมือจ้าวเฟยเฟยเดินมาหาทั้งสามคนก่อนจะเอ่ยกับนางแนะนำให้รู้จักกัน"พวกเจ้านี่เสี่ยวเฟยภรรยาของข้า เสี่ยวเฟยคนนี้คือฟางฉายนายพรานหมู่บ้านเดียวกับเราแต่บ้านของเขาอยู่ชายป่าอีกด้าน""ส่วนนี่คือหลิวเยี่ยนฉางจากหมู่บ้านชุยเจียง ส่วนนั่นเจ้าปากมาก ถังจื่
เสียงนั้นลอยมาตามลมแผ่วเบา จ้าวเฟยเฟยยิ้มให้กับสายลม ทุกอย่างอยู่ในสายตาเฉินมู่หยางทั้งหมด นางมีเรื่องอันใดมากมายที่เขาต้องค้นหากันนะ เกวียนขับมาเรื่อยๆ บรรยากาศสองข้างทางเป็นสิ่งตื่นตาตื่นใจมากสำหรับจ้าวเฟยเฟย ชาติก่อนชอบตอนกลับไปหาคุณยายที่ชนบทที่สุด กระทั่งเห็นดอกเล็กๆสีเหลียงที่บานเต็มท้องทุ่งส่งกลิ่นหอมมากนัก จ้าวเฟยเฟยที่นั่งอยู่ก็หันไปหาเฉินมู่หยางก่อนจะเอ่ยกับเขา"ตาเฒ่า...ขากลับท่านแวะตรงนี้ให้ขาได้หรือไม่"".........""เฉินมู่หยางท่านหูหนวดหรือ""..........."เสียงล้อเกวียนบดกับถนนดินดังเอี๊ยดอ๊าดแต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนข้าง จ้าวเฟยเฟยนั่งกอดอกใบหน้างอง้ำไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด เหอะใครสนใจเจ้ากันตาทึ่ม กระทั่งเสียงล้อเกวียนเงียบบไป เฉินมู่หยางนำเกวียนเข้าข้างทางใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะใช้มือรวบเอวบางยกนางมานั่งที่ตักตนเอง จ้าวเฟยเฟยตกใจมือบางดันหน้าอกเขาเอาไว้ก่อนจะเอ่ย"ท่านทำอะไร นี่มันทางเข้าตำบลนะ ใครไปใครมาเห็นเข้าจะมองเช่นไร ตาเฒ่าปล่อยข้าลง"เฉินมู่หยางสูดลมหายใจยาวๆก่อนจะเอ่ยกับคนบนตัก"ต่อไปเรียกข้าท่านพี่ หากเรียกตาเฒ่าอีกรับรองข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่""นี่