เฉินมู่หยางเข็นรถเข็นตามจ้าวเฟยเฟยกลับบ้าน นางยังถือว่าพอรู้ความไม่ด่าเขาเสียหายต่อหน้าคนอื่น อีกอย่างนางพูดถูกเขาพยายามเลี้ยงเด็กสองคนให้เติบใหญ่ ตั้งแต่ท่านแม่และท่านพ่อจากไปเพราะป่วยและไม่มีเงินรักษาเด็กทั้งสองก็ขาดคนเหลียวแล
เพื่อให้ท่านปู่และท่านย่าเมตตาต่อเด็กทั้งสองเขาจำต้องให้เงินแก่บ้านใหญ่ มิใช่ว่าเขาโง่เขลาอย่างที่นางเข้าใจ เขาเองก็มีเงินที่เก็ยเอาไว้เพียงแต่เด้กทั้งสองยังเล้กนักไม่อาจดูแลเงินเหล่านี้ได้จึงได้แต่ฝากไว้ที่ร้านฝากเงินในอำเภอ
จ้าวเฟยเฟยเดินออกหน้านางเห็นมีผักตีนเป็ดขึ้นตามข้างทางก็ยิ้มด้วยความยินดี นางรีบไปเก็บเอามาเฉินมู่หยางไม่เข้าใจนางจะเก็บหญ้าเหล่านี้ไปทำอะไร ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงบ้าน เฉินโม่หวายรีบวิ่งมาก่อนจะร้องไห้
"ฮือๆท่านพ่อน้องเล็กนางฮือๆนาง"
"โม่หวายเกิดอะไรขึ้น"
"ท่านพ่อน้องปวดท้องร้องจนสลบไปแล้วขอรับ"
จ้าวเฟยเฟยรีบวิ่งไปดูก่อนจะเขย่าร่างเล็ก นางรับรู้แล้วว่าเด็กคนนี้ห้าขวบแต่ตัวเล็กราวกับเด็กสามขวบก็ไม่ปาน ดูแล้วนางคงจะหิวจนเป็นลม จ้าวเฟยเฟยจำได้ลางๆว่าร่างเดิมแอบซ่อนหมั่นโถวเอาไว้หนึ่งก้อนก่อนจะหันไปบอกเฉินมู่หยาง
"ตาเฒ่าท่านไปต้มน้ำร้อนที นางคงหิวมากเกินไปจนเป็นลมเร็วๆเข้า ท่านมีน้ำตาลทรายกับเกลือหรือไม่"
"ไม่มี บ้านท่านปู่หลี้เจิงน่าจะมีขาย"
"งั้นท่านไปซื้อข้าก่อไฟเอง ท่านบอกเขาว่าท่านไปขายสัตว์ป่าและจะมาจ่ายทีหลัง เงินที่ขายจะไม่ให้บ้านใหญ่แล้ว"
เฉินมู่หยางมีเงินเก็บ ที่นางพูดเช่นนี้คงกลัวว่าท่านปู่หลี่เจิ้งจะไม่นอมขายเพราะว่าเขาไม่มีเงิน ร่างสูงรีบสาวเท้าไปที่บ้านเฉินกั่วต้งเพื่อซื้อน้ำตาลและเกลือ ทางด้านจ้าวเฟยเฟยติดเตาต้มน้ำร้อนแต่เนื่อจากฝนตกจนทำให้พืนชื้นจึงจุดติดยาก เมื่อติดแล้วควันก็คลุ้งเต็มครัว นางเอาหม้อมาจากรถเข็นจากนั้นก็เดินไปลำธารเพื่อตักน้ำ ก่อนจะเอามาต้มจนเดือด
เฉินมู่หยางกลับมาแล้วได้ของที่นางต้องการมาด้วย เมื่อน้ำเดือดนางใส่น้ำตาลลงไปคนจนละลายก่อนจะยกลงมาเติมเกลือนิดหน่อย จ้าวเฟยเฟยเห็นว่าเด็กสองคนขาดน้ำและหิวจึงทำเกลือแร่แบบง่ายๆให้ดื่ม
"ท่านเอาให้บุตรชายท่านเถอะ ผิงผิงข้าป้อนเอง"
จ้าวเฟยเฟยเอาแป้งหมั่นโถวที่แข็งเป็นหินมาอังปากหม้อต้มน้ำ ไม่นานไอน้ำก็ทำให้มันนิ่มลง ผิงผิงที่ได้น้ำเกลือแร่เข้าไปก็ค่อยๆลืมตาเอ่ยเรียกนางด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
"ท่านแม่ ท่านกลับมาแล้ว"
"เด็กดี กินหมั่นโถวก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะไปจับปลาในแม่น้ำให้กินดีไหม"
"ไม่เป็นไรเจ้าคะ น้ำเย็นเกินไปท่านจะป่วยแล้วจากไปเหมือนกับท่านแม่ของพวกเราอีก"
จ้าวเฟยเฟยน้ำตาซึมเด็กคนนี้ช่างจิตใจอ่อนโยนเหลือเกิน จากนั้นนางก็แบ่งบิหมั่นโถวเป็นสองก้อน ส่งให้เฉินมู่หยางครึ่งหนึ่งส่วนอีกครึ่งนางค่อยๆบิป้อนเฉินผิงผิงคำเล็กๆกระทั่งนางกินไปได้สิบกว่าคำจ้าวเฟยเฟยจึงหยุดก่อนจะเอ่ย
"ท้องของลูกไม่มีอะไร น้ำย่อยอกมาย่อยกระเพาะจึงทำให้ปวดท้อง หากกินอิ่มทีเดียวจะปวดท้องอีก แม่จะไปดูว่าที่ลำธารมีอะไรบ้าง ส่วนท่านตาเฒ่าไก่กับกระต่ายเก็บเอาไว้ หมูป่าเอาไปขายในเมือง ชาวบ้านที่นี่เอาเปรียบเกินไปอยากซื้อของถูกพวกเขาเห็นท่านใจดีชอบกดราคา"
"แต่ว่า"
"ไม่มีแต่เฉินมู่หยาง ลูกๆเจ้าห้าขวบแล้วแต่ดูสิตัวแคระแกรนราวกับเด็กสามขวบ ข้าจะจดของที่ต้องซื้อด้วยเอาเท่าที่พอมีก่อน นี่ปิ่นกับกำไลเอาไปขายซื้อเสบียงมา ในเมื่อแยกบ้านกันแล้วเงินที่ขายได้ควรเลี้ยงครอบครัวตนเอง ข้าหมายถึงลูกๆของเจ้า ตาเฒ่ายายเฒ่านั่นเป็นหน้าที่ลุงใหญ่ท่านซึ่งเป็นลูกคนโต ไม่ใช่หน้าที่หลานชายเช่นเจ้า ลูกชายเจ้าต่างหากคือคนที่ต้องเลี้ยงดูเจ้าในอนาคต"
เฉินมูหยางไม่รับปิ่นเงินกับกำไลของนาง นั่นเป็นสิ่งที่นางมี เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวจะเอาของภรรยามาเลี้ยงดูตนเองได้อย่างไร เมื่อเฉินผิงผิงดีขึ้นจ้าวเฟยเฟยก็หันมาหาเฉินโม่หวายก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม
"เฉินโม่หวาย...เจ้าอยากเป็นลูกรักของบิดาเจ้าคนเดียวถึงขนาดวางแผนฆ่าน้องสาวเชียวหรือ"
"ฮือๆๆๆๆ ข้าเปล่านะเจ้าๆๆ สตรีแพศยาเจ้า..เจ้าใส่ร้ายข้าฮือออๆๆๆ"
แม้คำพูดของนางจะรุนแรงแต่ไอ้เด็กนี่ต้องใช้วิธีนี้แหละถึงจะได้ผล เฉินโม่หวายร้อยไห้เสียงดังจนเฉินโม่หยางที่กำลังขนของลงมาเพื่อจะเอารถเข็นใส่สัตว์ไปขายถึงกับวิ่งมาดู เห็นบุตรชายนั่งร้องไห้ปาดน้ำตาจึงเอ่ยต่อว่าจ้าวเฟยเฟย
"จ้าวเฟยเฟยเจ้าทำอะไรบุตรชายข้า โม่หวายมาหาพ่อ"
จ้าวเฟยเฟยลุกขึ้นเท้าเอวมองหน้าพ่อลูกสลับกันก่อนจะเอ่ยออกมา
"บุตรชายเจ้าอยากได้ความรักจากเจ้าจนถึงขั้นคิดฆ่าน้องสาวตนเอง"
"ท่านพ่อข้าเปล่า ข้าไม่ได้ทำขอรับ"
"จ้าวเฟยเฟย โม่หวายเพิ่งจะห้าขวบเด็กอายุเพียงนี้จะไปมีจิตใจเช่นนั้นได้อย่างไรกัน"
"เฉินผิงผิงลุกขึ้นและจับมือท่านแม่ก่อนจะเอ่ย
"ท่านแม่ พี่ชายเป็นคนดีเขาไม่ฆ่าผิงผิงหรอกเจ้าค่ะ"
จ้าวเฟยเฟยมองหน้าเด็กน้อยที่เอาแต่ร้องไห้ก็ถอนหายใจก่อนจะเอ่ย
"ตาเฒ่า...เมื่อวานข้ากำลังจะเชือดไก่ ไหนๆก็แยกบ้านมาแล้วข้าคิดว่าคงไม่มีใครมาแย่งเรากินอีก แต่ใครจะรู้ว่าบุตรชายเจ้ากลับวิ่งแจ้นไปฟ้องป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าว่าที่บ้านมีเนื้อ เขากลัวว่าข้าจะกินเองจนหมดหวังจะให้ยายแก่นั่นมาทุบตีข้า สุดท้ายเนื้อก็ไม่ได้กินแถมยังถูกพวกเขาทุบตี ข้าถูกยายแก่สองคนนั่นรุมทุบจนสลบก็เพราะบุตรชายเจ้า ลูกสาวเจ้าตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้กินอะไรเลยถึงได้ปวดท้องจนสลบไป"
เฉินโม่หวายร้องไห้หนักกว่าเดิมก่อนจะเอ่ยกับบิดา
"ฮือๆๆๆ ท่านพ่อข้าไม่ได้อยากทำร้ายน้องสาว ข้าแค่กลัวว่านางจะเอาไว้กินคนเดียว หากท่านย่าใหญ่รู้และมาแย่งนางไปอย่างน้อยก็อาจจะแบ่งเนื้อให้ข้ากับน้องบ้างขอรับ"
เฉินมู่หยางมองหน้าบุตรชายก่อนจะถอนหายใจ จ้าวเฟยเฟยหวงของกินเพียงใด นางเอาแต่ใจและร้ายกาจเพียงใดทำไมเขาจะไม่รู้ บุตรชายเขาจะระแวงก็ไม่แปลกหรอกก่อนจะเอ่ย
"ที่ผ่านมาเจ้าทำเกินไปหลายครั้ง โม่หวายจะระแวงเจ้าก็ไม่ผิด"
เจ้าเฟยเฟยพ่นลมออกปากก่อนจะพยักหน้าสามที นางชี้นิ้วไปยังเด็กน้อยก่อนจะเอ่ย
"ได้ๆๆ เฉินมู่หยางจากนี้ไปบุตรชายของเจ้าข้าไม่ยุ่งอีก อย่างสั่งสอนกันเช่นไรก็เชิญ เจ้าไม่อยู่ข้าบอกก่อนนะนอกจากให้ข้าวให้น้ำให้มีชีวิตอยู่รอเจ้ากลับมาเท่านั้น เรื่องอื่นข้าจะไม่ยุ่ง ในเมื่อเขาไม่เคารพข้าๆก็ไม่จำเป็นต้องเมตตา หากไม่พอใจเจ้าก็เขียนใบหย่ามา"
สองแม่ลูกเอ่ยจนจ้าวคังก็เริ่มลังเล ใช่นางแต่งออกไปแล้วมีสิทธิ์อันใดมาวุ่นวาย แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยต่อคนที่ไปตามเฉินหยวนก็มาถึง เขาได้ยินแล้วว่านางปีศาจนั่นกอดกับบุรุษอื่นที่ไม่ใช่เฉินมู่หยาง วันนี้เขาจะเอานางให้ตาย"ไหนๆๆ นางตัวดีจ้าวเฟยเฟยอยู่ที่ใด กล้าคบชู้สู่ชายหรือ แม้ว่าหลานชายข้าจะอัปลักษณ์แต่เจ้าก็แต่งมาแล้ว เห็นสกุลเฉินของข้าเป็นอะไร"เฉินหยวนเดินกร่างเข้ามาในศาล จ้าวเฟยเฟยคุกเข่าอยู่ก็หัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปหาเฉินหยวน "อาสามของสามีท่านมาแล้วหรือ""หึ เจ้าถึงกับพาบุรุษมาเดินโอบกอดกันที่ตำบลยังมีหลานชายข้าในสายตาหรือไม่"เฉินมู่หยางหันมาเผชิญหน้ากับเฉินหยวนช้าๆก่อนจะเอ่ย"อาสาม ข้าพาภรรยามาเดินเล่นซื้อของเหตุใดถึงไม่ได้ นางมิได้คบชู้กับผู้ใดทั้งนั้น"เฉินอี้เห็นหลานชายโกนหนวดเคราแล้วก็ยิ่งให้โมโห ไอ้เด็กนี่หน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก แล้วอย่างไรเล่าคนอื่นไม่เคยเห็นใบหน้านี้ถ้าเขาไม่ยอมรับ มันก็ไม่ใช่คนสกุลเฉิน จึงกล่าวออกไป"หลานชายข้า เจ้าหรือช่างน่าขันเจ้าเป็นใครกันแน่ มาหลอกลวงหลานสะใภ้ของข้า"ซุนเต๋อฉายเดินมากลางโถงก่อนจะเอ่ยกับเขา"เฉินหยวน หลี่อี้ และพวกเจ้า
นางจางนั่งลงร้องไห้เงินเยอะเพียงนั้นจะเอามาจากที่ใดกัน กระทั่งจ้าวเฟยเฟยค่อยๆลุกขึ้น เฉินมู่หยางเข้ามาประคอง นางเดินไปหาจ้าวอี้หรูพร้อมกระซิบข้างหูเช่นกัน"ว่าที่สามีเจ้าต้องจ่ายเงินให้ข้า น้องหญิงเจ้าบอกว่าจะดูแลเขาอย่างดี ตอนนี้ได้เวลาแสดงความจริงใจของเจ้าแล้ว""จ้าวเฟยเฟยนางสตรีชั่วช้า คอยดูเถอะข้าไม่จบแน่ๆ หึสามีเฒ่าเจ้าไม่มาเจ้ากลับมาโอบกอดกับบุรุษนอกบ้าน ข้าจะทำให้เจ้าถูกใส่กรงถ่วงน้ำ""ไอ้โย่ว ข้ากลัวจัง ไม่ต้องห่วงยังมีอีกคนที่ข้ายื่นคำร้อง จ้าวคังบิดาแสนดีของเจ้าไง"นางจางทรุดลงปิดหน้าร่ำไห้ราวกับถูกใครเข่นฆ่า เงินจำนวนห้าสิบตำลึงหรือนางจะไปเอามาจากที่ใด บุตรชายกำลังรอหนังสือรับรองอยู่ แต่ใต้เท้าให้จ่ายวันนี้ ที่สำคัญไอ้ลูกเนรคุณนี่ไปยืมเงินนั่นมาตอนไหนกัน"อาอี้ เจ้าไปยืมเงินนางมาเมื่อไหร่กัน""ท่านแม่ ข้า ข้ายืมมาเมื่อสองเดือนก่อนขอรับ""แล้วที่นางแพศยานี่พูดหมายความว่าอย่างไร ข้าจะตายเจ้าไม่มีเงินมาซื้อโลงศพน่ะห๊ะ""คือว่า คือ โอ๊ย ท่านแม่ท่านทำอะไรน่ะ"นางจางลุกมาได้ก็ทุบตีบุตรชายไม่ยั้ง ปากก็ด่าเขาไม่หยุด"ไอ้สารเลว ไอ้คนอกตัญญู เจ้ากล้าแช่งข้
เสียงสะอื้นขาดช่วงราวกับอัดอั้นจนไม่อาจกล่าวออกมาได้ ชาวบ้านที่มาดูการไต่สวนสงสารนางอย่างจับใจ "พ่อแบบไหนกัน ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูก เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง แต่บิดาของสตรีคนนี้เลวเหลือเกิน""ใช่ๆ ดูเหมือนจะเป็นคนนั้นที่ยืนอยู่ด้านข้าง ที่ถูกนางฟ้องร้องอีกคน"ปึงๆๆๆ ฮั่วเทียนฉีเคาะโต๊ะให้ชาวบ้านเงียบจากนั้นก็เอ่ยถาม"แล้วอย่างไรต่อ จากนั้นเจ้าเอาเงินที่ไหนให้เขายืม""นางไม่มีเงินแต่อ้างว่าให้บุตรชายข้ายืมเงิน เพ้ยนางแพศยานี่โกหกกระทั่งท่านขุนนาง"นางจางเอ่ยทะลุกลางปล้อง จ้าวเฟยเฟยซ่อนยิ้มก่อนจะเงยหน้า น้ำตาที่เปื้อนแก้มนวลเรียกความสงสารจากคนน้อยใหญ่ที่มาดูการพิพากษาไม่น้อย เสียงพูดปนเสียงสะอื้นเอ่ยแก่คนด้านบน"ใต้เท้า ข้าขออนุญาตท่านพูดคุยกับนางได้ไหมเจ้าคะ"ฮั่วเที่ยนฉีมองไปยังนางจางก่อนจะเอ่ย" เด็กๆตบปากนางสิบทีโทษฐานที่เอ่ยแทรกกลางขณะที่ข้าไต่สวน ส่วนเจ้าจ้าวเฟยเฟยมีเรื่องอันใดจะคุยกับนางก็รอให้ลงโทษนางเสร็จก่อน"เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! นางจากเลือดกบปาก หลี่อี้เห็นมารดาถูกตบกลับไม่ยื่นมือมาขอร้องเพื่อช่วยเหลือ น้ำหนักของเขาในใจอาจารย์สำนักศึกษาที่ตามซุน
จ้าวเฟยเฟยเรียกคนที่มามุงดู หนึ่งในนั้นคือซุนเต๋อชิวน้องชายซุนเต๋อฉายจากสำนักศึกษาเต๋อถัง จ้าวเฟยเฟยล้วงอกเสื้อก่อนจะหยิบกระดาษออกมาคลี่ สองมือบางจับมุมกระดาษด้านบนสะบัดเบาๆราวกับกำลังสลัดผ้าเช็ดหน้าก่อนจะยื่นไปด้านหน้าแล้วกวาดแขนไปด้านซ้ายจากนั้นก็กลับมาด้านขวาช้าๆ น้ำเสียงกังวานของนางเอ่ยขึ้น"ทุกท่าน ได้อ่านแล้วใช่หรือไม่ ตอบข้าหน่อยเจ้าค่ะว่านี่เขียนสิ่งใด"ชาวบ้านคนหนึ่งแต่ตัวคล้ายบัณฑิตแต่เป็นอีกสำนักก้าวออกมาแล้วเอ่ยตอบนาง"เป็นสัญญากู้ยืมเงินจากคนที่ชื่อหลี่อี้ เขียนว่าข้าหลี่อี้ ขอยืมเงินจ้าวเฟยเฟยเป็นจำนวนยี่สิบตำลึง ภายในสองเดือนนับจากวันนี้จะคืนนางสามสิบตำลึงพร้อมดอกเบี้ย""ใช่ๆ ข้าก็อ่านได้เช่นนั้นเช่นกัน พ่อหนุ่มเจ้าชื่อหลี่อี้หรือเปล่า"หลี่อี้หน้าดำเป็นก้นหม้อ ก่อนจะขาวซีดราวกับกระดาษ เขาเขียนมันเอง นางเอากำไลกับปิ่นและจี้หยกไปจำนำเอาเงินให้เขา แต่ไอ้คนรับจำนำบอกว่าเงินทองควรชัดเจน เขากลัวนางจะเปลี่ยนใจจึงเขียนสัญญานั่นและลงนาม แต่นางนี่อ่านหนังสือไม่ออกเขาจึงไม่กังวล เหตุใดวันนี้นางกลับรู้จักเอาสัญญานี่ออกมา หลี่อี้ไม่ยอมเขาจึงเอ่ยกลับไป"เจ้ารู้ไหม
เฉินมู่หยางขับเกวียนเคลื่อนเข้ามาจนถึงประตูเมือง เขาควักเงินจ่ายค่าเข้าเมืองหกอีแปะ จ้าวเฟยเฟยพยายามจดจำรายละเอียดของผังเมือง กระทั่งเขาเอาเกวียนไปผูกยังบริเวณที่รับฝากก่อนจะอุ้มนางลงจาเกวียน จ้าวเฟยเฟยหน้าแดงเพราะตรงนั้นมีคนไม่น้อย หลายคนน่าจะเป็นคนรู้จักกันกับเขาจึงได้เอ่ยกระเซ้า"ไอ้หยา พวกเจ้าดูสิวันนี้พี่มู่หยางเช่าเกวียนมาเลยเชียว""แหม่ๆๆ...สตรีที่ทำให้พี่ใหญ่ของเราถึงกับทะนุถนอมได้คงเป็นอาซ้อของพวกเราใช่หรือไม่""ฮ่าๆๆๆ พี่มู่หยางแนะนำอาซ้อให้พวกเรารู้จักสักหน่อยเถอะขอรับ"ทั้งหมดเป็นนายพรานที่เคยร่วมกันล่าหมีป่าเมื่อครั้งที่อาละวาดจนทำร้ายชาวบ้านตายไปสามคนและบาดเจ็บอีกมากมาย คนที่ให้เฉินมู่หยางแนะนำจ้าวเฟยเฟยคือหลิวเยี่ยนฉาง เขามาจากหมู่บ้านชุยเจียงซึ่งต้องข้ามเขาไปครึ่งวันถึงจะสามารถถึงหมู่บ้านนี้ได้ เฉินมู่หยางจูงมือจ้าวเฟยเฟยเดินมาหาทั้งสามคนก่อนจะเอ่ยกับนางแนะนำให้รู้จักกัน"พวกเจ้านี่เสี่ยวเฟยภรรยาของข้า เสี่ยวเฟยคนนี้คือฟางฉายนายพรานหมู่บ้านเดียวกับเราแต่บ้านของเขาอยู่ชายป่าอีกด้าน""ส่วนนี่คือหลิวเยี่ยนฉางจากหมู่บ้านชุยเจียง ส่วนนั่นเจ้าปากมาก ถังจื่
เสียงนั้นลอยมาตามลมแผ่วเบา จ้าวเฟยเฟยยิ้มให้กับสายลม ทุกอย่างอยู่ในสายตาเฉินมู่หยางทั้งหมด นางมีเรื่องอันใดมากมายที่เขาต้องค้นหากันนะ เกวียนขับมาเรื่อยๆ บรรยากาศสองข้างทางเป็นสิ่งตื่นตาตื่นใจมากสำหรับจ้าวเฟยเฟย ชาติก่อนชอบตอนกลับไปหาคุณยายที่ชนบทที่สุด กระทั่งเห็นดอกเล็กๆสีเหลียงที่บานเต็มท้องทุ่งส่งกลิ่นหอมมากนัก จ้าวเฟยเฟยที่นั่งอยู่ก็หันไปหาเฉินมู่หยางก่อนจะเอ่ยกับเขา"ตาเฒ่า...ขากลับท่านแวะตรงนี้ให้ขาได้หรือไม่"".........""เฉินมู่หยางท่านหูหนวดหรือ""..........."เสียงล้อเกวียนบดกับถนนดินดังเอี๊ยดอ๊าดแต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนข้าง จ้าวเฟยเฟยนั่งกอดอกใบหน้างอง้ำไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด เหอะใครสนใจเจ้ากันตาทึ่ม กระทั่งเสียงล้อเกวียนเงียบบไป เฉินมู่หยางนำเกวียนเข้าข้างทางใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะใช้มือรวบเอวบางยกนางมานั่งที่ตักตนเอง จ้าวเฟยเฟยตกใจมือบางดันหน้าอกเขาเอาไว้ก่อนจะเอ่ย"ท่านทำอะไร นี่มันทางเข้าตำบลนะ ใครไปใครมาเห็นเข้าจะมองเช่นไร ตาเฒ่าปล่อยข้าลง"เฉินมู่หยางสูดลมหายใจยาวๆก่อนจะเอ่ยกับคนบนตัก"ต่อไปเรียกข้าท่านพี่ หากเรียกตาเฒ่าอีกรับรองข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่""นี่